ผมแค่อยากเป็นพนักงานธรรมดา 251-307

 

บทที่ 251 การต่อสู้ของวาฬ (2)

 

คนหนึ่งเป็นประธานใหญ่ของเอชเอสกรุ๊ป อีกคนเป็นภรรยาของโอซองกรุ๊ป

ดังนั้นพนักงานฝ่ายเลขานุการที่กำหนดการนัดหมายของทั้งสองคน จึงต้องต่อสู้กันด้วยพลังและไหวพริบเป็นอย่างมาก

เพราะการกำหนดเวลาและถนนหนทางที่ใช้เดินทางในการนัดพบว่าสะดวกกับฝ่ายไหนมากกว่า จะเป็นตัวชี้วัดความสามารถของเลขาฯ

หลังจากเปลี่ยนสถานที่นัดหมายมาหลายครั้ง สุดท้ายก็จบลงที่โรงแรมบันยันทรี นัมซาน

เนื่องจากโอซองกรุ๊ปเองก็มีโรงแรมเป็นบริษัทในเครือเช่นเดียวกัน จึงตัดสินใจใช้โรงแรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับทั้งสองฝ่าย หลังจากแลกเปลี่ยนความเห็นกันอย่างดุเดือดว่าควรจะพบกันที่โรงแรมไหนดี

ทันทีที่โจแจซุกลงมาจากรถเบนซ์ s500 มายบัคที่ขับเข้ามาจอดหน้าประตูทางเข้า พนักงานโรงแรมที่ได้รับการติดต่อล่วงหน้าก็รีบวิ่งมาเปิดประตูให้

หญิงวัยกลางคนสวมแว่นกันแดดและก้าวเดินอย่างมีมาด เข้ามาในร้านอาหารเอเชียที่ชั้นหนึ่งซึ่งเป็นสถานที่นัดพบ

ผู้จัดการกำลังรออย่างประหม่าก่อนจะนำทางไปห้องที่จองไว้ โดยที่ประธานใหญ่ซงอึนแชมารออยู่ที่นั่นก่อนแล้ว

ฉันไม่ได้มาสายใช่ไหมคะ”

ประธานใหญ่ซงแย้มยิ้มและผายมือไปที่ฝั่งตรงข้าม

ค่ะ เชิญนั่งสิคะ”

แจซุกวาดรอยยิ้มบนริมฝีปาก แต่แอบสับสนเล็กน้อย

ปกติไม่ว่าจะเจอกับใคร ฝ่ายตรงข้ามจะลุกขึ้นมาทักทายเสมอ แต่ผู้หญิงคนนี้กลับไม่ขยับก้นเลยสักนิด

สั่งอะไรมาหรือยังคะ”

ค่ะ ได้ยินผ่านเลขาฯว่าคุณชอบทานอาหารที่นี่ ฉันเลยสั่งเป็นคอร์สที่คุณชอบ โอเคใช่ไหมคะ”

แน่นอนค่ะ”

ประธานใหญ่ซงอมยิ้มพร้อมกับจ้องหน้าแจซุก

หมายความว่าถ้ามีอะไรอยากพูดก็พูดออกมาเดี๋ยวนี้

ใครที่เริ่มเกริ่นธุระก่อนก็เหมือนกับการถามว่าใครจะกุมความเป็นผู้นำในการสนทนา

คนที่เริ่มก่อนจะสูญเสียความเป็นผู้นำ แต่ประธานใหญ่ซงอึนแชดูเหมือนไม่คิดจะสละตำแหน่งผู้นำเลย

แจซุกคิดจะเผยความโกรธออกมา แต่ก็คิดได้ว่าหากทำแบบนั้น คนที่จะต้องเสียดายคือเธอเอง จึงเปิดปากพูด

เราเจอกันบ่อย ๆ แต่ไม่ค่อยได้คุยกันเลยใช่ไหมคะ”

เหมือนจะเป็นอย่างนั้นค่ะ”

พอดีฉันค่อนข้างเขินอายเวลาต้องเข้าสังคม เลยพยายามเข้าหาแต่คนที่สนิทกันอยู่เรื่อยแบบไม่รู้ตัวน่ะค่ะ สามีเคยบอกให้ลองเปลี่ยนนิสัยชอบเก็บตัวแบบนั้นดู แล้วให้ฉันลองจับหลาย ๆ อย่าง แต่ฉันไม่ค่อยสนใจธุรกิจเลยจับแต่ด้านศิลปะแทนค่ะ ไม่ใช่เพื่อธุรกิจนะคะ เป็นแค่งานอดิเรกกับกิจกรรมทางวัฒนธรรมเฉย ๆ ไว้ถ้ามีเวลาว่าง เชิญแวะมาที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะของฉันได้นะคะ”

ได้ค่ะ”

พิพิธภัณฑ์ศิลปะอาร์เตของโอซองกรุ๊ปเป็นสถานที่ที่ค่อนข้างโด่งดังในย่านอินซา

ฉันคิดว่าพออายุเท่านี้แล้ว จะได้ใช้ชีวิตในวัยชราอย่างสบายใจ ไม่ต้องมากังวลเรื่องลูก ๆ ว่าจะได้ทำงานที่ตัวเองอยากทำหรือเปล่า แต่ไม่เป็นอย่างที่คิดไว้เลยนะคะ ถึงจะโตเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว แต่เราก็ยังต้องเป็นที่พึ่งพาให้ลูก ๆ อีกเยอะค่ะ”

ฉันเข้าใจค่ะ ฉันเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”

ได้ยินว่าลูกสาวแต่งงานแล้วใช่ไหมคะ ถึงจะช้าไป แต่ก็ยินดีด้วยนะคะ”

ขอบคุณค่ะ”

จะถามว่าทำไมถึงไม่ส่งการ์ดเชิญให้เลยก็ละอายใจน่ะค่ะ เพราะพวกเราก็ไม่ได้ส่งการ์ดเชิญงานแต่งงานลูกชายคนรองให้เหมือนกัน ฉันเพิ่งตระหนักได้ว่าตัวเองบกพร่องในหลาย ๆ ด้านเลยค่ะ”

อย่าพูดแบบนั้นเลยค่ะ แค่จัดการกับปัญหาในชีวิตที่มือเราเอื้อมถึง ก็เกินกำลังแล้ว”

แค่ยอมเข้าใจก็ทำให้ฉันเบาใจขึ้นได้บ้างแล้วค่ะ จริง ๆ ลูกสาวคนเล็กของฉันยังเรียนไม่จบมหา’ลัย แต่ดูแล้วจะเรียกว่าหัวโบราณได้ไหมนะ เหมือนไม่มีอะไรที่อยากทำเลยน่ะค่ะ”

ประธานใหญ่ซงถามด้วยสีหน้าแปลกใจ

งั้นเหรอคะ”

ค่ะ คนอื่นบอกว่าจะลองบริหาร จะลองทำงานศิลปะ กระตือรือร้นจนกลายเป็นวุ่นวายกันหมด ส่วนลูกฉันไปโรงเรียนเงียบ ๆ ไม่เคยก่อเรื่องอะไรสักครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้มีความสามารถพิเศษโดดเด่นกว่าคนอื่น แล้วก็เหมือนไม่คิดจะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นด้วยค่ะ ทำตัวแบบนั้นแล้วก็บอกว่าอยากแต่งงานเร็ว ๆ อยากเป็นแม่ผู้เฉลียวฉลาดและภรรยาที่จิตใจดี”

ไม่เหมือนเด็กสมัยนี้จริง ๆ ด้วยนะคะเนี่ย”

ใช่ค่ะ พอเป็นอย่างนั้น ฉันเองก็อดกังวลไม่ได้ ถึงจะอยากบอกว่า ‘เธอจัดการเอาเองแล้วกัน’ แต่ฉันก็ไม่เชื่อสายตาลูกอยู่ดี เพราะค่อนข้างไร้เดียงสามาก ดังนั้นระหว่างที่ฉันกำลังเครียดว่าจะแนะนำใครให้ดี สามีก็แอบเสนอประธานกรรมการชินยองไฟแนนเชียลมาค่ะ”

อ๋อ...”

หลังจากนั้นก็มีเรื่องมากมาย จนได้รู้ว่าประธานกรรมการชินยองไฟแนนเชียลมีแฟนอยู่แล้ว และผู้หญิงคนนั้นทำงานอยู่ที่เอชเอสการผลิตค่ะ”

หมายถึงมินฮีใช่ไหมคะ”

ค่ะ ความจริงฉันก็คิดอยู่ว่าจะต้องติดต่อหาท่านประธานใหญ่เลยเหรอแค่นัดมาเจอส่วนตัวแล้วแก้ปัญหาก็พอไหม...แต่ก็ได้ยินมาว่าไม่ใช่แค่พนักงานธรรมดา ๆ ค่ะ”

ประธานใหญ่ซงอึนแชแอบตกใจกับสายข่าวของโอซองกรุ๊ป

เรื่องที่มินฮีไม่ได้เป็นเพียงหนึ่งในเลขาฯของผู้บริหารธรรมดาทั่วไป แม้แต่ภายในบริษัทก็ยังมีคนรู้ไม่เยอะด้วยซํ้า

ไม่สิ เรียกว่าแทบจะไม่มีถึงจะถูก

แม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่คาดคิดว่าลูกเขยจะให้ความสำคัญกับมินฮีขนาดนั้นและประหลาดใจมากเมื่อเห็นอีกฝ่ายดำเนินบทบาทสำคัญจริง ๆ

รู้เรื่องภายในบริษัทฉันดีพอสมควรเลยนะคะ”

หวังว่าจะไม่เข้าใจผิดนะคะ พวกเราไม่ได้สืบเบื้องหลังของเอชเอสกรุ๊ปแค่สืบเกี่ยวกับพนักงานคนนั้นเท่านั้น”

สืบยังไงคะ”

พนักงานของเราทราบเรื่องนั้นจากพนักงานฝ่ายเลขาฯที่ลาออกมาแล้วน่ะค่ะ”

ประธานใหญ่ซงรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไร แต่คิดว่าไม่ควรใจร้อนขนาดนั้น

หาพนักงานที่ออกจากบริษัทเจอด้วย....เก่งดีนะคะ”

เพราะเราเลือกเฉพาะคนที่มีความสามารถเท่านั้นค่ะ ยังไงก็ตาม ฉันคิดว่าแค่เรียกพนักงานหญิงคนนั้นมานั่งคุยกันโดยไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า ก็อาจจะทำให้ท่านประธานใหญ่อารมณ์เสียได้ค่ะ”

ถ้าแค่จัดการกับพนักงานหญิงของบริษัทอื่นที่ครอบครัวไม่ได้มีอะไรโดดเด่นก็คงไม่มีเหตุผลที่ถึงขั้นต้องขอพบกับประธานใหญ่ของบริษัทนั้น

ทว่าพอตรวจสอบจนพบว่าถึงครอบครัวจะไม่ได้พิเศษ แต่กลับเป็นพนักงานคนโปรดของประธานใหญ่ แจซุกจึงอดกังวลใจไม่ได้

ไม่ว่าจะมีชีวิตเหมือนราชินีมากแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจใช้ชีวิตตามอำเภอใจ

อย่างน้อยเธอก็ต้องประพฤติตัวไม่ให้ชื่อของตัวเองถูกคนภายนอกกล่าวถึงด้วยเรื่องน่ารังเกียจ ดังนั้นครั้งนี้เธอจึงตั้งใจว่าจะไม่พูดเรื่องไร้สาระกับเอชเอสกรุ๊ป

ฉันรู้สึกซาบซึ้งมากเลยค่ะ”

วินาทีนั้น แจซุกสบตากับประธานใหญ่ซง

เพราะคาดไม่ถึงกับคำว่ารู้สึกซาบซึ้ง

คิดว่ายังไงบ้างคะ”

ถามความคิดของฉันเหรอคะ”

ค่ะ”

ประธานใหญ่ซงหุบยิ้มและตอบอย่างใจเย็น

มินฮีเป็นพนักงานคนโปรดของฉัน แล้วฉันก็ไม่คิดจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของพนักงานค่ะ ไม่มีเหตุผลจะต้องทำแบบนั้นด้วย แต่...”

แต่?”

มินฮีเป็นเลขาฯลูกเขยฉัน ประธานกรรมการอีฮยองจุนก็สนิทกับลูกเขยของฉันมากค่ะ บางทีลูกเขยฉันอาจจะช่วยเชื่อมสะพานให้สองคนนั้น ถ้าคุณผู้หญิงพยายามจะบังคับให้มินฮีเปลี่ยนใจ ลูกเขยฉันคงจะตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากค่ะ”

แจซุกตระหนักว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายเลย

คิดถูกจริง ๆ ค่ะที่นัดคุยกับท่านประธานใหญ่ เพราะเกือบทำให้ท่านประธานใหญ่ลำบากใจซะแล้ว ถ้าฉันเคลื่อนไหวตามใจตัวเอง”

เพราะฉะนั้นถึงรู้สึกซาบซึ้งไงคะ”

ลูกเขยของท่านประธานใหญ่จะลำบากมากเลยใช่ไหมคะ”

ค่ะ”

คำตอบอันหนักแน่นของประธานใหญ่ซง

เหตุผลคืออะไรเหรอคะ คนเลิกกันหลังจากแนะนำให้รู้จักก็มีให้เห็นบ่อย ๆนี่นา”

ประธานใหญ่ซงอึนแชขมวดคิ้ว

จากนั้นก็จ้องหน้าแจซุกสักพักก่อนจะเปิดปากพูด

คุณผู้หญิงคะ เมื่อก่อนฉันก็ไม่ใช่คนแบบนี้เหมือนกัน แต่อาจจะเป็นเพราะอยู่กับลูกเขยมานาน เลยติดวิธีพูดของเขามาด้วย ปกติลูกเขยฉันไม่ค่อยพูดจาอ้อมค้อมเท่าไหร่ คราวนี้ฉันก็จะไม่พูดอ้อมค้อมนะคะ”

ได้เลยค่ะ”

พวกคุณไม่ได้ต้องการผู้ชายที่ชื่ออีฮยองจุน แต่ต้องการชินยองไฟแนนเชียลใช่ไหมคะ”

ฉันไม่ปฏิเสธค่ะ”

ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ค่ะ”

คะ?”

การที่ประธานกรรมการอีฮยองจุนขึ้นมาถึงตำแหน่งนั้นได้ เป็นเพราะความช่วยเหลือของลูกเขยฉันค่ะ แต่จะเอาประธานกรรมการอีฮยองจุนไปเป็นลูกเขยของโอซองกรุ๊ป? ลูกเขยฉันไม่ยอมทนดูเฉย ๆ หรอกนะคะ”

แจซุกพยายามทำความเข้าใจคำพูดของประธานใหญ่ซงอยู่พักหนึ่ง

เพราะคำพูดของประธานใหญ่ซงน่าตกใจเกินกว่าจะเข้าใจได้ในเวลาสั้น ๆ

ดังนั้น...

ท่านประธานใหญ่คิดว่าเอชเอสกรุ๊ปกับชินยองไฟแนนเชียลเป็นครอบครัวเดียวกันเหรอคะ”

ใช่ค่ะ ดังนั้นการที่โอซองกรุ๊ปพยายามจะอ้าแขนรับประธานกรรมการชินยองไฟแนนเชียลเป็นลูกเขย ก็เหมือนประกาศสงครามกับพวกเรานะคะ”

ก่อนหน้านี้แจซุกไม่เคยจินตนาการมาก่อนว่าจะมีบริษัทไหนที่กล้าเปิดฉากยั่วยุกันแบบนี้

ระหว่างที่ไม่สามารถเปิดปากพูดเพราะไม่รู้จะตอบอย่างไร ประธานใหญ่ซงอึนแชก็ลุกขึ้น

ถ้าพูดคุยเรื่องดี ๆ อย่างน้อยก็คงจะได้ทานอาหารร่วมกัน แต่บทสนทนาวันนี้ค่อนข้างน่าอึดอัด ดังนั้นฉันขอเลื่อนการทานข้าวออกไปก่อนนะคะ อีกอย่างความสัมพันธ์ของมนุษย์ ไม่ใช่ว่าบังคับฝืนใจแล้วจะดีไปซะทุกอย่างนะคะ ลูกสาวของคุณผู้หญิงจะได้คบกับผู้ชายดี ๆ แน่นอนค่ะ”

จากนั้นประธานใหญ่ซงอึนแชก็เดินออกจากร้านอาหารไป

 

เมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทย พวกยองฮุนก็จัดสัมภาระแล้วออกจากโรงแรมเพื่อเดินทางไปยังสถานที่พักผ่อนหย่อนใจชื่อดังอย่างพัทยาทันที

เพราะอุดมนัดพวกเขามาเจอที่พัทยา

สถานที่ที่มาถึงหลังจากเดินทางโดยรถยนต์เป็นเวลาหลายชั่วโมงคือ คฤหาสน์หลังใหญ่ที่มีสระว่ายนํ้า

อุดมยิ้มต้อนรับกลุ่มยองฮุนตั้งแต่ทางเข้า พร้อมสำเนียงภาษาอังกฤษทื่อ ๆ

ยองฮุนถึงกับประหลาดใจเมื่อเห็นท่าทีสนิทสนมราวกับเป็นเพื่อนซี้ที่ไม่ได้เจอกันมานานมาก

หลังจากต้อนรับด้วยรอยยิ้ม อีกฝ่ายก็ส่งพนักงานบริษัทนํ้ามันออกไปก่อน เมื่อเหลือเพียงยองฮุนกับกรรมการผู้จัดการโกซึงฮยอนที่ทำหน้าที่ล่ามก็พากันนั่งลง

เดินทางมาคงเหนื่อยน่าดู”

เป็นสถานที่ที่ดีมากครับ”

พวกคนที่ได้รับเชิญมาที่นี่มักจะมองผมด้วยความอิจฉา คุณก็เป็นแบบนั้นเหมือนกันเหรอ”

ยองฮุนทำเพียงแค่ยักไหล่

อุดมยกมุมปากขึ้นข้างหนึ่งก่อนจะพูดต่อ

คฤหาสน์นี้ไม่ใช่ของผมหรอก ผมได้รับอนุญาตให้ใช้แค่ตอนมีตำแหน่งเท่านั้นแหละ พอลาออกแล้ว ทรัพย์สินหรูหราส่วนใหญ่ที่มีก็จะหายไปหมดไม่ต่างอะไรกับควัน”

อุดมโบกมือทำท่าทางสื่อถึงควันแล้วเอ่ยกับยองฮุน

คำพูดของคุณน่าประทับใจมาก ดังนั้นผมขอถามหน่อย พวกคุณจะช่วยทำให้ผมอยู่ในตำแหน่งนี้นาน ๆ ได้ยังไง”

ยองฮุนลุกขึ้นพลางมองรอบ ๆ บ้านแทนคำตอบ

จากนั้นก็พูดกับอุดมที่จ้องเขม็งอย่างไม่รู้สถานการณ์

ผมจำไม่ได้ว่าเมื่อไหร่ แต่ผมเคยเห็นประโยคนี้ในหนังสือเมื่อนานมาแล้ว‘ทรัพย์สมบัติก็เหมือนนํ้า’ ท่านอุดมอยู่ในตำแหน่งนั้นมานานแค่ไหนแล้วครับ”

ประมาณสามปี แต่ชีวิตของผมที่อุทิศให้กับกระทรวงพลังงานน่ะ เกินยี่สิบปีแล้ว”

น่านับถือมากเลยนะครับ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกับการทำงานอยู่ที่เดิมได้นานขนาดนั้น”

แล้วถามเรื่องนั้นทำไมล่ะ”

อย่างที่พูดไปครับ ทรัพย์สมบัติก็เหมือนนํ้า ท่านอยู่ตรงนั้นมานานแล้วถ้านํ้าขังอยู่ที่เดิมนาน ๆ มันก็จะเน่าเสียใช่ไหมครับ ในเวลาแบบนี้ถ้ายังอยู่ต่อเพราะอยากกอบโกยให้มากขึ้น มันจะเกิดอะไรขึ้นล่ะครับ”

“...”

นํ้าคงจะเน่าแล้วส่งกลิ่นเหม็น สุดท้ายนํ้าเน่าก็จะเรียกคนเข้ามาครับคนที่จะมากำจัดกลิ่นเน่าเสียเหล่านั้น”

แล้วคำตอบของคุณคืออะไร”

ปล่อยนํ้าที่ขังไว้นานทิ้ง แล้วเติมนํ้าใหม่ลงไปก็เรียบร้อยครับ”

อุดมทำหน้านิ่วคิ้วขมวด

ล้อผมเล่นเหรอ ไหนบอกว่าจะช่วยแก้ปัญหาที่ผมเผชิญอยู่ไง!”

ยองฮุนจ้องหน้าอีกฝ่าย

ก่อนจะลากเก้าอี้มาวางไว้ตรงหน้า แล้วพูดหลังจากนั่งลง

ผมพยายามแก้ไขสถานการณ์ลำบากที่ท่านกำลังเผชิญอยู่ไงครับ คิดจะทนอยู่แบบนี้ต่อไปเหรอ ครั้งสองครั้งคงจะช่วยปกป้องท่านจากการข่มขู่ของศัตรูทางการเมืองได้ มันก็อาจจะเป็นไปได้เพราะเงินก้อนใหญ่มีเสน่ห์พอตัว แต่แค่นั้นจะพอเหรอครับ”

กรรมการผู้จัดการโกแปลคำพูดของยองฮุน และอ่านข้อกล่าวหาเกี่ยวกับความไม่ถูกต้องและการทุจริตต่าง ๆ ที่อุดมเคยกระทำตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน

แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่เจ้าตัวรู้อยู่แล้ว แต่พอคนต่างชาติมาอ่านเรื่องนั้นจึงกลายเป็นแรงกดดันอย่างหนึ่ง

ยองฮุนพูดต่ออีกครั้งเมื่อเห็นสีหน้าหนักใจมากขึ้นของอุดม

มาทำงานใหญ่กันเถอะครับ ทำให้โลกเป็นเวทีของคุณ ผมคิดว่าคุณน่าจะเป็นพาร์ตเนอร์ที่ดีกับพวกเราได้ครับ”

เรียกว่าคุณ ไม่ใช่ท่าน

แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะชอบคำนี้มากกว่า

พาร์ตเนอร์? หมายถึงให้ผมออกจากประเทศไทยงั้นเหรอ”

ครับ ออกจากประเทศไทยแห่งนี้ที่มีแต่ศัตรูจ้องเล่นงานแล้วย้ายมาอยู่เกาหลี หรือไม่ก็เป็นฮ่องกง อเมริกา หรือยุโรปก็ได้ ไม่มีปัญหา พวกเราจะสนับสนุนคุณเองครับ”

คิดจะทำให้ผมเป็นล็อบบี้ยิสต์[1] ของบริษัทคุณสินะ งานแรกคงจะเป็นโครงการพัฒนาแหล่งก๊าซธรรมชาติในครั้งนี้”

โครงการครั้งนี้เป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้นครับ เอชเอสกรุ๊ปกำลังติดต่อซื้อขายสินค้าจำนวนมากจากทั่วโลก แค่คุณยินยอม นี่ไม่ใช่เพียงแค่เงินไม่กี่แสนดอลลาร์ต่อครั้ง แต่เป็นโอกาสที่จะได้กลายเป็นเศรษฐีจริง ๆ ครับ”

แววตาของอุดมเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน

 


[1]  อาชีพคล้ายนายหน้าที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนในการติดต่อทำความรู้จัก ช่วยสร้างความสัมพันธ์ช่วยเจรจาต่อรองเพื่อประสานประโยชน์


 

บทที่ 252 การต่อสู้ของวาฬ (3)

 

ขณะที่ยองฮุน กำลังพบกับอุดมในประเทศไทย คังแดซอง หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ของโอซองกรุ๊ปก็นั่งอยู่กับแม่ที่เห็นหน้าก็รู้ว่าอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไร

เขาไม่สามารถอ้างว่ายุ่งได้ เนื่องจากแม่มาหาแถว ๆ บริษัทด้วยตัวเองในช่วงพักกลางวัน

แม่อุตส่าห์มาหา ทำไมแกต้องทำหน้ารำคาญแบบนั้นตลอด”

ไม่ใช่ว่ารำคาญ แต่ผมยุ่งมากต่างหากครับ แม่ก็รู้นี่ว่าผมยุ่ง”

การทำตัวหยาบกระด้างของลูกชายคนรองนั้นมีเหตุผล เขาเครียดมากเนื่องจากพี่ชายกำลังจะได้รับช่วงต่อโอซองอิเล็กทรอนิกส์

อดีตประธานใหญ่ของโอซองกรุ๊ปไม่ได้มอบทรัพย์สินให้พี่น้องอย่างยุติธรรม

แน่นอนว่ารองประธานใหญ่คนปัจจุบันที่ได้รับสิทธิประโยชน์นั้น จะยกทรัพย์สินทั้งหมดให้ลูกที่มีความสามารถโดดเด่น และในความเป็นจริงคังแดซองก็ไม่ได้นั่งตำแหน่งผู้บริหารของบริษัทในเครือด้วยซํ้า แต่เป็นเพียงหัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ของกรุ๊ป

แดซองยอมรับความจริงว่านี่ไม่ต่างอะไรกับการบอกว่าให้คอยสนับสนุนพี่ชายต่อไปในอนาคต

ถึงจะแสดงออกที่อื่นไม่ได้ แต่แดซองก็กล้าเปิดเผยอารมณ์ต่อหน้าแม่

ช่วงนี้แกกลายเป็นคนเย็นชามากเลยนะ รู้ไหม”

ถ้าไม่ได้คิดจะช่วยกันก็ไม่ต้องพยายามโน้มน้าวครับ แม่ไม่รู้จักลูกชายตัวเองเหรอ ทั้งที่ไม่เคยเลี้ยงผมให้โตมานิสัยดีแท้ ๆ”

เฮ้อ...ทำไมพ่อแกถึงทำอย่างนั้นนะ”

เลิกพูดเรื่องนั้นเถอะครับ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จผมต้องกลับบริษัทแล้วแม่มาที่นี่ทำไมครับ”

รู้อยู่แล้วจะถามอะไรอีก”

เพราะดาอึนเหรอครับ”

อืม เมื่อวานฉันไปพบประธานใหญ่ซงอึนแช เอชเอสกรุ๊ปมา”

แววตาของคังแดซองเปล่งประกาย

ประธานใหญ่ซงอึนแช? ประธานใหญ่ซงเกี่ยวอะไรครับ”

ฉันก็สืบในแบบของฉัน...อ้อ แกได้ยินจากพนักงานแล้วใช่ไหม”

ครับ ได้ยินว่าแม่ขอให้สืบประวัติผู้หญิงของว่าที่สามีดาอึน”

ใช่ พอสืบเรื่องผู้หญิงคนนั้นก็รู้ว่าเป็นพนักงานคนโปรดของประธานใหญ่ซงอึนแช ฉันเลยรู้สึกแปลก ๆ เหมือนไม่ได้เจอกันเพราะโชคดีเฉย ๆ”

ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกันครับ”

แกด้วยเหรอ”

เพราะเอชเอสกรุ๊ปกวนใจผมอยู่ตลอดเลยครับ ได้คบกับประธานกรรมการทั้ง ๆ ที่เป็นแค่เลขาฯก็ว่าแปลกแล้ว แถมเอชเอสกรุ๊ปยังมาเกี่ยวข้องกับเรื่องที่บริษัทให้ความสำคัญตอนนี้อีก...พอมันเกี่ยวพันมาถึงเรื่องนี้ด้วย ผมเลยสงสัยว่าโชคชะตาเล่นตลกอะไรกัน”

เรื่องที่บริษัทให้ความสำคัญคืออะไร”

การเลือกตั้งประธานาธิบดีครับ”

การเลือกตั้งประธานาธิบดี?”

ครับ มีข่าวลือว่าเอชเอสกรุ๊ปกำลังผลักดันผู้สมัครคู่แข่งของทางฝั่งเราหลังจากนี้อาจจะกลายเป็นแค่ข่าวลือก็ได้เพราะยังไม่ได้รับการยืนยัน แต่พอเอชเอสกรุ๊ปมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องของดาอึน ผมเลยไม่คิดว่ามันจะเป็นแค่ข่าวโคมลอยครับ”

แจซุกกัดริมฝีปาก

ก่อนจะพูดกับลูกชายคนรองที่มีสีหน้าเรียบเฉย

คิดว่าประธานกรรมการอีฮยองจุนเป็นยังไง”

ตัวบุคคลเหรอครับ หรือหมายถึงอย่างอื่น”

ตัวบุคคลสิ คิดว่าเป็นคนยังไง แกน่าจะรู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ น่าจะได้ยินจากเพื่อนรอบตัว”

ถ้าเป็นข่าวลือก็ได้ยินมาเยอะครับ เห็นว่าหลายปีก่อนใช้ชีวิตแบบเสเพลมาก แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมากลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน...พอมาคิดดูตอนนี้เรื่องนั้นก็แปลกเหมือนกันครับ”

แปลกยังไง”

ก่อนประธานใหญ่อีคยองโฮจะเสีย มีข่าวลือเยอะมากว่าประธานกรรมการอีฮยองจุนไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของรองประธานใหญ่อีเซจุนครับ ถึงชินยองจะบอกว่าไม่ใช่เรื่องจริง แต่ก็มีเรื่องที่เข้าไปเป็นลูกบุญธรรมของประธานอีเซมิน แล้วสุดท้ายประธานกรรมการอีฮยองจุนก็ปลดพ่อตัวเอง ถึงจะกลายเป็นเรื่องจริง...แต่ประธานกรรมการอีฮยองจุนสร้างภาพลักษณ์ที่ดีมากภายในกรุ๊ปก่อนข่าวลือจะแพร่ออกไปครับ”

อืม อย่างนั้นสินะ”

แม่ก็รู้ คนเรามันเปลี่ยนกันง่ายที่ไหนล่ะครับ แต่อยู่ ๆ ก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน จัดการภาพลักษณ์ภายในบริษัทอย่างเหมาะสม ขยายพรรคพวกของตัวเอง และหักหลังพ่อที่เป็นทายาทตัวจริงในช่วงเวลาสำคัญ...นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับ”

แจซุกชื่นชมความสามารถในการคาดเดาของลูกชายคนรอง

ลูกชายฉันฉลาดจริง ๆ”

ฉลาดแล้วยังไง สุดท้ายก็ต้องยกทุกอย่างให้พี่หมดอยู่ดี”

แกนี่นะ...ยังไงก็ตาม ฉันได้ยินมาจากประธานใหญ่ซง เรื่องที่ประธานกรรมการอีฮยองจุนขึ้นมานั่งตำแหน่งนั้นได้ ทั้งหมดเป็นเพราะลูกเขยของตัวเอง”

ว้าว พูดออกมาจากปากตัวเองเลยเหรอครับ”

ใช่”

เอาความมั่นใจมาจากไหน ต่อให้เรื่องนั้นจะเข้าหูประธานกรรมการอีฮยองจุนก็ไม่แคร์งั้นเหรอ”

เห็นว่าลูกเขยกับประธานกรรมการอีฮยองจุนเป็นเพื่อนสนิทกัน”

หว่างคิ้วของแดซองขมวดทันที

ฮะ? เพื่อนสนิทเหรอครับ โอ๊ยยย แม่ครับ ยอมแพ้เถอะ”

ยอมแพ้อะไร”

ยอมแพ้เรื่องดาอึนไงครับ ถ้าเป็นลูกเขยของประธานใหญ่ซงอึนแช ก็คือกรรมการผู้จัดการชเวยองฮุน ฝ่ายวางแผนและประสานงาน ผู้กุมอำนาจสูงสุดของกรุ๊ปนะครับ ถ้าผู้ชายคนนั้นกับประธานกรรมการอีฮยองจุนเป็นเพื่อนสนิทกันคนที่แนะนำผู้หญิงคนนั้นให้รู้จักก็คงจะเป็นชเวยองฮุนแหละครับ”

ประธานใหญ่ซงก็พูดอย่างนั้นเหมือนกัน”

ถ้างั้นก็จบแล้วครับ จะทำอะไรต่อได้ ยอมแพ้เถอะครับ”

ฮู่...ถึงฉันจะยอมแพ้ แล้วพ่อแกล่ะ”

พ่อก็คงจะยอมแพ้เหมือนกันครับ พ่อไม่ใช่คนดันทุรังทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว”

แต่มันเสียศักดิ์ศรีอยู่นะ”

แดซองชะงักไปชั่วขณะ

พอพูดว่าเสียศักดิ์ศรี เขาก็นึกถึงเรื่องที่เคยพูดและลืมไปแล้วขึ้นมาอีกครั้ง

นั่นสินะ การแต่งงานของดาอึนไม่ได้น่าสนใจอะไร แต่ถ้าโดนว่าที่สามีของดาอึนปฏิเสธ แล้วผู้สมัครประธานาธิบดีที่พวกเราสนับสนุนก็ยังแพ้อีก...พ่อคงจะโกรธมากแน่ ๆ ครับ”

ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ จะทำยังไง”

จะทำยังไงล่ะครับ เราปล่อยให้เป็นแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด”

แดซองโยนทัศนคติที่เคยคิดว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญเมื่อครู่นี้ทิ้ง

เพราะตระหนักได้ว่าการแต่งงานของน้องสาวไม่ใช่แค่ปัญหาของน้องสาวคนเดียว แต่เป็นปัญหาของตัวเองด้วย

พ่อเป็นคนน่ากลัว

ถ้างานนี้ผิดพลาดแล้วตัวเองถูกเขี่ยออกไปอยู่นอกสายตาของพ่อขึ้นมาก็คงเป็นเรื่องยากในการรักษาตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ไว้

หากเป็นเช่นนั้น เขาคงจะได้รับช่วงต่อบริษัทอาหารเล็ก ๆ สักแห่ง แล้วแก่ตัวลงอย่างคนหมดไฟเหมือนอาที่กำลังทำไร่ทำนาอยู่ในชนบท

งั้นจะทำยังไงล่ะ”

แจซุกถามอย่างเป็นกังวล

แดซองกุมหน้าผาก

แม่แค่อยู่เฉย ๆ ก็พอครับ อย่าเพิ่งคิดถึงดาอึนจนผลีผลามทำเรื่องไร้สาระ”

โอเค อย่าทำพลาดล่ะ รู้จักนิสัยพ่อแกใช่ไหม”

ไม่ต้องห่วงครับ”

แดซองคิดว่ากินข้าวเสร็จแล้วจะรีบกลับบริษัททันที

 

อุดมเดินทางไปทำงานอย่างสบายใจตามปกติ เข้าประชุมสั้น  และอนุมัติรายงานสำคัญเรียบร้อย

กิจวัตรประจำวันที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษ จนกระทั่งถึงเวลาที่จะขึ้นรถกลับบ้านกลับมีใครบางคนมาทุบประตูรถแล้วขวางไว้

ท่านอุดม! นี่มันเรื่องอะไรกันแน่คะ”

เอลิชา เลคกี ที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหนถลึงตาตะโกนเสียงดัง

งานปาร์ตี้ก่อนหน้านี้เธอยังยิ้มแย้มอยู่ในอ้อมแขนของเขาเหมือนนางฟ้าอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

เธอจ้องเขม็งราวกับจะจับเขากิน แม้แต่อุดมที่คาดเดาสถานการณ์นี้ไว้แล้วก็ยังรู้สึกขนลุกในชั่วขณะ

ทำแบบนี้ทำไม”

คิดจะโกหกต่อหน้าฉันเหรอคะ คิดว่าฉันไม่รู้หรือไงว่าคุณตัดสินใจจะมอบสิทธิ์ในการขุดแหล่งก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยให้บริษัทของเกาหลี”

อุดมพูดไม่ออกเมื่อเรื่องที่เพิ่งอนุมัติในวันนี้กลับเข้าหูเธอตั้งแต่ก่อนเวลาเลิกงานด้วยซํ้า

คงมีพนักงานระดับล่างที่ถูกซื้อตัวไว้ล่วงหน้าเป็นคนส่งข้อมูลไปให้

แปลกจัง ผมให้คำตอบชัดเจนกับพวกคุณตอนไหน หรือว่าคุณทำข้อตกลงอะไรกับผมไว้งั้นเหรอ”

คุณ...เงินที่คุณได้มาจนถึงตอนนี้ คิดว่ามันเป็นแค่ค่าขนมหรือไงคะ”

คำนวณมาให้ชัดสิ ถ้าผมไม่ได้ช่วยตั้งแต่แรก คิดว่าพวกคุณจะได้สิทธิ์ทำธุรกิจเหรอ มันคือเงินที่ผมสมควรได้”

อย่ามาตลก! ถ้าไม่มีพวกเราช่วย คุณก็มาถึงจุดนี้ไม่ได้เหมือนกัน”

หึ! นั่นเพื่อผมเหรอ พวกคุณต้องการให้ผมมีอำนาจก็เพื่อจะได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นไม่ใช่หรือไง”

เอลิชา เลคกี หยิบปากกาหมึกซึมด้ามเล็กออกมาจากกระเป๋าของเธอราวกับหยิบปืน

ทันทีที่เปิดปลอกปากกาหมึกซึม ใบมีดเล็ก ๆ ก็ปรากฏออกมา

อุดมจ้องมองอย่างไม่เข้าใจสถานการณ์ ก่อนจะต้องตกใจเมื่อเธอใช้ใบมีดด้านหลังปากกาหมึกซึมกรีดฝ่ามือของตัวเอง

ทะ...ทำบ้าอะไร...”

เลือดไหลจากฝ่ามือย้อยลงเป็นทาง เธอกำหมัดพร้อมกับยกมือที่เปื้อนเลือดขึ้น

คุณคิดว่าจะรับมือไหวงั้นเหรอ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าทำข้อตกลงอะไรกันมาแต่ตั้งสติซะ เอาแค่ปริมาณการผลิตต่อปีก็เกินสี่พันล้านดอลลาร์แล้ว ถ้าโครงการนี้ล้มเหลวขึ้นมา ฉันก็รอดจากที่นี่ไม่ได้ แล้วคุณล่ะ คิดถึงเงินที่คุณได้รับมาจนถึงตอนนี้สิ สุดท้ายแล้วคุณคิดว่าตัวเองจะรอดเหรอ”

ขณะนั้นพนักงานรักษาความปลอดภัยที่จับตามองอยู่ไกล ๆ ก็ตกใจรีบวิ่งเข้ามา

อุดมไล่คนพวกนั้นกลับพร้อมบอกว่าไม่มีอะไร ก่อนจะหันมาสบถใส่เธอ

อย่าทำอะไรบ้า ๆ! ถ้าเทียบกับเงินที่พวกเธอหามาได้เพราะฉันแล้ว สิ่งที่ฉันได้มายังไม่ถึงหนึ่งกำมือเลย ใช่ เธอนอนกับฉัน รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือไง เรื่องนั้นฉันก็รู้สึกผิดนิดหน่อยนะ ถ้าเธอไม่สบายใจเดี๋ยวฉันจ่ายให้เลย”

เอลิชา เลคกี จึงกัดฟันพูด

จำไว้ให้ดี ทันทีที่การอนุมัตินั้นขึ้นไปถึงเบื้องบน อีกไม่ถึงหนึ่งปีคุณก็เตรียมบอกลาตำแหน่งที่นั่งอยู่ตอนนี้ได้เลย แล้วเผชิญกับความตกตํ่าถึงที่สุด ไม่สิ อีกครึ่งปีก็ทนไม่ไหวแล้วมั้ง”

เข้าใจแล้ว เอามือออกไปซะ”

เธอจ้องอุดมแล้วค่อย ๆ เอาเลือดป้ายประตูรถ จากนั้นก็หันหลังเดินออกไป

ท่าทางนั้นทำให้อุดมตระหนักได้ว่า ถึงแม้จะปฏิบัติต่อกันเหมือนตนเป็นผู้มีอำนาจมาจนถึงตอนนี้ แต่กลับไม่รู้ว่าในใจนั้นจะรู้สึกอย่างไร

ถึงเธอจะข่มขู่ด้วยวิธีน่าขนลุก แต่ในทางกลับกันแล้ว การข่มขู่นั้นมีแต่จะยิ่งทำให้ความคิดของเขาชัดเจนขึ้น

 

ดาอึน ลูกสาวคนเล็กของตระกูลโอซองกรุ๊ปรู้สึกโกรธมาก เมื่อแม่บอกว่าให้รอเงียบ ๆ จนกว่าพี่ชายจะแก้ปัญหาได้

ไม่ใช่เพราะไม่ชอบการรอคอย

เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ฝันถึงการแต่งงานด้วยซํ้า เพิ่งรู้จักผู้ชายที่ชื่ออีฮยองจุนนานแค่ไหน จะมีความรู้สึกดี ๆ ให้เท่าไรกันเชียว

ถึงอย่างไรก็ยังไม่จบมหาวิทยาลัย แถมอายุยังน้อย ถ้าบอกให้รอหนึ่งปีก็รอไหว ให้รอสามปีก็รอได้อยู่แล้ว

เที่ยวเล่นไปเรื่อยเดี๋ยวก็ผ่านไปเอง

แต่นี่เป็นเรื่องของศักดิ์ศรี

ถึงจะโดนปฏิเสธจนเสียศักดิ์ศรีทั้ง ๆ ที่เจอกันครั้งเดียว แต่ดาอึนก็โกรธที่มอบหมายปัญหาเรื่องผู้ชายไว้กับพี่ชายคนรอง โกรธคำพูดของแม่ที่บอกว่าให้จับตามองอยู่เฉย ๆ โดยที่ไม่ต้องทำอะไร

อยู่ ๆ ผู้หญิงที่ไม่ได้อยากแต่งงานก็กลายเป็นผู้หญิงที่สิ้นหวัง ลืมผู้ชายไม่ได้ และพยายามสั่งให้ครอบครัวทำอะไรบางอย่าง

แม้จะไม่รู้ว่าคนอื่นคิดอย่างไร แต่อย่างน้อยเธอก็รู้สึกว่าสภาพของเธอดูเป็นอย่างนั้น

นี่ไม่ใช่เรื่องที่สามารถอธิบายให้ใครฟังได้ แล้วก็รู้สึกอึดอัดเพราะกลัวว่าประธานกรรมการอีฮยองจุนอาจจะรู้สถานการณ์ของเธอตอนนี้

ทั้งขายหน้า ทั้งหงุดหงิด และอยู่ ๆ ก็รู้สึกโกรธขึ้นมา

สู้บอกให้ยอมแพ้ไปเลย อาจจะตัดใจได้เด็ดขาดจนไม่เหลือเยื่อใยใด ๆแต่พอบอกว่าไม่ใช่แบบนั้นก็ทำเอาแทบจะเป็นบ้า

สุดท้ายก็ทนไม่ไหว เธอจึงตื่นตั้งแต่เช้ามืดเพื่อมาแต่งหน้าทำผมอย่างจัดเต็มที่ช็อปในย่านชองดัม

จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังเอชเอสการผลิตโดยไม่ได้เตรียมการไว้ล่วงหน้า

เพราะกลัวว่าถ้าครอบครัวหรือคนของโอซองกรุ๊ปรู้แล้วจะห้ามกัน เธอจึงเคลื่อนไหวโดยไม่บอกใคร

อย่างไรก็ตาม พอมาถึงตึกบริษัทเอชเอสการผลิตเข้าจริง ๆ ก็ตระหนักว่าตัวเองไม่รู้เบอร์ติดต่อของผู้หญิงคนนั้น เนื่องจากไม่สามารถถามใครได้ ดาอึนจึงไม่มีทางเลือกนอกจากขอให้เรียกอีกฝ่ายลงมาตรงล็อบบี้ เธอแจ้งว่ามาหาผู้หญิงที่ชื่อคิมมินฮี ฝ่ายวางแผนและประสานงาน ขณะเดียวกันก็กลัวว่าคนอื่นจะจำหน้าตัวเองได้

ทว่าพนักงานของล็อบบี้กลับมองไปทางด้านหลังของเธอ พร้อมกับรีบก้มศีรษะทักทาย

ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพูด

เธอกำลังเดินมาข้างหลังค่ะ”

ทันทีที่ดาอึนหันหลังก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งถือแก้วกาแฟไว้ในมือแล้วเดินพูดคุยกันเข้ามา

ดาอึนรีบหันหน้ากลับมาอย่างรวดเร็ว เพราะอยากมาเจอเพื่อพูดคุยกันตามลำพังเงียบ ๆ ไม่ได้มาเพื่อป่าวประกาศว่าจะชวนทะเลาะเพราะผู้ชาย

คนนี้...”

เธอบอกว่ามาพบคุณคิมมินฮีค่ะ”

ยอนฮีเหลือบตามองผู้หญิงที่หันหน้าหนีเหมือนไม่อยากให้เห็นหน้า จากนั้นก็พูดกับพวกพนักงาน

ขึ้นไปกันก่อนเลยค่ะ เดี๋ยวให้คุณมินฮีอยู่ตรงนี้ก่อน”

ยอนฮีฉีกยิ้มแล้วหันมาพูดกับดาอึน

ดาอึนใช่ไหม”

อ้าว พี่?”

ดีใจที่ได้เจอนะ แต่คุยกันตรงนี้คงไม่ดี ย้ายที่กันไหม”

ค่ะ”

ดาอึนสังเกตมินฮีที่ยืนอยู่ข้างหลังยอนฮีก่อนจะพยักหน้า

ยอนฮีจึงพาผู้หญิงสองคนไปที่ห้องประชุมเล็กที่ชั้นใต้ดินชั้นที่หนึ่งของสำนักงานใหญ่

หลังจากเปิดไฟในห้องประชุมที่ไม่มีใคร ยอนฮีก็มองหน้าดาอึนสักพักพร้อมกับกระซิบเบา ๆ

ฉันจะหลีกทางให้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ห้ามทำอะไรตามใจตัวเองล่ะ อย่าลืมว่ามินฮีเป็นพนักงานบริษัทของฉัน เข้าใจไหม”

ยอนฮีตบไหล่ดาอึนแล้วหลีกทางให้

เมื่อยอนฮีหลีกทางให้แล้ว ดาอึนก็เบาใจขึ้นมาระดับหนึ่งจึงหันหน้าไปด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม

ทว่าผู้หญิงชื่อมินฮีที่เคยยืนอย่างนอบน้อมตอนยอนฮียังอยู่ กลับนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ด้านหน้าของห้องประชุมตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ แล้วจ้องมองดาอึนพร้อมยกมุมปากขึ้นข้างหนึ่ง

ท่าทางแบบนั้น

เธอมั่นใจว่ามันคือการยิ้มเยาะ


 

บทที่ 253 การต่อสู้ของวาฬ (4)

 

คุณคิมมินฮี?”

ค่ะ มาหาฉันไม่ใช่เหรอคะ”

รู้ไหมคะว่าฉันเป็นใคร”

มินฮีขมวดคิ้วเล็กน้อย

ถ้าแนะนำตัวก็คงรู้จัก แต่อันนี้คือให้ลองเดาดูเหรอคะ”

ดาอึนรู้สึกร้อนขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ถัดจากมินฮีไปอีกหนึ่งตัว

เป็นผู้หญิงที่ยากจะเอาชนะ

ดาอึนตัดสินแบบนั้นภายในห้าวินาทีหลังจากคุยกับมินฮี

ขอโทษค่ะ ฉันชื่อคังดาอึน คุณพ่อคือรองประธานใหญ่ของโอซองกรุ๊ปค่ะ”

คิมมินฮีค่ะ คุณคงจะทราบอยู่แล้ว พ่อฉันเปิดร้านอาหาร ฉันแนะนำตัวถูกต้องแล้วใช่ไหมคะ”

คิดไม่ถึงว่าตำแหน่งรองประธานใหญ่โอซองกรุ๊ปจะใช้ไม่ได้ผลขนาดนี้

ตรงกันข้าม มินฮีกำลังใช้สายตาพูดแทน

ถามว่าเรื่องพ่อหมดแล้วเหรอ

ถามว่านอกจากเรื่องนั้นแล้วมีเรื่องอื่นจะอวดอีกไหม

ฉันทำตัวน่าขำสินะคะ แต่ใจจริงไม่ได้หมายความแบบนั้นเลย ฉันเข้าใจค่ะถึงจะพูดแบบไม่ได้คิดอะไร แต่มันอาจจะฟังดูเหมือนอวด ขอโทษนะคะ”

นึกว่าจะอวด...อืม แต่ถ้าไม่ใช่ก็ไม่เป็นไรค่ะ”

ถึงดาอึนจะได้เรียนรู้อะไรมาเยอะแยะ ทว่าเดิมทีมินฮีไม่เคยทะเลาะแพ้ใครมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว

ยิ่งกว่านั้น แม้ว่าก่อนจะได้พบกับยองฮุน เธออาจจะมีเรื่องลำบาก มีคนที่ต้องเกรงใจมากมาย แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว

ต่อให้เป็นลูกสาวของตระกูลมหาเศรษฐีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศเกาหลีสุดท้ายก็เป็นแค่เด็กที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตมาเพียงน้อยนิดเท่านั้น

ขนาดอยู่ตรงหน้ารองประธานใหญ่อีเซจุนที่น่ากลัวคนนั้น เธอยังไม่ได้รู้สึกเสียกำลังใจด้วยซํ้า ดังนั้นพอมองดาอึนที่อุตส่าห์เตรียมตัวเต็มที่ตั้งแต่เช้ามาเพื่อข่มตัวเองแล้ว มินฮีก็แค่คิดว่ามันน่าสนุกดี

ตรงกันข้าม ดาอึนที่กำลังโดนมินฮีไล่ต้อนกำลังสับสนอยู่ในใจ

ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ได้อวด”

ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ค่ะ นั่นมันไม่ใช่เรื่องสำคัญนี่นา จะว่าไปแล้ว ฉันอยู่นานไม่ได้นะคะ เพราะมันเป็นเวลาพักกลางวัน ถ้ามีอะไรจะพูด คงต้องรีบพูดแล้วละค่ะ”

ดาอึนกัดริมฝีปาก

อุตส่าห์เตรียมตัวเต็มที่ก่อนจะมาที่นี่ เพราะตัดสินใจแล้วว่าจะจบเรื่องวุ่นวายซับซ้อนนี้ด้วยตัวเอง

ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็เคยเห็นผู้หญิงที่เข้าหาผู้ชายรวย ๆ มานับไม่ถ้วนเอาแค่ผู้หญิงที่มาติดพันพวกพี่ชายแล้วโดนแม่หรือคนในบริษัทจับแยกก็นับได้เกินสิบครั้งแล้ว

อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้หญิงคนไหนเกาะติดจนถึงขั้นได้แต่งงาน มีเพียงความแตกต่างของจำนวนเงินเท่านั้น สุดท้ายเงินก็สามารถแก้ปัญหาได้ ดาอึนจึงเชื่อว่าตัวเองก็ทำแบบนั้นได้

แต่น่าแปลกที่ยังไม่มีการพูดถึงเรื่องเงินออกมาเลย เพราะสังหรณ์ใจไม่ดีว่าจะโดนหัวเราะเยาะใส่ทันทีที่หยิบยกเรื่องเงินออกมาพูด ถึงอย่างนั้นก็อุตส่าห์มาถึงตรงนี้แล้ว จะไม่พูดอะไรสักคำแล้วกลับไปเฉย ๆ ก็ไม่ได้

ฉันเรียกว่าพี่ได้ใช่ไหมคะ รู้มาว่าอายุค่อนข้าง...เยอะกว่าฉัน”

ฉันไม่มีปัญหา แต่คุณดาอึนจะโอเคเหรอคะ ฉันไม่ค่อยใช้คำพูดสุภาพกับน้องเท่าไหร่...”

ไม่เป็นไรค่ะ”

ถ้างั้นขอพูดแบบสบาย ๆ นะ ถ้าติดต่อทางโทรศัพท์ก่อน ไม่โผล่หน้ามาเจอพวกพนักงานก็คงจะดี แต่นึกไม่ถึงว่าจะมาหาด้วยตัวเอง จริง ๆ ขอแค่เธอเอ่ยปากก็น่าจะสืบอะไรได้มากกว่านี้นะ ไม่ใช่แค่เบอร์โทรศัพท์”

การติดต่ออย่างที่พี่บอกมันสำคัญอะไรล่ะคะ”

มันไม่สำคัญหรอก แค่รู้สึกเหมือนกำลังโดนอะไรบางอย่างไล่ตาม”

ดาอึนเสยผมแล้วหันหน้าหนี

รู้สึกเหมือนถูกมินฮีไล่ต้อนตลอดเวลา เพื่อให้ตัวเองเป็นผู้นำในการสนทนา

หลังจากจัดการความคิดได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ดาอึนก็เปลี่ยนประเด็น

พูดตรง ๆ ฉันไม่ได้ชอบพี่ฮยองจุนขนาดนั้นค่ะ เมื่อก่อนก็มีข่าวลือไม่ดี...อ๊ะ พี่ไม่รู้หรือเปล่าคะ”

ฉันรู้ว่าเขาเคยคบผู้หญิงมาเยอะ”

รู้อยู่แล้วจริง ๆ ด้วยสินะ ฉันไม่ค่อยชอบผู้ชายเสเพลแบบนั้นค่ะ”

การโต้กลับครั้งนี้ค่อนข้างรุนแรง

เส้นเอ็นตรงหว่างคิ้วของมินฮีถึงกับกระตุก

งั้นเหรอ แล้วยังไง”

ที่บ้านฉันเป็นอย่างนั้น สมัยก่อนพวกขุนนางก็แต่งงานตามอำเภอใจไม่ได้นี่นา ครอบครัวของฉันต้องการให้แต่งงานกับพี่ฮยองจุนค่ะ ทำยังไงได้ล่ะคะถ้าครอบครัวสั่งก็ต้องทำตาม อย่างน้อยมันก็เรียกว่าค่าความกตัญญูประเภทหนึ่งเพื่อตอบแทนทุกอย่างที่ได้รับมาจนถึงตอนนี้ ถึงจะเป็นผู้ชายเสเพล แต่แต่งงานแล้วจะพยายามแก้ไขเองค่ะ”

ผู้หญิงส่วนใหญ่ชอบคิดว่า ถึงเขาจะเป็นคนเสเพล แต่ฉันสามารถเปลี่ยนเขาได้ แล้วสุดท้ายก็จบไม่สวย ขนาดพ่อแม่ยังเปลี่ยนไม่ได้เลย แล้วคิดว่าผู้หญิงที่คบกันแค่ไม่กี่ปีจะเปลี่ยนนิสัยเขาได้เหรอ”

ได้ยินว่าพี่ฮยองจุนไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วค่ะ”

ถูกต้อง นั่นคือเหตุผลที่ฉันคบกับเขา เพราะฉะนั้นการมาบอกว่าจะแต่งงานแล้วพยายามแก้ไขน่ะ...มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ ก็เหมือนคุณฮยองจุนเปลี่ยนไปเพราะฉัน โดยที่เธอไม่ได้ทำอะไรเลยนี่นา”

“...”

ฉันเข้าใจนะว่าเธออยากพูดอะไร แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ”

ดาอึนกลืนนํ้าลายแห้ง ๆ ขณะมองมินฮีแย้มยิ้ม

ฉันอยากให้พี่เลิกกับพี่ฮยองจุนค่ะ”

แค่นั้น?”

คะ?”

อย่าบอกนะว่าจะมาขอให้เลิกกันเฉย ๆ น่ะ ในละครเขาให้เงินกันเยอะมากเลยนะ ถ้าคิดจะมาเอาของของคนอื่นไปแล้วไม่จ่ายเงินเนี่ย ไม่ไร้จิตสำนึกเกินไปหน่อยหรือไง”

ดาอึนกลับรู้สึกยินดีกับคำพูดของมินฮี

ไม่ใช่หรอกค่ะ ต้องการเท่าไหร่คะ ร้อยล้าน? ไม่สิ ฉันให้เป็นการส่วนตัวได้ถึงพันล้าน ถ้าแม่รู้ก็คงตกใจจนแทบเป็นลม แต่นี่เป็นปัญหาของฉัน ฉันจะเอาเงินที่ฉันมีให้ค่ะ”

มินฮีหัวเราะก๊ากทันที

ฮ่า ๆ ๆ! เด็กคนนี้น่าอิจฉาจัง ยกเงินพันล้านให้คนอื่นง่าย ๆ เลยเหรอ”

“...”

ไม่หรอก ช่างมันเถอะ เก็บเอาไว้”

พันล้านไม่พอเหรอคะ”

ไม่พออยู่แล้วสิ”

โลภมากจังเลยนะคะ ท่าทางจะไม่ได้เรียนมาว่าควรจะประเมินตัวเองให้ดี”

บอสของฉันคำนวณแม่นมาก เขาไม่มีทางขาดทุนเลย ฉันเลยได้เรียนรู้อะไรมาเยอะเหมือนกัน ถ้าอยากซื้อขายก็ต้องเรียกเงินให้เหมาะสมสิ หนึ่งพันล้าน?เงินมันก็เยอะอยู่แหละ แต่มันยังไม่ถึงหนึ่งในร้อย หนึ่งในพันของทรัพย์สินที่คุณฮยองจุนมี รวมถึงทรัพย์สินที่กำลังจะได้ในอนาคตเลยมั้ง ไม่ได้ทำบุญกับขอทานสักหน่อย พันล้านอะไรกัน”

ไม่อยากจะเชื่อเลย หวังไว้หมื่นล้านหรือไงคะ”

อย่างน้อยก็ต้องบอกว่าจะยกห้างสรรพสินค้าให้สักแห่ง ฉันถึงจะลองคิดดูไม่ใช่เหรอ”

ดาอึนพูดไม่ออก

ล้อฉันเล่นหรือเปล่าคะ”

เธอล้อเล่นเหรอ ฉันจริงจังนะ”

พี่คะ...ตอนนี้พี่คงอยากแสดงว่าตัวเองกล้าหาญ แต่สุดท้ายพี่ฮยองจุนก็ต้องแต่งงานกับฉันค่ะ เก็บเงินที่ฉันให้ไว้ตั้งตัวเถอะ ในอนาคตจะได้ไม่ถูกทอดทิ้งอย่างน่าเวทนา ถ้าพันล้านไม่พอ ฉันก็ให้เพิ่มได้ อาจจะยกคอนโดที่บริษัทให้ในนามของฉันให้พี่ด้วยก็ได้ ไหนว่าพ่อพี่เปิดร้านอาหารไงคะ ถ้าขายคอนโดนั้นพี่สามารถใช้ชีวิตได้สบาย ๆ โดยไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเงินอีกเลยในชีวิตนะคะ”

สีหน้าของมินฮีตึงขึ้นเล็กน้อย

รู้ใช่ไหมว่าเวลาพูดถึงครอบครัวของคนอื่นต้องระวังคำพูดน่ะ”

ฉันหาข้อมูลมาเยอะค่ะ ได้ยินว่าท่านเลี้ยงพี่มาอย่างลำบากโดยที่ไม่มีแม่นี่คะ พี่เองก็เหนื่อยมามากเหมือนกัน อย่างน้อยตอนนี้ก็ควรจะเลี้ยงดูท่านให้สบาย ๆ สิคะ อายุก็มากแล้ว จะปล่อยให้ค้าขายต่อไปเรื่อย ๆ ก็ไม่ได้นี่นา”

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ แต่พ่อฉัน ฉันดูแลเองได้ อีกอย่างเธอไม่คิดว่ามันผิดตั้งแต่สันนิษฐานว่าคุณฮยองจุนต้องแต่งงานกับเธออย่างไม่มีทางเลือกเหรอคุณฮยองจุนน่าจะอยากแต่งงานกับฉันนะ”

ส่วนใหญ่เขาชอบพูดกันว่า รักผู้ชายคนนี้จากใจจริง ถ้าไม่มีผู้ชายคนนี้ก็อยู่ไม่ได้ เอาเด็กในท้องออกไม่ได้ ฉันฟังบ่อยมากจนจำได้แล้วค่ะ แล้วพี่ล่ะคะคำที่พูดมาเมื่อกี้ก็ไม่ค่อยแตกต่างจากบทพูดพวกนั้นเท่าไหร่นะ”

ฮ่า ๆ สนุกดีนะ ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนเป็นนางเอกในละครเลย”

งั้นฉันก็เป็นตัวร้ายเหรอคะ”

อืม...เธอเฉื่อยเกินกว่าจะเป็นตัวร้าย”

คะ?”

ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันจะไม่มาโดยที่ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยแบบนี้ ถึงเรื่องที่หามาเกี่ยวกับครอบครัวฉันจะถูกก็จริง แต่เธอสืบเรื่องสำคัญที่สุดไม่ได้ด้วยซํ้าไม่รู้ใช่ไหมล่ะว่ามันคืออะไร”

มินฮีจ้องเข้าไปในดวงตาที่สับสนของดาอึน

ฟังให้ดีนะ พี่จะสอนบทเรียนให้ เวลาทำข้อตกลง เราต้องรู้สิ่งที่ตัวเองต้องการและสิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามต้องการ ในทำนองเดียวกัน ถ้าคิดจะข่มขู่ก็ต้องรู้จักอาวุธของตัวเองและจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้ามเป็นอย่างดี มันถึงจะเป็นไปได้แล้วเธอเป็นยังไง ถ้าคิดจะใช้เงินกด อย่างน้อยก็ต้องแทงด้วยจำนวนเงินที่ทำให้ฉันพูดไม่ออก หรือถ้าคิดจะดึงคุณฮยองจุนเข้ามาเกี่ยว เธอก็ควรแสดงให้เห็นว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจมากแค่ไหนสำหรับเขา แต่เธอไม่ได้ทำอะไรเลย”

“...”

นั่นหมายความว่าเธอประเมินค่าคนอย่างฉันไม่ได้ แล้วเธอก็ไม่มั่นใจว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจแค่ไหน ถูกไหม”

มือของดาอึนจับชายกระโปรงอย่างไม่รู้ตัว

ผู้หญิงที่กำลังจะอายุสามสิบ จะสวยไปได้อีกสักแค่ไหนกันเชียว พี่ฮยองจุนหาผู้หญิงที่สวยกว่านี้ได้ทุกเมื่อค่ะ”

เธอไม่ควรพูดอย่างนั้นนะ อย่าพูดว่าเขาจะหาผู้หญิงที่สวยกว่านี้ได้เธอต้องพูดว่าเขาจะมาหาเธอสิ ฉันถึงจะกระวนกระวาย”

“...”

ถ้าคิดแค่ว่าเธออุตส่าห์ลำบากถ่อมาจนถึงที่นี่ ฉันก็อยากปลอบดี ๆ อยู่หรอกนะ ต่อให้เธอจะยังเด็กอยู่ แต่ดันพยายามจะใช้นิสัยแย่ ๆ นั่นต้อนคนอื่นให้จนมุม วันนี้ก็ขอพูดแรง ๆ หน่อยแล้วกัน วันนี้เธอทำพลาดอย่างน้อยสามข้อข้อแรก เธอควรจะสืบเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับคุณฮยองจุนมาให้ดีกว่านี้อาจจะคิดว่าฉันเกาะคุณฮยองจุน แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นเลย คุณฮยองจุนต่างหากที่ต้องการฉัน มากกว่าที่ฉันต้องการเขา รัก? เศร้า? อืม มันไม่ใช่เกมรักแบบที่เห็นบ่อย ๆ ในละครโรแมนติกโง่ ๆ นั่นหรอก”

ดาอึนไม่เข้าใจคำพูดของมินฮี

ดังนั้นระหว่างที่ไม่รู้ว่าควรจะโต้กลับอย่างไร มินฮีก็พูดต่อเรื่อย ๆ

ข้อสอง โอซองกรุ๊ปไม่ได้มีประโยชน์กับคุณฮยองจุนเลย พวกมหาเศรษฐีแต่งงานกัน มันไม่มีอะไรแปลกก็จริง แต่ยังไงก็ต้องมีประโยชน์อะไรสักอย่างใช่ไหมล่ะ โอซองกรุ๊ปทำอะไรให้ชินยองไฟแนนเชียลได้บ้าง ไม่มีเลยสักอย่างแต่กลับกันแล้ว ชินยองไฟแนนเชียลทำอะไรให้โอซองกรุ๊ปได้เยอะแยะเลย”

ระ...เรื่องนั้น...”

พี่ยังพูดไม่จบ”

“...”

ข้อสาม สิ่งที่คุณฮยองจุนต้องการไม่ใช่เกราะกำบังง่อย ๆ หรือภูมิหลังอันสวยหรู เขาต้องการเพื่อนร่วมทางที่ไม่มีวันทรยศกัน โดยเฉพาะเพื่อนร่วมทางหัวดี ๆ ดังนั้นจึงเป็นเธอไม่ได้ เพราะเธอไม่ฉลาด ไม่มีทางอยู่ร่วมกับคุณฮยองจุนได้ด้วย”

เธอไม่ใช่เด็กห้าหกขวบด้วยซํ้า แต่กลับได้ยินคำว่าหัวไม่ดีในวัยยี่สิบกว่า...

ดาอึนไม่เคยได้ยินคำสบประมาทแบบนี้มาก่อนในชีวิต ไม่เคยคาดคิดว่าจะได้ยินด้วย เพราะฉะนั้นถึงจะกำหมัดจนมือสั่นระริก แต่ก็ตอบโต้อะไรไม่ได้เลย

เขาเรียกว่าโกรธจนพูดไม่ออก ทำได้แค่ร้องไห้อย่างเดียวใช่ไหมนะ

ดาอึนเพิ่งเข้าใจความหมายของประโยคนั้นเป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดมา

มินฮีมองดาอึนที่กำลังโกรธก่อนจะใส่ไฟเพิ่มอีก

ดูสิ ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันคงจะร่ายเหตุผลได้เกินสิบข้อแล้วว่าฉันมีประโยชน์กับคุณฮยองจุนมากกว่า การที่เธอพูดอะไรไม่ได้แม้แต่คำเดียว ทั้ง ๆ ที่เกาะอยู่บนหลังกลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ท็อปทรีของวงการธุรกิจ ก็คงแปลว่าเธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโอซองกรุ๊ปหรือชินยองไฟแนนเชียลเลย พอไม่รู้เรื่องก็เลยไม่รู้ว่าทำอะไรให้ได้บ้าง แล้วในสถานการณ์แบบนั้น ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับคุณฮยองจุนตอนนั้นเธอจะช่วยเขาได้หรือไง”

พี่...มั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอคะ”

มินฮีลุกขึ้นพร้อมกับยิ้มเหมือนพูดสิ่งที่ควรพูดหมดแล้ว

จากนั้นก็ดูดกาแฟที่ถืออยู่ก่อนจะพูด

ใช่ว่าสิงโตมันมีความมั่นใจหรอกนะเวลาออกล่า แต่เพราะนั่นคือเหยื่อก็เลยล่าไง จะถามทำไมว่ามั่นใจหรือไม่มั่นใจ เธอยังต้องโตให้มากกว่านี้ กลับบ้านไปก็ตั้งใจทบทวนสิ่งที่พี่สอนนะ บาย จะกลับก็ปิดไฟด้วยล่ะ”

มินฮียิ้มแล้วเปิดประตูห้องประชุมแล้วเดินออกไป

เมื่อถูกทิ้งไว้คนเดียว ดาอึนก็กำกระโปรงไว้แล้วร้องไห้ออกมาด้วยความอับอายเพราะเสียหน้าอยู่พักใหญ่


 

บทที่ 254 ปะทะ (1)

 

[กิจการค้าร่วมระหว่างเอชเอสการผลิต กับบริษัทนํ้ามันแห่งชาติของเกาหลี คว้าโครงการพัฒนาแหล่งก๊าซธรรมชาติในประเทศไทยได้]

เมื่อพวกยองฮุนเดินทางจากสนามบินอินชอนมาถึงบริษัท ทุกคนที่เห็นก็พากันปรบมือต้อนรับ

กรรมการผู้จัดการโกซึงฮยอนชูมือทั้งสองข้างและสนุกสนานกับการปรบมือของพนักงาน ต่างจากยองฮุนที่รีบขึ้นไปยังฝ่ายวางแผนและประสานงานเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์วุ่นวายแบบนั้น

เขาฝากการเขียนรายงานไว้กับฝ่ายโครงการพิเศษ และรับฟังรายงานว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้างระหว่างเดินทางไปทำงานนอกสถานที่ แต่หลังจากรายงานเสร็จแล้ว มินฮีกลับยืนทำสีหน้าคลุมเครือโดยไม่ยอมเดินออกไป

มีอะไรครับ”

ความจริง...เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนกรรมการผู้จัดการจะกลับมา ลูกสาวคนเล็กของโอซองกรุ๊ปมาหาฉันค่ะ”

ลูกสาวคนเล็ก? ลูกสาวคนเล็กที่คิดจะดูตัวกับประธานกรรมการอีฮยองจุนน่ะเหรอครับ”

ค่ะ”

เฮ้อ...คุณหนูคนนั้นใจร้อนจริง ๆ แล้วยังไงครับ ไม่ได้ทำอะไรรุนแรงเกินไปใช่ไหม”

คือว่า พอคุยไปเรื่อย ๆ แล้ว ฉันก็อารมณ์เสียนิดหน่อย...”

ทำเธอร้องไห้เหรอครับ”

ไม่ได้ร้องไห้ต่อหน้าฉัน แต่ก็อาจจะร้องไห้ค่ะ”

ยองฮุนมองมินฮีที่แอบหลบสายตาแล้วกุมศีรษะ

เด็กน้อยที่ยังไม่ได้แกะป้ายนักศึกษาออก ไม่มีทางเป็นคู่แข่งของมินฮีได้

มินฮีเกิดมาพร้อมกับความกล้าและวาทศิลป์ที่สามารถโกงเงินหลายหมื่นหลายแสนล้านวอนได้โดยไม่กะพริบตาแม้แต่ครั้งเดียว ต่อให้เด็กผู้หญิงคนนั้นมาจากตระกูลมหาเศรษฐีก็ยังเป็นเพียงแค่นักศึกษาเท่านั้น ไม่ต้องถามผลลัพธ์ก็ชัดเจน

ปัญหาคือแบ็กกราวนด์ของนักศึกษาหญิงคนนั้นคือโอซองกรุ๊ป

พูดว่าอะไรครับ”

ก็แค่...”

แค่?”

บอกว่าเธอไม่ฉลาดเลยเป็นไปไม่ได้...”

ฮ่า ๆ ๆ ๆ...”

ยองฮุนหัวเราะจนท้องแข็ง

ขอโทษค่ะ”

ไม่เป็นไรครับ ยังไงก็ไม่มีวันญาติดีกันอยู่แล้ว ทำได้ดีแล้วครับ”

พอลองคิดดูแล้ว โอซองกรุ๊ปไม่มีทางยอมแพ้กับชินยองไฟแนนเชียลง่าย ๆ

สถานการณ์ตอนนี้คือผู้บริหารกลุ่มธุรกิจการเงินท็อปทรีของเกาหลีเป็นหนุ่มโสด ส่วนตัวเองก็มีลูกสาวที่ทั้งสวยทั้งเรียบร้อยไม่แพ้ใครที่ไหน

ถ้าไม่อยากได้ก็คงแปลก

เห็นได้ชัดว่ามินฮีเองก็รู้อยู่แล้วถึงได้โต้ตอบแบบนั้น

เพราะเธอไม่ใช่คนแยกแยะหนักเบาไม่ได้

นอกจากนั้นแล้ว มีใครที่ไหนไม่อยากพูดแรง ๆ ใส่เด็กสาวที่คิดจะมาแย่งผู้ชายของตัวเองบ้าง

ถึงอย่างนั้นฉันก็รู้สึกว่ามันมากเกินไปหน่อยค่ะ”

พูดทั้ง ๆ ที่ไม่ได้รู้สึกผิด

ไม่หรอกครับ จะว่าไปแล้ว ลูกสาวคนเล็กดูเป็นคนยังไงครับ”

อืม...อ่อนแอพอสมควร แล้วก็สวยทีเดียวค่ะ”

อ่อนแอ...ถ้างั้นก็คงแค่โกรธนิดหน่อยสินะ ดีมากครับ ผมกำลังสงสัยอยู่พอดี”

คะ? คิดจะไปเจอเธอเหรอคะ”

ถึงไม่อยากเจอก็คงต้องเจอครับ”

มินฮีตระหนักได้อีกครั้งว่า การแต่งงานกับประธานกรรมการอีฮยองจุนไม่ใช่แค่ปัญหาของพวกเธอสองคน

หากโอซองกรุ๊ปเข้ามาแทรกแซงการแต่งงานของพวกเธอจนเกิดปัญหาเอชเอสกรุ๊ปเองก็ต้องเข้ามามีส่วนร่วมด้วยเช่นกัน

ขอบคุณค่ะ”

ไม่มีอะไรต้องขอบคุณเลยครับ เพราะถึงยังไงในมุมมองของพวกเราไม่ว่าประธานกรรมการอีฮยองจุนจะแต่งงานกับใคร พวกเราก็ไม่คิดจะแทรกแซงอยู่แล้ว แต่การเข้าหาประธานกรรมการอีฮยองจุนเพื่อเล็งชินยองกรุ๊ป ก็เป็นคนละเรื่องกันครับ ไม่ต่างอะไรกับการมองข้ามพวกเรา”

โอเคค่ะ งั้นถ้าหลังจากนี้โอซองกรุ๊ปติดต่อมาอีก ให้ฉันรายงานกรรมการผู้จัดการไหมคะ”

ครับ เอาตามนั้นเลย สมัยก่อนเขาพูดกันว่าการต่อสู้ของเด็ก ๆ จะกลายเป็นการต่อสู้ของผู้ใหญ่ เกมแรกดำเนินไปอย่างร้อนแรงแล้ว เกมสองก็ต้องสานต่อไม่ใช่เหรอ ถ้างั้นก็ต้องส่งคู่ต่อสู้ที่สมนํ้าสมเนื้อกันสิครับ”

รับทราบค่ะ”

หลังจากมินฮีออกจากห้องกรรมการผู้จัดการแล้ว ยองฮุนก็ส่งข้อความไปหาฮยองจุน

เรื่องดี ๆ เกิดขึ้นในชั่วพริบตา ส่วนเรื่องน่าปวดหัวก็ยังคงดำเนินต่อไป

 

แล้วแกก็ปล่อยไปเฉย  งั้นเหรอ”

ทันทีที่แจซุกตะโกนใส่ ดาอึนก็ขึ้นเสียงกลับขณะดวงตายังบวมตุ่ย

ถ้างั้นจะให้หนูทำยังไง! กระชากผมในบริษัทคนอื่นเหรอ หรือสาดนํ้าใส่”

แกควรจะตบหน้ามันสักทีสิ!”

พี่ยอนฮีเป็นคนเคลียร์พื้นที่ให้ แล้วก็เตือนไว้ด้วย ว่าอย่ามาแตะต้องพนักงานบริษัทตัวเองตามอำเภอใจ เหมือนไม่ได้มองว่าเป็นแค่พนักงานธรรมดา ๆ”

เฮ้อ...ถึงอย่างนั้นก็เถอะ...โอ๊ยยย หัวฉัน...”

แจซุกกุมศีรษะแล้วนั่งลงบนโซฟา จากนั้นก็ดื่มนํ้าเย็นทันทีเพื่อเติมพลัง

อยู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของประธานใหญ่ซงอึนแชขึ้นมาอีกครั้ง

เธอเองก็เข้าใจอยู่แล้ว

ความเป็นจริงที่ว่า ถึงในใจจะอยากตบให้หน้าหัน แต่พออยู่ในสถานการณ์นั้นจริง ๆ กลับไม่สามารถขยับมือได้ด้วยซํ้า

ถ้าเป็นพนักงานของโอซองกรุ๊ป แน่นอนว่าสามารถทำอะไรได้มากกว่านั้นไม่ใช่แค่ตบ แต่พอเป็นพนักงานของบริษัทอื่นก็ไม่ต่างกับสิ่งของของคนอื่น

หากคิดจะแตะต้องของของคนอื่น อย่างน้อยเธอก็จำเป็นต้องขออนุญาตจากสามีก่อน

ตอนนี้ทำยังไงกันดี แม่ ไหนแม่บอกว่าเคยเจอประธานใหญ่ซงอึนแชไงเขาว่ายังไงบ้าง”

เพราะงั้นฉันถึงบอกแกไง ว่าให้อยู่เฉย ๆ”

หนูจะอยู่เฉยได้ยังไง! ถ้าบอกให้ยอมแพ้หรือบอกให้ไปคบกับผู้ชายคนอื่นก็ว่าไปอย่าง หนูดูเหมือนคนโง่ที่เอาชีวิตมาผูกกับผู้ชายไปแล้ว จะให้อยู่เฉย ๆ ได้ยังไงล่ะ!”

มีผู้หญิงที่ไหนไม่เอาชีวิตมาผูกกับผู้ชายบ้าง รู้จักผู้ประกาศข่าวยุนนาจองที่อ่านข่าวออกทีวีตอนสามทุ่มใช่ไหม ยายนั่นแกล้งทำเป็นฉลาดทุกอย่าง แต่สุดท้ายก็คบกับลูกชายของซูยอน ฝ่ายผู้ชายน่ะสมัยเรียนเคยก่อเรื่องมาครบหมดทุกแบบ พอส่งไปอเมริกาก็เล่นยา จ่ายเงินซื้อใบปริญญามา ภายนอกก็แกล้งทำตัวปกติดี แต่นิสัยจริง ๆ จะเป็นยังไงล่ะ ถึงอย่างนั้นก็ยังแต่งงานกับลูกชายของซูยอนอยู่ดี ยุนนาจองไม่ใช่คนโง่นะ คิดว่าจะแต่งงานโดยที่ไม่รู้เรื่องนั้นหรือไงถ้าบอกว่าผู้หญิงที่เอาชีวิตแขวนไว้กับผู้ชายเป็นคนโง่ ทุกคนก็โง่กันหมดนั่นแหละ”

แม่กำลังเปรียบเทียบหนูกับผู้หญิงชั้นตํ่าแบบนั้นงั้นเหรอ”

ก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ! สุดท้ายพอมีเงินอยู่ตรงหน้า ทุกคนก็ทำอะไรไม่ได้กันทั้งนั้น ถ้าไม่ชอบก็บอกมาว่าไม่ชอบ อยากแต่งงานด้วยความรักงั้นเหรอ ก็ทำเลย แต่ในอนาคตแกไม่มีทางได้ใช้ชีวิตแบบแม่”

ใครบอกว่าจะยอมแพ้ล่ะ แต่อย่างน้อยก็อย่าทำให้หนูกลายเป็นคนโง่สิอุตส่าห์ให้แม่จัดการก่อน แค่นั้นก็ทำไม่ได้เหรอ”

แกนี่มันจริง ๆ เลย...”

แจซุกโมโหจนคิดจะเขกหัวดาอึนสักที แต่ก็อดทนไว้

เพราะรู้ว่าลูกสาวที่เสียใจร้องไห้จนตาบวมรู้สึกอย่างไร

แม่ของพี่ฮยองจุนล่ะ แม่ของพี่ฮยองจุนก็เกลียดผู้หญิงคนนั้นเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”

หึ! ฉันก็สงสัยอยู่ว่าทำไมถึงปล่อยผู้หญิงคนนั้นไว้ พอได้ฟังเรื่องราวจากแกแล้ว แสดงว่าแม่ฮยองจุนก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกันละสิ ไม่ธรรมดาจริง ๆ”

แม่พี่ฮยองจุนก็เอาชนะไม่ได้เหรอ”

ใช่ เพราะฉะนั้นเลยมาคอยยุฉันอยู่ข้าง ๆ แทนไง ฉันรู้ว่าพ่อแกเคยพูดไว้ว่าอยากได้ชินยองไฟแนนเชียล เลยยอมปล่อยผ่าน แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห”

จะทำยังไง”

จะทำยังไงล่ะ แกเป็นใครกัน ลูกสาวคนเล็กของตระกูลคังนะ กล้าดียังไงมาทำให้ร้องไห้ คนชั้นตํ่าไม่รู้หัวนอนปลายเท้ามาจากไหน...”

ไม่ แล้วแม่จะทำยังไงต่อ”

แจซุกบอกว่าจะไม่ปล่อยไว้เฉย ๆ ก็จริง แต่ไม่สามารถหาทางออกที่เหมาะสมตามการเร่งเร้าของลูกสาวคนเล็กได้

เนื่องจากมีคำเตือน (?) จากประธานใหญ่ซงอึนแช แถมลูกสาวคนเดียวของอีกฝ่ายก็กำชับดาอึนมาอีก แค่นี้ก็ชัดเจนมากแล้วว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่พนักงานคนโปรดธรรมดา ๆ

นอกจากนี้ นี่ไม่ได้จบแค่เป็นพนักงานคนโปรด หากลูกเขยของประธานใหญ่ซงอึนแชกับประธานกรรมการอีฮยองจุนเป็นเพื่อนสนิทกัน เขาจะไม่ยอมปล่อยให้โอซองกรุ๊ปเข้าใกล้แน่นอน

นี่ไม่ใช่ปัญหาที่ตัวเองจะออกหน้า แต่บริษัทควรจะจัดการความสัมพันธ์ใหม่อีกครั้งก่อน

จะยอมแพ้ หรือปะทะ...

เธอคิดว่าควรให้หัวหน้าครอบครัวและตัวแทนของโอซองกรุ๊ปเป็นคนตัดสินใจ

เดี๋ยวแม่ลองคุยกับพ่อก่อน คุยกับพ่อแล้วค่อยเรียกประธานกรรมการอีฮยองจุนมาบ้านเรา แกไม่ต้องห่วง”

แจซุกมั่นใจ

เพราะอย่างน้อยในประเทศเกาหลีก็ไม่มีอะไรที่ไม่เป็นไปดั่งใจพวกเธอ

 

[สส.โดซูยอนสมัครเข้าพรรคสันติภาพก้าวหน้า วงการการเมืองสั่นสะเทือน]

[เพื่ออะไรกันแน่ เจตนาของ สส.โดซูยอนคือ?]

[พรรคสันติภาพก้าวหน้าประหยัดคำพูด ควบคุมสีหน้า?]

ทันทีที่ สส.โดซูยอนสมัครเข้าร่วมพรรครัฐบาล การคาดการณ์ต่าง ๆ นานาก็เกิดขึ้นในวงการการเมือง และยังตั้งสติกันไม่ได้ เพราะมัวแต่วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงในเกมหลังจากนั้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อ สส.โดซูยอนถอนตัวออกจากพรรค พวก สส.พรรคฝ่ายค้านที่ทำลายภาพลักษณ์ของพรรคด้วยการช่วยปกปิดการทุจริต ต่างพากันก่นด่าเธอ แต่ก็ไม่สามารถเสนอทางออกที่เหมาะสมได้

ถ้าดูแบบนี้ก็เหมือนมีแต่สถานการณ์ของพรรครัฐบาลเท่านั้นที่ดี ทว่ากลับมีประธานพรรครัฐบาลอย่าง สส.มินกูซังเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รู้สึกไม่ดี

ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือนายเหรอ”

สส.ชอนโบยุนตอบคำถามของประธานพรรคมินกูซังด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์

ฝีมือของผมงั้นเหรอครับ ผมแค่เปิดทางที่เหมือนจะติดขัดให้เท่านั้นเอง”

เปิดทางให้? ไม่ใช่แค่ช่วยชี้ทาง?”

ทำไมเอาแต่คิดในแง่ลบขนาดนั้นล่ะครับ ตอนนี้พรรคสันติภาพเป็นหนึ่งกำลังตื่นตระหนกจากการที่ สส.โดซูยอนถอนตัวจากพรรค พวก สส.สมัยแรกที่นับถือและติดตาม สส.โดก็ลอยไปลอยมา ส่วนแกนนำก็ทะเลาะกันเอง มันเป็นสถานการณ์ที่ไม่มีอะไรจะดีไปกว่านี้แล้วไม่ใช่เหรอครับ”

ทำไมถึงคิดน้อยขนาดนี้! ถ้างั้นตอนนี้ก็จะใช้การสืบสวนพิเศษหรือไง”

การสืบสวนพิเศษทำคนเดียวได้เหรอครับ แน่นอนว่าทั้งสองพรรคคงไม่ให้ความร่วมมืออยู่แล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นก็แค่ยืนกรานการสืบสวนพิเศษพอประมาณ แล้วค่อยเตรียมอะไรมาแทนการสืบสวนพิเศษก็เรียบร้อย ผมไม่เข้าใจว่าจะกังวลอะไรขนาดนั้นครับ”

ถึง สส.ชอนจะพูดเหมือนไม่รับรู้สถานการณ์ แต่เขาคาดเดาความในใจของอีกฝ่ายออก

โดซูยอนไม่ใช่หมากที่มินกูซังสามารถขยับได้

เมื่อเข้าสู่การเลือกตั้งประธานาธิบดี แน่นอนว่าเธอจะอยู่ฝ่ายเดียวกับเขาและหากเป็นเช่นนั้นก็เห็นได้ชัดว่าความนิยมจะพุ่งมาหาเขา

เพราะประธานพรรคมินรู้เรื่องนั้น ถึงได้ไม่พอใจกับการเข้าร่วมพรรคของโดซูยอน

แต่ถ้าคิดจะคัดค้านการสมัครเข้าร่วมพรรคของโดซูยอนก็ต้องมีข้ออ้างที่เหมาะสม ซึ่งมันแทบจะไม่มีข้ออ้างแบบนั้น

ฉันกลัวลมพัดหวน ถ้าโดซูยอนลาออกจากพรรคเพราะข้อหาทุจริตที่เราไม่รู้ล่ะ จะทำยังไง”

ถ้าโดนแฉจริง ๆ ก็ไล่ออกสิครับ”

แล้วพรรคเราล่ะ”

ถ้ารู้ก็คงจะเป็นเรื่อง แต่ถ้าไม่รู้ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรครับ”

นายอ่อนต่อโลกเกินไปไหม...ประชาชนจะปล่อยผ่านง่าย ๆ หรือไง”

ผมจะเกลี้ยกล่อมให้ปล่อยเองครับ”

คำตอบที่เด็ดขาดของ สส.ชอนทำให้คำโต้แย้งของประธานพรรคมินไร้นํ้าหนัก

ประธานพรรคมินจึงเลิกกดดัน เพราะคิดว่าสถานการณ์ของตนอาจจะลำบากมากขึ้นหากเดินหน้าต่อ

ถ้างั้นหลังจากนี้นายก็รับผิดชอบแล้วกัน”

คำว่าถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นจะปล่อยให้เขารับผิดชอบเองคือการรักษาศักดิ์ศรีที่เหลืออยู่ของประธานพรรค

แน่นอนครับ ผมจะรับผิดชอบเอง”

สส.ชอนยอมรับคำเตือนนั้นด้วยความยินดี

เพราะการพูดว่าจะรับผิดชอบเองนั้น ก็เหมือนได้รับการยอมรับจากประธานพรรคแล้วว่าโดซูยอนกลายเป็นคนของเขา

หลังจาก สส.ชอนโบยุนออกไปพร้อมรอยยิ้มเต็มใบหน้า ประธานพรรคมินกูซังก็ลุกไปยืนมองนอกหน้าต่างสักพักเพื่อฆ่าเวลา

หลังปล่อยเวลาผ่านไปแบบนั้นประมาณสิบนาทีก็เช็กนาฬิกาข้อมือ และออกจากสำนักงานมุ่งหน้าไปยังพาจู จังหวัดคยองกี

 

 ไซต์ก่อสร้างขนาดใหญ่กลางพื้นที่อันกว้างขวาง

รถยนต์คันหนึ่งขับผ่านเส้นทางที่มีคนงานก่อสร้างจำนวนมากเดินขวักไขว่จนมาจอดตรงหน้าตู้คอนเทนเนอร์ตู้หนึ่ง ประธานพรรคมินกูซังก็เปิดประตูลงมา

แม้จะเป็นไซต์ก่อสร้างเดียวกัน แต่ฝั่งนี้กลับไม่ค่อยมีผู้คน จากนั้นก็มีคนออกมาจากด้านในตู้คอนเทนเนอร์แล้วทักทาย เหมือนกำลังรอเขามาอยู่พอดี

มาแล้วเหรอครับ พ่อผมกำลังรออยู่”

คนที่ก้มศีรษะลงเล็กน้อยคือคังแดซอง ลูกชายคนรองของโอซองกรุ๊ปนั่นเอง

อืม เข้าไปสิ”

ทันทีที่ประธานพรรคมินกูซังเดินเข้าไปข้างในก็เห็นชายวัยกลางคนกำลังกินบะหมี่ดำอยู่ตรงกลางตู้คอนเทนเนอร์

ผู้ชายที่มีรูปร่างหน้าตาธรรมดา ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นส่งยิ้มให้ประธานพรรคมินแล้วยกตะเกียบเปื้อนซอสชี้ไปที่เก้าอี้ตรงหน้า

นั่งก่อนสิครับ ทานบะหมี่ดำไหม”

ไม่เป็นไรครับ ตามสบายเลย”

ถ้าหิวแล้วผมทำอะไรไม่ได้เลยน่ะ...เหอะ ๆ รอสักครู่นะครับ”

รองประธานใหญ่คังแจชิกหัวเราะเสียงดังแล้วสูดบะหมี่ดำเงียบ ๆ

หลังจากกินบะหมี่ดำไม่พูดไม่จาเหมือนไม่มีใครอยู่ตรงหน้าจนกระทั่งขูดซอสจนเกลี้ยงชาม อีกฝ่ายก็เช็ดปากด้วยทิชชูอย่างลวก ๆ

อ้าว เอากาแฟมาหน่อย”

ได้ครับ”

แดซองชงกาแฟซองที่เตรียมไว้ในตู้คอนเทนเนอร์อย่างพิถีพิถันสองแก้ว

รองประธานใหญ่คังเป่ากาแฟฟู่ ๆ ดื่มอึกหนึ่ง ก่อนจะฉีกยิ้มแล้วพูด

ผมชอบแบบนี้ ถูกปากท่านประธานหรือเปล่าครับ”

โอเคอยู่ครับ”

กว่าจะมาถึงที่นี่คงเหนื่อยแย่ ใช้เวลานานใช่ไหมครับ”

รถไม่ติด แป๊บเดียวก็ถึงครับ”

ผมรู้สึกผิดอยู่นะที่เรียกมาทั้ง ๆ ที่ท่านประธานกำลังยุ่งมาก ช่วงนี้คงจะปวดหัวเพราะ สส.โดซูยอนน่าดู ใช่ไหมครับ”

ครับ...”

เราจะเอาชนะได้ยังไงครับ”

เรื่องนั้น...”

ทันทีที่ประธานพรรคมินกูซังทำหน้าหนักใจลังเลในคำตอบ สีหน้าของรองประธานใหญ่คังก็เรียบนิ่ง

ถึงรูปร่างจะเล็กและหน้าตาเหมือนลุงข้างบ้าน แต่บรรยากาศกลับเปลี่ยนไปในชั่วพริบตา

ทั้งลูกทั้งนักการเมือง ไม่มีใครได้ดั่งใจสักคน เวรเอ๊ย...นี่ เอาบุหรี่มาสักมวนซิ”

รองประธานใหญ่คังจุดบุหรี่ที่ได้จากแดซองและสูบเข้าไปเต็มปอด ก่อนจะพ่นควันออกมาแล้วถาม

มัวทำอะไรอยู่ครับ”

ครับ?”

มีอะไรจะคุยกับผมอีกหรือไงครับ เราคุยกันจบแล้วไม่ใช่เหรอ”

อะแฮ่ม...ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”

พอประธานพรรคมินที่เหมือนโดนไล่กลาย ๆ เดินออกไปแล้ว รองประธานใหญ่คังแจชิกก็กล่าวกับแดซอง

คนไม่ใช่สัตว์...ถ้าไม่มีความคิดก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์เดรัจฉาน เข้าใจไหม”

ผมจะจำไว้ครับ”

ประธานกรรมการชินยองไฟแนนเชียลล่ะ”

หมอนั่นมีแฟนแล้วครับ ไม่ใช่แค่ควงเล่น ๆ ด้วย น่าจะคิดจริงจังถึงขั้นแต่งงานครับ”

บอกมันว่ามาเจอฉันหน่อย พามาที่บ้านเลย”

ได้ครับ”

แดซองมองเห็นความโลภในแววตาของพ่อ โอกาสทองในการดึงประธานกรรมการที่เป็นเจ้าของกลุ่มธุรกิจการเงินขนาดใหญ่ของเกาหลีมาเป็นลูกเขย

ดูเหมือนพ่อไม่คิดจะปล่อยโอกาสนั้นทิ้งไป


 

บทที่ 255 ปะทะ (2)

 

มยองซุก ต้องการนํ้าเย็นดับกระหายอย่างเร่งด่วนหลังจากคุยโทรศัพท์กับแจซุก

แต่นํ้าเย็นแก้วเดียวจะทำให้ข้างในที่เดือดปุด ๆ สงบลงได้ที่ไหน

ใจจริงเธออยากบุกเข้าไปในบริษัทลูกชายแล้วอาละวาด แต่ถ้าทำอย่างนั้นก็คงไม่มีวันได้รับอนุญาตให้เฉียดเข้าใกล้บริษัทอีก จึงทำได้เพียงอดทน

สุดท้ายเธอก็กอดอกรออย่างใจจดใจจ่ออยู่ในห้องนั่งเล่น จนกระทั่งลูกชายเลิกงานกลับมาตอนประมาณสี่ทุ่ม

กลับมาแล้วครับ”

มานั่งนี่ซิ”

ฮยองจุนปลดเนกไทและทิ้งตัวลงบนโซฟาด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย

มีอะไรครับ ผมเหนื่อย”

เหนื่อยอะไร...ไหนแกบอกว่าไม่มีกินเลี้ยง ไปเล่นกับนังเด็กที่ชื่อมินฮีนั่นมาไม่ใช่หรือไง”

แค่กินข้าวหลังเลิกงาน ดื่มกาแฟแล้วก็กลับครับ เรื่องแบบนี้ก็ต้องขออนุญาตจากแม่ด้วยเหรอ”

แกจะแต่งงานกับยายนั่นจริง ๆ งั้นเหรอ”

เฮ้อ...เรื่องเดิมอีกแล้ว...แม่ เลิกทำแบบนี้แล้วยอมแพ้เถอะครับ แม่เอาชนะไม่ได้หรอก เธอไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา”

คำว่า ‘ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่เด็กธรรมดา’ ตีขึ้นมาถึงคอหอย เธอพยายามกลืนมันเข้าไปแล้วตะโกนออกมา

ลูกสะใภ้ที่ไหนคิดจะเอาชนะแม่สามี!”

ดูเหมือนจะไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ สินะ...เอาเป็นว่าเลิกพูดเรื่องนั้นเถอะครับนี่ไม่ใช่เรื่องที่แม่โน้มน้าวแล้วผมจะทำตาม และผมไม่มีความคิดแบบนั้นด้วยครับ อีกอย่างพอเจอกันแล้ว ดาอึนก็ไม่ใช่สไตล์ผมเลย”

พูดอะไร ดาอึนสวยขนาดนั้น”

ไม่ได้ถึงขั้นขี้เหร่อะไร แต่แม่ก็ต้องยอมรับว่าโอซองกรุ๊ปทำให้ดาอึนสวยขึ้นครับ รวยขนาดนั้นก็ต้องสวยสิ เอาตามความเป็นจริง แม่มองก็รู้นี่นาว่ามินฮีสวยกว่า”

มยองซุกตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็เปลี่ยนใจ

ทำไมเธอจะไม่รับรู้ว่าตัวเองกำลังทำเรื่องน่าขายหน้าล่ะ

เพราะรู้เรื่องนั้นถึงไม่สามารถพูดอย่างหนักแน่นได้น่ะสิ

เฮ้อ...ลูกพูดว่าตามใจพ่อแม่ไม่ได้เนี่ยนะ...โบราณว่าไว้ไม่มีผิด แต่รองประธานใหญ่คังจากโอซองกรุ๊ปอยากเจอแก”

ฮยองจุนขมวดคิ้วทันที

คนคนนั้นเขาทำไมครับ”

คนคนนั้นงั้นเหรอ แกอย่าพูดแบบนั้นต่อหน้าใครนอกจากครอบครัวเรานะถึงเราจะเรียกคนที่นั่งอยู่ในบลูเฮาส์ว่าประธานาธิบดี แต่มันก็มีประธานาธิบดีตัวจริงอยู่อีกคน”

โอ๊ยยย ช่างเถอะครับ คนคนนั้นอยากเจอผมทำไมครับ”

จะเพราะอะไรล่ะ อยากเห็นหน้าว่าที่ลูกเขยไง”

ฮยองจุนเกาศีรษะพร้อมสีหน้ารำคาญก่อนจะถาม

ใครติดต่อมาครับ”

ภรรยาเขา”

ปฏิเสธเลยครับ บอกว่าผมยุ่ง”

อีฮยองจุน!”

ต่อให้มันเป็นสิ่งที่แม่ต้องการ แต่ไม่ได้ก็คือไม่ได้ครับ”

แค่ไปเจอกันเฉย ๆ ถ้าไม่ชอบขนาดนั้น แกก็ไปเจอเขาก่อนแล้วบอกว่าไม่ชอบก็ได้หนิ ไปก่อนแล้วค่อยบอกว่าไม่เอา!”

ทำไมผมต้องทำแบบนั้นด้วยครับ ถ้าผมไปที่นั่น มินฮีคงด่าเละเลยมั้ง”

อะไร! นังนั่นมันด่าอะไรแก! แกใช้ชีวิตแบบนั้นเหรอ”

สมควรโดนด่าอยู่แล้วหนิ ถ้าจะเจอกันก็ต้องเจอแบบเป็นทางการผมสามารถไปเจอในฐานะประธานกรรมการชินยองไฟแนนเชียลได้ครับ แต่ถ้าผมไปบ้านหลังนั้น มันคือการไปนั่งในฐานะลูกชายเพื่อน เขาอาจจะพูดว่า‘ไอ้เด็กเวร แกมาแต่งงานกับลูกสาวของฉันซะ’ ก็ได้ครับ”

แม้แต่หมาพันทางยังได้เปรียบในลานบ้านตัวเองเลย

แถมยังไม่ใช่แค่บ้านของคนอื่น แต่ทันทีที่เข้าไปในบ้านของรองประธานใหญ่โอซองกรุ๊ปก็ถือว่าแพ้ไปครึ่งหนึ่งแล้ว

ตายแล้ว...แกคิดจะสู้กับรองประธานใหญ่งั้นเหรอ”

ตอนนี้ผมเป็นประธานกรรมการของชินยองไฟแนนเชียลกรุ๊ปแล้วนะครับแม่ก็เคยพูดอย่างนั้นนี่นา ลืมแล้วเหรอครับ”

ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น...”

ผมเข้าใจว่าเขาอยากได้ผมเป็นลูกเขย แต่ผมมีแฟนแล้ว คิดจะแต่งงานกับเธอด้วย แล้วมีแม่ที่ไหนเขาคิดจะส่งลูกชายเข้าถํ้าเสือครับ แม่ก็รู้ว่าที่นั่นมันคือถํ้าเสือนี่นา”

ที่นั่นมันจะเป็นถํ้าเสือได้ยังไง!”

ฮยองจุนส่ายหน้าแล้วลุกขึ้นยืน

เขาตั้งใจจะกลับขึ้นห้องตัวเอง แต่นึกอะไรขึ้นได้จึงหันไปพูดกับแม่

แม่ อย่าพยายามทำเรื่องที่มันเป็นไปไม่ได้ดีกว่า ขืนยังทำแบบนั้นบ่อย ๆหลังจากแต่งงาน ผมอาจจะไม่ค่อยได้เจอแม่แล้ว”

ฮยองจุนไม่กล้าพูดคำว่าโรงพยาบาลจิตเวชต่อหน้าแม่

ถึงจะไม่ได้หยิบยกขึ้นมา ก็ไม่ได้หมายความว่ามยองซุกจะไม่เข้าใจคำพูดฮยองจุน

กะ...แก แก...”

อีกอย่างมินฮีน่ะ เธออยู่ข้างผมเสมอ ถึงจะด่ากันก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเกิดอีกคนด่าขึ้นมา เรื่องอาจจะไม่จบก็ได้ครับ พูดตรง ๆ ว่าผมกลัวถ้าคนคนนั้นโกรธเพราะเขาเป็นคนที่เดาใจไม่ถูกเลยว่าคิดจะทำอะไร”

สำหรับฮยองจุนแล้ว คนที่ไม่ควรตั้งตัวเป็นศัตรูด้วยไม่ใช่ประธานาธิบดีที่อยู่ในบลูเฮาส์ และไม่ใช่รองประธานใหญ่คังของโอซองกรุ๊ปด้วย

หมายถึงใคร”

แม่ไม่ต้องรู้หรอก เอาเป็นว่าถ้าเขาอยากเจอแล้วคุยกับผม ก็ให้นัดอย่างเป็นทางการผ่านเลขาฯครับ แน่นอนว่าต้องรอผมว่างก่อนถึงจะได้เจอ”

พอฮยองจุนขึ้นห้องตัวเองไปแล้ว มยองซุกก็นั่งถอนหายใจ

หลังจากนั่งเหม่ออยู่พักหนึ่ง เธอก็เดินไหล่ตกเข้าไปในห้องนอนแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือ

เพราะต้องรายงานความล้มเหลวของแผนการจึงแสดงท่าทีหยิ่งยโสไม่ออก

 

แม้ว่าจะใกล้เที่ยงคืนแล้ว แต่คังแดซองก็ยังกินมื้อดึกกับพนักงานหลายคนอยู่ที่บริษัทและหมกมุ่นกับเอกสารมากมาย

แค่นี้จะพอเหรอ แล้วลูก ๆ ล่ะ”

ดูจากผลการเรียนเมื่อตอน ม.หนึ่งของลูกชายคนโตอย่างชอนจีซูก็อยู่อันดับที่ยี่สิบของชั้น แต่หลังจากขึ้น ม.สามก็ไม่เคยหลุดออกจากสิบลำดับแรกอีกเลยครับ”

เรียนพิเศษงั้นเหรอ”

ดูเหมือนจะไปเรียนที่สถาบันกวดวิชา แต่ได้รับการยืนยันมาว่าค่าเรียนพิเศษเกือบหนึ่งล้านวอนต่อเดือนครับ”

ล้านวอน? คลุมเครือแฮะ...จะพาดหัวข่าวว่าอะไร”

ประมาณนี้ถ้าเขียนเรื่องเรียนพิเศษก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรครับ สส.ชอนโบยุนทุ่มเงินให้ลูกชายเรียนพิเศษ ชาวบ้านธรรมดามีสิทธิ์กังวลเรื่องการศึกษาไหมจับประเด็นแบบนี้ดีไหมครับ”

อืม...มันค่อนข้างเบาอยู่...เดี๋ยวเลือกไว้ก่อนแล้วลองหาเรื่องอื่นต่อ”

รับทราบครับ”

ต่อให้จะบอกว่าประธานพรรคมินกูซังไร้ความสามารถ แต่การตัดประธานพรรคมินออกไปก็ติดเรื่องเวลากับเงินที่ลงทุนมาทั้งหมด

ยิ่งกว่านั้น ถ้าตอนนี้หันมาร่วมมือกับ สส.ชอน?

เขาก็ไม่แน่ใจว่า สส.ชอนจะยอมเป็นตัวแทนผลประโยชน์ของพวกเขาง่าย ๆ หรือไม่ แต่มีความเป็นไปได้สูงว่า สส.ชอนอาจร่วมมือกับเอชเอสกรุ๊ปแล้ว

พอสถานการณ์เป็นอย่างนี้ การผลักดันให้ประธานพรรคมินกูซังเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจึงเป็นเรื่องที่ถูกต้อง

ปัญหาคือการจับตามองเงียบ ๆ ไม่ได้ช่วยทำให้ชนะ

เนื่องจากอยู่ในฐานะนักการเมือง แถมยังเป็นประธานพรรค จึงมีข้อจำกัดในการโยกย้ายคน และถ้าใช้คนผิด คำพูดอาจจะรั่วไหลจนเดือดร้อนใหญ่โต

วิธีที่ดีและรอบคอบที่สุดคือ การให้โอซองกรุ๊ปช่วยวางกลยุทธ์การเลือกตั้งประธานาธิบดีให้

เพราะการเลือกตั้งประธานาธิบดีใกล้เข้ามาแล้ว จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมไฟในฝ่ายกลยุทธ์ของโอซองกรุ๊ปยังคงเปิดอยู่

ขณะนั้นกลับมีสายจากแจซุกโทร.เข้ามา

แดซองจึงพูดอย่างหงุดหงิดทันทีที่รับโทรศัพท์

แม่ จะโทร.มาอีกทำไมครับ แซรมไปฟ้องว่าผมไม่กลับบ้านอีกแล้วหรือไงผมบอกไปแล้วว่าทำงานอยู่...”

ไม่ใช่เพราะเรื่องนั้น”

งั้นเหรอ แล้วโทร.มาทำไมครับ”

แต่ไหน  ก็พูดขึ้นมาแล้ว แกหัดกลับบ้านเร็ว  หน่อยสิ ลูกสะใภ้ฉันนั่งเหงาทั้งวัน บนหน้าผากแทบจะมีคำว่า เบื่อ’ แปะไว้แล้ว”

แล้วผมเที่ยวเล่นอยู่งั้นเหรอครับ”

เฮ้อ...เออ ช่างมันเถอะ เมื่อกี้ฉันคุยโทรศัพท์กับแม่ของประธานกรรมการอีฮยองจุนมา”

ว่าไงครับ”

เด็กนั่นบอกว่าไม่มาบ้านเรา ถ้าอยากเจอให้นัดอย่างเป็นทางการผ่านเลขาฯเอา”

แดซองแค่นหัวเราะเหมือนหมดคำจะพูด

ฮ่า ๆ มันบ้าหรือไง คิดว่าตัวเองอยู่ระดับเดียวกับพ่องั้นเหรอ”

นั่นน่ะสิ...คิดว่าเป็นประธานบริษัทแล้วจะอยู่ระดับเดียวกันจริง  หรือไง...ตอนนี้ฉันไม่ชอบมันแล้ว คิดดูว่าถ้าได้คนแบบนั้นมาเป็นสามีดาอึน ดาอึนจะถูกข่มเหงขนาดไหน”

โธ่...ถึงขั้นข่มเหงมันก็มากเกินไป แค่ไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในโอวาทเมียนั่นแหละ”

ถ้าได้ลูกสาวคนเล็กของโอซองกรุ๊ปไปเป็นภรรยา ผู้ชายคนไหนไม่ยอมอยู่ในโอวาทก็คงกลายเป็นเรื่องแปลก

ก็นั่นแหละที่ฉันหมายถึง นั่นลูกสาวที่ฉันเลี้ยงมากับมือนะ! แค่ยอมให้มาใช้ชีวิตร่วมกันก็บุญแล้ว”

เรื่องนั้นผมเข้าใจความรู้สึกแม่นะ แต่ตีตัวเสมอพ่อมันลํ้าเส้นเกินไปแล้ว แค่เอาชนะพ่อตัวเองมานั่งอยู่ตำแหน่งนั้นได้ก็ไม่เห็นหัวใครเลยหรือไง...แล้วพ่อว่าไงครับ”

ฉันจะโทร.มาถามเรื่องนั้นนั่นแหละ ควรบอกเรื่องนี้กับพ่อแกไหม ไม่ใช่ว่าจะโดนด่ากลับมาหรอกเหรอ”

ต้องบอกสิครับ”

งั้นการแต่งงานครั้งนี้ก็จบน่ะสิ”

ไหนเมื่อกี้บอกว่าไม่ชอบแล้วไงครับ จบก็ดีไม่ใช่เหรอ”

ทำไมแกชอบจับผิดนัก ฉันก็พูดไปอย่างนั้น”

พ่อไม่ยอมแพ้หรอกครับ แม่ก็รู้จักพ่อดีไม่ใช่หรือไง มารยาทก็ส่วนมารยาท เงินก็ส่วนเงิน ต่อให้ไม่มีมารยาท พ่อก็ไม่ยอมเสียเงินหรอก”

งั้นเหรอ โอเค ฉันจะบอกพ่อของแกเอง”

ฝากบอกพ่อว่าเดี๋ยวฝ่ายกลยุทธ์จะติดต่อเลขาฯฝ่ายนั้นเองครับ”

โอเค แกก็เหนื่อยหน่อยละ แค่นี้นะ อย่าลืมกินข้าว”

ครับ ตอนนี้ก็กำลังกินอยู่”

เลิกงานแล้วก็ไม่ต้องไปหาผู้หญิงที่ไหน”

แม่...”

พอวางสายแล้ว แดซองก็สบถออกมาทันที

ไอ้เวรนี่กล้าดียังไง...”

เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”

พรุ่งนี้เช้าติดต่อไปที่ห้องประธานกรรมการชินยองไฟแนนเชียลกรุ๊ปให้มาเจอพ่อฉัน เฮ้อ...เอายังไงดีนะ”

พนักงานฝ่ายกลยุทธ์จึงรีบออกความเห็นอย่างรวดเร็ว

ผมได้ยินว่าชินยองหลักทรัพย์และการลงทุนเปิดสาขาในนิวยอร์กมาสามปีแล้ว แต่ไม่มีการเติบโตที่โดดเด่นครับ”

นิวยอร์ก...หรือว่า...”

ครับ เรามีโรงงานโอซองอิเล็กทรอนิกส์ในเพนซิลเวเนียอยู่ไม่ใช่เหรอครับ”

หมายถึงให้โยกเงินเดือนของพนักงานที่นั่นกับสินทรัพย์เพื่อการลงทุนมาที่ชินยองหลักทรัพย์และการลงทุนงั้นเหรอ”

ถ้าบอกว่าต้องการเจรจาขอส่วนลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อลงทุนเพิ่ม ก็น่าจะเป็นเหยื่อล่อที่น่าสนใจครับ”

อืม...ก็ใช้ได้นะ พรุ่งนี้ลองส่งเรื่องนั้นไป”

แต่ถ้าประธานกรรมการอีฮยองจุนปฏิเสธการนัดหมาย จะทำยังไงดีครับ”

ถึงจะคิดว่าไม่มีทางเป็นอย่างนั้น แต่พอเห็นสิ่งที่ไอ้บ้านี่มันทำแล้วก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย เงินเดือนของพนักงานกับ IRP[1] ของโอซองประกันชีวิตโอซองประกันภัย แล้วก็โอซองโททาลผูกกับชินยองหมดเลยใช่ไหม”

ใช่ครับ โอซองพลังงานด้วย”

ก็เยอะอยู่นะ บอกไปว่าถ้าปฏิเสธนัด เราจะปิดบัญชีเงินเดือนแล้วเปลี่ยนเป็นธนาคารอื่น แล้วในอนาคตจะไม่เอา IRP ของพนักงานใหม่ทั้งกรุ๊ปไปทำธุรกิจกับบริษัทในเครือของชินยองไฟแนนเชียลเป็นอันขาด อ้อ บอกด้วยว่าจะถอนเงินลงทุน REITs[2] ทั้งหมดที่ลงทุนกับชินยองหลักทรัพย์ฯ ไม่ใช่สิแค่บอกว่าจะถอนออกให้หมดก็พอ”

รับทราบครับ”

ลองกล้าปฏิเสธนัดครั้งนี้ดูสิ...”

คังแดซองขบกราม

ความโกรธที่ปะทุขึ้นเป็นเพราะยังไม่ได้เลิกงานและเครียดมากอยู่แล้วเป็นทุนเดิม

 

พวกประสาท คลั่งการแต่งงานหรือไง หรือคลั่งบริษัทเรา ไม่สิ ถ้ารวยขนาดนั้นก็ควรทำตัวให้เหมาะสมหน่อยไม่ใช่เหรอ จะพุ่งเข้าใส่อะไรถึงขนาดนี้ คิดจะเอาลูกสาวมาขายกินชัด ๆ”

ทันทีที่มาทำงานตอนเช้า ฮยองจุนก็ต้องอึ้งเมื่อได้ยินเรื่องราวผ่านฝ่ายเลขานุการ

ถึงจะเป็นสาขาอเมริกาก็เถอะ แต่เจตนาของอีกฝ่ายก็เห็นได้ชัดเจนซะขนาดนั้น จึงบอกเลขาฯให้ปฏิเสธ แต่เรื่องที่ได้ยินหลังจากนั้นกลับกลายเป็นคำขู่ที่เกินความคาดหมายจริง ๆ

แม้ว่าในส่วนของธนาคารจะเคยได้ยินคำว่าจะย้ายบัญชีเงินเดือนมาบ่อยแล้วก็ตาม แต่คิดไม่ถึงว่าบริษัทใหญ่อย่างโอซองกรุ๊ปจะทำพฤติกรรมเหมือนเด็กแบบนี้

ถ้าทำถึงขนาดนี้แล้ว อย่างไรก็ต้องไปเจอสักครั้ง

ถ้าปฏิเสธการทำธุรกิจกับโอซองกรุ๊ปในเกาหลี ก็ไม่ต่างอะไรกับการละทิ้งบริษัท

ให้ทำยังไงดีคะ”

ฮยองจุนขมวดคิ้วก่อนจะตอบเลขาฯที่กำลังสังเกตการณ์

มะรืนนี้เหรอครับ”

ค่ะ ที่ตึกสำนักงานโอซองอิเล็กทรอนิกส์ ตรงกังนัม...”

บอกเขาว่ามาเจอกันที่โรงแรมริทซ์-คาร์ลตัน อึลจีโรครับ ตอนห้าโมง”

คะ? เอ่อ...รองประธานใหญ่คังแจชิกบอกให้ไปเจอที่ตึกสำนักงานที่กังนัม...”

รองประธานใหญ่คังบอกให้ทำอย่างนั้น ผมก็ต้องทำตามเหรอครับ”

ไม่ใช่ค่ะ”

โรงแรมริทซ์์-คาร์ลตัน อึลจีโร ตอนห้าโมง แจ้งไปแบบนั้นครับ”

รับทราบค่ะ”

ฮยองจุนไล่เลขาฯที่ยังตั้งสติไม่ได้ออกไปข้างนอก จากนั้นก็โทร.หายองฮุนเพราะดูเหมือนว่าเรื่องมันใหญ่เกินกว่าจะแก้ปัญหาด้วยตัวเองแล้ว

แต่ไม่รู้ว่ายองฮุนจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร...

ครั้งนี้ฮยองจุนเองก็มองไม่เห็นทางออกเหมือนกัน

 


[1]  ย่อมาจาก Individual Retirement Pension เงินบำนาญรายบุคคล

[2]  ย่อมาจาก Real Estate Investment Trust ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์


 

บทที่ 256 ปะทะ (3)

 

ปกติแล้วรองประธานใหญ่คังแจชิก ไม่ค่อยพูดเสียงดังในบริษัทและการรบกวนพนักงานด้วยเรื่องหยุมหยิมก็ไม่ใช่นิสัยของเขาด้วย

ถึงจะเป็นอย่างนั้น พวกลูกน้องก็มักคอยสังเกตอารมณ์อยู่เสมอ

เพราะไม่ว่าจะอารมณ์ดีหรือไม่ดีก็จะแสดงให้เห็นผ่านท่าทางเล็ก ๆ น้อย ๆ

เวลาขยับมือเซ็นอนุมัติแรง ๆ พวกผู้บริหารระดับสูงที่ได้รับการอนุมัติจะค่อนข้างเป็นกังวล

เพราะหากผิดพลาด เอกสารขออนุมัติอาจจะปลิวใส่หน้าได้

พวกเลขาฯก็เช่นกัน ถ้าพูดถึงรสชาติของชาในวันนี้ขึ้นมาเมื่อไร ฝ่ายเลขานุการทั้งแผนกจะเข้าสู่ภาวะฉุกเฉิน แม้กระทั่งเดินก็ต้องระวังไม่ให้เกิดเสียง

เพราะเคยไล่พนักงานหญิงไปอยู่แผนกอื่นเพราะเสียงรองเท้าดังเกินควรมาแล้ว

วันนี้ก็เหมือนกัน

หลังจากลูกชายคนรองและหัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์คังแดซองเข้าพบในตอนเช้าแล้วเดินออกมา สีหน้าของทุกคนที่เข้าไปแล้วออกมาจากห้องรองประธานใหญ่ก็ยํ่าแย่พอ ๆ กัน

และช่วงประมาณบ่ายสามโมงกว่า ๆ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ที่ทำให้รองประธานใหญ่อารมณ์เสียเมื่อเช้าก็มาเข้าพบอีกครั้ง

ทันทีที่คังแดซองเคาะประตูก๊อก ๆ และเดินเข้าไป ก็เห็นรองประธานใหญ่คังแจชิกนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ที่ดูสบายพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง

แดซองครับ”

“...”

ท่านรองประธานใหญ่?”

เหนื่อยสินะ”

ครับ?”

เวลามองจากตรงนี้ลงไปข้างล่างนั่น ฉันมักจะมีไฟเสมอ พอคิดถึงการทำมาหากินของคนที่เดินผ่านไปผ่านมาข้างล่างนั่น ความง่วงเหงาหาวนอนก็หายไปหมด”

“...”

แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอายุมากขึ้นหรือเปล่า ตอนนี้ต่อให้มองลงไปข้างล่างก็ไม่รู้สึกอะไรแล้ว...เป็นเพราะใกล้ตายแล้วงั้นเหรอ”

ไม่ใช่แน่นอนครับ”

ใช่ เป็นไปไม่ได้ ถ้างั้นแกคิดว่าปัญหาคืออะไร”

ชั่วขณะนั้น แดซองสัมผัสได้ถึงกระแสไฟแล่นไปตามกระดูกสันหลัง

ไม่ใช่เพราะตื่นเต้น

แต่เป็นเพราะประหม่า

ผมไม่ทราบครับ”

แดซอง”

ครับ”

นั่นคือปัญหาของแก ฉลาดแต่ใช้ไม่เป็น”

แดซองได้ฟังคำพูดประมาณนี้จากพ่อมาเป็นสิบ ๆ ครั้งแล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี

ไม่สิ พูดให้ชัดเจนคือ เข้าใจแต่ก้าวข้ามขีดจำกัดนั้นไม่ได้ต่างหากถึงจะถูก

ขอโทษครับ”

ไม่ต้องขอโทษ ไม่มีอะไรต้องขอโทษ ถ้ารู้สึกผิดก็ควรจะขอโทษตัวเอง”

“...”

ถ้าเป็นพนักงานก็แค่ย้ายไปทำงานในที่ที่เหมาะสม แต่แกเป็นลูกชายฉันเพราะฉะนั้นฉันถึงเลิกบ่นไม่ได้”

ผมจะพยายามให้มากขึ้นครับ”

ในบริษัทมีตำแหน่งและแผนกมากมาย แต่ละคนก็มีหน้าที่ต่างกันบางแผนกรวบรวมคนความจำดีที่เห็นแค่สองสามครั้งก็ท่องจำได้ครบ บางแผนกรวบรวมคนเกลี้ยกล่อมเก่ง มีความเป็นผู้ใหญ่ โดนตบหน้าก็ยังคุมสติอยู่แล้วแกล่ะ”

ผม...”

แกต้องรู้จักมองคนให้เป็น ฉันเป็นคนยังไง”

วิสัยทัศน์กว้างไกลครับ”

อะไรอีก”

มีความสามารถในการมองอย่างทะลุปรุโปร่งครับ”

ถูกต้อง ถึงจะไม่ใช่ความภาคภูมิใจของฉัน แต่อย่างน้อยฉันก็มีสองอย่างนั้น ถึงดูแลบริษัทที่พ่อยกให้มาจนโตขนาดนี้ แล้วแกล่ะ”

ผม...”

รองประธานใหญ่คังแจชิกส่ายหน้าก่อนจะพูด

แกกำลังนำทางมันสมองหลักของกรุ๊ป จำเป็นต้องมองคนให้เก่งกว่าใคร ๆกลุ่มคนที่แกกำลังนำทางคืออัจฉริยะระดับต้น ๆ ของประเทศ แต่คนพวกนั้นก็มีนิสัยต่างกัน ความทะเยอทะยานในใจต่างกัน บางคนพอใจที่ได้รับแค่สิบล้านวอนต่อเดือน บางคนต่อให้ได้ร้อยล้านต่อเดือนก็ยังหวังเยอะกว่านั้นถ้าความทะเยอทะยานต่างกัน หน้าที่ก็ต้องต่างกันด้วย แกเคยคิดไว้ไหมว่าจะใช้พนักงานแต่ละคนของตัวเองยังไง”

แดซองกัดริมฝีปาก

ไม่เคยครับ”

แค่ทำงานที่ได้รับมอบหมายหนึ่งวันยี่สิบสี่ชั่วโมงยังไม่พอเลย

ไม่มีทางจะมีเวลาประเมินพนักงานหลายสิบชีวิตทีละคนและจดจำใส่สมองแน่นอน

แต่พ่อคิดไม่เหมือนกัน

จิ๊ ๆ ๆ...โง่จริง ๆ ถ้าพี่ชายแกนั่งอยู่ตำแหน่งนั้น คิดว่าจะทำอะไรเป็นอย่างแรก”

นัยน์ตาของแดซองสั่นไหว

เพราะไม่เคยคิดแบบนั้นมาก่อนจึงไม่สามารถตอบได้

ผมไม่ทราบครับ”

ถ้าเป็นพี่ชายแก คงจะเริ่มด้วยการจำเรื่องดีและร้ายของพนักงานแต่ละคนแล้วพยายามทำให้ทุกคนกลายมาเป็นคนของตัวเอง พนักงานฝ่ายกลยุทธ์จะอยู่ในแผนกนั้นไปถึงเมื่อไหร่กันเชียว พอเวลาผ่านไปก็คงจะย้ายแผนก บางคนก็อาจจะได้เป็นผู้บริหารคนสำคัญ พี่แกคงทำให้คนของตัวเองได้อยู่ในตำแหน่งสำคัญของกรุ๊ปโดยอัตโนมัติ ดังนั้นไม่มีทางพลาดโอกาสนี้เด็ดขาด”

พ่อ...”

แทงใจสองพี่น้องที่หวังสิทธิ์บริหารอย่างเปิดเผย

แต่แดซองยอมแพ้แล้ว

พี่จับจองพื้นที่ในใจของพ่อไว้อย่างเหนียวแน่น ดังนั้นจึงไม่ได้โลภหวังอยากได้มาตั้งแต่แรก

พ่อกำลังสั่นสะเทือนความรู้สึกแบบนั้นของแดซอง

ถ้าจะพูดถึงความฉลาด แกฉลาดกว่าพี่ชายแก ถึงตอนเด็ก ๆ เกรดพวกแกสองคนจะใกล้เคียงกัน แต่แกน่ะชอบเที่ยวเล่น เพราะแบบนั้นหรือเปล่านะต่อให้คำนวณเร็ว วิเคราะห์เก่ง แต่ก็แค่นั้น ลงลึกกว่านี้ไม่เป็น ในบริษัทมีพนักงานแบบนั้นเยอะแยะใช่ไหม พวกเขาไปอยู่ที่ไหนเป็นหลัก”

สถาบันวิจัยเศรษฐศาสตร์โอซอง...”

รู้ดีหนิ ผู้จัดการกองทุนในโอซองหลักทรัพย์ส่วนใหญ่เป็นคนแบบนั้นคนที่มองขาดได้ลึกที่สุดจะได้เงินเดือนมากกว่าร้อยล้านวอนต่อปี แต่มีคนแบบนั้นตั้งกี่คน แกควรจะมีอะไรแตกต่างไม่ใช่หรือไง”

“...”

ตอนนี้ฉันจะถามอีกครั้ง แกคิดว่าปัญหาคืออะไร”

แดซองอ้าปากพูดหลังจากไตร่ตรองอย่างละเอียด

ผมคิดว่าอาจจะเบื่อจนเริ่มหมดไฟหรือเปล่าครับ”

เบื่องั้นเหรอ”

ครับ อาจจะเบื่อเพราะไม่มีคู่แข่งที่กดดันโอซองกรุ๊ปได้...”

ผิดแล้ว อย่างที่แกบอก ถ้าไม่มีคู่แข่งก็คงจะเบื่อ แต่ไม่ถึงขั้นเหนื่อยตรงกันข้ามเลยด้วยซํ้า โอซองเมื่อห้าปีสิบปีก่อนกับโอซองในตอนนี้น่ะ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย ตอนนี้พวกลูก ๆ ที่ควรจะปฏิบัติกับฉันเหมือนคนแก่ท้ายบ้าน ยังเอาแต่พึ่งพาฉันอยู่เลย เป็นแบบนี้แล้วฉันจะไม่เหนื่อยได้ยังไง”

ถึงจะคิดว่าไร้สาระกับการบอกว่าลูก ๆ ควรจะปฏิบัติเหมือนคนแก่ท้ายบ้านทั้ง ๆ ที่อายุเพิ่งห้าสิบ แต่ก็แสดงให้เห็นว่าความคาดหวังที่มีต่อลูกชายทั้งสองนั้นสูงมาก

ขอโทษครับ”

ที่ฉันต้องมาโดนสบประมาทแบบนี้ เพราะแค่อยากหาคู่ครองให้ลูกสาวเนี่ย...สมควรแล้วหรือไง ถ้าลูกชายสองคนทำให้ฉันมีความสุข มีชีวิตชีวาได้ฉันจะต้องวุ่นวายกับการหาลูกเขยจนเหมือนคนบ้าแบบนี้ไหม แล้วยังต้องถ่อไปโรงแรมคนอื่นเพื่อลากตัวไอ้เด็กไม่รู้จักที่ตํ่าที่สูงนั่นอีก คิดว่าแค่ขอโทษก็พอหรือไง!”

สุดท้ายฟ้าก็ผ่าลงมาจนได้

เสียงตวาดนั้นทำให้แดซองไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา

ฉันรู้ว่าในใจแกกำลังคิดอะไรอยู่ ปล่อยวางซะ บางทีอาจจะสงบลงได้บ้างแต่ตอนนี้คงต้องลองเปลี่ยนความคิดดูหน่อย จำไว้ให้ดี ฉันก็เคยเป็นลูกคนรองมาเหมือนกัน”

เข้าใจแล้วครับ”

เตรียมรถให้พร้อม”

จะสั่งให้เตรียมเดี๋ยวนี้ครับ”

แดซองกัดริมฝีปากแล้วออกมาจากห้องรองประธานใหญ่

 

เลยเวลาห้าโมงเย็นไปประมาณสิบนาที รองประธานใหญ่คังแจชิกก็ปรากฏตัวที่โรงแรมริทซ์์-คาร์ลตันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

พนักงานโรงแรมที่รู้อยู่แล้วว่าวันนี้รองประธานใหญ่คังแจชิกจะเข้ามาจึงนำทางไปยังร้านอาหารชั้นสองด้วยความประหม่า

มาแล้วเหรอครับ”

เมื่อรองประธานใหญ่คังเปิดประตูเข้ามา ประธานกรรมการอีฮยองจุนที่รออยู่ก่อนแล้วจึงโค้งศีรษะให้เล็กน้อย

ยินดีที่ได้เจอนะ ตอนเจอกันที่งานเลี้ยงนักเศรษฐศาสตร์ ฉันเคยคิดว่านายจะกลายเป็นอนาคตของชินยอง แต่นึกไม่ถึงว่าจะได้นั่งตำแหน่งหลักเร็วขนาดนี้ นั่งสิ”

ครับ”

หัวหน้าฝ่ายคังแดซองยืนอยู่ข้างหลังรองประธานใหญ่คังแจชิก

ตอนที่ฮยองจุนพยายามจะพูดบางอย่างเพราะรู้สึกกระอักกระอ่วนกับภาพนั้น รองประธานใหญ่คังแจชิกก็กล่าวขึ้น

ถึงจะเป็นลูกชายฉัน แต่วันนี้ฉันพามาในฐานะหัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ถึงจะคุยเรื่องงาน แต่หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ก็ไม่ควรร่วมโต๊ะด้วยไม่ใช่เหรอ”

ฮยองจุนหัวเราะแห้ง ๆ

พอบอกว่าถ้าไม่คุยเรื่องงานจะไม่ยอมมาเจอก็เลยทำตัวใจแคบแบบนี้สินะ

ฮ่า ๆ...นั่นสินะครับ ผมคิดว่าถ้าทานข้าวน่าจะเร็วเกินไปหน่อย เลยเตรียมชาดี ๆ มาให้แทน ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ”

แบบนั้นก็ดีเหมือนกัน”

หลังจากฮยองจุนเรียกพนักงานมาสั่งชาได้ไม่นาน ชาก็ถูกนำเข้ามาเสิร์ฟ

ทว่ากลับมียองฮุนเดินตามหลังพนักงานเข้ามาด้วย

ทันทีที่เห็นยองฮุนเข้ามา แดซองตกใจมาก แต่ไม่กล้าออกตัวและทำได้แค่สังเกตการณ์

จังหวะที่รองประธานใหญ่คังแจชิกขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะการปรากฏตัวของผู้มาใหม่ ยองฮุนก็ก้มศีรษะทักทาย

สวัสดีครับ ผมชเวยองฮุน กรรมการผู้จัดการฝ่ายวางแผนและประสานงานของเอชเอสกรุ๊ป รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ท่านรองประธานใหญ่แวะมาโรงแรมของเราครับ”

พอเถอะ วันนี้ฉันไม่อยากสนใจอย่างอื่นแล้ว ออกไปเถอะ”

คำพูดไล่แขกอย่างชัดเจนทำให้ยองฮุนยิ้มนิ่ง ๆ แล้วตอบกลับ

อย่างนั้นสินะครับ ว่าแต่เหตุผลนั้นเป็นเรื่องปัญหาทางธุรกิจ หรือเป็นเพราะการแต่งงานของประธานกรรมการอีฮยองจุนล่ะครับ”

ใบหน้าของรองประธานใหญ่คังแจชิกบิดเบี้ยว

เพราะไม่คิดว่าจะมีคำถามอวดดีแบบนี้ออกมา

จากนั้นก็เม้มปากพลางจ้องหน้ายองฮุนอย่างพิจารณาและย้อนถาม

ชเวยองฮุนงั้นเหรอ”

ครับ เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบครับ”

ยองฮุนยื่นมือออกไป

แต่อีกฝ่ายกลับถามด้วยสีหน้าว่านายเป็นใครฉันถึงต้องจับมือด้วย

เห็นฉันเป็นตัวตลกหรือไง ถึงคิดว่าจะทำตัวไร้มารยาทแบบนี้ก็ได้”

ยองฮุนเก็บมือที่ยื่นออกไปกลับมาอย่างเคอะเขินก่อนจะตอบ

คิดซะว่าเป็นความรู้สึกของพ่อแม่ที่ปล่อยลูกไปอยู่ริมนํ้าสิครับ ผมเป็นห่วงมากเลยนะครับ”

ลูก? จะบอกว่าประธานกรรมการอีฮยองจุนเป็นลูกนายงั้นเหรอ”

ถึงจะไม่ได้ป้อนข้าวกล่อมนอน แต่ผมช่วยทำให้เขาได้นั่งตำแหน่งนั้นจะเรียกว่าเลี้ยงในอีกความหมายก็ได้ครับ แต่รองประธานใหญ่อาจจะคิดต่างก็ได้ใช่ไหมครับ”

ใช่ ฉันไม่รู้หรอกว่านายทำให้ประธานกรรมการอีฮยองจุนได้นั่งตำแหน่งนั้นจริงหรือไม่ แต่ถึงจะเป็นความจริง ฉันก็ไม่สนใจ”

ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องสนใจก็ได้ ไม่ต้องสนใจหรอกว่าโรงแรมนี้เป็นของเอชเอสกรุ๊ปหรือเปล่า แฮจูชิปบิลดิ้งแอนด์มารีนเป็นบริษัทในเครือเอชเอสจริงไหม ท่านรองประธานใหญ่ไม่ต้องสนใจก็ได้ครับ”

รองประธานใหญ่คังแจชิกหันไปหาประธานกรรมการอีฮยองจุน

ถ้าเป็นฉัน คงรู้สึกแย่กับคำนั้นมากนะ นายคิดว่ายังไง”

ผมก็รู้สึกไม่ดีเหมือนกันครับ เพราะผมเองก็พยายามอย่างเต็มที่ในแบบของผม...”

แล้วยังไงต่อ”

แต่จะปฏิเสธว่าไม่ใช่มันก็...”

ยองฮุนเป็นคนต่อประโยคหลังของฮยองจุน

เพราะทำแบบนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยไงครับ”

ไม่ได้ช่วยอะไรเลย? นายอุตส่าห์มาถึงนี่เพื่อพูดว่าจะตัดความสัมพันธ์กับพวกเราหรือไง”

ขนาดความสัมพันธ์ระหว่างคนกับคนยังไม่โดนตัดขาดง่ายเหมือนหั่นหัวไชเท้าเลย แล้วความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทที่ไหนจะตัดกันง่ายดายขนาดนั้นล่ะครับ ผมเข้าใจนะครับว่าร้อนใจมาก”

หึ! นายน่ะเหรอ จะเข้าใจแบบนั้น?”

ยองฮุนแย้มยิ้มและถาม

พอดีขาผมค่อนข้างอ่อนแรง ขอนั่งหน่อยได้ไหมครับ ถ้าจะพูดตามตรงแล้ว ผมคือเจ้าของบ้าน ส่วนทั้งสามท่านที่มาวันนี้คือแขก แต่การให้เจ้าของบ้านมาขอที่นั่งจากแขกดูจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่นะครับ”

พูดจบก็หยิบเก้าอี้มานั่ง โดยที่รองประธานใหญ่คังแจชิกไม่พูดอะไร

จากนั้นก็สั่งให้พนักงานที่มือสั่นด้วยความประหม่าวางชาลง ก่อนจะเทให้ทีละคนด้วยตัวเองแล้วกล่าว

ก่อนจะเอาชาเข้ามา ผมยังจำได้อยู่เลยว่าเป็นชาอะไร แต่พอคุยกับท่านรองประธานใหญ่แล้วก็ลืมไปหมดเลยครับ ยังไงมันก็เป็นชาแพงอยู่แล้วคงจะถูกปากครับ”

เขาว่ากันว่าประธานใหญ่ซงอึนแชได้ลูกเขยฉลาดมากจนบริษัทเติบโตนั่นคือนายใช่ไหม”

แน่นอนว่าไม่ใช่การถามเพราะไม่รู้

ผมเป็นคนที่ท่านรองประธานใหญ่ไม่จำเป็นต้องจดจำหรอกครับ แค่โชคดีได้แต่งงานกับลูกสาวมหาเศรษฐีแล้วก็มีชีวิตที่ดีครับ”

นายควรจำไว้ว่าชินยองไฟแนนเชียลอาจจะตกอยู่ในความลำบากครั้งใหญ่เพราะคำพูดอวดดีของนาย ฉันไม่ใช่คนใจบุญ”

ผมไม่รู้หรอกครับว่าใจบุญจริงหรือเปล่า แต่ผมไม่คิดว่าท่านรองประธานใหญ่จะสร้างความวุ่นวายแบบนั้นเพราะผมคนเดียว สมัยนี้เป็นแบบนั้นไม่ใช่เหรอครับถ้าเกิดคนที่มีอำนาจข่มเหงคนไม่มีอำนาจ ระหว่างถกเถียงเรื่องการใช้อำนาจในทางมิชอบ ประชาชนก็จะยิ่งเกลียดชัง มากไปกว่านั้น ถ้าตัดความสัมพันธ์ที่มีกับชินยองเพราะผมแค่คนเดียว พวกนักการเมืองจะกังวลขนาดไหนล่ะครับ”

รองประธานใหญ่คังแจชิกแค่นหัวเราะ

ใช้ได้หนิ”

แดซองที่ยืนอยู่ข้างหลังตกใจกับคำพูดนั้น

เนื่องจากเป็นคำที่ได้ยินจากปากพ่อยากมาก หากทำได้ไม่ถึงมาตรฐานที่ตั้งไว้

เดาออกว่าทำไมพ่อถึงพูดแบบนั้น

ไม่สนกฎเกณฑ์ถูกผิด และไม่เคยมีใครกล้าพูดจาแบบนั้นต่อหน้าพ่อมาก่อน

แม้แต่ประธานกรรมการอีฮยองจุนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ยังมีเหงื่อซึมบนหน้าผากทั้งที่ลมจากเครื่องปรับอากาศยังพัดเย็นสบาย

สมควรที่ถูกชมแล้ว

แต่กรรมการผู้จัดการชเวยองฮุนที่ได้รับคำชมหาฟังยากกลับพูดต่อด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกใด ๆ

มีสโมสรฟุตบอลที่โอซองกรุ๊ปเป็นเจ้าของอยู่ใช่ไหมครับ ผมรู้มาว่าปกติท่านรองประธานใหญ่ชอบฟุตบอลเลยรักสโมสรมาก ถูกต้องไหมครับ”

ใช่ แล้วยังไง”

ถ้ากองหน้าของอินชอน โอซองไม่มียูจุนฮัก คงจะคว้าชัยชนะในลีกปีที่แล้วไม่ได้ เขาเป็นนักเตะที่ดีมากครับ แต่ถ้าเกิดจีเค ซองนัม บอกว่าอยากได้ยูจุนฮักในราคาห้าพันล้านวอน จะทำยังไงล่ะครับ”

ยูจุนฮักเป็นนักเตะที่ฉันไม่ขาย”

ใช่ไหมล่ะครับ ผมก็คิดไว้แล้วว่าคงไม่ขาย ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่าNot For Sale หรือเปล่านะ นักเตะที่ไม่คิดจะขาย สำหรับผม ประธานกรรมการอีฮยองจุนก็เป็นแบบนั้นครับ ประธานกรรมการอีฮยองจุน NFS ครับ”

รองประธานใหญ่คังแจชิกพูดเหมือนเหลือเชื่อ

พูดจาเหลวไหล ถ้างั้นจะใส่อะไรในรายการโอนได้บ้างล่ะ”

ถึงจะเป็นการถามเล่น ๆ แต่คำตอบของยองฮุนกลับเกินความคาดหมาย

อืม...ยกตัวอย่างเช่น สส.ชอนโบยุน ดีไหมครับ”

อะไรนะ”

จะจับเชือกเปื่อย ๆ ไปถึงเมื่อไหร่ครับ ถ้าพูดดี ๆ กับผม ผมจะเตรียมที่นั่งบนเชือกที่ค่อนข้างแข็งแรงให้สักที่ เป็นไงครับ สนใจไหม”

รองประธานใหญ่คังแจชิกที่เคยจมอยู่กับความเหนื่อยหน่าย รู้สึกเหมือนตื่นขึ้นมาจากการนอนหลับอันยาวนาน


 

บทที่ 257 ปะทะ (4)

 

แค่พูดด้วยดี  งั้นเหรอ...”

แดซองที่ยืนอยู่ข้างหลังรู้สึกแปลกใจ เมื่อพ่อยืดหลังตรงแล้ววางจุดสนใจไว้ที่อื่น ไม่ใช่ สส.ชอนโบยุน

มีเรื่องให้ถามมากมายว่า ท่ามกลางผู้เล่นที่มีเกลื่อนกลาด ทำไมถึงต้องเป็น สส.ชอนโบยุน มูลค่าของเขาคืออะไร และที่สำคัญกว่านั้น ยองฮุนสามารถคอนโทรล สส.ชอนได้อย่างไร เป็นต้น

แต่พ่อกลับให้ความสนใจไปยังจุดที่ตนคิดว่าไม่ค่อยสำคัญ

อีกด้านหนึ่งนั้น ยองฮุนค่อนข้างประทับใจ

แค่พูดให้ดีก็พอ...

เพราะนี่เป็นข้อเสนอหลักของยองฮุน

ครับ”

หมายความว่าฉันต้องพูดดี ๆ ใช่ไหม”

ถูกต้องครับ”

ฉันจำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้นเลยเหรอ”

งั้นเหรอครับ ท่าทางจะมั่นใจนะครับ”

หว่างคิ้วของรองประธานใหญ่คังแจชิกขมวดเข้าหากัน

เจ้านั่นมั่นใจมาจากไหนว่าชอนโบยุนจะเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี

ถ้าสถานการณ์ของฝ่ายค้านที่ไม่ต่างอะไรกับบ้านจัดงานศพ การลงสมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีของพรรครัฐบาลก็ไม่ต่างกับการกำหนดตัวประธานาธิบดีล่วงหน้า

อีกฝ่ายเอาความมั่นใจมาจากไหนถึงมองว่าประธานพรรคมินกูซังที่โอซองกรุ๊ปสนับสนุนเป็นแค่เชือกเปื่อย ๆ

รองประธานใหญ่คังแจชิกอยากรู้จนแทบคลั่ง

นายเคยเล่นพนันไหม”

ไม่ครับ”

เดิมทีชีวิตก็คือการพนัน เราไม่สามารถเลือกพ่อแม่ที่ให้กำเนิดได้ จะคบเพื่อนแบบไหน จะคบกับผู้หญิงแบบไหน ไปโรงเรียนแบบไหน เราเล่นพนันกันมาตลอดชีวิต ระหว่างทางก็แค่หาความเป็นไปได้ที่ดีที่สุดในความคิดของตัวเอง”

ผมเห็นด้วยครับ”

ไม่ใช่แค่ชีวิตที่เหมือนกับการเล่นพนัน เงินที่แต่ละคนใช้ลงเดิมพันก็เช่นกัน คนที่ไม่มีเงินเดิมพันจะรอไพ่ที่สามารถเอาชนะได้อย่างแน่นอน แม้เงินที่ได้กลับมาจะน้อยก็ตาม ส่วนคนที่มีเงินเดิมพันเยอะ ถึงจะอยู่ในจุดที่เดิมพันได้โดยไม่จำเป็นต้องลังเล แต่พอคิดถึงเงินเดิมพันของตัวเองแล้วก็มักจะลังเลจนปล่อยโอกาสทิ้งไป”

“...”

แต่ถ้ามีเงินเดิมพันเยอะเท่าฉัน จะเป็นยังไงรู้ไหม สามารถลงแข่งได้หมดทุกกระดานเลยน่ะสิ และตอนนั้นจะไม่ใช่การพนันแล้ว คังวอนแลนด์[1] จะลงมาเล่นพนันกับลูกค้าไหมล่ะ ก็ไม่มีทางเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว เพราะพวกเขาเพียงแค่ทำธุรกิจเท่านั้น ควบคุมความเป็นไปได้ทั้งหมดด้วยตัวเอง ฉันก็เป็นแบบนั้นคนที่เอาชนะไม่ได้งั้นเหรอ ฉันทำให้ชนะเอง นั่นคืออำนาจของโอซอง อำนาจของฉัน”

ฮยองจุนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามตัวสั่นอย่างไม่รู้ตัว

รู้สึกกดดันเพราะคำพูดข่มขวัญของรองประธานใหญ่คังแจชิก

อย่างไรก็ตาม สีหน้าเฉยเมยของยองฮุนไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก

ถึงจะพูดยาว แต่ย่อให้กระชับก็คือการบอกว่าจะปัดข้อเสนอทิ้งถ้าแพงเกินไปนั่นเอง

ท่านรองประธานใหญ่ก็คงทราบอยู่แล้ว เวลาซื้อผู้เล่นที่อยู่ในรายชื่อโอนย้าย แค่เจรจาต่อรองดี ๆ ก็สามารถซื้อได้ในราคาที่เหมาะสมครับ แต่เวลาซื้อผู้เล่น NFS ก็ต้องซื้อในราคาสูงเกินกว่าที่ท่านรองประธานใหญ่ประเมินไว้มาก ถ้าผมหงุดหงิดจนเล่นงาน NFS จะทำยังไงครับ”

ถึงสโมสรจะไม่อยากขายแค่ไหน แต่ผู้เล่นก็อาจต้องการสโมสรใหญ่ถ้าผู้เล่นอยากออกเอง ต่อให้ไม่อยากขายก็ต้องขาย”

เป็นความคิดที่ใช้ได้นะ แต่พอดีผมเป็นสไตล์ที่ชอบควบคุมผู้เล่นให้สมบูรณ์แบบมากที่สุดครับ แจ้งไว้ก่อนว่าเหลือเวลาโอนย้ายอีกไม่มากแล้วและแน่นอนว่าหากหมดเวลาโอนก็ Not For Sale ครับ”

นี่คือการบอกเป็นนัยว่าอีกไม่นานก็จะเข้าสู่การเลือกตั้งประธานาธิบดีแล้ว

รองประธานใหญ่คังแจชิกที่นั่งหลังตรงจึงเอนหลังพิงพนักเก้าอี้

แล้วถาม

จู่ ๆ ก็รู้สึกหิวขึ้นมาแล้วสิ ที่นี่อะไรอร่อย ฉันไม่ค่อยรู้จักโรงแรมที่ไม่ใช่บริษัทในเครือตัวเองเท่าไหร่”

เชฟอาหารจีนที่นี่สุดยอดมากครับ โดยเฉพาะบะหมี่ทะเลรสเผ็ด ลูกค้าชอบพูดบ่อย ๆ ว่าถ้าได้ลองชิมของที่นี่สักครั้ง จะกินร้านข้างนอกไม่ได้อีกเลยครับ”

เผ็ดร้อนน่ากินดี บะหมี่ทะเลรสเผ็ดคนละชามแล้วกัน”

ได้ครับ”

ยองฮุนเรียกพนักงานมาสั่งว่าให้นำบะหมี่ทะเลรสเผ็ดสี่ชามมาเสิร์ฟ

แม้ว่าสถานที่ที่แลกเปลี่ยนบทสนทนากันอยู่ตอนนี้จะไม่ใช่ห้องอาหารจีนแต่หัวหน้าแผนกโจฮยอนมินที่รออยู่ข้างนอกอย่างประหม่าก็รีบวิ่งไปที่ครัวห้องอาหารจีนแล้วตะโกน

ช่วยเตรียมบะหมี่ทะเลรสเผ็ดสี่ชามให้หน่อยครับ ท่านรองประธานใหญ่โอซองกรุ๊ปจะทาน มีความภาคภูมิใจของโรงแรมเราเป็นเดิมพัน ดังนั้นทำให้สุดความสามารถเลยนะครับ”

ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นการมาเยือนของโอซองกรุ๊ป พนักงานโรงแรมทุกคนจึงอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่อยู่ ๆ กลับสั่งบะหมี่ทะเลรสเผ็ดเนี่ยนะ...

เชฟอาหารจีนทุ่มเทแรงกายแรงใจทำทั้งสี่ชามอย่างพิถีพิถัน

พนักงานระมัดระวังอย่างยิ่งในการเคลื่อนย้ายทางไกลเพื่อนำบะหมี่ทะเลรสเผ็ดสี่ชามมาเสิร์ฟ เพราะกลัวว่านํ้าซุปจะกระเด็น ทันทีที่มันถูกวางลงบนโต๊ะรองประธานใหญ่คังแจชิกก็กล่าว

นั่งซะ กินกันเถอะ”

ครับผม”

แดซองที่ยืนอยู่ข้างหลังตลอดจึงนั่งลงบนเก้าอี้และกินบะหมี่ทะเลรสเผ็ดด้วย

จากนั้นผู้ชายสี่คนก็เอาแต่กินบะหมี่ทะเลรสเผ็ดโดยไม่พูดอะไรกัน

อาจจะเป็นเพราะความตึงเครียดที่แผ่กระจายไปทั่วห้องที่มีเพียงเสียงกินข้าวด้านหลังเสื้อเชิ้ตสีขาวของหัวหน้าแผนกโจฮยอนมินที่รับหน้าที่เสิร์ฟด้วยตัวเองเลยเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ

หลังจากกวาดนํ้าซุปจนเกลี้ยง รองประธานใหญ่คังแจชิกก็ใช้ผ้าเช็ดปากพร้อมกับเอ่ยชม

ใช้ได้นะ”

ดีใจที่ถูกปากครับ ปริมาณค่อนข้างเยอะ แต่ก็ทานหมดเลยนะครับเนี่ย”

เจ้าของบ้านนำอาหารมาเสิร์ฟ แขกก็ต้องทานให้หมดสิ มันเป็นมารยาท”

ถึงจะฟังได้ความว่าต่อให้ไม่อร่อยก็ต้องฝืนกิน แต่ยองฮุนก็ข้ามไปอย่างไม่ได้สนใจมากนัก

ได้ลองคิดอะไรบ้างไหมครับระหว่างทานอาหาร”

หือ คิดอะไร”

ฮ่า ๆ! ไม่มีอะไรครับ รับกาแฟเป็นของว่างหลังอาหารไหมครับ”

ไม่ต้องหรอก วันนี้ฉันดื่มกาแฟพอแล้ว”

ถ้างั้นกลับเลยดีไหมครับ”

เมื่อยองฮุนถามว่าจะกลับเลยไหมอย่างไม่ลังเล รองประธานใหญ่คังแจชิกจึงมองยองฮุนด้วยสีหน้าประหลาดใจก่อนจะถาม

นายอายุสามสิบต้น ๆ เหรอ”

ใช่ครับ”

จบมหา’ลัยไหน”

ไม่มีครับ ผมสอบเทียบวุฒิ ม.ปลาย”

หลังจากได้รู้จักกันมาสักพัก ฮยองจุนก็เคยได้ยินเรื่องที่ยองฮุนสอบเทียบวุฒิ ม.ปลายมาแล้วเช่นกัน

ตอนนั้นช็อกขนาดไหน...

ในทางกลับกัน หลังจากรู้เรื่องนั้น ยองฮุนก็เลยยิ่งน่ากลัว (?) มากขึ้น

เพราะถ้ามีแบ็กกราวนด์ชัดเจน แค่ระวังแบ็กกราวนด์นั้นก็พอ แต่ยองฮุนไม่มีอะไรแบบนั้นเลย

สอบเทียบวุฒิ ม.ปลายงั้นเหรอ...สุดยอดจริง ๆ”

ไม่มีอะไรน่าชมหรอกครับ แค่เรื่องเป็นแบบนั้นก็เท่านั้นเอง”

ยองฮุนแสดงออกว่าไม่คิดจะต่อความยาวราวกับการสนทนาที่ไร้ประโยชน์

แดซองถึงกับอึ้งเมื่อเห็นการแสดงออกที่ชัดเจนเกินไป ยองฮุนทำตัวเหมือนพ่อค้าที่บอกว่าถ้าไม่ซื้อก็รีบ ๆ ออกไปซะ

รองประธานใหญ่คังแจชิกใช้ปลายนิ้วเคาะโต๊ะพร้อมกับมองหน้ายองฮุนแล้วค่อยลุกขึ้น

อาหารอร่อยดี”

ยองฮุนพูดขณะที่นั่งอยู่เช่นเดิม

อ้อ ผมขอพูดอีกเรื่องครับ เผื่อท่านรองประธานใหญ่จะเข้าใจผิด”

อะไร”

ถึงผมจะเปิดประตูไว้ได้จนกว่าจะถึงเวลาปิดตลาดโอน แต่อย่างน้อยผมก็หวังว่าท่านรองประธานใหญ่จะไม่สร้างรอยตำหนิให้ผู้เล่นของผม หรือติดต่อพวกเขาล่วงหน้านะครับ ถ้าเป็นอย่างนั้น นับตั้งแต่วินาทีนั้นเป็นต้นไปจะไม่มีการเจรจาต่อรองครับ”

รองประธานใหญ่คังแจชิกจ้องยองฮุนก่อนจะเดินออกไปโดยไม่พูดอะไร

ท่าทางน่าสะพรึงนั้นทำให้ทุกคนใจเต้นรัวจนไม่อาจสงบลงได้ ยกเว้นยองฮุน

พอหัวหน้าแผนกโจเดินออกไปส่งกลุ่มของรองประธานใหญ่คัง ฮยองจุนที่เหงื่อออกจนหมดแรงก็ถาม

เฮ้ย เป็นบ้าหรือไง”

ดูเหมือนเป็นอย่างนั้นเหรอครับ”

เออ นายไม่รู้จักความพอดีเหรอ หรือใช้ชีวิตโดยที่อวัยวะภายในบางอย่างหายไป”

ตับผมยังอยู่ดีครับ”

ว่าแต่ทำไมเขาถึงไม่ตอบอะไรแล้วกลับไปเลยล่ะ ไม่สิ ยิ่งกว่านั้น ถ้าเป็นชอนโบยุนก็คือผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่นายผลักดันไม่ใช่เหรอ ทำไมเขาถึงปฏิเสธล่ะ”

เมื่อกี้ก็ได้ยินแล้วนี่ครับ”

อะไร”

ผมบอกว่าต้องพูดกับผมดี ๆ”

เพราะต้องพูดกับนายดี ๆ เลยทำลายข้อตกลงแล้วกลับเหรอ”

ถูกครึ่งผิดครึ่งครับ เขาไม่ได้ทำลายข้อตกลง ถึงได้ไม่พูดอะไรเลยไงครับ เพราะถ้าแสดงความตั้งใจจะปฏิเสธ ดีลจะล่มทันที แต่เขาไม่ถูกใจเงื่อนไขที่ว่าต้องพูดดี ๆ กับผมครับ ยังไงก็ตาม ผมมีงานต้องทำ ขอตัวก่อนนะครับ”

ยองฮุนทิ้งฮยองจุนที่ยังตามอะไรไม่ทันไว้แล้วออกมาจากโรงแรม

ภายในรถระหว่างทางกลับบ้าน

คังแดซองที่นั่งอยู่ข้างคนขับแอบมองพ่อที่กำลังหลับตาเอนศีรษะไปข้างหลังเขามีเรื่องที่อยากถามเยอะมาก แต่ไม่กล้าอ้าปากพูด

ทว่าพอใกล้จะถึงบ้าน รองประธานใหญ่คังแจชิกกลับพูดขึ้นมา

ไปบริษัทกันเถอะ”

รับทราบครับ”

คนขับรถจึงกลับรถอย่างไม่ลังเลแม้บ้านจะอยู่แค่ตรงหน้า

จังหวะที่แดซองคิดว่าได้เวลาถามแล้ว รองประธานใหญ่คังก็ชิงพูดก่อน

แดซอง”

ครับ”

รู้สึกอะไรบ้างไหม”

ช่วงเวลาของการตอบคำถามเริ่มขึ้นอีกครั้ง แม้จะมีสิ่งที่อยากถามมากมายแต่พอโดนถามกลับมาว่ารู้สึกอย่างไร แดซองก็สับสนอีกครั้ง

คือ...”

“...”

เป็นคนกล้าหาญดีครับ”

กล้าหาญ...จบแค่นั้นเหรอ”

“...”

อืม...ยังห่างไกลสินะ จะว่าไปแล้ว ต่อให้เป็นพี่ชายแกอยู่ตรงนั้นก็คงจะไม่ง่ายเหมือนกัน”

แดซองแอบโล่งใจ

แต่ไม่นานก็ต้องประหลาดใจอีกรอบ

เพราะคำพูดของพ่อเหมือนจะบอกว่า ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อก็ไม่อาจเผชิญหน้าได้

รองประธานใหญ่คังกระตุกมุมปากแล้วพูดต่อ

ไม่ได้เจอมานานแล้ว คนที่กล้าเล่นกับฉัน...”

ถ้าประธานพรรคมินกูซังชนะ สส.ชอนโบยุนไม่ได้จริง ๆ เราก็ควรพิจารณายอมรับข้อเสนอของผู้ชายคนนั้นไม่ใช่เหรอครับ”

ไอ้เด็กโง่ คิดว่ามันจะให้ฟรีหรือไง”

ครับ?”

แดซองไม่กล้าพูดประโยคว่า ‘แค่พูดดี ๆ’ ออกมา

จำได้ไหมว่าพวกเราไปที่นั่นเพื่ออะไร”

เรื่องประธานกรรมการอีฮยองจุน...”

ใช่ ฉันตั้งใจจะไปขู่ให้เด็กนั่นมาเป็นลูกเขยฉัน แต่หลังจากไอ้เด็กเวรของเอชเอสการผลิตโผล่มา ฉันก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำ แกคิดว่าทำไมฉันถึงไม่พูดอะไรล่ะ”

เพราะข้อเสนอของชเวยองฮุนใหญ่กว่าชินยองไฟแนนเชียลหรือเปล่าครับ”

ผิด”

ครับ?”

แกนี่นะ ถ้าแกมีธุรกิจทำเงินห้าหมื่นล้านกับธุรกิจทำเงินแสนล้าน แกจะยอมทิ้งธุรกิจหนึ่ง แล้วทำแค่ธุรกิจแสนล้านอย่างเดียวเหรอ”

ต้องทำทั้งสองอย่างครับ”

ใช่ แต่ที่ฉันไม่พูดเรื่องนั้นออกมาเป็นเพราะท่าทีของมัน ทั้ง ๆ ที่อยู่ต่อหน้าฉัน กลับพูดคำว่า NFS ออกมาอย่างหน้าตาเฉย แถมยังเสนออะไรที่ใหญ่กว่านั้นออกมาแทนอีก ถ้าตอนนั้นฉันพูดเรื่องแต่งงานของประธานกรรมการอีฮยองจุนขึ้นมา ไอ้เด็กเวรนั่นคงล้มกระดานแล้วออกไปเลยแน่ ดูผ่าน ๆ เหมือนจะง่าย แต่นั่นเป็นท่าทีที่ไม่มีทางแสดงออกมาง่าย ๆ ถ้าไม่ได้มองทะลุใจฉัน”

“...”

แค่กล้าหาญอย่างเดียวจะทำแบบนั้นได้เหรอ”

ไม่ครับ ต้องมีจิตใจลึกซึ้งและการคำนวณอย่างรอบคอบเป็นพื้นฐานครับ”

ถูกต้อง เด็กนั่นคำนวณเสร็จตั้งแต่ก่อนจะมานั่งตรงนั้นแล้ว รู้ว่าพวกเราต้องรับอย่างไม่มีทางเลือก”

ว่าแต่ทำไมพ่อถึงไม่รับล่ะครับ”

เด็กนั่นบอกว่าถ้าฉันพูดกับมันดี ๆ แล้วจะยกที่นั่งข้าง ๆ ผู้สมัครประธานาธิบดีให้ฉัน คำนั้นหมายความว่ายังไงล่ะ หมายถึงแค่ยิ้มแล้วฝากเนื้อฝากตัวหรือไง”

แดซองส่ายหน้าอย่างแรงแล้วตอบ

คำพูดของพ่อคือความคิดเห็นและทิศทางธุรกิจของโอซองกรุ๊ปครับพอทิศทางธุรกิจขึ้นอยู่กับคำพูดจากปากพ่อ มูลค่าของคำพูดนั้นจึงมีนํ้าหนักหลายหมื่นหลายแสนล้านครับ”

ใช่ เด็กนั่นก็คิดแบบนั้น ถึงบอกว่าสามารถขายผู้เล่นที่อยู่ในรายชื่อโอนย้ายในราคาที่เหมาะสมได้ คำนั้นหมายความว่าไม่ได้ให้ฟรี และราคาที่เหมาะสมของทรัพยากรที่มีจำกัดก็ขึ้นอยู่กับผู้ขายกำหนด ไม่ใช่ผู้ซื้อ”

แดซองขนลุก

ไม่นึกมาก่อนว่าจิตใจของคนรุ่นราวคราวเดียวกันจะอยู่ในระดับเดียวกับพ่อ

แต่คำพูดของพ่อยังไม่จบ

ยังไม่จบแค่นั้น”

ครับ? มีอีกเหรอครับ”

เวลาจ่ายเงินขอตำแหน่งน่ะ เคยมีใครได้ตำแหน่งสูงกว่าคนรับสินบนไหมล่ะ”

แดซองเข้าใจในตอนนั้นนั่นเอง

หลักการแสนเรียบง่าย...

อ่า...”

ตอนนี้เข้าใจแล้วใช่ไหม เด็กนั่นจะอยู่เคียงข้างประธานาธิบดี และเตรียมตำแหน่งที่ตํ่ากว่าตัวเองหนึ่งระดับให้ฉัน หมายความว่ามันจัดโอซองกรุ๊ปที่ยิ่งใหญ่ของเราให้อยู่ตํ่ากว่าตัวเอง ต่อไปลำดับความสำคัญของเราในโครงการที่รัฐบาลเป็นผู้นำจะอยู่ตํ่ากว่าเอชเอสไงล่ะ แล้วฉันจะยอมรับข้อเสนอตรงนั้นได้ยังไง”

แดซองสั่นสะท้าน

กลับไปสืบเรื่องของชเวยองฮุนมา โตมายังไง เรียนที่ไหน เป้าหมายคืออะไร สืบมาให้ครบ อย่าพลาดแม้แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในอนาคตถ้าจะมีใครเข้ามาขยํ้าคอแกก็อาจจะเป็นมัน”

รอยยิ้มแปลก ๆ ปรากฏอยู่บนริมฝีปากของรองประธานใหญ่คังแจชิกขณะพูดเช่นนั้น

ไม่ได้เจอมานานแล้ว...

ไม่ได้ตื่นตัวแบบนี้มานานแล้วจริง ๆ

 


[1]  กาสิโนถูกกฎหมายแห่งเดียวในเกาหลีใต้


 

บทที่ 258 วัดความลึกของนํ้าด้วยตา (1)

 

ถึงจะสั่งให้สืบ แต่ประวัติส่วนตัวก็ไม่ได้หากันง่าย ๆ ภายในไม่กี่ชั่วโมงเหมือนในละครหรือภาพยนตร์

รองประธานใหญ่คังแจชิกเองก็รู้เรื่องนั้นอยู่แล้ว พอไปถึงบริษัทจึงไม่คิดจะเร่งสั่งให้สืบเรื่องเกี่ยวกับชเวยองฮุนทันที เพียงแค่คิดจะมีส่วนร่วมกับงานที่เคยฝากแดซองไว้ก่อนหน้านี้ด้วยตัวเอง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมากสำหรับแดซอง

หามาได้ทั้งหมดมีแค่นี้เหรอ เรื่องการเรียนพิเศษของลูกเนี่ยนะ”

สายตาเย็นชาของรองประธานใหญ่คังทำเอาแดซองต้องกลืนนํ้าลายแห้ง ๆ

ไม่ใช่เป้าหมายหลักครับ ผมกำลังหาเพิ่มอยู่”

เรื่องไหน”

ครับ?”

กำลังหาส่วนไหนเพิ่ม”

แดซองมีลางสังหรณ์แวบผ่านเข้ามาในสมอง ถ้าเกิดตอบไปว่า ‘ทั้งหมด’คงไม่พ้นโดนพ่อมองว่าเป็นคนโง่อีกแน่นอน

ถึงจะสั่งให้สืบทุกอย่างเกี่ยวกับ สส.ชอนโบยุนจริง ๆ แต่พ่อกลับต้องการอย่างอื่นเพิ่มมากกว่านั้น

กำลังสืบเรื่องครอบครัวเป็นหลักครับ”

ประเมินได้ไม่เลว แต่การเรียนพิเศษของลูกสร้างความเสียหายอะไรได้ไม่เยอะ มีคำโบราณว่าไว้ว่าโจรขโมยหนังสือไม่นับว่าเป็นโจร คนประเทศเราใจกว้างเกี่ยวกับเรื่องการศึกษาประมาณหนึ่ง อันนี้หละหลวมเกินไป”

รับทราบครับ”

รองประธานใหญ่คังแจชิกโยนรายงานเกี่ยวกับการเรียนพิเศษของลูกชายสส.ชอนโบยุนทิ้ง

ต่อให้ขาดไปสักหน่อยก็ยังคิดว่าเป็นอาวุธที่ใช้ได้ แต่กลับถูกโยนทิ้งทันที

แดซองที่รู้สึกหนักใจมากยิ่งขึ้นกะพริบตามองปากของรองประธานใหญ่คัง

แล้วอย่างอื่นล่ะ”

เมื่อแดซองมีท่าทีลังเล รองประธานใหญ่คังแจชิกจึงกดอินเตอร์โฟน

อิลกนอยู่ที่โต๊ะหรือเปล่า”

ครับ ท่านรองประธานใหญ่”

เข้ามาซิ”

หลังจากนั้นไม่นาน ประธานชเวอิลกน ทีมสนับสนุนธุรกิจโกลบอลของโอซองอิเล็กทรอนิกส์ก็เข้ามา

ประธานชเวอิลกนคือคนที่เคยนั่งตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ก่อนคังแดซองจะถูกแต่งตั้ง

เรียกผมเหรอครับ”

ก่อนหน้านี้นายเคยบอกว่ารู้จักประธานใหญ่ซงอึนแชของเอชเอสดีใช่ไหม”

ครับ รู้จักดี เธอเป็นเพื่อนสนิทกับน้องสาวผมครับ”

ไปงานแต่งงานเมื่อปีที่แล้วมาด้วยเหรอ”

ใช่ครับ”

ตอนที่ประธานใหญ่อิมของฮยอนจินเฮฟวี่อินดัสทรีส์ล้มป่วย แล้วบริษัทแยกออกเป็นสองน่ะ รู้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

นับตั้งแต่ฮยอนจินการผลิตเข้าครอบครองกิจการของฮยอนจินการท่องเที่ยว เขาก็พยายามหาสาเหตุจากหลาย ๆ แหล่งเกี่ยวกับสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงนั่น

แต่ไม่มีเรื่องราวแน่ชัดเกี่ยวกับความขัดแย้งของผู้บริหารออกมาจากที่ไหนเลย ไม่ว่าจะเป็นฮยอนจินเฮฟวี่อินดัสทรีส์หรือฮยอนจินการผลิตก็ตาม และหลังจากซื้อกิจการฮยอนจินการท่องเที่ยวเสร็จเรียบร้อยก็ไม่มีการต่อสู้อะไรมากกว่านั้น

แม้จะถือกำเนิดใหม่เป็นเอชเอสกรุ๊ปด้วยการแยกบริษัทในเครืออย่างเงียบ ๆ และรวบรวมการก่อสร้าง อู่ต่อเรือเข้าด้วยกันแล้ว แต่เหตุผลที่ฮยอนจินการผลิตพยายามแยกบริษัทในเครือตั้งแต่แรก รวมถึงเหตุผลที่ว่าทำไมชินยองไฟแนนเชียลจึงช่วยเหลือเรื่องการซื้อกิจการก็ยังไม่เปิดเผยแน่ชัด

ตอนนั้น เด็ก ๆ ในฝ่ายกลยุทธ์ของเราพยายามหาคำตอบจากหลาย ๆ ส่วนแต่มีอยู่หนึ่งส่วนที่โดนขวางไว้ครับ”

เริ่มจากเรื่องที่ไม่ได้โดนขวางก่อน”

ในเวลานั้น ซงอึนแช ประธานบริษัทฮยอนจินการผลิตตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากมากครับ เธอไม่ได้จบคณะบริหารธุรกิจด้วยซํ้า แต่เข้ารับตำแหน่งแทนอดีตประธานอิมที่ล้มป่วย จึงมีคนมากมายสงสัยในความสามารถของเธอจากนั้นก็มีข่าวลือว่าคิมแทฮยอน ประธานใหญ่คนปัจจุบันของฮยอนจินเฮฟวี่อินดัสทรีส์จะยึดฮยอนจินการผลิต ซึ่งในความเป็นจริง หากดูจากหุ้นที่ฮยอนจินเฮฟวี่อินดัสทรีส์ถืออยู่ ก็มีความเป็นไปได้สูงมาก แต่น่าเหลือเชื่อมาก เพราะท้ายที่สุดฮยอนจินการท่องเที่ยวที่แม่ของประธานใหญ่คิมแทฮยอนเคยเป็นเจ้าของกลับโดนแย่งไปครับ”

เพราะอะไร”

นั่นเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่พวกเรายังไม่เข้าใจครับ ฮยอนจินการผลิตกับชินยองไฟแนนเชียลร่วมมือกันด้วยเหตุผลอะไร ผ่านกระบวนการไหน ชินยองยอมขายหุ้นของฮยอนจินการผลิตที่ตัวเองถืออยู่ในราคาที่ถูกมาก ทำให้สิทธิ์ในการบริหารของฮยอนจินการผลิตแข็งแกร่งขึ้น ระหว่างที่ให้ความช่วยเหลือในการซื้อกิจการฮยอนจินการท่องเที่ยว พวกเขาก็ประสานมือและเท้าก้าวเดินอย่างพร้อมเพรียง จนคิดว่าอาจจะมีความสัมพันธ์เกี่ยวดองกันครับ รวมถึงเป็นมือเป็นเท้าในการเข้าซื้อกิจการของฮยอนจินการผลิตด้วย สุดท้ายประธานใหญ่คิมแทฮยอนที่ไม่ได้คาดคิดเกี่ยวกับชินยองไฟแนนเชียลก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องปล่อยฮยอนจินการผลิตและตัวทำเงินที่ดีที่สุดอย่างฮยอนจินการท่องเที่ยวให้โดนแย่งไปครับ”

ถึงฉันจะไม่สนใจเรื่องการควบกิจการเล็ก ๆ น้อย ๆ นั่น แต่ตอนนั้นก็ควรจะสืบให้ละเอียดกว่านี้หน่อยสินะ รู้สึกตัวช้าเกินไปจริง ๆ”

ไม่หรอกครับ พวกเขาไม่ได้มีธุรกิจทับซ้อนกับเรา แถมเป็นแค่บริษัทเล็ก ๆ เมื่อเทียบกับโอซองกรุ๊ปอย่างที่ท่านรองประธานพูดเลยครับ”

ตอนนั้นซื้อฮยอนจินการท่องเที่ยวสินะ แต่เผลอแป๊บเดียวก็ได้ก่อสร้างรวมถึงอู่ต่อเรือมาด้วยนี่นา ตอนนี้ขนาดคงใหญ่ขึ้นเยอะแล้วสิ”

สถาบันวิจัยเศรษฐศาสตร์โอซองรายงานมาว่าปีหน้าจะมีชื่ออยู่ในสิบอันดับแรกของกลุ่มธุรกิจชั้นนำครับ”

จิ๊ ๆ ๆ...เพราะแบบนี้ไงเขาถึงบอกว่าคนเรามัวแต่มองฟ้าจนสะดุดก้อนหินเล็ก ๆ ล้ม”

รองประธานใหญ่คังแจชิกพูดแบบนั้นก่อนจะหันหน้าไปหาแดซอง

คิดว่าน้องสาวแกจะได้แต่งงานไหม”

ขนาดครอบครัวยังฆ่ากันตายเพราะเงินบ่อย ๆ เลย ผมไม่คิดว่าประธานกรรมการชินยองไฟแนนเชียลกับกรรมการผู้จัดการชเวยองฮุนจะสนิทกันมากกว่าครอบครัว ถ้าสืบได้ว่าสองคนนั้นทำข้อตกลงอะไรกันไว้ คู่ครองของดาอึนอาจจะเป็นประธานกรรมการชินยองไฟแนนเชียลครับ”

ตั้งท่าดีหนิ ฉันนึกว่าจะยอมแพ้ซะอีก”

ถ้าให้พูดตรง ๆ ก่อนหน้านี้แดซองไม่เคยคิดถึงการแต่งงานของดาอึนเลยด้วยซํ้า

แต่เมื่อคิดถึงเจตนาของพ่อในการยกคำถามขึ้นมา จึงให้คำตอบที่พ่อต้องการ

ไม่หรอกครับ ยอมแพ้อะไร”

รองประธานใหญ่คังจึงพูดกับประธานชเวอิลกน

วันนี้ฉันโดนเด็กหนุ่มที่ชื่อชเวยองฮุนจากเอชเอสกรุ๊ปตีเข้าเต็ม ๆ ปวดหัวชะมัด”

ผมคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีเด็กหนุ่มที่ไหนตีหัวท่านรองประธานใหญ่ได้ชักอยากรู้จักแล้วสิครับ”

หึ! เริ่มสนุกแล้วหรือไง”

ประธานชเวแย้มยิ้ม

ไม่สนุก แต่รู้สึกสนใจครับ”

เด็กนั่นปากร้ายมาก ฉันนัดเจอกับประธานกรรมการชินยองไฟแนนเชียลคิดจะกดดันให้มาเกี่ยวดองกับดาอึน แต่ไอ้เด็กนั่นมองชินยองไฟแนนเชียลเป็นของของตัวเอง แล้วบอกว่าไม่คิดจะทำข้อตกลง”

สิ่งของเหรอครับ ประธานกรรมการชินยองไฟแนนเชียลน่ะเหรอ”

นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ มันเสนออย่างอื่นมาให้แทน แต่ฉันจะรับก็ไม่ได้จะไม่รับก็ไม่ได้”

มันคืออะไรครับ”

ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนต่อไป”

หว่างคิ้วของประธานชเวขมวดเข้าหากัน

ผมไม่เข้าใจครับ หรือว่าตอนนี้มั่นใจแล้วว่าประธานพรรคมินกูซังจะตกรอบในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งต่อไปงั้นเหรอครับ”

นั่นแหละ”

ฮ่า ๆ...”

ประธานชเวอิลกนหัวเราะแห้ง ๆ

เพราะทำได้แค่นั้น

ถ้าเป็นการคุยโวก็เรียกว่าโม้ได้ แต่การคุยโวนั้นกลับพุ่งเข้ามาในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะเกินไป

การเสนอเช่นนั้นก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดี ท่ามกลางสถานการณ์ที่สับสนวุ่นวาย เพราะไม่มีผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่ได้รับการสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากพรรครัฐบาล ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นความจริงหรือไม่ คนคนนี้ก็ไม่ธรรมดา

คิดว่ายังไง”

เห็นความเป็นไปได้ที่เด็กหนุ่มคนนั้นจะโกหกมากน้อยแค่ไหนบ้างครับ”

โกหกเหรอ...ฉันเดิมพันด้วยทรัพย์สินทั้งหมดของฉันได้ว่าเด็กนั่นพูดความจริง”

ตอนนั้นสีหน้าของประธานชเวอิลกนเริ่มจริงจังขึ้น

ผมเข้าใจเหตุผลที่ต้องรับ แต่ไม่เข้าใจเหตุผลที่รับไม่ได้ครับ”

เพราะมันไม่ได้ให้ฟรี ราคาค่อนข้างแพงมาก”

ประธานชเวหันมามองแดซองเพื่อถามว่าราคาประมาณไหน แต่แดซองส่ายหน้า

ไม่ใช่ราคาที่ประเมินออกมาเป็นตัวเลขได้ครับ”

อย่างนั้นสินะ”

ทันทีที่ประธานชเวพยักหน้า รองประธานใหญ่คังก็ถามอีกครั้ง

ลองเสนอความคิดเห็นซิ ฉันควรจะทำยังไงดี”

ถ้าราคาแพงเกินไปก็ต้องคิดหาทางอื่นครับ ทราบไหมครับว่าของเป็นแบบไหน”

อืม ถึงจะน่าเหลือเชื่อ แต่ไม่ได้เก็บชื่อนักการเมืองคนนั้นเป็นความลับด้วยซํ้า”

บอกชื่อมาเลยเหรอครับ”

ใช่ บอกว่าเป็น สส.ชอนโบยุน”

สส.ชอนโบยุน...”

ประธานชเวอิลกนเริ่มสับสน

โอซองกรุ๊ปไม่ใช่ธุรกิจที่เปิดในตลาดที่ไหนสักแห่ง เป็นถึงกลุ่มธุรกิจชั้นนำที่กุมประเทศเกาหลีไว้ในมือเดียว แต่คนคนนั้นกลับไม่กังวลว่าจะโดนหักหลังเลยสักนิด

เรียกได้ว่าถ้าไม่มีความเชื่อมั่นในตัวนักการเมืองคนนั้นอย่างแท้จริงก็มีแนวโน้มสูงมากว่าจะเป็นเพียงคำโกหก

แต่ถ้ารองประธานใหญ่คังแจชิกถึงขั้นพูดว่าเดิมพันได้ด้วยทรัพย์สินทั้งหมดของตัวเอง

ความมั่นใจของรองประธานใหญ่คังทำให้สมองของประธานชเวสับสน

ระหว่างเดินมา ฉันลองคิดอย่างละเอียดดูแล้ว ว่าจะลองฟังข้อเสนอของเด็กนั่นดีไหม หรือไม่ก็ลองทำให้ผู้เล่นมีตำหนิจนเสียหายย่อยยับอย่างที่เด็กนั่นพูดดี...แต่สุดท้ายข้อสรุปก็มีอย่างเดียว ถ้ากินน้อยกินเยอะตามคำสั่งคนอื่น พวกเราจะขึ้นมาถึงตรงนี้ได้เหรอ”

ไม่ครับ เพราะโอซองต้องดีที่สุด”

ใช่ ถ้าไม่เอามือแตะก็เรื่องหนึ่ง แต่ถ้ายื่นมือเข้าไปแล้วก็ต้องดีที่สุด เราต้องผูกขาด เราต้องเป็นผู้นำ ถ้าเป็นอินเทลหรือกูเกิลก็ว่าไปอย่าง แต่เราไม่ควรจะโดนบริษัทง่อย ๆ ที่เพิ่งขึ้นมาแตะอันดับสิบของวงการธุรกิจต้อนเอาไม่ใช่เหรอ”

ใช่ครับ”

รองประธานใหญ่คังชี้ไปที่แดซองก่อนจะพูด

ฝากไอ้ลูกคนนี้ก็เหมือนจะไม่ได้เรื่องอะไรสักอย่าง นายลองอยู่ข้าง ๆลูกชายฉันและทำให้มินกูซังเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งนี้ดู แล้วหักหน้าไอ้ชเวยองฮุนนั่นซะ”

รับทราบครับ”

แล้วเด็กที่ชื่อชเวยองฮุนนั่นน่ะ สืบมาให้หมดล่ะ”

ครับผม”

อีกอย่างก็ช่วยสั่งสอนแดซองดี ๆ หน่อย ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ทำให้มันเป็นผู้เป็นคนที”

แดซองตกใจมาก ในทางกลับกันแล้ว เพราะเขาทำตัวไม่เป็นผู้เป็นคนกรุ๊ปถึงได้สงบสุขน่ะสิ ถ้าองค์ชายยังนยอง[1] ทำตัวเป็นผู้เป็นคน พระเจ้าเซจงจะขึ้นครองราชย์ง่าย ๆ ได้อย่างไร

ประธานชเวอิลกนคงรู้สึกถึงนํ้าหนักคำพูดของรองประธานใหญ่คังเหมือนกันเลยตกใจ แต่ก็ก้มศีรษะลงโดยไม่พูดอะไร

รับทราบครับ”

เตรียมรถให้ที ไปยออึยโด”

ให้ติดต่อประธานพรรคมินกูซังไหมครับ”

อืม คงจะน้อยใจเพราะเรื่องนั้นที่พาจูน่าดู ควรจะไปเจอสักรอบให้ผ่อนคลาย จะได้มีกำลังใจ”

ผมจะเตรียมให้พร้อมครับ”

แดซองรีบแจ้งฝ่ายเลขานุการและไปส่งรองประธานใหญ่คังแจชิกจนกระทั่งลงลิฟต์

พอรองประธานใหญ่คังลับตาแล้ว ประธานชเวอิลกนจึงหันไปพูดกับแดซอง

ประธานคังมันซองคงใกล้จะรู้เรื่องแล้ว มั่นใจไหม”

คังมันซอง ประธานบริษัทโอซองดิจิทัลคือพี่ชายของแดซอง

ผมไม่มั่นใจครับ”

ดูจากหน้านายแล้วก็เหมือนจะเป็นอย่างนั้น”

ตอนนี้ผมควรจะทำยังไงดีครับ”

จะทำยังไงล่ะ ก็ต้องชนะให้ได้สิ”

ทำแบบนั้นแล้วผมจะไม่ตายใช่ไหมครับ”

ถ้างั้นฉันล่ะ ฉันโดนมอบหมายให้มาอยู่ข้างนาย ตอนนี้ถ้าไม่อยากให้คอตัวเองขาด ไม่ว่าจะอยู่หรือตาย ฉันก็ต้องทำให้นายชนะให้ได้”

ฮู่...ผมแค่รู้สึกผิดครับ”

ถ้าไม่อยากรู้สึกผิดก็เอาชัยชนะมา”

อืม...”

ทำไม ไม่มั่นใจเหรอ”

พูดตามตรง ผมไม่แน่ใจว่าจะเอาชนะพี่ได้ไหม เมื่อก่อนก็แค่กลัวไปก่อนส่วนตอนนี้แค่คิดว่าคงยากสินะ แต่...”

แต่?”

การเอาชนะคนที่ชื่อชเวยองฮุนทำให้ผมกดดันยิ่งกว่าพี่อีกครับ”

แค่คนของเอชเอสกรุ๊ปน่ะนะ”

แดซองหัวเราะอย่างเก้อเขิน

ท่านประธานอาจจะคิดอย่างนั้นเพราะไม่เคยเจอเขามาก่อน ถ้าพี่คือคู่ต่อสู้ที่ไม่อยากเผชิญหน้าด้วย คนคนนั้นก็...”

“...”

เป็นอะไรที่ไม่สามารถประเมินได้เลยครับ”

แดซองใช้ชีวิตด้วยการคอยมองพ่อมาตลอดชีวิต เรื่องนั้นพี่เองก็ไม่ต่างกันมากนัก

ถึงจะไม่อยากเผชิญหน้ากับพี่ แต่ก็ไม่ได้คิดว่ายากจนรับมือไม่ไหว

ทว่าชเวยองฮุนคนนั้นแตกต่างออกไปเล็กน้อย

การปฏิบัติตัวอย่างไม่ลังเลเหมือนมองพวกเขาเป็นลูกค้าที่ไม่เงิน ทั้ง ๆ ที่ยืนอยู่ตรงหน้าผู้บริหารสูงสุดของโอซองกรุ๊ป มันน่าตกใจมากจริง ๆ

ถ้าเป็นคนบ้าก็อาจจะเป็นแค่คนบ้า แต่ถ้าไม่ใช่แบบนั้นก็ไม่รู้ว่ามีแผนอะไรอยู่ในหัว

การไม่ด้อยค่าฝ่ายตรงข้ามเป็นความคิดที่ดี แต่ทำตัวขี้ขลาดแบบนั้นไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แก้ไขซะ”

สายตาอีกฝ่ายดูไม่พอใจ

ครับ เข้าใจแล้ว”

ประธานชเวอิลกนเดินนำแดซองเข้าไปในฝ่ายกลยุทธ์พร้อมกับยกมือทักทายพนักงานอย่างส่ง ๆ ก่อนจะโยนเสื้อนอกลงบนเก้าอี้สักตัว

จากนั้นก็พูดพร้อมกับคลายเนกไทออกมาม้วนแล้วโยนทิ้ง

วันนี้คงไม่ต้องกลับบ้านกันแล้วสินะ”

ผมขอโทษครับ”

ไม่จำเป็นต้องรู้สึกอย่างนั้น เพราะเป็นเรื่องที่ต้องเจอเข้าสักวันอยู่แล้วบางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสก็ได้”

ประธานชเวอิลกนขึ้นมาถึงจุดนี้ด้วยมันสมองอันโดดเด่น แต่ไม่ได้สนิทสนมกับพี่ชายเขา

เรื่องนั้นหมายความว่า หากพี่ชายเขานั่งตำแหน่งหลักของกรุ๊ปเมื่อไรอีกฝ่ายอาจจะเป็นคนที่โดนไล่ออก

คิดว่าผมชนะได้จริง ๆ เหรอครับ ท่านประธานก็รู้จักพ่อนี่นา ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ในใจอาจจะมองว่าผมเป็นเครื่องกระตุ้นหัวใจของพี่ก็ได้ครับ”

แบบนั้นยิ่งเสียศักดิ์ศรีไม่ใช่หรือไง”

แดซองยักไหล่

ไม่รู้สิครับ ผมก็ไม่แน่ใจ”

ประธานชเวจึงยิ้มอย่างมีเลศนัย

ถ้าไม่ใช่ก็อีกเรื่อง แต่ไหน ๆ รองประธานใหญ่ก็ให้ฉันอยู่ข้างนายแล้วฉันขอพูดอะไรหน่อย นายเป็นพระพุทธเจ้าเหรอ เป็นพระเจ้าหรือไง”

ครับ? หมายความว่ายังไง”

นายไม่ใช่ผู้ใหญ่ที่ไร้ความโลภนี่นา แล้วจะทำเป็นไม่ใช่ทำไม”

เมื่อเห็นนัยน์ตาสั่นไหวของแดซอง ประธานชเวก็ลดเสียงลงแล้วพูดต่อ

นายอยากชนะหนิ อยากได้ทุกอย่างจนแทบจะเป็นบ้าตาย เพราะฉะนั้นค่อย ๆ ทำทีละอย่าง ทีละขั้นตอน ทำเสร็จหนึ่งอย่างแล้วค่อยทำอีกอย่าง แล้วโอซองแห่งนี้จะกลายเป็นของนาย”

สายตาของประธานชเวอิลกนเปล่งประกายจนทะลุเข้าไปในใจของแดซอง

 


[1]  พระเชษฐาของพระเจ้าเซจงมหาราช


 

บทที่ 259 วัดความลึกของนํ้าด้วยตา (2)

 

[ฉันไม่ใช่คนฉวยโอกาส ไม่ใช่นกย้ายถิ่น แค่แสวงหาความเป็นธรรมและความยุติธรรมเท่านั้นค่ะ

[การเข้าร่วมพรรคสันติภาพก้าวหน้านั้นเกิดขึ้นตามความศรัทธาทางการเมืองของฉัน รวมถึงเป็นการต่ออายุของชีวิตที่ใฝ่แสวงหาความยุติธรรมมาโดยตลอดด้วย ฉันรู้ว่าคงจะมีคนมาวิพากษ์วิจารณ์และใส่ร้ายฉัน ฉันเข้าใจนะคะ ครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเพื่อน หัวเราะและร้องไห้ด้วยกัน ฉันเข้าใจความรู้สึกเหมือนโดนทรยศที่พวกเขารู้สึก แต่ฉันจะไม่ยอมหยุดเพราะเรื่องส่วนตัว ฉันจะเดินหน้าต่อค่ะเพื่อทำให้สาธารณรัฐเกาหลีเป็นสังคมที่ยุติธรรม...]

ยองฮุนกำลังดูการแถลงข่าวเข้าร่วมพรรคสันติภาพก้าวหน้าของ สส.โดซูยอนผ่านทางโทรทัศน์

สส.ชอนโบยุนที่นั่งดูอยู่ด้วยกันข้าง ๆ จึงอ้าปากพูด

เสียงตอบรับดีเกินคาดนะ”

โล่งอกไปทีครับ”

แม้แต่ฉันเองก็ยังคาดไม่ถึง ไม่ใช่แค่ สส.หรือสมาชิกลูกพรรคเท่านั้นแต่พวกคนที่ไม่ได้สนใจการเมืองก็ยังมองการเข้าร่วมพรรคของโดซูยอนในแง่บวกนับตั้งแต่โดซูยอนออกจากพรรค คะแนนการสนับสนุนของพรรคสันติภาพเป็นหนึ่งก็ลดลงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน”

และเรื่องที่มีความหมายมากที่สุดก็คือ การที่โดซูยอนร่วมมือกับท่านสส.ชอนครับ”

ถูกต้อง เหมาะเจาะมาก ที่ผ่านมาฉันคิดแค่ว่าโดซูยอนคือศัตรูที่คุกคามฉัน กังวลว่าอาวุธที่เธอมีจะแทงฉันเมื่อไหร่ แต่ตอนนี้เธอเข้ามาใต้อำนาจฉันแล้วไม่มีอะไรต้องกังวลอีก ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวคงเป็นแบบนี้ใช่ไหม”

ผมไม่จำเป็นต้องอธิบายก็เข้าใจแล้ว สบายใจขึ้นเยอะเลยนะครับ”

ฉันไม่ใช่คนโง่นะ ยิ่งเวลาผ่านไปก็ยิ่งรับรู้ถึงจิตใจอันลึกซึ้งและความสามารถในการตัดสินใจของนาย ไม่ต้องเครียด”

คิดว่าผมกำลังเครียดอยู่เหรอครับ”

เครียดไม่ใช่เหรอ”

ทันทีที่ยองฮุนแย้มยิ้มเป็นนัย ๆ สส.ชอนก็เอียงศีรษะ

มีคนจากโอซองกรุ๊ปมาน่ะ ตอนแรกก็นึกว่าจะมาสนับสนุนประธานพรรคมินกูซังสินะ แต่เขาดันมาหาฉันแล้วก็ขอให้พบกับรองประธานใหญ่คังแจชิกฉันก็รู้สึกได้ทันทีเลย นายมีเรื่องอะไรกับโอซองกรุ๊ปใช่ไหม”

ใช่ครับ”

ฉันกับประธานพรรคมินกูซัง โอซองคิดจะเหยียบเรือสองแคมอย่างชัดเจน แต่พอนายมาหาฉัน ฉันเลยนึกว่ามาเพราะเครียดน่ะสิ”

ท่าน สส.คิดว่ายังไงครับ ถ้าทางนั้นจะเหยียบเรือสองแคม ท่าน สส.อยากเป็นหนึ่งในนั้นหรือเปล่าครับ”

สส.ชอนลูบหน้าผากและเผยสีหน้าจนปัญญาขณะสบตากับยองฮุน

บางครั้งนายก็ชอบถามคำถามยาก ๆ นะ อันที่จริงฉันควรเป็นฝ่ายถามไม่ใช่ฝ่ายตอบ แต่น่าแปลกที่ฉันมักจะได้คำถามยาก ๆ จากนายบ่อย ๆ”

ถ้าหาคำตอบยาก ก็หมายความว่าถามเรื่องสำคัญมากไม่ใช่เหรอครับ

ก็ใช่น่ะสิ โอซองกรุ๊ป...ยาก คำถามยากมาก แทบจะไม่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของเกาหลีคนไหนหลุดพ้นจากอิทธิพลของโอซองกรุ๊ปอย่างสมบูรณ์แบบเลย แต่ถึงไม่ได้รับการสนับสนุนจากพวกเขา ก็ยังเป็นนักการเมืองที่ยิ่งใหญ่จนเล็งตำแหน่งประธานาธิบดีได้อยู่ดี”

ท่าทางจะหาคำตอบยากจริง ๆ นะครับ เกริ่นยาวเชียว”

คำพูดของยองฮุนที่โพล่งออกมาทำเอา สส.ชอนชะงัก

ไม่อวดดี ไม่หยาบคาย ยองฮุนไม่เคยเบี่ยงเบนประเด็นสำคัญเลย

ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่รับมือยากนัก

ฮู่...นั่นแหละ ไม่ง่ายเลย แต่ถึงอย่างนั้นสุดท้ายฉันก็เลือกนาย ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก”

โอ้โฮ...ระหว่างเอชเอสกับโอซอง ท่าน สส.ให้คำตอบชัดเจนว่าจะเลือกผมเลยเหรอครับ”

ใช่ ฉันก็เป็นคนซื่อสัตย์และรู้ว่าขอบเขตคืออะไรเหมือนกันนะ มาถึงตอนนี้แล้วไม่กล้าทำให้นายลำบากหรอก”

อย่างนี้นี่เอง ขอบคุณนะครับ แต่ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นหรอก”

อะไรนะ”

ยองฮุนดื่มชาตรงหน้าหนึ่งอึกแล้ววางลงพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ

จะเหยียบเรือสองแคมก็ได้ครับ”

พูดจากใจจริงหรือเปล่าเนี่ย”

ถ้าคิดจะเก็บเป็นความลับ ผมคงไม่เอ่ยชื่อของท่าน สส.ให้รองประธานใหญ่คังแจชิกฟังหรอกครับ”

นายเจอรองประธานใหญ่คังแจชิกแล้วเหรอ ทำไม เพราะอะไร”

ต้นเหตุไม่ได้เกี่ยวข้องกับท่าน สส. แต่ผมทำให้เกี่ยวเองครับ เพราะเขาจะเอาของสำคัญมากไปจากผม ดังนั้นผมเลยขายท่าน สส.นิดหน่อยครับ”

ขายฉันเหรอ...ฮ่า...ฮ่า ๆ...”

สส.ชอนโบยุนหัวเราะเหมือนพูดไม่ออก

ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี แถมยังบอกอย่างมั่นใจว่าจะได้เป็นประธานาธิบดีอีกต่างหาก แต่กลับโดนเอาชื่อตัวเองไปขายเนี่ยนะ

สส.ชอนไม่อาจคาดเดาเจตนานั้นได้

ยังไงก็เป็นประโยชน์กับท่าน สส.อยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ”

มันก็ใช่...”

โอซองบอกว่าจะสนับสนุนประธานพรรคมินกูซัง แต่ตอนนี้คงจะกำลังหัวหมุนอยู่ครับ เพราะผมเคยบอกว่าท่าน สส.ชอนจะชนะแน่นอน”

เอาความมั่นใจมาจากไหน”

แค่ความคิดเห็นของผมครับ จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม แต่คงจะไขว้เขวอยู่ครับ”

ถ้าช่วยผลักดันให้ประธานพรรคมินกูซังชนะก็พอแล้วนี่”

พูดตามตรง ผมไม่รู้เรื่องการเมืองหรอกครับ ไม่รู้นโยบาย ไม่รู้ด้วยว่านักการเมืองใช้ชีวิตอยู่บนพื้นฐานความคิดแบบไหน แต่ในความไม่รู้นั้น ผมก็รู้อะไรหลาย ๆ อย่างครับ”

รู้อะไร”

พวกมหาเศรษฐีหรือนักการเมืองที่มองว่าประชาชนเป็นเครื่องมือในการยกระดับความรํ่ารวยและอำนาจของพวกเขา พอถึงเวลาเลือกตั้งก็จะโผล่ออกมาครับ”

เรื่องนั้นมันก็แน่นอนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”

ถึงจะเป็นเรื่องที่แน่นอนมาก ๆ แต่ก็ทำให้เข้าใจหนึ่งเรื่องนะครับ แม้แต่มหาเศรษฐีก็ไม่สามารถขับเคลื่อนประชาชนได้เท่าการเลือกตั้ง และกลายเป็นคนอ่อนแออย่างสมบูรณ์แบบ”

สส.ชอนขมวดคิ้วแล้วย้อนถาม

กลายเป็นคนอ่อนแองั้นเหรอ”

ดังนั้นพวกเขาเลยไขว้เขวครับ ประชาชนทั่วไปใช้ชีวิตด้วยการสังเกตมานับไม่ถ้วนตั้งแต่เด็ก ๆ เช่น เพื่อนที่เรียนเก่ง เพื่อนที่ชอบทะเลาะ ครูที่ชอบหัวหน้าห้อง เด็กผู้หญิงที่ฉันแอบรัก เป็นต้น...แต่คนที่มีอำนาจยิ่งใหญ่มาตั้งแต่เด็กกลับไม่สังเกตครับ”

เพราะไม่จำเป็นต้องมองสินะ”

ดังนั้นเวลาที่ต้องใช้ไหวพริบ คนพวกนั้นมักจะเลือกทางที่ง่ายเป็นหลักครับ”

นั่นหมายถึงเหยียบเรือสองแคมเหรอ”

ยองฮุนหันมามองทีวีอีกครั้ง

จากภาพที่ สส.โดซูยอนอ่านแถลงการณ์ ตอนนี้ตัดกลับมาเป็นภาพในสตูดิโอแล้ว

ผู้ร่วมอภิปรายเริ่มทำการวิเคราะห์หลาย ๆ อย่างเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากการเข้าร่วมของ สส.โดซูยอนครั้งนี้จากมุมมองของพรรครัฐบาลและพรรคฝ่ายค้าน

ดูสิครับ แค่ สส.โดซูยอนเข้าร่วมพรรคเพียงปรากฏการณ์เดียว ก็มีความคิดเห็นได้หลากหลายขนาดนั้น ผู้มีอำนาจไม่ชอบความซับซ้อนหรอกครับ”

ถ้าประธานพรรคมินรู้ความจริงนั้นเข้า คงไม่ยอมอยู่เฉยแน่”

รองประธานใหญ่คังแจชิกเคยพูดเปรียบเปรยระหว่างชีวิตกับการพนันครับคนจนจะรอจนกว่าโอกาสที่แน่นอนจะมาถึงเพราะมีเงินน้อย แต่ถ้ามีเงินเยอะขนาดเขาก็สามารถลงเงินเดิมพันได้ทุกกระดาน ดังนั้นมันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอครับ ที่เขาจะวางเดิมพันเป็นหลักประกันไว้กับท่าน สส.อีกที่”

เรื่องนั้นฉันเข้าใจนะ แต่ที่ไม่เข้าใจคือคำพูดของนายที่บอกว่าฉันสามารถร่วมมือกับโอซองได้ ทำแบบนั้นมันไม่เป็นไรเหรอ”

ทำได้ครับ ถ้ามีผลประโยชน์ที่เหมาะสม”

ถ้าเรื่องผลประโยชน์นั่นก็ไม่ใช่ฉัน แต่ควรจะคุยกับโอซองไม่ใช่เหรอ”

ผมไม่คิดจะคุยกับโอซองครับ”

ทำไมล่ะ”

เพราะโอซองไม่คิดจะเสนอราคาที่เหมาะสมให้ผมครับ”

สส.ชอนกุมศีรษะที่เริ่มสับสนและกล่าวขึ้นหลังจัดการกับความคิดสักพัก

หมายความว่าให้ฉันไกล่เกลี่ยสินะ”

ยองฮุนฉีกยิ้ม

ยอดเยี่ยมมากครับ”

เหตุผลคืออะไร”

เพราะรองประธานใหญ่คังแจชิกคนนั้นหัวสูงไม่ใช่เล่นเลยครับ ถ้าเผชิญหน้ากับผมแล้วทำข้อตกลงกัน เขาอาจจะบันดาลโทสะจนล้มกระดานก็ได้นั่นอาจจะดีต่อกันและกันจริง แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น ท่าน สส.ก็จะเหนื่อยด้วยไม่ใช่เหรอครับ”

ระหว่างรับการสนับสนุนจากโอซองกับไม่รับ

ไม่จำเป็นต้องพูดเลยว่าข้อแรกง่ายกว่ามากในการเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดี

นอกจากนี้ หากฝ่ายนั้นช่วยเหลือประธานพรรคมินกูซังในการเลือกตั้งประธานาธิบดีและช่วยเหลือตนในขณะเดียวกัน ก็คงจะสามารถป้องกันสถานการณ์เลวร้ายที่สุดจากการโฆษณาชวนเชื่อประสงค์ร้ายได้อย่างแน่นอน

โอเค เอาตามนั้น”

แต่ไม่ใช่ตอนนี้นะครับ”

หมายความว่ายังไงอีก”

ควรจะทำให้ร้อนใจสักหน่อย ค่าตัวท่าน สส.จะได้เพิ่มขึ้นไงครับ ถ้านัดแล้วยอมไปเจอง่าย ๆ พอเห็นหน้าแล้วจะยังตื่นเต้นเหรอครับ”

แล้วเมื่อไหร่ล่ะ”

ผมว่านัดเจอช่วงหนึ่งสัปดาห์ก่อนการเลือกตั้งตัวแทนพรรคได้ครับ”

มันไม่ช้าเกินไปเหรอ”

สส.ชอนโบยุนมองยองฮุนด้วยสายตากังวล แต่ยองฮุนกลับยักไหล่อย่างไม่สะทกสะท้าน

ไม่หรอกครับ บางทียิ่งเวลาผ่านไปอาจจะยิ่งกระวนกระวาย”

นายแน่ใจได้ยังไง”

ก็ชัดเจนอยู่นะครับ”

ชัดเจนเหรอ”

ครับ เพราะท่าน สส.น่าสนใจมากถึงขนาดนั้น อีกอย่างรองประธานใหญ่คังแจชิกก็ไม่ใช่ผู้ชายที่จะท้อถอยและยอมแพ้เพราะโดนปฏิเสธไม่กี่ครั้งครับตรงกันข้าม หากฝ่ายตรงข้ามน่าสนใจแถมหยิ่งด้วย น่าจะยิ่งถูกใจกว่าเดิมนะครับ”

นายนี่มันจริง ๆ เลย...”

ยองฮุนยิ้มแล้วลุกขึ้นโดยทิ้ง สส.ชอนที่กำลังอึ้งเอาไว้

 

นายไม่ได้อยู่บริษัทเหรอ”

ฮยองจุนบ่นทันทีที่เห็นยองฮุนปรากฏตัวช้ากว่าเวลานัดหนึ่งชั่วโมง

ผมยุ่งครับ ยุ่งมาก”

ยองฮุนเปิดกระป๋องชาเขียวเย็น ๆ พร้อมกับส่ายหน้าไปมา

พวกเลขาฯฉันโทร.ไปก็บอกว่านายไม่อยู่ พอเป็นอย่างนั้นเลยมาแอบถามฉันว่านายไม่ได้เลี่ยงการติดต่อของพวกเราใช่ไหม จังหวะนั้นฉันก็คิดเหมือนกันว่า ‘ฉันเคยทะเลาะกับนายหรือเปล่า’”

วันนี้ผมมีมีตติ้งข้างนอกตลอดเลย ว่าแต่ทำไมถึงอยากเจอผมขนาดนั้นล่ะครับ”

ไอ้บ้า ฉันจะไม่อยากเจอนายได้เหรอ จำไม่ได้หรือไงว่าคังแจชิกโอซองกรุ๊ปคนนั้นจ้องฉันเหมือนจะฆ่าทิ้ง ถ้าไม่ยอมแต่งงานกับลูกสาวตัวเองน่ะ ตอนนี้ก็ยังติดต่อมาตลอด ชวนไปกินข้าวด้วยกัน ฉันกลัวจนไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไงแล้ว”

ก็เลยเรียกผมมาถามเหรอครับ มื้อเย็นล่ะ”

ไม่ได้กิน กะจะสั่งตอนนายมา”

งั้นก็เรียกไปที่ร้านอาหารสิ จะเรียกมาร้านเหล้าทำไมครับ”

เรียกมาเพราะอยากคุยในที่เงียบ ๆ เดี๋ยวนี้เดลิเวอรีมันส่งเร็วน่า”

เดลิเวอรีไม่อร่อย...”

ไอ้หมอนี่กินยากจริง ๆ โอเค เดี๋ยวฉันสั่งของแพง ๆ ให้”

ฮยองจุนเรียกพนักงานให้สั่งอาหารให้ ก่อนจะแอบสังเกตยองฮุนแล้วถาม

โอซองไม่ได้ติดต่อมาอีกเหรอ”

ไม่มีครับ รองประธานใหญ่เดินออกไปแบบนั้น จะเปลี่ยนใจแล้วติดต่อกลับมาทันทีได้ยังไงล่ะ ขายหน้าออก บางทีอาจจะคิดมากอยู่ก็ได้ครับ”

อืม...ถ้าพวกโอซองเอาแต่เล็งฉัน ฉันควรเตรียมงานแต่งให้เร็วขึ้นไหมพวกนั้นจะทำยังไงถ้าฉันจัดงานแต่งกะทันหัน”

ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นครับ”

ทำไมล่ะ”

รู้หรือเปล่าครับ เขาถืออะไรมาด้วยเยอะแยะเลยนะครับ ตอนขอร้องให้แต่งงานกับลูกสาวเขา”

จะให้รับมาแล้วปล่อยทิ้งไว้เหรอ ฉันจะไม่ตายหรือไง”

สมัยก่อนถ้าไม่มีเงินคืนก็จะให้เป็นข้าวสาร ให้เป็นต๊อกแทนนี่นา ถ้าท่านประธานแต่งงานให้ไม่ได้ ก็อาจจะปล่อยกู้ให้แบบถูก ๆ หน่อยอะไรแบบนั้นก็ได้ใช่ไหมล่ะครับ”

เฮ้ย...นายนี่มันตับใหญ่[1] จริง ๆ คิดจะฮุบเงินของโอซองกรุ๊ปด้วยสินะงั้นตอนนี้ให้ฉันอยู่เฉย ๆ แล้วรอชุบมือเปิบรึไง”

เรื่องนั้นจัดการเองได้เลย ว่าแต่มีข่าวเกี่ยวกับอดีตรองประธานใหญ่อีเซจุนบ้างไหมครับ”

ฮยองจุนส่ายหน้าด้วยท่าทางมืดมน

ไม่มี ไม่ว่าจะตามหายังไงก็หายไปเหมือนควัน เช็กประวัติเข้าออกประเทศแล้วก็เหมือนจะไม่ได้บินไปต่างประเทศด้วย แต่ฉันคิดว่าคงใช้ชีวิตวนเวียนอยู่ในโรงแรมที่ไม่ใช่เครือของพวกนายนั่นแหละ”

สถานการณ์หุ้นปัจจุบันล่ะครับ”

ไม่มีการเปลี่ยนแปลง หุ้นก็ไม่ได้ผันผวนมากเหมือนกัน ดูจากหุ้นของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแล้ว เราอาจจะต้องติดตามสถานการณ์กันต่อ แล้วอาจจะต้องใช้เวลาในการสะสางหุ้นตัวอื่นที่พ่อมีด้วย”

สถานการณ์ยังวางใจไม่ได้สินะครับ”

ใช่ ฉันเลยต้องสนใจโอซองอย่างไม่มีทางเลือก ถ้าผลประกอบการของบริษัทตกตํ่า คณะกรรมการบริษัทจะสั่นคลอนทันที ไม่จำเป็นต้องพูดถึงพวกผู้ถือหุ้นเลย”

ถ้าเป็นอย่างนั้นอดีตรองประธานใหญ่อีเซจุนคงจะปรากฏตัวอีกครั้งใช่ไหมครับ”

นั่นแหละ...”

ตอนนั้นที่โอซองนัดท่านประธานมาเจอ เขาโยนเหยื่อล่อว่าจะช่วยดึงพนักงานโอซองอิเล็กทรอนิกส์ที่ทำงานในอเมริกา ให้มาเป็นลูกค้าของธนาคารชินยองใช่ไหมครับ”

ใช่”

ขอให้เขาทำให้ครับ แบกหน้าไป”

แบบนั้นอีกฝ่ายคงจะพุ่งเข้ามาขอแต่งงานแน่”

โธ่...ตอนนั้นมองผมคุยกับรองประธานใหญ่คังแจชิกแล้ว ไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอครับ อะไรที่ทำไม่ได้ก็คือไม่ได้ ไม่ใช่เด็ก ๆ สักหน่อย ทำไมถึงเอาแต่ยึดติดกับเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ล่ะครับ ต้องปรับเป็นเรื่องที่มันได้ผลสิ”

พูดน่ะมันง่าย...”

ถ้าฝ่ายนั้นมีความคิด คงจะไม่ปฏิเสธง่าย ๆ หรอกครับ”

เพราะอะไร”

เพราะต้องคอยสังเกตสถานการณ์ไงครับ”

สถานการณ์อะไร”

สถานการณ์ของผมครับ”

หือ?”

ฮยองจุนขมวดคิ้วเหมือนจะถามว่าพูดบ้าอะไร

แต่ยองฮุนกลับแย้มยิ้มแล้วพูดต่อ

เพราะฉะนั้นอย่ากลัวแล้วออกไปเผชิญหน้าอย่างหนักแน่นครับ ผู้ชายไม่มีความกล้าหาญมันใช้ได้ที่ไหนล่ะ ไม่แมนเลย...”

ฉันเนี่ยนะ ทำตัวไม่แมน? ไม่ใช่นายแปลกเองหรอกเหรอ โอ้โฮ...”

ฮยองจุนอึ้งเพราะไม่เคยได้ยินคำว่าไม่แมนมาก่อน ถึงอย่างนั้นก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเงียบปาก

เพราะลองคิดดูแล้ว วันนี้ก็ดูอ่อนแอ (?) นิดหน่อยจริง ๆ

 


[1]  ไม่มีความกลัว


 

บทที่ 260 วัดความลึกของนํ้าด้วยตา (3)

 

ประธานชเวอิลกน กับหัวหน้าฝ่ายคังแดซองกำลังรอใครบางคนอยู่โดยไม่แม้แต่จะจับตะเกียบ แม้ว่าในจานขนาดใหญ่จะมีปลาดิบวางอยู่ตรงหน้า

คิดว่ายังไง”

แดซองตอบคำถามของประธานชเว

ไม่ใช่ว่าคิดจะเปลี่ยนใจเหรอครับ ถึงจะดูชัดเจนเกินไปก็ตาม”

ความชัดเจนเป็นสมมติฐานที่สมเหตุสมผลที่สุด”

ท่านประธานก็คิดแบบเดียวกับผมหรือเปล่าครับ”

ที่ผ่านมาเราเคยทำข้อตกลงกับผู้รับเหมารายย่อยมาเยอะ บางครั้งก็เคยขอแกมบังคับจนเกินพอดี ตอนแรกพวกเขาปฏิเสธอย่างหนักแน่น แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถปฏิเสธคำขอของพวกเราได้ อืม มีหลายบริษัทที่ต่อต้านจนถึงที่สุดเหมือนกัน แต่ก็ไม่มีบริษัทไหนรอดชีวิตมาได้จนถึงตอนนี้”

แม้คำอธิบายจะยาว แต่สรุปคร่าว ๆ ก็คือคิดแบบเดียวกัน

นั่นสินะครับ ต่อให้ชินยองไฟแนนเชียลจะเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินยักษ์ใหญ่แต่การอดทนต่อแรงกดดันของโอซองก็น่าจะเกินกำลังอยู่ พูดตามตรงว่าถึงชเวยองฮุนจากเอชเอสกรุ๊ปจะพูดอวดดีเสียงดังต่อหน้าพ่อ แต่ในมุมมองของคนที่อยู่ภายใต้แรงกดดัน คงไม่ใช่เรื่องที่ข้ามผ่านได้ง่ายขนาดนั้น”

ฉันยังไม่เข้าใจเลยที่ท่านรองประธานใหญ่ประเมินคนที่ชื่อชเวยองฮุนไว้สูงขนาดนั้น ท่านรองประธานใหญ่ก็ดูคนเก่งนะ เขายังหนุ่มอยู่เหรอ”

ตอนนี้สามสิบกลาง ๆ ครับ”

ถ้าสามสิบกลาง ๆ ก็เป็นอายุที่ยังสลัดความเป็นมือใหม่ออกไปไม่ได้ด้วยซํ้าถึงบางครั้งจะมีคนที่แสดงความสามารถยอดเยี่ยมเกินอายุ แต่ก็เป็นไปได้เฉพาะคนที่มีความสามารถเฉพาะทางเท่านั้น ส่วนความสามารถในการมองอย่างทะลุปรุโปร่ง ระหว่างเผชิญหน้ากับผู้คนและวิเคราะห์สถานการณ์โดยรวมไม่ได้เกิดจากมันสมองอันชาญฉลาดแค่อย่างเดียว”

ครับ”

แดซองเห็นด้วยกับคำพูดของประธานชเวได้ไม่เต็มปาก

เนื่องจากบรรยากาศของชเวยองฮุนที่แสดงให้เห็นต่อหน้าพ่อวันนั้น มองอย่างไรก็ไม่ใช่คนโง่ที่ทำกร่างว่าตัวเองเก่ง

แต่เขาก็ไม่ได้บอกว่าคำพูดของอีกฝ่ายผิด

ตอนนี้ไม่ใช่สถานการณ์ที่จะตัดสินอะไรแบบนั้น ชเวยองฮุนจะกลายเป็นคนขี้โม้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับคำพูดของประธานกรรมการอีฮยองจุนที่กำลังจะพบกันในวันนี้

เหลืออีกห้านาทีจะถึงหนึ่งทุ่มที่เป็นเวลานัด ประตูก็เปิดออกโดยมีประธานกรรมการอีฮยองจุนเดินเข้ามา

โอ๊ะ ขอโทษครับ รอกันนานเลยใช่ไหม”

คนที่เคยเคร่งเครียดตอนเจอกันที่โรงแรมริทซ์-คาร์ลตันกลับโผล่มาพร้อมรอยยิ้มสดใส ราวกับเป็นคนละคน

เปล่าครับ ผมชเวอิลกนจากโอซองครับ”

ครับ ท่านประธาน เป็นเกียรติที่ได้พบกันนะครับ คนรอบตัวชอบพูดกันว่าทีมสนับสนุนธุรกิจโกลบอลเป็นแกนหลักของโอซองกรุ๊ป ไม่คิดเลยว่าจะได้พบกันวันนี้ครับ”

แค่ข่าวลือน่ะครับ ผมได้ยินว่าก่อนหน้านี้พวกคุณเคยทักทายกันแล้วใช่ไหม”

ใช่ครับ เจอกันอีกแล้วนะครับ”

ครับ ขอบคุณที่ติดต่อมา”

คำพูดของแดซองทำให้ฮยองจุนระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

ฮ่า ๆ ๆ! ไม่ติดต่อได้เหรอครับ อีกด้านหนึ่งผมคิดว่ายอดเยี่ยมมากนะด้วยความเพียรพยายามขนาดนี้ ไม่ว่าจะทำอะไรถึงทำได้ดีที่สุดทั้งในประเทศและในระดับโลกสินะครับ”

ชมเกินไปแล้ว เชิญนั่งครับ”

ครับ”

พอฮยองจุนนั่งลง แดซองก็รีบรินเหล้าใส่แก้วของแต่ละคนทันที

ระดับคังแดซอง ปกติไปที่ไหนก็มีแต่คนยื่นแก้วให้ คงไม่มีสถานการณ์ที่ต้องรินเหล้าให้คนอื่นหรอก แต่วันนี้ไม่ใช่เวลาจะมาคิดถึงความเป็นรอยัลแฟมิลี

ฮยองจุนกระดกเหล้าลงคออย่างสบายใจก่อนจะพูดยิ้ม ๆ

ไม่คิดว่านอกจากหัวหน้าฝ่ายคังแดซองแล้วจะมีคนอื่นมาด้วย แถมนึกไม่ถึงว่าจะเป็นประธานชเวอิลกนด้วย เหมือนผมกลายเป็นคนสำคัญเลยนะครับเนี่ย”

สำคัญสิครับ ประธานกรรมการชินยองไฟแนนเชียลเลยนะ”

ฮ่า ๆ ผมเพิ่งเป็นประธานกรรมการได้ไม่เท่าไหร่ ยังสับสนกับหลาย ๆอย่างอยู่เลย ทานก่อนได้ไหมครับ เอาแต่คุยทั้ง ๆ ที่อาหารวางอยู่ตรงหน้าแล้วมันหิว...”

ได้ครับ เชิญเลย”

ประธานชเวอิลกนถือตะเกียบคีบปลาดิบหนึ่งชิ้นเข้าปากโดยไม่ละสายตาจากฮยองจุน

ได้ยินว่าผ่านสถานการณ์ยากลำบากมามากกว่าจะได้เป็นประธานกรรมการตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมาจึงมีนิสัยค่อนข้างเย็นชา แต่วันนี้กลับดูแตกต่างจากสิ่งที่เคยได้ยินมาก่อนหน้านี้

นั่นหมายความว่าเรื่องราวที่รู้มาอาจเป็นข้อมูลที่ผิดหรือถูกใส่สีตีไข่ แต่ถ้าไม่ใช่อย่างนั้น วันนี้ก็อาจจะไม่ได้ยินคำตอบที่ต้องการ

ฮยองจุนกินปลาดิบด้วยท่าทางหิวโหยเหมือนไม่ได้กินมื้อเที่ยงมา จากนั้นก็ล้างปากด้วยสาเกแล้วหัวเราะเบา ๆ

ฮ่า ๆ ท่าทางผมจะกินแบบไม่มีสติเกินไปสินะครับ”

ไม่หรอกครับ ทานเยอะ ๆ ดีแล้ว”

พอแดซองโบกมือและพูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฮยองจุนก็หัวเราะอย่างเขินอาย

ขอบคุณครับที่มองแบบนั้น ถ้างั้น...เรามาคุยกันอย่างตรงไปตรงมาดีไหมครับ”

เอาสิครับ”

ความจริงที่นัดเจอวันนี้ก็ไม่มีอะไรมาก ก่อนหน้านี้ได้ยินมาว่าพวกคุณสามารถประสานเงินเดือน เงินเกษียณของพนักงานโอซองอิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่ในเพนซิลเวเนีย รวมถึงสินทรัพย์เพื่อการลงทุนเข้ากับธนาคารชินยองของผมได้ใช่ไหมครับ”

แดซองร้องเยสในใจก่อนจะตอบ

ใช่ครับ”

เยี่ยมเลยครับ พูดตามตรงว่าพวกเราทุ่มเทกับธุรกิจมานานพอสมควรแต่การเติบโตกลับไม่โดดเด่นนัก ถึงยอดกับลูกค้าจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นทีละนิดอย่างต่อเนื่อง แต่จะพูดอย่างมั่นใจว่ากำลังเติบโตก็น่าอายครับ ช่วงเวลาแบบนี้หากช่วยเหลือเกื้อกูลประเทศเดียวกันและเติบโตไปด้วย ก็น่าจะเป็นเรื่องดีไม่ใช่น้อยครับ”

แน่นอนครับ มันเป็นคำพูดที่ถูกต้อง”

ประธานชเวอิลกนพยายามจะห้ามแดซองที่รีบเห็นดีเห็นงามด้วย แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจ

ถึงอย่างไรก็พูดออกไปแล้ว และต่อให้แดซองจะโดนพี่ชายคนโตเบียดนำแต่ตอนนี้อีกฝ่ายก็ได้รับการผลักดันให้เป็นหนึ่งในผู้สืบทอดอย่างชัดเจน

การขัดจังหวะการสนทนาไม่ใช่การช่วยเหลือแดซอง แต่เป็นการทอนอำนาจลงเท่านั้น

ขอบคุณครับ ฮ่า ๆ ๆ! คิดไม่ถึงว่าจะตอบตกลงง่าย ๆ แบบนี้เลยครับฮ่า ๆ ๆ!”

เมื่อเห็นอีกฝ่ายระเบิดหัวเราะ แดซองจึงเอ่ยถาม

ถ้างั้นแปลว่าตัดสินใจจะคบกับน้องสาวผมแล้วใช่ไหมครับ”

ฮยองจุนทำหน้าตกใจทันที

ครับ? นั่นมันเกี่ยวอะไร...”

ไม่ได้พูดอย่างนั้นเพราะคิดจะคบกับดาอึนเหรอครับ”

เอ่อ...เดี๋ยวนะ...ผมงงแล้วครับ ตอนนั้นที่คุยกับท่านรองประธานใหญ่คังแจชิก กับกรรมการผู้จัดการชเวยองฮุน ผมนึกว่าเรื่องการแต่งงานของผมจบลงแล้วซะอีก ตอนนั้นท่านรองประธานใหญ่ก็ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องแต่งงานเลยสักนิดไม่ใช่เหรอครับ”

แดซองรู้สึกเหมือนไข้ขึ้น

ประธานกรรมการอีฮยองจุน”

ครับ พูดมาได้เลย”

โอซองกรุ๊ปไม่ใช่องค์กรการกุศล จะให้เราฝากเงินเดือนกับเงินเกษียณของพนักงานจำนวนมากนั่นไว้กับธนาคารชินยองเฉย ๆ เหรอครับ ท่านประธานไม่น่าไร้เดียงสาขนาดนั้นนะ”

ผมไม่คิดจะรับมาฟรี ๆ หรอกครับ พวกเราไม่ได้มีแต่ธนาคารอย่างเดียวถ้ามองภาพรวมแล้ว ผมคิดว่ามีส่วนที่พวกเราสามารถช่วยเหลือได้อีกเยอะ แต่ผมไม่คิดว่าเราควรจะนำเรื่องแต่งงานที่จบไปแล้วกลับมาเป็นเงื่อนไขครับ”

คังแดซองขึ้นเสียงเหมือนจะบอกว่าไร้สาระ

พูดเรื่องไร้สาระอะไรกันครับ พวกเราไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือของชินยองไฟแนนเชียล ด้วยเงื่อนไขแบบนั้น คิดว่าพวกเราจะยอมให้ความช่วยเหลือครั้งใหญ่ขนาดนั้นกับชินยองเหรอครับ”

แน่นอน เขาคิดว่าฮยองจุนจะต้องสะอึกกับส่วนนี้ แต่อีกฝ่ายกลับทำตายิ้มราวกับกำลังรออยู่พอดี

ไม่ต้องการความช่วยเหลือของพวกเราหรอกเหรอครับ ถ้างั้นทำไมถึงอยากให้ผมคบกับคุณดาอึนล่ะ ไหนว่าชินยองไม่จำเป็นไง หรือแค่อยากฮุบไปเฉย ๆ อะไรแบบนั้นเหรอครับ”

ในทางกลับกัน แดซองโดนเล่นงานจนสะดุ้ง

สถานการณ์ที่เข้าตาจนในชั่วพริบตาทำให้ประธานชเวอิลกนต้องออกหน้าแทน

ดูเหมือนต่างคนต่างอารมณ์ร้อน พวกเรามาดื่มกันสักแก้วแล้วสงบสติอารมณ์กันดีกว่า”

“...”

ฮยองจุนดื่มเหล้าในแก้วโดยไม่ตอบอะไร ก่อนจะจ้องหน้าประธานชเว

สีหน้าเหมือนถามว่านายจะคุยเรื่องอะไร

ประธานชเวรับรู้ได้ว่างานนี้ไม่น่าจะผ่านไปง่าย ๆ เลยอธิบาย

ประธานกรรมการอีเข้าใจผิดแล้ว ต้องอยากได้อีกฝ่ายเท่านั้นถึงจะแต่งงานเหรอ ลองนึกถึงการแต่งงานระหว่างบริษัทที่ผ่าน ๆ มา หายากมากที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเอาแต่รบกวนอีกฝ่าย ตรงกันข้าม ต่างคนต่างพึ่งพาและเติบโตไปด้วยกันต่างหาก ด้วยความหมายนั้น ท่านรองประธานใหญ่ถึงขอให้ประธานกรรมการอีคิดในแง่ดีเกี่ยวกับการแต่งงานกับเราครับ”

การพึ่งพาอาศัยกันมันก็ดีครับ ผมคิดจะร่วมมือกับโอซองกรุ๊ป แต่เมื่อกี้ก็พูดไปแล้วไม่ใช่เหรอครับ ผมพร้อมจะให้ความช่วยเหลือแก่โอซองกรุ๊ปอย่างเหมาะสม”

โบราณว่าไว้ว่าคำพูดของมนุษย์ก็เหมือนนํ้าไหล ไม่ควรหลงเชื่อง่าย ๆเพราะฉะนั้นถึงใช้การแต่งงานเป็นเครื่องพิสูจน์ การแต่งงานไม่ใช่เป้าหมาย แต่เป็นการแสดงออกถึงความซื่อสัตย์ ตอนนี้ก็เหมือนกัน”

ไม่ ไม่...ไม่ใช่อย่างนั้นครับ”

ฮยองจุนยกมุมปากขึ้นข้างหนึ่งพร้อมกับโบกมือ

พอมาถึงตอนนี้ เส้นเอ็นบนหน้าผากของประธานชเวอิลกนที่รักษาความนิ่งไว้เริ่มกระตุก

อะไรไม่ใช่ครับ”

นั่นเป็นการเปรียบเทียบที่ไม่เข้ากับสถานการณ์ตอนนี้ครับ พวกผมไม่ได้อยู่ในจุดที่เสียบมีดใส่หลังของโอซองได้ ส่วนโอซองก็ไม่ใช่บริษัทที่จำเป็นต้องพึ่งพาใครที่ไหนจนถึงขั้นต้องแต่งงาน กลับกันแล้ว ก็หมายความว่าจะเอาผมไปเป็นลูกเขยเพื่อใช้งานชินยองเหมือนเป็นคนรับใช้ของโอซองไม่ใช่เหรอครับ”

นาย พูดแรงเกินไปแล้วนะ”

ถ้าไม่ใช่แบบนั้น การช่วยเหลือซึ่งกันและกันก็ไม่น่ามีปัญหา แต่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมพวกคุณถึงหมกมุ่นกับการแต่งงานขนาดนี้ ทั้งที่เป็นเรื่องที่ท่านรองประธานใหญ่ไม่ได้เอ่ยถึงและควรจบแล้วตั้งแต่ตอนนั้น พวกเราไม่ใช่เด็ก ๆกันแล้ว จะมัวยึดติดกับเรื่องนี้ไปถึงเมื่อไหร่ครับ”

เด็ก? นี่นาย...”

แล้วท่านประธาน เอาแต่เรียกนาย ๆ อยู่นั่น ผมเป็นประธานกรรมการชินยองไฟแนนเชียลนะครับ ทราบไหมครับว่ามีพนักงานอยู่ใต้อำนาจผมกี่คนถ้าคุยเรื่องส่วนตัวก็อีกเรื่อง แต่เวลาสนทนาอย่างเป็นทางการ จะมาทำตัวเหมือนผมเป็นลูกน้องก็ดูยังไง ๆ นะครับ”

ประธานชเวอิลกนตระหนักว่าตัวเองมานั่งตรงนี้อย่างชะล่าใจเกินไป

ประธานกรรมการอีฮยองจุนนัดหมายเพื่อจุดประสงค์นี้ตั้งแต่แรกแล้ว

อะแฮ่ม...ขอโทษครับ ท่านประธานกรรมการอี”

ขอบคุณที่เข้าใจนะครับ เอาเป็นว่า ผมมีความตั้งใจจะร่วมมือกับโอซองกรุ๊ปและพึ่งพาอาศัยกันเพื่อให้กรุ๊ปเติบโต เพราะฉะนั้นทำไมถึงไม่เลิกสนใจเรื่องที่มันจบไปแล้ว และคิดถึงแต่เรื่องอนาคตล่ะครับ”

แดซองนั่งฟังบทสนทนาระหว่างประธานชเวอิลกนกับประธานกรรมการอีอยู่สักพัก พร้อมกับทบทวนความผิดพลาดของตัวเอง

จากนั้นก็ทำหน้าเครียดแล้วเอ่ยถาม

ถ้างั้นหมายความว่า ‘ขอให้เชื่อมบัญชีกับธนาคารชินยองสาขาอเมริกาแต่แต่งงานไม่ได้’ ใช่ไหมครับ”

ถูกต้องครับ”

คิดว่ารองประธานใหญ่จะอนุมัติเหรอครับ”

ฮยองจุนจึงขมวดคิ้วแล้วย้อนถามเหมือนไม่พอใจ

ไม่ได้มาพร้อมกับอำนาจเต็มเหรอครับ”

เกินความคาดหมายของคังแดซองและประธานชเวอีกครั้ง

ด้วยเหตุนี้ เวลาพบกับประธานกรรมการอีฮยองจุนในอนาคต จึงไม่กล้าเอ่ยปากนัดหากไม่มีอำนาจตัดสินใจเกี่ยวกับงานนั้น ๆ อยู่ในมือ

ต่อให้เป็นประธานกรรมการของชินยองไฟแนนเชียล ก็ไม่อาจแสดงท่าทีหลีกเลี่ยงการพูดคุยหรือพบกับรองประธานใหญ่คังแจชิกของโอซองกรุ๊ปได้แต่อย่างน้อยอีกฝ่ายก็ทำให้เขากลายเป็นคนไร้ความสามารถได้

แดซองคิดว่ายอมควํ่ากระดานยังดีกว่าต้องเสียศักดิ์ศรี

บางทีอาจจะคิดไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ตั้งแต่ตอนพูดว่าไม่มีความคิดจะแต่งงานกับดาอึน

เหอะ...เป็นแค่ประธานกรรมการชินยองไฟแนนเชียล คิดว่าตัวเองจะอยู่ระดับเดียวกับพ่อผมเหรอครับ”

พูดแรงจังนะครับ ถึงไม่ใช่ท่านรองประธานใหญ่ แต่ตรงนี้ก็มีประธานชเวอยู่ด้วย ถ้าไม่ได้มีอำนาจระดับนั้น แล้วผมต้องไปคุยกับใครล่ะครับ เอาเป็นว่าผมเข้าใจแล้ว คุยต่อก็มีแต่จะยิ่งทะเลาะกัน ผมขอตัวก่อนแล้วกันนะครับฝากแจ้งท่านรองประธานใหญ่ด้วย”

ประโยคสุดท้าย ฟังอย่างไรก็เหมือนประชด

แดซองทุบโต๊ะด้วยความโกรธทันทีที่ฮยองจุนออกไป

ไอ้เวรนั่นมันเป็นบ้าหรือไง!”

ใจเย็นก่อน เดี๋ยวคนอื่นได้ยิน ลุกกันเถอะ”

ฮู่...โอเคครับ”

คงไม่ได้ทำแบบนั้นโดยไม่มีเหตุผล นี่เป็นสัญญาณที่ส่งให้ท่านรองประธานใหญ่โดยตรง กลับไปรายงานก่อนแล้วรอรับคำสั่งอีกที”

พวกเราทำอะไรพลาดหรือเปล่าครับ”

ประธานชเวอิลกนขมวดคิ้ว

การที่แดซองไม่ใช่คำว่า ‘ผม’ แต่พูดว่า ‘พวกเรา’ นั้น มันคือการกดดันว่าตอนนี้นายกับฉันร่วมชะตากรรมเดียวกันแล้ว อย่าคิดหนีแล้วใช้สมองให้มากที่สุดซะ

เด็กที่เคยเอาแต่ถอยหลังหนึ่งก้าวแล้วคอยสังเกตการณ์ทำตัวเข้มแข็งให้เห็นเป็นครั้งแรก ในมุมมองของประธานชเวก็ไม่ได้ดูแย่ขนาดนั้น

พลาดสิ มากด้วย ประมาทเกินไปตั้งแต่แรก ทำผิดก็ต้องรับโทษเป็นเรื่องธรรมดา กลับไปรายงานก่อน”

รับทราบครับ”

จากนั้นแดซองก็ออกมาจากร้านด้วยสีหน้าสิ้นหวัง พอกลับถึงบ้านก็เข้าไปในห้องหนังสือเพื่อรายงานเรื่องนี้กับพ่อ แต่พี่ชายอย่างคังมันซองกลับอยู่ตรงนั้นด้วย

พี่?”

ไม่ต้องสนใจฉันหรอก”

คังมันซองอ่านรายงานที่ตัวเองถืออยู่โดยไม่เหลียวมองแดซอง

เจอประธานกรรมการอีฮยองจุนแล้วใช่ไหม ว่ายังไงบ้าง”

รองประธานใหญ่คังแจชิกเชิดคางขึ้นเหมือนจะบอกว่าไม่ต้องสนใจพี่ชาย

แดซองจึงเกาศีรษะและเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับประธานกรรมการอีฮยองจุน

พอเล่าจบแล้ว คนที่เปิดปากพูดคนแรกไม่ใช่พ่อ แต่เป็นพี่ชายที่นั่งจดจ่อกับงานของตัวเองอยู่ข้างหลัง

ประสาท...สมองไอ้เวรนั่นยังดีอยู่ไหม พ่อ จะไม่ปล่อยไปทั้งอย่างนี้ใช่ไหมครับ ไอ้คนอวดดีนั่น...”

แต่คำพูดของพี่ที่กำลังโมโหค่อย ๆ แผ่วลง

เพราะเห็นสีหน้าจนปัญญาของพ่อ และรับรู้ได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่จัดการได้ง่าย ๆ

เป็นเรื่องจนได้สินะ วุ่นวายจริง ๆ”

พ่อ?”

คำพูดของเด็กนั่นเป็นความจริง เห็นได้ชัดว่าประธานกรรมการชินยองไฟแนนเชียลจับมือกับไอ้เด็กนั่นไว้แน่นมาก มันซอง”

ครับ?”

ตอนนี้ลูกม้าโง่ ๆ ตัวหนึ่งกำลังทำให้พ่อลำบากมาก แดซองเหมือนจะรับมือไม่ไหว แกอยากลองแก้ปัญหาดูไหม”

มันซองเหลือบมองแดซองก่อนจะฉีกยิ้ม

พ่อ อย่าเอาเรื่องยาก ๆ ไปสั่งแดซองสิครับ เรื่องยาก ๆ ยกให้เป็นหน้าที่ผมดีกว่า”

พ่อเองก็ยิ้มแปลก ๆ เช่นเดียวกัน

อืม ฉันเชื่อแก”


 

บทที่ 261 วัดความลึกของนํ้าด้วยตา (4)

 

เป็นเรื่องปกติ

พี่มักจะเป็นตัวเอกเสมอ ได้รับสิทธิพิเศษทุกอย่างก่อนตลอด สำหรับแดซอง เขามองว่าเป็นเรื่องธรรมดาและไม่ได้คิดว่าไม่ยุติธรรมด้วยซํ้า เพราะรู้ถึงความเย็นชาและความน่ากลัวของพ่อดี จึงไม่อยากสร้างความวุ่นวายภายในครอบครัว

ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่คิดจะใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดา โดยที่ไม่ได้รับอะไรเลยเหมือนคนโง่ เขาเตรียมสิ่งต่าง ๆ ที่เหมาะจะนำมาเป็นทรัพย์สินในอนาคตในแบบของตัวเอง พอนึกถึงหุ้นของบริษัทในเครือ อสังหาริมทรัพย์ รวมถึงผลงานศิลปะแล้ว เขาก็สะสมไว้มากพอจะเป็นประธานใหญ่ของกลุ่มธุรกิจชั้นนำสักแห่งได้

ถึงแม้ว่ามันจะยังไม่ถึงหนึ่งในสิบของทรัพย์สินที่พี่ชายเขามีและกำลังจะได้รับในอนาคตก็เถอะ ทั้ง ๆ ที่รู้เรื่องนั้นก็ยังตัดสินใจว่าจะพึงพอใจ เพราะกลัวว่าตัวเองจะเป็นต้นเหตุให้บริษัทเกิดความวุ่นวายและเกิดความขัดแย้งในครอบครัว

ไม่สิ ถ้าจะพูดให้ชัด ๆ กว่านี้ก็คือ เพราะคิดว่าต่อให้พุ่งเข้าใส่ก็ไม่มีความเป็นไปได้ว่าจะชนะ

แต่ความเชื่อใจที่พ่อแสดงออกต่อพี่วันนี้ กลับทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจแปลก ๆ

ฮู่ว...”

สุดท้ายแดซองที่นั่งอยู่ในห้องก็พรูลมหายใจออกมาจากปาก

ควรจะทำอย่างไรดี

ถ้าพี่แก้ปัญหานี้ได้อย่างงดงาม เห็นได้ชัดว่าหัวใจของพ่อที่เคยพยายามจะผลักดันเขาในตอนแรกคงจะปิดสนิท

ทั้ง ๆ ที่เคยคิดว่าพี่ต้องได้ไปอยู่แล้ว...

ตอนนั้นประตูถูกเปิดออกโดยมีแซรมเดินเข้ามา

เธอแต่งตัวเหมือนเพิ่งกลับมาจากข้างนอก ไม่ใช่ชุดอยู่บ้านสบาย ๆ แม้จะสวมผ้ากันเปื้อนเรียบร้อย แต่ผ้ากันเปื้อนนั้นก็ไม่ค่อยเข้ากันเท่าไร

กินมื้อเย็นกัน”

อ้อ...”

ทำไม มีเรื่องกลุ้มใจเหรอ”

เปล่า ช่างมันเถอะ เดี๋ยวฉันอาบนํ้าแล้วจะลงไป”

ทันทีที่แดซองลุกขึ้นจากเตียง แซรมก็ทำหน้าบึ้ง

รู้ไหมช่วงนี้ฉันเหนื่อยมาก”

หา?”

ช่วงนี้ฉันเหนื่อยมาก ฉันโดนจับตามองจนไม่สามารถออกไปเที่ยวกับเพื่อนได้ตามใจชอบ ไม่มีใครให้คุยด้วยเลย มีแต่ลูกหมาที่เดินเล่นอยู่ในสวนที่ยอมรับฟังคำพูดฉัน ถ้าแม้แต่คุณยังเมินฉันอีก ฉันก็เหมือนมีหน้าที่แค่ปิดปากให้สนิทแล้วคลอดลูกอย่างเดียวหนิ”

พูดอะไรขนาดนั้น”

เพราะฉะนั้นมาคุยกันเถอะ เรื่องแค่นั้นทำได้นี่นา”

แดซองยอมรับว่าตัวเองยุ่งมากจนไม่ได้ดูแลภรรยาให้ดี

ฉันขอโทษ แต่เรื่องนี้...”

อะไร”

หลังจากลังเลสักพัก แดซองก็อธิบายอย่างใจเย็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้

แต่สีหน้าของแซรมหลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดดูแปลก ๆ

ไม่ได้เสียใจ ไม่ได้ชอบใจ...

มองอย่างไรก็ใกล้เคียงกับสีหน้าตกใจมากพอสมควร

ตอนแต่งงานกับคุณ ฉันไม่ได้คาดหวังอะไรเลย ถึงอย่างนั้นก็เป็นลูกชายคนรองของโอซองกรุ๊ป อย่างน้อย ๆ ก็คงเดินทางสายกลาง ฉันเคยคิดแบบนี้แต่นึกไม่ถึงเลยว่าจะทะเยอทะยานขนาดนี้”

ไม่ได้ทะเยอทะยาน แค่...แค่รู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนโง่เกินไป”

พูดตรง ๆ คุณก็เหมือนคนโง่นั่นแหละ”

อะไรนะ”

แต่ตอนนี้ก็สมควรทนไม่ไหว”

หึ! ใช่ไหมล่ะ”

ให้ฉันช่วยไหม”

เธอจะช่วยอะไรได้”

แดซองหัวเราะขึ้นจมูก แต่แซรมพูดพลางยักไหล่

ฉันรู้จักภรรยาของคนที่ชื่อชเวยองฮุนนั่นดี ฉันไปงานแต่งงานของยอนฮีมาด้วยนะ”

แดซองไม่เคยรู้มาก่อน

ความจริงก็ไม่ใช่แค่เรื่องนั้น

เพราะเขาไม่ได้สนใจเธอตั้งแต่ก่อนแต่งงานแล้ว หลังแต่งงานกันก็ไม่ได้สนใจอะไรมากเหมือนกัน

พอลองคิดดูแล้ว เขาไม่รู้ด้วยซํ้าว่างานอดิเรกของเธอคืออะไร

จริงเหรอ”

พี่ชายคุณควรจะทำพลาดอย่างน่าสมเพช อย่างน้อยถ้าฉันไปบอกให้ระวังตัวล่วงหน้า ก็จะเป็นประโยชน์มากขึ้นไม่ใช่เหรอ”

เธอรู้เหรอว่าพี่ฉันจะใช้วิธีไหน”

แล้วมีวิธีอื่นหรือไง”

นอกจากจับตามองแล้ว ยังจะมีวิธีไหนอีก

ไม่มี”

ฉันรู้จักยอนฮีดีก็จริง แต่ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น ถ้าใช้โอกาสนี้สนิทกันมากขึ้นมันก็ดีไม่ใช่เหรอ ถึงไม่รู้ว่าจะยอมสนิทด้วยไหมก็เถอะ”

อืม เอาอย่างนั้นก็ได้”

แซรมแย้มยิ้มพลางตบไหล่แดซอง

ไปอาบนํ้าแล้วค่อยลงมา จัดการสีหน้าดี ๆ ด้วย”

เธอดูตื่นเต้นนะ”

อื้อ ตื่นเต้นสิ นึกว่าสามีจะโง่แต่ไม่ใช่ จะมีเรื่องไหนน่าตื่นเต้นกว่านี้อีกล่ะ”

แดซองเหม่อมองภาพลักษณ์ใหม่ของภรรยากระทั่งเธอเปิดประตูเดินออกไป

 

ยอนฮีไม่ได้นัดกินมื้อเที่ยงกับคนที่ไม่ใช่เพื่อนร่วมงานมานานแล้ว

เธอนั่งอยู่ในร้านอาหารแถวควังฮวามุน ก่อนจะโบกมือเมื่อเห็นผู้หญิงแต่งตัวสวยหรูปรากฏตัว

ทางนี้”

อ้อ รอนานแล้วเหรอ”

เปล่า ว่าแต่เธอแต่งงานแล้วสวยขึ้นนะ”

เธอสวยกว่าอีก ทำไมเธอถึงได้เหมือนดาราขนาดนี้เนี่ย”

ยอนฮีสับสนนิดหน่อย

เธอรู้จักกับแซรมตั้งแต่ตอนไปเรียนต่างประเทศ แต่ที่ผ่านมาอีกฝ่ายไม่เคยเข้าหาและทำตัวสนิทสนมแบบนี้มาก่อน ลูกหลานของตระกูลมหาเศรษฐีส่วนใหญ่เป็นอย่างนั้น ชอบคิดว่าตัวเองดีเลิศกว่าคนอื่น แซรมเองก็เช่นกัน

แน่นอนว่านิยามของความเย่อหยิ่งนั้นก็คือยอนฮีนั่นเอง

แหม~ โอเค ว่าแต่ไม่ได้เจอกันนานเลยนะแซรม ครั้งแรกหลังจากเจอที่งานแต่งใช่ไหม”

อื้อ”

อืม สบายดีไหม”

แซรมส่ายหน้า

ไม่ค่อยเท่าไหร่ น่าเบื่อจะตาย เบื่อการช็อปปิ้งคนเดียวด้วย เหมือนเป็นเครื่องผลาญเงิน”

คงเหงาน่าดู”

เธอไม่เป็นใช่ไหมล่ะ ได้ยินว่าทำงานที่บริษัท อยู่แผนกเดียวกับสามีด้วยหนิ น่าอิจฉาจัง”

ฉันชอบทำงานน่ะ”

ไม่รู้ทำไมฉันถึงไม่เคยคิดอย่างนั้น ฉันคิดแค่ว่าเรียนรู้งานบริษัทมันน่าปวดหัว แต่คิดไม่ถึงว่าจะต้องมาติดอยู่ในบ้านที่เหมือนคุกแล้วกลายเป็นหุ่นเชิด สงสัยเพราะก่อนหน้านี้คิดน้อยไปหน่อย”

กดตัวเองเกินไปหรือเปล่า คุณผู้หญิงของโอซองกรุ๊ปเลยนะ”

คนที่จะเป็นคุณผู้หญิงของโอซองกรุ๊ปคือภรรยาของพี่สามีฉันต่างหากถึงได้ทำวางท่า ขนาดเวลามองฉันยังจิกตาใส่แบบนี้เลย”

แซรมเชิดหน้าแล้วเลียนแบบ

ยอนฮีมองภาพแบบนั้นอย่างแปลกใจ แล้วตัดสินใจสั่งอาหารมาก่อนโดยเก็บสิ่งที่อยากพูดไว้ทีหลัง เพราะไม่เหมาะสมถ้าจะถามว่าชวนมาเจอกันทำไมตั้งแต่อีกฝ่ายมาถึง เธอจึงคิดว่าเอาอะไรใส่ปากก่อนแล้วค่อยถาม แต่ทันทีที่สั่งอาหาร แซรมกลับหยิบยกธุระขึ้นมาพูดก่อน

อันที่จริง เธอน่าจะเดาได้อยู่แล้วแหละ ฉันมีธุระเลยนัดมาเจอกัน”

อะไรล่ะ”

ตอนนี้ฉันแต่งงานแล้วเลยใช้ชีวิตที่คิดถึงแต่ตัวเองเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้ฉันมีสามีแล้ว และหวังว่าสามีจะเจริญก้าวหน้า”

เรื่องนั้นมันก็แน่นอนอยู่แล้ว”

แต่สามีของฉันกำลังลำบากนิดหน่อยเพราะสามีของเธอ ยอนฮี”

ยอนฮีตอบกลับทั้งสีหน้าเคร่งเครียด

ฉันเคยได้ยินผ่าน ๆ ว่าเรื่องที่กำลังทำอยู่ตอนนี้เกี่ยวข้องกับโอซองกรุ๊ปแต่จะให้ทำยังไงล่ะ นี่ไม่ใช่ประเด็นที่ฉันจะยื่นมือเข้าไปได้ ต่อให้ฉันแสดงความคิดเห็นกับธุรกิจที่สามีเป็นผู้นำได้ แต่ฉันก็ขัดขวางไม่ได้อยู่ดี”

ฉันรู้ นอกจากแม่เธอแล้ว สามีเธอคือคนที่มีอิทธิพลมากที่สุดในกรุ๊ปแต่ฉันไม่ได้มาเพื่อขอร้องอะไรน่าหนักใจหรอก”

ถ้างั้น?”

สามีฉันทำงานไม่สำเร็จ คุณพ่อเลยฝากงานนั้นไว้ที่พี่ชายเขาแทน ลูกคนที่สองทำไม่ได้เลยฝากไว้กับลูกคนแรก เธอเดาออกใช่ไหมว่าตอนนี้สถานการณ์ของฉันเป็นยังไง”

ไม่มีทางเดาไม่ออก

แต่ยอนฮีก็เอียงศีรษะด้วยความสงสัย

เธอรู้ตั้งแต่ตอนแต่งงานแล้วไม่ใช่หรือไง หรือว่า...โลภขึ้นมางั้นเหรอ”

ฉันรู้อยู่แล้ว ทิ้งความโลภไปแล้วด้วย เพราะงั้นก็เลยตัดสินใจว่าจะช็อปปิ้งให้เต็มที่ แต่สามีคงจะโมโหนิดหน่อยน่ะ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะจัดการพี่ชายแล้วฮุบมาทั้งกรุ๊ปนะ อารมณ์แบบแค่อยากแสดงให้พ่อเห็น ประมาณนั้น”

เธอก็เปลี่ยนไปเหมือนกันนะ ฉันเพิ่งเคยเห็นเธอนึกถึงคนอื่นแบบนี้ครั้งแรก”

งั้นเหรอ พูดแล้วก็จริง ฉันเคยใช้ชีวิตแบบสนใจแต่ตัวเอง จริง ๆ ใช้ชีวิตแบบนั้นก็ไม่เคยมีปัญหาด้วย ยังไงก็ตาม ตอนนี้สถานการณ์ของฉันเป็นแบบนี้ฉันเลยต้องการความช่วยเหลือจากเธอ”

อย่างนั้นสินะ...”

เธอจะยอมรับฟังไหม”

อืม...กินก่อนแล้วค่อยคิดดีกว่า”

โอเค”

ยอนฮีปิดปากเงียบจนกระทั่งอาหารมาเสิร์ฟ จะให้พูดว่าเดี๋ยวถามสามีให้ออกมาตรงนี้เลยก็ได้ แต่ยอนฮีไม่อยากทำอย่างนั้น เรื่องนี้มันไม่ใช่สถานการณ์ที่บอกกับสามีง่าย ๆ ว่าเพื่อนขอร้องมา

นี่คือปัญหาที่มีศักดิ์ศรีเป็นเดิมพัน

ถ้าดูจากภรรยาของทหารอาชีพ ตำแหน่งของภรรยาจะแตกต่างกันไปโดยขึ้นอยู่กับยศของสามี

ถ้าสามีเป็นร้อยโท ภรรยาก็จะเป็นร้อยโท ถ้าสามีเป็นพันเอก ภรรยาก็จะเป็นพันเอกเช่นกัน

สำหรับพวกลูกหลานตระกูลมหาเศรษฐีก็ไม่ต่างกัน

ความแตกต่างระหว่างลูกหลานโอซองกรุ๊ปกับลูกหลานตระกูลมหาเศรษฐีที่ได้ครอบครองอันดับที่สามสิบอย่างเฉียดฉิว แทบจะเรียกได้ว่าห่างกันราวฟ้ากับเหว

ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะโดนดูถูกว่าจนจากความแตกต่างระหว่างกรุ๊ป

แซรมมาจากกลุ่มธุรกิจสื่อที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอย่างทีเอสกรุ๊ป ที่ผ่านมาก็เคยพูดเหมือนดูถูกยอนฮีกลาย ๆ และความรู้สึกนั้นยังคงสะสมอยู่ในก้นบึ้งของยอนฮีโดยไม่รู้ตัว

เพราะฉะนั้นเธอจึงไม่อยากแสดงภาพลักษณ์อ่อนแอให้เห็นตรงนี้

หลังจากกินอาหารเสร็จแล้วของว่างมาเสิร์ฟ ยอนฮีก็อ้าปากพูด

โอเค ฉันจะช่วยเอง”

จริงเหรอ”

แต่ฉันมีเงื่อนไข”

เงื่อนไข?”

อืม ไม่มีเหตุผลที่ฉันจะต้องช่วยฟรี ๆ นี่นา”

โอเค ถ้าฉันช่วยได้น่ะนะ”

เธอช่วยได้แน่นอน เพราะฉันวางแผนจะสร้างพรีเมียมแฟชั่นทาวน์ในฮานัม”

พรีเมียมแฟชั่นทาวน์?”

อื้อ ขนาดมันค่อนข้างใหญ่ การนำเข้าช็อปแบรนด์เนมก็คล้าย ๆ เอาต์เล็ตแบรนด์เนมแหละ แต่แตกต่างกันนิดหน่อย ฉันคิดจะเปิดคลาสเกี่ยวกับแฟชั่นแล้วเชิญพวกดีไซเนอร์หรือช่างฝีมือชื่อดังมาเปิดแฟชั่นโชว์ด้วย”

รวมเอาต์เล็ตกับปาร์ตี้เข้าด้วยกันสินะ”

ถูกต้อง”

น่าสนุกจัง”

ใช่ คิดจะทำให้คุณผู้หญิงรวย ๆ อดใจไม่มาไม่ได้ แต่ถ้าได้ความช่วยเหลือจากเธอมันน่าจะดีกว่า”

จะให้ฉันช่วยยังไง”

ตอนนี้กำลังจะเริ่มการก่อสร้างบนที่ดินของเรา แบบแปลนออกมาแล้วเงินทุนก็คอนเฟิร์มแล้ว แต่ไม่ว่ายังไงก็ต้องเปิดภายในสองปี ถ้างั้นก็ต้องยื่นข้อเสนอในการเปิดร้านแบรนด์เนมแต่ละแบรนด์ก่อนอย่างน้อยหนึ่งปี ฉันอยากให้เธอช่วย”

ถ้าเป็นห้างสรรพสินค้าดัง ๆ ในประเทศก็อีกเรื่อง แต่เอชเอสกรุ๊ปเพิ่งเปิดธุรกิจจำหน่ายแฟชั่นเป็นครั้งแรก

แบรนด์ชั้นนำจะพิจารณาจากภาพลักษณ์ ยอดขาย และความน่าเชื่อถือของผู้จัดจำหน่ายก่อน ถึงตัดสินใจว่าควรจะเปิดร้านหรือไม่ แต่ต้องระลึกไว้ว่าข้อเสนอการเปิดร้านอาจจะโดนปฏิเสธได้ เนื่องจากเป็นการเริ่มต้นก้าวแรกของเอชเอส

ซึ่งในแง่นั้น แซรมก็เป็นล็อบบี้ยิสต์ที่ไม่มีใครเทียบได้สำหรับยอนฮี

เพราะทีเอสกรุ๊ปมีธุรกิจบันเทิง ดาราในสังกัด รวมถึงสถานีโทรทัศน์ที่มีเส้นสายเยอะมากจนสามารถใช้ประโยชน์ได้

อืม ได้สิ”

แซรมพยักหน้าทันที

พอเห็นภาพนั้น สายตาของยอนฮีก็เปล่งประกาย

คาดไม่ถึงนะเนี่ย”

อะไร”

ก็นี่ไม่ใช่เรื่องที่เธอทำได้เอง แต่ต้องสั่งคนที่บริษัท...ถึงอย่างนั้นก็ยังบอกว่าจะทำให้ คงไม่น่าใช่เรื่องที่ทำเพราะแค่อยากโชว์ให้พ่อเห็นใช่มั้ย”

พออีกฝ่ายผงะและตอบไม่ได้ ยอนฮีก็ยักไหล่เหมือนจะบอกว่าไม่เป็นไรแล้วลุกขึ้น

ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ อีกอย่างฉันก็อยากให้เธอชนะ พูดจริง ๆ”

เพราะมันจะเป็นประโยชน์กับเธอมากกว่าละสิ”

แน่นอนอยู่แล้ว ไม่พอใจเหรอ”

เปล่า จะเป็นไปได้ไง ฉันมีร้านนวดที่ไปบ่อย ๆ ช่วงนี้อยู่ ไว้ถ้ามีเวลาว่างค่อยไปด้วยกันนะ”

แซรมยอมรับแต่โดยดีว่าสถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ค่าบัตรสมาชิกของร้านนวดนั้นบางทีแซรมอาจจะจ่ายให้ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ค่าใช้จ่าย แต่เป็นเรื่องของการใช้เงินของตัวเองและตระเตรียมเวลากับสถานที่ที่จะใช้ร่วมกัน

นี่เป็นวิธีที่คนระดับตํ่ากว่าใช้เวลาต้องการสนิทสนมกับคนระดับสูงในหมู่ของพวกมหาเศรษฐี

ถึงจะมีร้านประจำอยู่แล้วและยุ่งมากจนไม่มีเหตุผลจะไปร้านอื่น แต่ยอนฮีก็พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม

โอเค เอาสิ”

ถ้าปฏิบัติต่อเธอเหมือนเจ้าหญิงก็ไม่มีเหตุผลจะปฏิเสธ

ทันทีที่กลับมาถึงบริษัท ยอนฮีก็เล่าเรื่องที่เจอและพูดคุยกับแซรมให้ยองฮุนฟัง

ยองฮุนพึมพำเบา ๆ หลังฟังเรื่องราวอย่างสนใจ

น่าสนุกดีนะ”

ตอนนั้นพี่บอกว่าดูดวงชะตาของรองประธานใหญ่คังแจชิกไม่ได้ใช่ไหม”

อืม”

เสียดายจัง”

ถ้าไม่รู้ดวงชะตาของพ่อ ดูของลูกชายแทนก็ได้ นัดคังแดซองผ่านภรรยาให้หน่อย อย่าให้ใครรู้นะ”


 

บทที่ 262 วัดความลึกของนํ้าด้วยตา (5)

 

กำลังจะถึงการเลือกตั้งแล้ว ช่วงนี้คงลำบากในหลาย ๆ ด้านใช่ไหมครับ”

สส.ชอนโบยุนยิ้มบาง ๆ พร้อมกับมองผู้ชายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามโดยไม่ตอบอะไร

ประธานคังมันซอง

ผู้สืบทอดของโอซองและลูกชายคนโตของรองประธานใหญ่คังแจชิกแจกยิ้มหวาน

จากนั้นก็พูดกับ สส.ชอนที่เอาแต่มองกันอย่างไม่มีคำตอบ

อึดอัดหรือเปล่าครับที่ผมมาหา”

ไม่อึดอัดอะไรหรอกครับ แค่สงสัยว่าโอซองมาหาผมทำไมเท่านั้นเอง”

พูดสบาย ๆ ได้เลยนะครับ ผมเด็กกว่าเยอะเลย”

มาในนามโอซองด้วย จะให้ลดระดับคำพูดมันก็ยากนะครับ ทางโอซองเอาแต่ชวนให้มาเจอกันตลอด ผมก็เลยมาอยู่ตรงนี้ ว่าแต่ทำไมถึงอยากเจอผมล่ะครับ”

ผมเรียนรู้จากพ่อมาตั้งแต่เด็ก ๆ ว่าเวลานักธุรกิจพบกับนักการเมืองจะต้องมีสมาธิอยู่ตลอดเวลาครับ เพราะทุกคำที่ผมพูดอาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดเล็กน้อยได้ ผมเลยระมัดระวังในการพูดคุยกับท่าน สส.ชอนมากเพราะกลัวจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ครับ”

ถ้างั้นก็พูดมาเถอะครับ ผมจะได้ไม่เข้าใจผิด”

โอซองของพวกเราเข้าใจและสนับสนุนนโยบายของท่าน สส.จากใจจริงครับ เช่นเดียวกับสนับสนุนอุตสาหกรรมทั้งสี่และแผนพัฒนาต่าง ๆ พอพิจารณาพวกร่างกฎหมายที่ท่าน สส.เสนอมาจนถึงขณะนี้แล้ว ผมอดคิดไม่ได้ว่าความคิดของโอซองกรุ๊ปสอดคล้องกับทิศทางที่ถูกต้องของประเทศครับ”

ยกยอกันเกินไปแล้วครับ แต่ก็มีร่างกฎหมายที่ทำให้โอซองเสียเปรียบอยู่นะ”

โอซองกรุ๊ปเป็นบริษัทใหญ่ครับ บางครั้งก็มีกฎหมายที่ไม่เอื้ออำนวยต่อพวกเราอยู่บ้าง แต่ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือประเทศที่เที่ยงธรรม และนโยบายที่มุ่งสู่อนาคตครับ”

หมายความว่าร่างกฎหมายที่จะเสนอในอนาคตสำคัญกว่าร่างกฎหมายที่ได้รับการจัดการแล้วเหรอครับ”

ฮ่า ๆ เข้าใจผิดแบบนี้อีกแล้ว โอซองแค่อยากสนับสนุนท่าน สส.อย่างจริงใจเท่านั้นเองครับ”

แล้วถ้าผมได้เป็นประธานาธิบดี พวกคุณจะได้อะไรครับ”

ไม่มีของแบบนั้นหรอกครับ แค่ช่วยเล่นการเมืองให้ดีที่สุดก็พอแล้ว”

งั้นเหรอ ถ้างั้นโอซองคิดจะสนับสนุนผมยังไงครับ”

เราจะช่วยจัดสรรเงินทุนในการหาเสียงที่ใสสะอาดตามกฎหมายแก่ท่าน สส. และช่วยป้องกันความเป็นไปได้ในการตกเป็นเหยื่อของโฆษณาชวนเชื่อประสงค์ร้ายระหว่างกระบวนการเลือกตั้งครับ นอกจากนี้ หากเกี่ยวข้องกับนโยบายเศรษฐกิจ เราจะช่วยให้ท่าน สส.มีแผนการที่สมบูรณ์แบบกว่าผู้สมัครรายอื่นครับ”

จะช่วยนโยบายที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ

สรุปก็คือจะนำแผนเศรษฐกิจห้าปีข้างหน้าไปเป็นแผนของโอซอง

ผมควรมองเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมาหรือเปล่าครับ หรือควรมองว่าเป็นจิตใจอันบริสุทธิ์จริง ๆ”

โธ่...เข้าใจผิดอีกแล้ว ผมแค่บอกให้ทราบว่าพวกเราสามารถทำได้ แต่ไม่ได้บังคับเลยนะครับ หากท่าน สส.ไม่ต้องการ ผมก็ไม่คิดจะปรับนโยบายเกี่ยวกับเศรษฐกิจครับ”

อืม...”

เรื่องอื่นเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มีการเลือกตั้งอยู่ตรงหน้า ก็อดจะหวั่นไหวกับคำว่าเงินทุนในการหาเสียงไม่ได้

แต่ สส.ชอนรู้ว่าคำพูดของคังมันซองเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ

คำว่าไม่ต้องการผลตอบแทนใด ๆ

เป็นคำที่นักธุรกิจไม่สามารถพูดได้

แตกต่างกับเอชเอสตั้งแต่ตรงนี้แล้ว

เพราะอย่างน้อยเอชเอสก็ไม่เคยคิดจะซ่อนความต้องการ

ให้พวกผมได้ช่วยท่าน สส.เถอะครับ”

ไม่ดีกว่าครับ ผมลองพิจารณาอย่างจริงจังแล้ว แต่คิดว่ามันไม่น่าใช่ครับ”

ถึงยองฮุนจะบอกว่ารับความช่วยเหลือได้ สส.ชอนก็ตัดสินใจปฏิเสธ

ถ้าคังมันซองเสนอราคาที่ชัดเจนและเหมาะสมก็อาจจะยอมรับ แต่พอไม่เสนออะไรเลย จึงสร้างแรงกดดันที่หนักหน่วงมากขึ้น

เรื่องนี้ สส.ชอนยอมรับไม่ได้

สีหน้าของมันซองตึงเครียด

น่าแปลกจังครับ ผมรู้มาว่าเอชเอสกรุ๊ปสนิทสนมกับท่าน สส.มาก...”

ดูเหมือนจะเข้าใจผิดอะไรบางอย่างนะครับ ผมเคยคุยกับกรรมการผู้จัดการชเวยองฮุนของเอชเอสกรุ๊ปหลายครั้งก็จริง แต่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากเอชเอสกรุ๊ป ถ้าสงสัยก็ลองสืบดูอย่างที่พวกคุณถนัดก็ได้ครับ แน่นอนว่าถ้ามั่นใจนะครับ”

มันซองสับสนไปชั่วขณะ

คิดว่าคงจะปฏิเสธหรือลำบากใจ แต่อีกฝ่ายกลับยอมรับเพียงความสนิทสนมเล็กน้อยและไม่มีการสนับสนุนใด ๆ

หากมั่นใจแบบนั้นก็แสดงว่าไม่มีการสนับสนุนเงินทุนทางการเมืองตั้งแต่แรก

ได้ครองตำแหน่งที่ใกล้ชิดผู้สมัครประธานาธิบดีมากที่สุดโดยที่ไม่ได้สนับสนุนเงินทุนทางการเมืองงั้นเหรอ

เขาประเมินว่าอย่างน้อย ๆ หนึ่งในสองเรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องโกหกแน่นอน

ทราบไหมครับว่ากรรมการผู้จัดการชเวยองฮุนขายท่าน สส.แล้ว”

จริงเหรอครับ ผมไม่เคยทราบมาก่อน”

นักธุรกิจคนหนึ่งขายนักการเมือง แต่ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอครับ”

เรื่องแบบนั้นมันเกิดขึ้นบ่อยมากครับ บางคนถ่ายรูปด้วยกันครั้งเดียวก็ทำเหมือนเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ เวลาแบบนั้นจะให้ไปตามหาทีละคนแล้วห้ามไม่ให้ทำก็ไม่ได้หรอกครับ ถ้าเกิดความเสียหายในภายหลัง ผมจะดำเนินการตามความเหมาะสมครับ”

ท่าทางเหมือนคนตีหน้าซื่อของ สส.ชอนทำให้มันซองลุกขึ้นทันที

โอเคครับ ถ้างั้นผมคงต้องขอตัวก่อน โอซองของเราเปิดใจให้ท่าน สส.เสมอ ดังนั้นถ้าคิดว่าต้องการความช่วยเหลือจากเรา ต่อให้จะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย กรุณาอย่าลังเลที่จะติดต่อมานะครับ”

ได้ครับ”

ใบหน้าของมันซองที่หันหลังเดินออกไปนั้นแข็งกร้าวจนน่ากลัว

 

แดซองเดินทางมาตามที่อยู่ที่ได้รับจากแซรมด้วยความประหม่า

เมื่อมาถึงลานจอดรถใต้ดินของออฟฟิศเทลแห่งหนึ่งใกล้ ๆ กับสถานีบูชอนเขาก็สำรวจรอบตัวว่ามีใครตามมาหรือไม่ก่อนจะเดินเข้าไปในลิฟต์

แม้จะไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ก็รู้สึกเหมือนกำลังทำเรื่องไม่ดีจึงกดกริ่งด้วยความหวาดกลัว ผ่านไปไม่นานประตูก็เปิดออก

เข้ามาสิครับ”

ยองฮุนที่มารออยู่ก่อนแล้วบอกให้เข้ามาด้วยสีหน้าเฉยเมย

ผมไม่คิดว่าจะเป็นที่อยู่ของกรรมการผู้จัดการ...”

นี่เป็นบ้านของใครบางคนจริง ๆ แต่ก็ซอมซ่อเกินกว่าจะบอกว่าเจ้าของบ้านหลังนี้คือกรรมการผู้จัดการชเวยองฮุน

ยองฮุนตอบขณะหยิบนํ้าผลไม้ออกมาจากตู้เย็น

นั่งที่โซฟาตรงนั้นเถอะครับ เจ้าของบ้านเป็นพนักงานบริษัทผมเอง ถ้าไปที่โรงแรมอาจจะมีคนจำได้ก็เลยนัดมาที่นี่แทน โอเคใช่ไหมครับ”

ครับ”

ผมตั้งใจจะเลี้ยงไวน์ดี ๆ สักหน่อยเพราะเป็นคนมีตำแหน่ง แต่ในบ้านมีแค่นํ้าผลไม้ ดื่มอันนี้แล้วกันนะครับ”

อะไรก็ได้ครับ”

ยองฮุนเอานํ้าผลไม้กับแก้วมาวางไว้บนโต๊ะก่อนจะยื่นมือออกมา

ตอนนั้นวุ่นวายมากจนไม่ได้ทักทายกันดี ๆ เลย ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการนะครับ ผมชเวยองฮุนครับ”

เอ่อ ได้ครับ ผมคังแดซองครับ”

ตอนแรกคงงง ๆ เพราะเรื่องของน้องสาวสินะครับ”

ใช่ครับ เพราะผมไม่ได้สนิทกับน้อง ไม่เคยคิดจะหาสามีให้น้องด้วย แต่ประธานกรรมการอีฮยองจุนเป็นลูกเขยที่น่าสนใจมากเลยนะครับ มีมหาเศรษฐีที่มีเงินกับอิทธิพลอยู่เยอะแยะ แต่กรณีของหนุ่มโสดที่เป็นประธานกลุ่มบริษัทใหญ่แบบนั้นแทบจะไม่มีเลย พูดตามตรงว่าถ้าพ่อผมไม่อยากได้จะน่าแปลกกว่าครับ”

ยองฮุนพยักหน้าพร้อมกับรินนํ้าผลไม้ใส่แก้ว

ดื่มไปอึกหนึ่งแล้วค่อยพูด

ผมสับสนมากตอนที่ได้ยินว่าโอซองคิดจะเอาประธานกรรมการอีฮยองจุนไปเป็นลูกเขยครับ เพราะถึงช่วงเวลาที่ผมรู้จักกับประธานกรรมการอีฮยองจุนจะสั้น แต่เรื่องราวก็ค่อนข้างลึกซึ้งพอสมควร แล้วผมก็ลงทุนกับประธานกรรมการอีไปเยอะมาก ในเมื่อต้องการสิ่งที่ผมยอมไม่ได้ สำหรับผมจึงไม่ใช่ข่าวดีครับ แต่ผมก็คิดว่าผมเสนอแนวทางที่ดีที่สุดรองลงมาให้เขาแล้ว...”

การเป็นรองคือสิ่งที่เรายอมรับไม่ได้ครับ การบอกว่าต้องพูดดี ๆ กับคุณก็คือข้อเสนอที่อนุญาตให้โอซองเป็นแค่อันดับสองเท่านั้นไม่ใช่เหรอครับ”

ยองฮุนแค่นหัวเราะ

ตลกจัง พวกคุณทำอะไรกันมาบ้างถึงอยากได้อันดับหนึ่งล่ะครับ”

อะไรนะครับ”

ก่อนหน้านี้โอซองกรุ๊ปทำอะไรให้ สส.ชอนโบยุนมาบ้างครับ โอซองทำอะไรให้ประธานกรรมการอีฮยองจุน ไม่มีครับ ไม่มีอะไรเลย ถึงอย่างนั้นผมก็ให้โอกาสขึ้นไปนั่งอันดับสองฟรี ๆ ยังจะปฏิเสธเพราะไม่พออีกเหรอครับจะหยิ่งยโสก็ควรมีขอบเขตไม่ใช่เหรอ”

ต่างคนต่างรู้ว่าวันนี้ไม่ได้มาเพื่อทะเลาะกัน

อย่างไรก็ตาม แดซองประหลาดใจมากที่มีคนกล้าเยาะเย้ยและตำหนิตนขนาดนั้น

พวกเราคือโอซองครับ ทุกอย่างต้องดีที่สุด”

ผมเข้าใจว่าอยากได้สิ่งที่ดีที่สุด แต่เชิญไปทำในที่ที่ไม่มีพวกผม เข้ามาทำอวดเก่งในบ้านคนอื่นมันน่าเกลียดครับ”

เหอะ...คุณเอาความเชื่ออะไรมามั่นใจขนาดนั้นครับ”

เดิมทีแดซองไม่ใช่คนสุภาพอ่อนโยน

ภายในครอบครัวก็ถูกพี่ชายกดดันจนหมดกำลังใจ ส่วนภายนอกได้รับการประเมินว่าเป็นคนเย็นชาและหยิ่งยโส

แต่ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา พลังที่เหนือกว่าของยองฮุนทำให้เขาไม่สามารถผ่อนคลายได้ นิสัยเดิมที่มีจิตใจเป็นปฏิปักษ์และอารมณ์ร้อนจึงปรากฏออกมา

ผมเอง ผมเชื่อตัวเองครับ”

เหลือเชื่อจริง ๆ”

ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าผมไม่เห็นหัวคนอื่นครับ ถึงผมจะกำลังดื่มนํ้าผลไม้กับคุณอยู่ที่นี่ แต่ในความเป็นจริงแล้วทักษะในการปฏิบัติจริงของผมแย่มากเมื่อเทียบกับเจ้าของบ้านหลังนี้ ผมแค่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองทำได้ดีครับ”

“...”

ตอนนี้เรามาพูดตรง ๆ ดีกว่า คุณต้องการอะไรครับ”

แดซองจับแก้วนํ้าผลไม้ที่ปกติไม่ดื่มอย่างแรงแล้วกระดกเข้าปาก ก่อนจะพูดด้วยแววตาแรงกล้า

พี่ชายผมกำลังเล็ง สส.ชอนโบยุนอยู่ครับ”

แล้วยังไงต่อครับ”

ไม่กังวลเหรอครับ”

ยองฮุนส่ายหน้า

ไม่เลยครับ”

ดูถูกพี่ชายผมเหรอครับ หรือว่าดูถูกโอซอง”

ไม่ใช่ทั้งสองอย่างครับ ผมเชื่อใจ สส.ชอน”

เขาเป็นคนที่เชื่อถือได้ขนาดนั้นเลยเหรอครับ”

นอกเหนือจากนั้น ไม่ว่าจะเป็นบริษัทใหญ่แค่ไหน แต่ถ้าโดนบริษัทแห่งเดียวปั่นหัวจนทนไม่ไหว นั่นก็แสดงว่าผมมองคนผิดครับ ถ้าเขาเป็นคนแบบนั้น การดึงตัวลงมาตั้งแต่เนิ่น ๆ จะเป็นประโยชน์กับพวกเรามากกว่าครับ”

จริงเหรอครับ”

ครับ ถ้าต้องพาคนแบบนั้นไปนั่งตำแหน่งประธานาธิบดี แล้วโดนตรงนี้ปั่นหัวที โดนตรงนั้นปั่นหัวที...การที่พวกเราใช้ประโยชน์ไม่ได้จะกลายเป็นเรื่องรอง เพราะถ้าคนแบบนั้นได้เป็นประธานาธิบดี จะเป็นการทำบาปต่อประชาชนครับ”

แดซองไม่สามารถแยกแยะได้ว่าคำพูดของอีกฝ่ายเป็นเรื่องจริงหรือโกหก

เพราะฉะนั้นจึงปิดปากเงียบอัตโนมัติ

“...”

ยังไงก็ตาม ขอบคุณสำหรับคำเตือนครับ ถ้างั้นตอนนี้ผมขอพูดบ้างนะครับ”

เอาสิครับ”

การเป็นผู้นำกรุ๊ปเป็นเรื่องยากจะรับมือ แต่จะให้ถอยออกมาแล้วได้แค่บริษัทในเครือเล็ก ๆ เพียงแห่งเดียวก็ไม่พอใจ...ถูกไหมครับ”

“...”

ถึงแดซองจะไม่ตอบ แต่ยองฮุนก็พยักหน้าราวกับตัวเองเดาถูกแล้วพูดต่อ

แล้วคุณดาอึนล่ะครับ”

อยู่ ๆ พูดถึงน้องสาวผมทำไมครับ”

ผมแค่สงสัย มีความสนิทสนมระหว่างพี่น้องไหมครับ”

ไม่ค่อย...”

งั้นเหรอครับ ระหว่างพี่ชายคุณกับคุณ ใครสนิทกับคุณดาอึนมากกว่ากันครับ”

แดซองขมวดคิ้ว

เพราะไม่เข้าใจเจตนาของคำถามที่ไม่สมกับเป็นยองฮุน

ผมน่าจะสนิทกว่านิดหน่อยครับ เพราะพี่ทำเหมือนดาอึนไม่มีตัวตน”

อ๋อ...อย่างนี้นี่เอง พลังส่วนใหญ่มักจะมาจากเงินและอำนาจ ถึงคุณจะมีเงินก็ไม่สามารถเรียกว่าเงินของคุณได้เต็มปาก เพราะมันเป็นเงินของพ่อเงินของบริษัทใช่ไหมครับ”

แล้วยังไงครับ”

ถ้าผมยอมให้คุณยืนเคียงข้างผม คุณจะทำอะไรให้ผมได้บ้างครับ”

แดซองกลืนนํ้าลายดังเอื๊อก

จะเรียกว่าเป็นความรู้สึกที่เหมือนเซลล์ทั่วร่างกายไหลทะลักออกมาอย่างน่าตื่นเต้นได้ไหมนะ

หมายถึงโอซองของพวกเราเหรอครับ”

ฟังให้เข้าใจแล้วอย่าพูดเรื่องอื่นครับ ผมให้โอกาสโอซองยืนเคียงข้างผมแล้ว ตลาดโอนย้ายใกล้ปิดแล้ว แต่โอซองไม่ได้เสนอราคามา โอซองที่ไม่ยอมเสนอราคาจึงไม่สามารถทำข้อตกลงกับผมได้ครับ”

งั้นหมายถึงผมเหรอครับ”

ยองฮุนมองออกไปข้างนอกหน้าต่างที่เริ่มมืดลง

แสงไฟระยิบระยับจากย่านธุรกิจรอบ ๆ สถานีบูชอนทำเอาตาพร่ามัว

ผมไม่ได้บอกว่ายืนข้างผมแล้วจะได้โอซองนะครับ ผมไม่ได้มีหน้าที่ต้องทำแบบนั้นให้คุณตั้งแต่แรก แล้วคุณก็ไม่สามารถจ่ายค่าตอบแทนในราคาที่เทียบเคียงกับสิ่งนั้นให้ผมได้ครับ”

ฟังเหมือนถ้ามีอะไรแบบนั้นแล้วจะทำให้ได้เลยนะครับ”

ไม่รู้สิครับ สมมติฐานแบบนั้นมันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ คุณจ่ายราคานั้นไม่ได้อยู่แล้ว”

แล้วประธานกรรมการอีฮยองจุนล่ะครับ เขาเสนอเงื่อนไขอะไรถึงสามารถนั่งตำแหน่งประธานกรรมการได้”

ตอนนั้นฮยอนจินการผลิตกำลังเผชิญกับวิกฤติครั้งใหญ่ครับ เขาช่วยทำให้พวกเราพ้นวิกฤตินั้น ช่วยทำให้พวกเราเติบโต และจะช่วยพวกเราต่อไปเรื่อย ๆ ในอนาคตด้วย ผมคิดว่ามันเป็นสัญญาที่วินวินนะครับ”

“...”

เพราะฉะนั้นตอนนี้ผมจะให้โอกาสคุณ ต้องการ สส.ชอนโบยุนไหมครับ”

ถ้าต้องการ...ราคาจะเป็นยังไงครับ”

ยองฮุนแย้มยิ้ม

คุณต้องจ่ายสองที่ครับ หนึ่งคือพวกเรา อีกหนึ่งคือ สส.ชอนโบยุนก่อนอื่นต้องจ่ายให้พวกเราก่อนหนึ่งอย่างครับ คือการร่วมมืออย่างเต็มที่กับเอชเอสกรุ๊ปในอนาคต”

แดซองขมวดคิ้ว

มันกว้างแล้วก็ครอบคลุมเกินไปนะครับ แล้วถ้าเกิดผมไม่ให้ความร่วมมือในภายหลังล่ะ”

การให้ที่ข้าง ๆ ผม หมายความว่าผมสามารถเปลี่ยนพาร์ตเนอร์ได้ตลอดเวลาครับ”

เฮ้อ...ดังนั้นคำที่สำคัญที่สุดในป้ายราคานั่นก็คือ ‘ทำอย่างเต็มที่’ สินะโอเคครับ แล้วฝั่ง สส.ชอนโบยุนล่ะ”

คังดาอึน น้องสาวคุณ”

แดซองอ้าปากค้างกับคำพูดน่าตกใจ

แต่ไม่นานหลังจากเข้าใจเจตนาของยองฮุนก็หัวเราะพร้อมบ่นพึมพำว่าไม่อยากจะเชื่อ

จากภรรยาประธานกรรมการชินยองไฟแนนเชียลไปเป็นลูกสะใภ้ของประธานาธิบดีงั้นเหรอ...บ้าเอ๊ย ตอนนี้ผมต้องเช็ดเท้าให้น้องแล้วสินะ”

จากนี้ไปก็สนิทกันให้มากขึ้นเถอะครับ”

ยองฮุนดื่มนํ้าผลไม้พลางทำสีหน้าเหมือนถามว่ามันจะยากอะไร


 

บทที่ 263 ความขัดแย้งภายใน (1)

 

ภายในรถเงียบสนิทไร้เสียงเพลง

เขาขับรถเองโดยไม่ใช้คนขับรถ เพราะกลัวคนอื่นจะรู้การเคลื่อนไหวพอกลับถึงบ้านด้วยจิตใจที่ว้าวุ่นก็นั่งจมอยู่กับความคิดในรถ

ความจริงแค่มีสมาธิขับรถก็เป็นเรื่องยากแล้วสำหรับข้อเสนออันน่าตกใจของกรรมการผู้จัดการชเวยองฮุน

เข้าบ้านแล้วต้องเริ่มพูดอะไรกับน้องก่อนดีล่ะ

ถ้าถามว่าคิดจะแต่งงานกับคนธรรมดาที่มีพ่อเป็นแค่ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ไม่ใช่มหาเศรษฐีหนุ่มโสดบ้างหรือเปล่า จะมีปฏิกิริยาอย่างไรนะ

เดาไม่ออกเลยว่าคำตอบจะเป็นอย่างไร

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเปลี่ยนใจน้องสาวให้ได้

เพราะถึงจะเจรจาต่อรองค่าตอบแทนของเอชเอสกรุ๊ปได้ แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเจรจากับที่บ้าน

หลังจัดการความคิดอยู่สักพักแล้วเดินเข้าไปในบ้าน คนแรกที่ได้สบตาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน พี่ชายเขานั่นเอง

มาแล้วเหรอ”

อือ...กลับเร็วนะ”

ฉันเข้าบริษัทไปหานายที่ฝ่ายกลยุทธ์ แต่เขาบอกว่านายเลิกงานแล้ว”

โทร.หาสิ”

ถ้าอยู่บ้านยังไงก็เจอกันอยู่แล้ว จะโทร.ทำไม ช่างเถอะ นายมาคุยกับฉันหน่อย”

รอแป๊บ ขออาบนํ้าก่อน”

โอเค อาบนํ้าแล้วค่อยลงมา”

ทันทีที่แดซองขึ้นมาข้างบน แซรมที่เห็นภาพเมื่อครู่นี้จึงเข้ามาถาม

พี่เขาพูดว่ายังไง”

บอกว่าอยากคุยด้วยหน่อย”

เรื่องอะไร...ช่างเถอะ วันนี้ไปเจอคนชื่อชเวยองฮุนแล้วคุยเรื่องอะไรกันเหรอ”

ฉันอาบนํ้าก่อน เดี๋ยวหลังจากคุยกับพี่เสร็จจะเล่าให้ฟัง”

หลังจากอาบนํ้าด้วยสภาพจิตใจที่สับสนวุ่นวาย แดซองก็ลงไปที่ชั้นใต้ดิน

ห้องใต้ดินที่มีตู้แช่ไวน์ขนาดใหญ่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลากหลายชนิดเป็นสถานที่โปรดของสามพ่อลูก

มาแล้วเหรอ สักแก้วไหม”

ไม่เอา ฉันปวดหัว วันนี้ว่าจะพัก”

นายเคยปวดหัวแล้วไม่กินเหล้าด้วยเหรอ”

ไม่ค่อยอยากเท่าไหร่ พ่อล่ะ”

ป่านนี้ยังไม่กลับมามันก็ชัดแล้วไหม ว่าแต่นายเคยเจอชเวยองฮุนกรรมการผู้จัดการฝ่ายวางแผนและประสานงานของเอชเอสการผลิตแล้วใช่ไหม”

อืม”

เป็นไง”

อยู่ ๆ ถามทำไม คุยกับ สส.ชอนไม่ราบรื่นเหรอ”

สีหน้าของมันซองพลันตึงขึ้น

จากนั้นก็เปิดไวน์อย่างชำนาญด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เหมือนเครื่องจักรก่อนจะรินไวน์โดยไม่ละสายตาจากแดซอง

ช่วงนี้นายเปลี่ยนไปนะ”

แดซองเสียววาบ แต่ย้อนถามเหมือนไม่รู้สึกอะไร

พูดอะไรเนี่ย”

ปกตินายไม่ค่อยถามอะไรฉันหนิ โดยเฉพาะเรื่องงาน...ถูกไหม”

ตอนนั้นแดซองถึงนึกได้ว่าที่ผ่านมาเขามักจะทำตามคำสั่งของพี่โดยไม่ถามเหตุผล

เหตุผลเรียบง่ายมาก

เพราะไม่ได้อยากรู้

ถึงอย่างไรก็คิดว่าสิ่งที่ตัวเองมีก็ถูกจำกัดไว้อยู่แล้ว ต่อให้ทำงานด้วยจิตใจที่ต่อต้าน เขาก็จัดการเฉพาะงานที่ทำให้ได้เหมือนเครื่องจักรเท่านั้น

ฉันแค่สงสัย เพราะเป็นคนที่ฉันเคยเจอมาก่อน พ่อก็เจอมาพร้อมกัน”

โอ้โฮ...ท่าทางจะประทับใจน่าดูสินะ”

อืม ใช่”

เป็นยังไงบ้าง”

จากที่ฉันเห็น...เดาอะไรไม่ออกเลย”

เขารู้สึกแบบนั้นจริง ๆ

ขนาดเจอกันวันนี้ยังรู้สึกว่าเป็นคนที่ไม่สามารถเข้าใจความคิดได้เลย

เดาไม่ออกเหรอ”

อืม รู้ว่าจิตใจลึกซึ้งมาก...แต่ต้องเรียกว่าระดับที่วัดได้ยาก”

ชมใหญ่เลยนะ ท่าทางจะโดนเล่นงานมาเต็ม ๆ เลยละสิ”

โดนเล่นงานเต็ม ๆ จริง แล้วหมัดนั้นก็ทำให้พ่อสะดุดด้วย”

สายตาของมันซองน่ากลัวขึ้น

พ่อด้วยเหรอ”

อืม พ่อพูดแบบนั้นเลย ถ้าวันหนึ่งมีคนเข้ามาขยํ้าคอพี่น้องของเรา คนนั้นอาจจะเป็นกรรมการผู้จัดการชเวยองฮุน”

โอ๊ยยย โธ่เว้ย เหล้าหมดอร่อยเลย”

อีกฝ่ายกระดกไวน์ในแก้วรวดเดียวแล้วเปิดวิสกี้ขวดใหม่

ดูเหมือนแค่ไวน์จะไม่เพียงพอให้ความโกรธสงบลง แดซองมองภาพนั้นอย่างขบขัน

เพราะฉะนั้นความรู้สึกของพ่อน่าจะชัดกว่าฉันนะ”

“...”

สส.ชอนโบยุนว่ายังไงล่ะ”

นายไม่ต้องรู้หรอก”

แดซองยักไหล่แล้วลุกขึ้นเมื่อได้ยินคำตอบแสนเย็นชา

ท่าทางที่บ่งบอกว่าไม่บอกก็ไม่สนใจ ทำเอามันซองจ้องมองด้วยสายตาแฝงความหมายก่อนจะพูด

ก่อนหน้านี้นายเคยรวบรวมจุดอ่อนของ สส.ชอนโบยุนไว้ใช่ไหม”

อ้อ แต่พ่อประเมินว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรนะ จะเอาไหม”

รวบรวมแล้วส่งมาให้ฉัน เดี๋ยวฉันจัดการเอง”

โอเค แต่ถึงพ่อจะฝากงานไว้กับพี่ ฉันก็มีงานที่ต้องทำในแบบของฉันเหมือนกัน”

แล้วยังไง”

แค่...ขอให้เข้าใจ”

ไอ้เวร...นายจะลองแข่งกับฉันเหรอ”

พูดอะไรเนี่ย ก็บอกว่าแค่เรื่องงาน พี่นั่นแหละแปลก ช่วงนี้มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”

มันซองกระดกวิสกี้ในแก้วออนเดอะร็อครวดเดียวแล้วเช็ดปาก

ไม่มีอะไร ฉันอ่อนไหวไปหน่อย ไปเถอะ”

พักผ่อนละ”

แดซองหมุนตัวก่อนจะกลืนนํ้าลายดังเอื๊อก

เหงื่อออกมือไม่รู้ตัว เพราะมัวแต่แสดงอย่างสุดความสามารถราวกับเป็นนักแสดง

แดซองแวะเข้าห้องนํ้าล้างหน้าอีกครั้ง จากนั้นก็มุ่งหน้าไปที่ห้องของดาอึน

ก๊อก ก๊อก...

อยู่ไหม”

ทำไม”

ดาอึนเปิดประตูด้วยอารมณ์หงุดหงิด

ดูจากเสื้อผ้าที่ใส่แล้ว ดูเหมือนออกไปข้างนอกและเพิ่งกลับมาได้ไม่นาน

ขอเข้าไปคุยหน่อยได้ไหม”

เข้ามาเหรอ ได้...”

ถึงจะสับสนเมื่อพี่ชายที่ไม่เคยคุยเรื่องจริงจังกันสักครั้งในชีวิตขอเข้ามาในห้องแล้วบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย แต่ดาอึนก็เปิดประตูให้เพราะคิดว่าคงเป็นเรื่องสำคัญมาก

ถุงช็อปปิ้งกองอยู่ด้านหนึ่งของห้อง

แดซองเหลือบมองถุงช็อปปิ้งพวกนั้นก่อนจะถาม

เธอลองใส่ตัวละครั้งหรือไง”

คิดว่าฉันซื้อของมาเก็บไว้เฉย ๆ หรือไง อืม บางตัวก็ไม่ได้ใส่หรอก แต่มีแค่ไม่กี่ตัวเอง เข้ามาเพื่อพูดเรื่องนั้นเหรอ”

ทันทีที่ดาอึนเริ่มทำตาเขียว แดซองก็รีบเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว

เปล่า เธอ...ถ้าไม่ใช่ประธานกรรมการชินยองไฟแนนเชียลก็ไม่เป็นไรใช่ไหม”

หมายความว่ายังไง”

ยังไงก็ไม่ได้จะแต่งงานเพราะชอบประธานกรรมการอีฮยองจุนอยู่แล้วนี่นา”

แน่นอนอยู่แล้ว แค่เห็นเงื่อนไขแล้วโอเค พ่อกับแม่ก็ชอบ”

ถ้าอย่างนั้น...”

อย่าเว้นช่วงสิ รีบพูดมา”

ถ้าไม่ใช่มหาเศรษฐี แต่เป็นการแต่งงานที่เธอจะได้อะไรมากกว่าเดิมล่ะ”

ดาอึนทำหน้านิ่วคิ้วขมวด

พูดถึงอะไร แต่งงานกับคนธรรมดา ไม่ใช่ตระกูลดี ๆ น่ะเหรอ”

อืม”

พี่บ้าไปแล้วหรือไง ทำไมฉันต้องแต่งด้วย”

การแต่งงานกับประธานกรรมการชินยองไฟแนนเชียลคือสิ่งที่ดีที่สุดเรื่องนั้นฉันยอมรับ แต่เธอก็รู้ใช่ไหมว่าเป็นเรื่องยากแล้ว”

พ่อไม่ได้ขอให้พี่แก้ปัญหานั้นเหรอ”

ใช่ แต่มันยาก เหนือสิ่งอื่นใดคือ ประธานกรรมการอีฮยองจุนกับผู้หญิงคนนั้นน่ะ ไม่ได้สนิทกันธรรมดา ดูแล้วไม่น่าจะแยกออกจากกันได้”

โอ๊ยยย เลยจะให้ฉันแต่งงานกับคนธรรมดา? พ่อก็รู้เหรอ”

เปล่า ไม่รู้”

พี่...”

ฟังฉันให้จบก่อน แต่งงานกับตระกูลมหาเศรษฐีมันก็ดี แต่ไม่มีอิสระนะเธอเห็นแซรมใช่ไหม ยายนั่นแต่งงานเข้ามาในบ้านนี้แล้วทำอะไรไม่ได้เลยเหมือนนกที่ติดอยู่ในกรง ได้แค่ช็อปปิ้งคลายเครียด แถมใช้บัตรตัวเองไม่ได้อีก พอใช้บัตรพวกเราก็รู้หมดว่าซื้ออะไรมาบ้าง เข้าใจใช่ไหมว่ามันน่าอึดอัดแค่ไหน”

ก็ใช่...”

แต่นี่ไม่ใช่แค่คนธรรมดา”

ไม่ใช่คนธรรมดา?”

ถ้าพ่อของผู้ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยเป็นประธานาธิบดีล่ะ”

ดาอึนอ้าปากค้าง

เพราะไม่ใช่ตำแหน่งที่คนธรรมดาจะเอาชนะได้

ประธานาธิบดีเหรอ”

อืม”

แต่ถึงอย่างนั้น...ผ่านไปอีกห้าปีก็เป็นแค่คนธรรมดาเหมือนกันนี่นา”

ใช่ เธอก็จะเป็นอิสระไง”

แค่นั้นเหรอ”

ไม่ใช่ นั่นเป็นแค่ส่วนเสริม ถ้าแต่งงานกับเขา เธอจะได้โอซองจัดจำหน่าย”

คราวนี้ดาอึนก็ตกใจมากเหมือนกัน

โห...จะยกโอซองจัดจำหน่ายให้ฉันเหรอ แน่ใจนะ”

เปล่า ไม่แน่ใจ เรื่องนี้เป็นสัญญาที่ฉันให้เธอ ไม่ใช่สัญญาของพ่อหรือพี่ใหญ่”

ถ้างั้นก็แปลว่าไม่ได้น่ะสิ”

เธอฟังให้ดี ๆ รู้ใช่ไหมว่าพ่อนิสัยยังไง พ่อไม่ใช่คนแบ่งของให้พี่น้องทีละอย่างแบบเท่าเทียมกัน ตอนแรกเธอก็ไม่คิดจะรับเหมือนกันหนิ”

แหงสิ ได้ยินคำว่าโลภมากลาภหายบ่อยมาก”

ฉันจะยืนเคียงข้างประธานาธิบดี แล้วจะเอาครึ่งหนึ่งของโอซองมาให้ได้ภายในห้าปี”

นัยน์ตาของคังดาอึนสั่นไหวเหมือนคลื่นลูกใหญ่

อย่าพูดอะไรเหลวไหลน่า คิดว่าพ่อจะมองดูอยู่เฉย ๆ เหรอ”

ฉันไม่ได้คิดจะเป็นศัตรูกับพ่อ แต่จะยืนหยัดในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของโอซอง ไม่สิ ฉันมัวแต่เปรียบเทียบมันเลยฟังยาก ฉันไม่ได้จะเข้ารับราชการแต่จะเป็นตัวแทนของโอซองในการเรียกร้องสิทธิ์ของเรา หมายความว่าทิศทางธุรกิจของโอซองจะถูกส่งต่อไปถึงประธานาธิบดีผ่านปากของฉัน เข้าใจไหม”

เรื่องนี้พ่อก็คงไม่ปล่อยไว้เฉย ๆ เหมือนกัน น่าจะฝากไว้กับพี่ใหญ่ไม่ใช่หรือไง”

ไม่ ทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะนี่ไม่ใช่ปัญหาที่พ่อตัดสินใจได้ อีกอย่างเรื่องนั้นพ่อเองก็รู้”

ฉัน...ไม่เข้าใจเลยว่าพูดถึงอะไรกันแน่”

ฉันจะให้เวลาค่อย ๆ ทำความเข้าใจ เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน แค่เธอต้องตัดสินใจ จะแต่งงานกับตระกูลมหาเศรษฐีตระกูลอื่นแล้วใช้ชีวิตแบบแซรมหรือจะเอาส่วนหนึ่งของโอซองไป”

งั้นหมายความว่าพี่จะเอาครึ่งหนึ่งของโอซองไป แล้วค่อยเอาโอซองจัดจำหน่ายมาให้ฉันทีหลังใช่ไหม”

ใช่”

ดาอึนกัดเล็บตัวเอง

ต้องตัดสินใจตอนนี้เลยไหม”

ฉันให้เวลาได้หนึ่งวัน แต่ห้ามเอาเรื่องที่คุยกันเมื่อกี้ไปบอกใคร แม้แต่แม่ก็ตาม”

รู้น่า แม่อยู่ข้างพี่ใหญ่”

นั่นแหละ”

แล้วผู้ชายที่จะคบกับฉันเป็นคนแบบไหน”

หือ?”

ฉันถามว่าเขาเป็นคนแบบไหน อายุ อาชีพ หน้าตาเป็นยังไง”

วินาทีนั้น แดซองกลอกตาแล้วลุกขึ้นอย่างเร่งรีบ

พอคิดดูแล้วก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้นเลย

เดี๋ยวสืบให้”

อะไรเนี่ย ไม่รู้ด้วยซํ้าว่าหน้าตาเป็นยังไงแล้วพยายามจะขายน้องสาวงั้นเหรอ”

อย่าพูดว่าขายน่า เธอเต็มใจทำต่างหาก”

ฉันไม่ชอบผู้ชายขี้เหร่นะ”

ถ้างั้นยกเลิกเลยไหม”

ดาอึนจึงปิดปากเงียบมองพี่ชายด้วยสายตาไม่พอใจก่อนจะพูด

แหม ฉันเคยคบกับผู้ชายหน้าตาดีมาเยอะแล้ว จะคบกับผู้ชายหน้าตาแปลก ๆ สักครั้งก็คงไม่เป็นไร”

ใช่ไหมล่ะ”

ตอนนี้ฉันควรสวดมนต์หรือเปล่า อย่างน้อยก็ให้ผ่านมาตรฐานได้ไหม”

ภาวนาให้สุดความสามารถแล้วกัน เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันช่วยได้”

จากนั้นแดซองก็ออกมาจากห้องน้องสาว

สส.ชอนโบยุนขึ้นเสียงเหมือนจะบอกว่าไร้สาระ

เหลวไหลสิ้นดี! ถ้าฉันรับลูกสาวของโอซองกรุ๊ปมาเป็นลูกสะใภ้ คนจะมองฉันยังไง นักการเมืองที่สมรู้ร่วมคิดกับบริษัทใหญ่ไม่ใช่หรือไง”

นั่นฟังดูไม่สมเหตุสมผลเท่าไร อันที่จริง แม้แต่ยองฮุนเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน

ใช่ครับ คงจะเป็นอย่างนั้น”

“ ‘คงจะเป็นอย่างนั้น’ เนี่ยนะ จบแค่นั้นเหรอ”

ยองฮุนเกาศีรษะแล้วพูด

ผมคิดว่าการที่ท่าน สส.หย่ากับภรรยาเป็นเรื่องที่ดีมากครับ ตอนนั้นที่ผมบอกให้ท่าน สส.หย่า เพราะภรรยาของท่าน สส.มีแนวโน้มจะนำพาข่าวร้ายครั้งใหญ่ครับ”

เรื่องนั้นฉันยอมรับ พอเห็นผลงานของภรรยาตอนนั้น ฉันเองก็ตกใจมาก”

ถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว และการหย่าขาดจากกันอย่างเด็ดขาดทันทีที่รู้เรื่องก็เป็นการตัดสินใจที่ดีมากครับ ต่อให้เรื่องนี้เป็นที่รู้กันในวงกว้างประชาชนก็จะพิจารณาส่วนนั้นแล้วประเมินท่าน สส.ครับ”

“...”

สิ่งที่ผมกังวลมีอย่างเดียวครับ ทำไมโอซองถึงต้องสนับสนุนประธานพรรคมินกูซัง ถ้าโอซองไม่ได้แสดงความสนใจต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีตั้งแต่แรก ก็ไม่จำเป็นต้องดึงโอซองเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ในสถานการณ์ที่พวกเขากำลังเชื่อว่าตัวเองครอบครองที่ดินอันยอดเยี่ยม และตอกเสาเข็มชื่อมินกูซังลงไปแล้ว ท่าน สส.กลับปรากฏตัวขึ้นมาครับ โอซองจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อชัยชนะ ในกระบวนการนี้ พวกเขาอาจจะขุดคุ้ยเรื่องของภรรยาที่หย่าร้างกันเอาเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมาทำให้ใหญ่โต รวมถึงสร้างเรื่องขึ้นมาใหม่ด้วยครับ”

คงจะอย่างนั้น”

ไม่สำคัญหรอกครับว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เพราะตอนเป็นแค่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งธรรมดา ๆ ผมเองก็สนใจประเด็นเหล่านั้นมากกว่าข้อเท็จจริงครับรายงานที่ผ่านการแก้ไขทีหลังเพียงเล็กน้อยไม่ได้อยู่ในสายตาผมด้วยซํ้า กรุณาอย่าด่าประชาชนนะครับ เพราะการใช้ชีวิตแต่ละวันก็แสนจะลำบาก จึงให้ความสนใจกับเรื่องของคนอื่นมากไม่ค่อยได้”

นายอยากพูดอะไรกันแน่”

ถ้าเกี่ยวดองกับโอซองแล้วชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี หลังจากสิ้นสุดวาระก็ยังใช้ชีวิตอย่างมีเกียรติได้อยู่นะครับ”

หึ! แค่ไม่ถูกเยาะเย้ยว่าเป็นนักการเมืองที่สมรู้ร่วมคิดกับบริษัทใหญ่ก็บุญแล้วไม่ใช่เหรอ”

ผมเห็นข่าวเมื่อไม่นานมานี้ รองประธานใหญ่คังแจชิกที่มีพ่อแม่ดีและได้รับสืบทอดกรุ๊ปมาจากพ่อ เป็นเศรษฐีที่ได้รับความเคารพนับถืออันดับหนึ่งเลยนะครับ”

เหอะ...”

ผมก็ไม่ค่อยชอบสถานการณ์นี้เท่าไหร่หรอกครับ ถ้าเอชเอสกรุ๊ปใหญ่กว่าและมีอำนาจมากกว่า พวกเราก็คงจะปกป้องท่าน สส.ได้ด้วยตัวเอง แต่พอทำแบบนั้นไม่ได้เลยต้องยืมจากตรงนี้บ้าง จากตรงนั้นบ้าง แต่ถ้าท่าน สส.ไม่ชอบผมจะหาวิธีอื่นให้ครับ ต่อให้ไม่ใช้วิธีนี้ก็คงจะมีวิธีอื่นอยู่”

สส.ชอนทอดสายตามองยองฮุนแล้วพูด

มีวิธีที่ดีกว่านี้จริง ๆ เหรอ”

ถ้าคิดไปก่อนล่วงหน้าว่าเป็นไปไม่ได้แล้วจะทำงานอะไรกันล่ะครับ ก็ต้องลองหาทางดูก่อน ผมแค่มองว่าวิธีนี้มีประสิทธิภาพมากที่สุด อีกอย่างลองมองภาพใหญ่ ๆ สิครับ หลังจากดำรงตำแหน่งครบห้าปีแล้วจะทำยังไงต่อล่ะ”

บริษัทในเครือโอซองกรุ๊ปของลูกสะใภ้

ถ้าบอกว่าไม่นํ้าลายไหลคงจะเป็นเรื่องโกหก

ฮู่...ให้ตายเถอะ...สื่อคงจะรุมขยํ้าเยอะมาก”

ไม่หรอกครับ ถ้าโอซองเตรียมพร้อม บางทีโอซองคงจะพยายามควบคุมสถานการณ์นี้ครับ”

ควบคุมงั้นเหรอ”

แค่ปิดข่าว หรือรุนแรงกว่านั้นก็ปิดปากผู้ประกาศข่าวครับ”

ถ้าอย่างนั้น”

จับตามองครับ ผมเองก็วางแผนจะรอชมความสามารถอันยอดเยี่ยมของโอซองกรุ๊ปเหมือนกัน”

คงมีแต่โอซองกรุ๊ปที่ตื่นเต้นสินะ”

ไม่หรอกครับ บางทีอาจจะมีอาการเจ็บท้องคลอดอยู่ ครั้งใหญ่ด้วยครับ”

เจ็บท้องคลอด?”

ครับ หลังจากเจ็บท้องคลอดแล้ว อาจจะได้ฝาแฝดก็ได้ครับ”

ทั้ง ๆ ที่พูดเรื่องใหญ่โตแบบนี้ แต่สีหน้ายองฮุนกลับดูสงบราวกับกำลังเลือกเมนูอาหารกลางวันอยู่


 

บทที่ 264 ความขัดแย้งภายใน (2)

 

ข้อมูลที่คังมันซอง ได้มาจากการตามสืบเบื้องหลังของ สส.ชอนโบยุนอยู่หลายวันก็มากพอจะทำให้เขาผิดหวัง

แค่นี้เองเหรอ”

เท่าที่พอจะแตะได้มีแค่นั้นครับ”

สิ่งที่มันซองถืออยู่ในมือเป็นรายงานที่อดีตภรรยาของ สส.ชอนโบยุนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเก็งกำไรอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ และใช้อำนาจแทรกแซงการว่าจ้างพนักงานประจำในบริษัทรัฐวิสาหกิจหลายแห่ง

แต่เรื่องสำคัญคือ สส.ชอนโบยุนรับรู้ปัญหานั้นและหย่ากับเธอแล้ว

หย่าแล้วแบ่งทรัพย์สินยังไง”

พนักงานกัดริมฝีปากแน่นแล้วตอบพร้อมสีหน้าหนักใจ

อย่างแรก สส.ชอนโบยุนได้รับทรัพย์สินด้านอสังหาริมทรัพย์จำนวนมากจากการหย่า เขาบริจาคทรัพย์สินที่เหลือทั้งหมด โดยเหลือบ้านเพียงหลังเดียวในพันโพที่อาศัยอยู่ในปัจจุบันครับ”

บริจาคเหรอ”

ครับ ใครเห็นก็รู้ว่าการบริจาคให้มูลนิธิช่วยเหลือครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวเป็นการแสดงให้เห็นชัดเจนว่าปัญหาการเก็งกำไรของอดีตภรรยาไม่เกี่ยวข้องกับเขาครับ”

แล้วอย่างอื่นล่ะ”

ไม่มีหลักฐานว่า สส.ชอนโบยุนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจกดดันว่าจ้างพนักงานประจำครับ แต่นี่ไม่ใช่ปัญหาที่จัดการได้ด้วยการบริจาคเหมือนอสังหาริมทรัพย์ ผมคิดว่าเราน่าจะแตะได้ครับ”

อืม...”

มันซองลูบคางพร้อมกับทำสีหน้าไม่พอใจ

หากเป็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีจริง ๆ ก็ไม่แน่ แต่ครั้งนี้เป็นเพียงการเลือกตั้งภายในที่ให้สมาชิกพรรคลงคะแนนเสียง เขารู้ว่าการโฆษณาชวนเชื่อประสงค์ร้ายที่ไม่สมเหตุสมผลมีแต่จะก่อให้เกิดผลกระทบในทางตรงกันข้ามเท่านั้น

ถ้าเป็นเช่นนั้น การบริจาคของ สส.ชอนโบยุนก็มีแนวโน้มว่าจะเป็นการเน้นยํ้าความซื่อสัตย์ของเจ้าตัวมากกว่าการทุจริตของอดีตภรรยา

เรื่องแค่นี้ยากจะยืนยันว่าประธานพรรคมินกูซังจะชนะขาดลอยครับ”

ใช่ไหมล่ะ”

ถ้าเป็นอันนี้ล่ะครับ”

อะไร”

หนึ่งในบริษัทที่อดีตภรรยาของ สส.ชอนโบยุนผลักดันให้มีการจ้างงานประจำคือ บริษัทพลังงานนิวเคลียร์แห่งชาติเกาหลี และหลานชายของ สส.ชอนโบยุนก็เป็นพนักงานของบริษัทพลังงานนิวเคลียร์แห่งชาติเกาหลีด้วยครับ”

หลานคนนั้นเข้าบริษัทเมื่อไหร่”

หลังจาก สส.ชอนโบยุนได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครับ”

โอ้โฮ...จะโยงเรื่องนั้นเหรอ”

นำเสนอปัญหาผ่านสื่อก่อน แล้วค่อยยกประเด็นขึ้นมาว่าญาติแต่ละคนของ สส.ชอนอาจจะมีปัญหาคนละอย่าง โดยไม่เกี่ยวว่าจะเป็นรัฐวิสาหกิจหรือธุรกิจเอกชนครับ”

ถ้าคิดจะพิสูจน์ว่าตัวเองบริสุทธิ์ก็คงต้องรอหลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้งภายในพรรคไปสักระยะ”

บางทีอาจถูกเปิดเผยหลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีครับ”

โอเค ใช้ได้อยู่ ผลักดันเรื่องนั้นก่อน”

รับทราบครับ”

อ้อ เรื่องนี้มีแต่พวกเราที่รู้หรือเปล่า”

เป็นข้อมูลที่แชร์มาจากฝ่ายกลยุทธ์ โอซองอิเล็กทรอนิกส์ครับ”

มันซองทำหน้าบึ้งเหมือนไม่ชอบใจ แต่ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้น

ถึงการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยของคังแดซองในช่วงนี้จะรบกวนจิตใจ แต่ก็ไม่อาจดำเนินการโดยตัดฝ่ายกลยุทธ์ซึ่งเป็นกำลังหลักของกรุ๊ปออกไปได้

เห็นได้ชัดว่าหากไม่ได้ความช่วยเหลือของฝ่ายกลยุทธ์ก็คงยากที่จะได้ข้อมูลในวันนี้มา

เรียกว่าถึงไม่อยากแชร์ก็จำเป็นต้องแชร์

มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ”

เปล่า รู้ใช่ไหมว่าพวกเราต้องเคลื่อนไหวให้เงียบเชียบที่สุด ไม่ให้ทางประธานพรรคมินกูซังรู้”

แน่นอนครับ”

หาใครออกหน้าแทนฝั่งเราสักคน แล้วเรียกนักข่าวที่มีประสบการณ์ประมาณห้าหกคนมา พาไปเลี้ยงเหล้าที่รูมซาลอนหน่อย ส่งผู้หญิงไปดูแลด้วยอ้อ เดี๋ยวก่อน...”

มันซองเปิดตู้เซฟที่อยู่ด้านหนึ่งของห้องทำงานตัวเองแล้วหยิบยูเอสบีออกมายื่นให้พนักงาน

เอาอันนี้ไปที่ธนาคารออมทรัพย์ยองฮึงตรงอึลจีโร แล้วถอนเงินสองร้อยล้านเอาไปแจกให้พวกนักข่าว”

รับทราบครับ”

ทำให้ดี ห้ามเปิดเผยกับภายนอกเด็ดขาดว่าเราแทรกแซงเกมนี้ เข้าใจใช่ไหม”

ครับผม”

มันซองกำหมัดแน่นโดยไม่มีใครเห็น

ขอเพียงแค่แก้ไขปัญหานี้ได้อย่างเหมาะสม ไม่เพียงแต่จะเอาชนะแดซองที่ช่วงนี้ทำตัวน่ารำคาญได้เท่านั้น แต่ยังส่งอิทธิพลอันแข็งแกร่งไปถึงประธานาธิบดีคนต่อไปได้ด้วย

 

สมองของแดซองสับสนวุ่นวาย

ถึงจะตัดสินใจทำข้อตกลงกับกรรมการผู้จัดการชเวยองฮุนของเอชเอสการผลิต แต่การดำเนินการเรื่องนั้นมันไม่ง่ายเลย ก่อนอื่นเขาจำเป็นต้องมีเงื่อนไขหลายอย่างเพื่อทำให้ข้อตกลงนี้ดำเนินการไปได้อย่างปลอดภัย

ประการแรกคือ ชัยชนะของ สส.ชอนโบยุนที่ไม่ยอมรับการสนับสนุนจากโอซองในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้

ทันทีที่พ่อรับรู้ถึงข้อตกลงระหว่างเขากับ สส.ชอน ทุกอย่างจะกลายเป็นเพียงฟองสบู่ ไม่ใช่แค่ตำแหน่งทายาทของโอซองกรุ๊ปเท่านั้น แต่อาจจะสูญเสียนามสกุลคังในอนาคตอีกด้วย

เพราะไม่ควรข้ามหน้าข้ามตาพ่อกับพี่ชายในการสร้างความสัมพันธ์โดยตรงกับประธานาธิบดี

ประการที่สอง จะให้พ่อกับพี่ชายรู้เรื่องเกี่ยวกับคู่แต่งงานของดาอึนไม่ได้เด็ดขาด จนกว่า สส.ชอนจะชนะการเลือกตัวแทนพรรค

ถ้าอยู่ดี ๆ ดาอึนบอกว่าจะคบกับลูกชายของ สส.ชอนโบยุนก็คงจะรู้ทันทีว่าใครเป็นคนกลาง ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาจะถูกเปิดโปงในที่สุด

ฉันเคารพความคิดของนาย จะช่วยผลักดันนายด้วย”

ประธานชเวอิลกนแสดงความตั้งใจว่าจะช่วยสนับสนุนอย่างเต็มที่

เขาไม่อาจโอบกอดทุกอย่างแล้วจัดการด้วยตัวคนเดียวได้ จำเป็นต้องหาใครสักคนมาเป็นมือเป็นเท้าให้เขา และจะต้องเป็นคนที่ให้คำแนะนำในสถานการณ์ที่อาจเกิดความผิดพลาดได้

แดซองเลือกจะเชื่อใจประธานชเวอิลกนและบอกเล่าเกี่ยวกับข้อตกลงระหว่างกรรมการผู้จัดการชเวยองฮุน

แทนที่ประธานชเวจะหวาดกลัว อีกฝ่ายกลับทำตาเป็นประกายและมองว่าสถานการณ์นี้เป็นโอกาสที่อาจจะไม่มีวันหวนกลับมาอีก

ถ้าเกิดพ่อจับได้ทีหลังล่ะครับ”

คิดว่าทำไมท่านรองประธานใหญ่ถึงส่งฉันมาอยู่ข้างนาย”

เรื่องนั้น...”

คิดว่าแค่ให้มาทำงานเคียงข้าง คอยสอนงานนายเฉย ๆ เหรอ ถ้าคิดจะทำแค่นั้นคงส่งใครบางคนมาอยู่ข้างตัวนายตั้งแต่สิบปีก่อนแล้ว เจตนาคือสั่งให้ดิ้นรนให้มากที่สุด ดังนั้นถ้าเอาอะไรไปได้ก็เอาไป ถ้าโดนพี่ชายเล่นงานจนหมดสภาพ นั่นก็หมายถึงความสามารถของนายเอง อืม แต่ท่านรองประธานใหญ่อาจจะไม่ได้คิดถึงขนาดนี้ก็ได้”

“...”

แล้วดาอึนล่ะ จะไม่เอาไปพูดทีหลังเหรอ”

ยายนั่นไม่เหมือนผมกับพี่ครับ เพราะเป็นผู้หญิงแถมเป็นน้องเล็กเลยยอมแพ้ตั้งแต่เนิ่น ๆ แต่ถ้าพูดถึงความอยากเอาชนะก็มีตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วครับบางทีอาจจะกระตือรือร้นกว่าผมด้วยซํ้า”

ก็จริง เพราะแค่ร้านค้าปลอดภาษีของโอซองจัดจำหน่ายอย่างเดียวก็มียอดขายเกินล้านล้านแล้ว แถมยังเป็นลูกสะใภ้ของประธานาธิบดีอีก...กลับกันแล้วนายกับพี่ชายนายอาจจะต้องคอยระวังดาอึนก็ได้”

ถ้าการแต่งงานดำเนินไปอย่างราบรื่น อย่างน้อยก็คิดซะว่าตายไปห้าปีแล้วค่อยพลิกเกมครับ”

หึ ๆ ๆ...น่ารอดูแฮะ ถ้างั้นคิดจะวางแผนเรื่องการแต่งงานยังไง ถ้าบอกว่าดูตัวแล้วแต่งงาน ประชาชนทั้งประเทศคงต่อต้านนะ”

ทำแบบนั้นไม่ได้หรอกครับ ก่อนอื่นผมแต่งสตอรี่ไว้นิดหน่อย หัวหน้าแผนกพัคชีอุงเข้ามาหน่อย เอาเรื่องที่เราแต่งกันไว้เมื่อกี้มาด้วย”

แดซองเรียกพนักงานผ่านทางอินเตอร์โฟน ไม่นานหัวหน้าแผนกพัคชีอุงก็เปิดประตูเข้ามา

อีกฝ่ายโค้งศีรษะให้ประธานชเวอิลกนก่อนจะหันไปมองแดซอง

รายงานเลย”

ครับ ชอนซึงโม ลูกชายอีกคนของ สส.ชอนโบยุน ปัจจุบันทำงานเป็นเซลส์ของบริษัทยาชื่อเอ็นซีฟาร์มาได้สองปีแล้ว จากที่สืบมาพบว่าผลการดำเนินงานและการประเมินผลการทำงานอยู่ในระดับธรรมดาครับ”

ลูกชายของ สส.เป็นเซลส์บริษัทยางั้นเหรอ...”

อย่างที่ทราบกันว่าชอนซึงโมไม่ได้เรียนเก่งขนาดนั้นมาตั้งแต่เด็กแล้วครับ ถึงจะจบจากมหา’ลัยในโซล แต่กลับกลายเป็นว่าเขาทุ่มเทกับกิจกรรมของชมรม เช่น ปีนเขา ท่องเที่ยว ดนตรีต่าง ๆ มากกว่าการเรียนครับ”

แล้วพล็อตคืออะไร”

เริ่มจากสถานที่ที่ชอนซึงโมไปทำกิจกรรมของชมรมครับ พอลองค้นหาในอินสตาแกรมของชอนซึงโม จะมีรูปถ่ายที่โรงแรมแพ็กเจในเกาะเชจูตอนปีสี่ตามเนื้อหาแล้วคือไปเที่ยวคนเดียว พวกเราเลยมองว่า ถ้าบอกว่าเจอกับคุณดาอึนที่นั่น น่าจะไม่มีปัญหาตามมาภายหลังครับ”

ความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นจากเจอกันตอนไปเที่ยวเหรอ...สถานการณ์ที่จะลดกำแพงฐานะได้สินะ”

ใช่ครับ สร้างเรื่องไปในทิศทางว่าคบหากันอย่างลับ ๆ มาตลอดนับตั้งแต่นั้น จนกระทั่งถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดี ความรักที่ซ่อนไว้จึงต้องเปิดเผยออกมาครับ”

เปิดเพราะต้องเลิกกัน ถ้าหากพ่อได้เป็นประธานาธิบดี?”

ครับ ฝ่ายหนึ่งโพสต์ความรู้สึกเศร้า ๆ ลงในโซเชียลเพราะไม่สามารถยอมรับการเลิกราได้ นักข่าวที่เห็นสิ่งนั้นแล้วได้กลิ่นก็จะขุดคุ้ย เปิดเผยเรื่องราวความรักของทั้งสองคนออกมาครับ”

แบบพวกดาสแพตช์[1] น่ะเหรอ”

ถูกต้องครับ ถ่ายรูปพวกเขากำลังเดตกันเงียบ ๆ เหมือนพวกดาราจากไกล ๆ แล้วโพสต์พร้อมคำอธิบายที่เหมาะสมครับ”

สรุปโดยรวมก็คือ ให้นักข่าวขุดแล้วเปิดเผยให้โลกรู้ว่า ชายหญิงสองคนจากตระกูลที่รํ่ารวยและมีอำนาจไม่สามารถบรรลุความรักที่มีต่อกันได้ เพราะสายตาจากคนภายนอกงั้นเหรอ”

ครับ ไม่ว่าภูมิหลังของพวกเขาจะเป็นยังไง แต่เมื่อกลายเป็นผู้เสียหายประชาชนจะเกิดความเห็นอกเห็นใจ บางทีอาจจะชื่นชอบความสัมพันธ์ของทั้งสองคนอย่างเหนือความคาดหมายก็ได้ครับ”

โอเค ภาพสวยดี ออกไปก่อน”

รับทราบครับ”

พอหัวหน้าแผนกพัคชีอุงออกไปแล้ว ประธานชเวอิลกนก็ถาม

ดาอึนว่ายังไงบ้าง”

แดซองยักไหล่ก่อนจะตอบ

ยังไม่ได้คุยกันเลยครับ พวกเราเองก็เพิ่งคิดสตอรี่ขึ้นมาเหมือนกันนอกจากคุยก็ไม่มีอะไรให้ทำครับ”

ถ้ายอมก็น่าจะต้องแสดงละคร...แต่ดาอึนหยิ่งในศักดิ์ศรีมากเลยไม่ใช่เหรอ”

เดิมพันด้วยโอซองจัดจำหน่าย แล้วศักดิ์ศรีจะยังจำเป็นอยู่เหรอครับ”

นั่นสินะ...ทางมันซองล่ะ เป็นยังไง”

จับจุดอ่อนไม่กี่อย่างของ สส.ชอนโบยุนได้ตามคาดครับ ถึงอดีตภรรยาจะทำลงไปโดยไม่คิด แต่ดูเหมือนจะเอามาปรุงแต่งเรื่องให้แย่ลง ผมก็เลยส่งข้อมูลไปให้ทาง สส.ชอนโบยุน แจ้งให้ทราบล่วงหน้าแล้ว เขาคงจะจัดการเองครับ”

มันซองคงสับสนน่าดู”

ฮ่า ๆ อยากเห็นหน้ามากเลยครับ”

แดซองอยากเห็นสีหน้าสับสนของพี่ชายจนแทบจะเป็นบ้า แต่ก็น่าเสียดายที่ไม่กล้าแกล้งอีกฝ่ายต่อหน้า

 

แล้ว...ผม...ต้องแต่งงานกับคุณเหรอครับ”

แค่มองก็รู้แล้วว่าสูงไม่ถึงร้อยเจ็ดสิบ ตาเล็ก ผิวคลํ้าที่น่าจะเป็นเพราะตับไม่ค่อยดี

ดาอึนโอดครวญว่าอุตส่าห์อธิษฐานแล้วอธิษฐานอีก แต่น่าเสียดายที่ดูเหมือนพระเจ้าจะไม่ฟังคำอธิษฐานของเธอ

อย่างไรก็ตาม จากการพูดคุยกับพี่ชายและไตร่ตรองมานาน เธอจึงไม่สามารถยอมแพ้กับแผนการนี้เพียงเพราะเรื่องหน้าตาอย่างเดียวได้

ลูกสะใภ้ของประธานาธิบดี

เพราะถึงจะยังเป็นนักศึกษา แต่เธอก็เดาได้ว่าตัวเองจะมีบารมีแค่ไหนหากเป็นลูกสะใภ้เพียงคนเดียวของประธานาธิบดีที่ไม่มีภรรยาเพราะการหย่าร้าง

ดังนั้น แม้ดาอึนจะผิดหวังกับรูปลักษณ์ของชอนซึงโมนิดหน่อย (?) แต่ก็ไม่ได้แสดงออกพลางตอบกลับด้วยรอยยิ้ม ๆ

ค่ะ”

หมายถึงพ่อผมก็รู้ใช่ไหมครับ”

ถูกต้องค่ะ”

พ่ออนุญาตเหรอครับ”

ท่านให้คุณซึงโมเป็นคนตัดสินใจเองค่ะ ถ้าเราสองคนโอเค ท่านก็ยินยอมแต่ถ้าคุณไม่โอเค ท่านก็ไม่คิดจะบังคับค่ะ”

ยองฮุนเสนอการแต่งงานนี้ให้แดซองและเตือนไว้อย่างหนึ่ง

ตามนิสัยของ สส.ชอนแล้ว ถึงจะยอมรับการแต่งงานนี้ แต่จะไม่บังคับลูกชายตัวเองเด็ดขาด

เพราะทันทีที่บังคับให้ลูกชายแต่งงาน ความศรัทธาทางการเมืองของ สส.ชอนจะเกิดรอยร้าว

แล้วคุณล่ะครับ”

ฉันโอเคค่ะ”

เพราะคิดว่าพ่อผมจะได้เป็นประธานาธิบดีเหรอ”

ฉันคงไม่สามารถปฏิเสธได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันคิดน้อยเกี่ยวกับการแต่งงานนี้นะคะ ฉันคิดหนักกว่าใคร ๆ เลย”

ตระกูลมหาเศรษฐีให้ความสำคัญกับการแต่งงานว่าจะส่งผลอย่างไรต่อชีวิตมากกว่าคนธรรมดาทั่วไป ดังนั้นจึงไม่สามารถแต่งงานและหย่าร้างกันได้ง่าย ๆ

เพราะต้องคิดถึงทรัพย์สินมหาศาลที่หมุนเวียนอยู่ในกระบวนการแต่งงานและหย่าร้าง รวมถึงผลกระทบที่ตามมาด้วย

ดังนั้น การแต่งงานและหย่าร้างของมหาเศรษฐีจึงผ่านการพิจารณาไตร่ตรองมากกว่าคนทั่วไป

สายตาของดาอึนบ่งบอกว่าฉันจะปล่อยวางและยอมรับคุณ

ดาอึนมั่นใจในความสวยของตัวเองระดับหนึ่ง ดังนั้นเธอคิดว่าซึงโมจะต้องยอมรับอย่างแน่นอน

แต่...

ขอโทษครับ แต่ผมยังไม่ได้คิดเกี่ยวกับการแต่งงาน”

การปฏิเสธของชอนซึงโมทำเอาดาอึนถึงกับอึ้ง

คะ? ทำไมล่ะ”

อืม...ผมไม่อยากแต่งงานแบบนี้ครับ การคบกันปลอม ๆ แบบนี้ไม่ใช่การแต่งงานที่ผมต้องการ”

ถ้าอย่างนั้นคุณฝันว่าจะได้แต่งงานกับคู่แท้ที่พรหมลิขิตบันดาลให้มาพบกันเหรอคะ”

ซึงโมพยักหน้าทั้งใบหน้าแดง ๆ เล็กน้อย

ครับ”

ดาอึนสบถด่าในใจ เพราะดูก็รู้ว่ายังไม่เคยมีแฟนมาก่อน เห็นได้ชัดว่าเป็นพวกโสดมาทั้งชีวิตที่หัวสูงและมีความเพ้อฝันเต็มเปี่ยม

ถ้าเป็นลูกสาวคนเล็กของโอซองกรุ๊ปก็สมควรจะวิ่งเข้าใส่โดยโยนเรื่องสเป็กในฝันพวกนั้นทิ้งไป...

คุณจะยอมสละตำแหน่งลูกเขยของโอซองกรุ๊ปเหรอคะ”

ผมคิดว่าผมอาจจะสร้างความเดือดร้อนครั้งใหญ่ให้พ่อได้ครับ ถึงพ่อจะบอกว่าเคารพการตัดสินใจของผม...แต่ผมนึกภาพออกว่าพวกคุณกดดันพ่อผมยังไง”

อะไรนะคะ พวกเราทำอะไร...”

ซึงโมลุกขึ้นโดยไม่ฟังดาอึนพูดต่อ

ผมขอโทษครับ เอาเป็นว่าผมขอปฏิเสธการแต่งงานครั้งนี้นะครับ”

ดาอึนเหม่อมองแผ่นหลังของซึงโมที่เหมือนเดินหนีออกไป

ในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน เธอถูกผู้ชายปฏิเสธมาสองคนแล้ว

 


[1]  เลียนเสียงจากดิสแพตช์ ซึ่งเป็นสำนักข่าวบันเทิงเกาหลีที่มักเผยแพร่ข่าวเดตของศิลปินและคนดังในวงการบันเทิงเกาหลี


 

บทที่ 265 ความขัดแย้งภายใน (3)

 

[หลักฐานการลงทุน ที่น่าสงสัยของภรรยาของ ส.ส.ชอนโบยุน]

[การเก็งกำไรของภรรยา รู้อยู่แล้วหรือไม่ หรือไม่เคยรู้มาก่อนจริง ๆ]

[ภรรยาที่เหมือนหัวหอม[1] ของ สส.ชอนโบยุน หย่าแล้วจบเลยหรือเปล่า]

[หลานชายของ สส.ชอนโบยุน ข้อสงสัยเกี่ยวกับขั้นตอนการเปลี่ยนเป็นพนักงานประจำบริษัทพลังงานนิวเคลียร์แห่งชาติเกาหลี]

ข่าวเกี่ยวกับพฤติกรรมการเก็งกำไรของอดีตภรรยา กลับกลายเป็นบรรยากาศชื่นชมว่า สส.ชอนรับมือได้ดีด้วยการตัดสินใจหย่าร้าง

อย่างไรก็ตาม เมื่อเซยองอิลโบมีการโพสต์ข้อสงสัยเกี่ยวกับการเปลี่ยนงานประจำของหลานชาย สส.ชอนโบยุน บรรยากาศก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน

ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีข่าวร้ายครั้งใหญ่แบบนี้เกิดขึ้นกับ สส.ชอนโบยุนแต่ข่าวนั้นออกมายังไม่ถึงสิบสองชั่วโมงดีก็เริ่มมีข่าวโต้แย้งขึ้นมาแล้ว

[คุณคิม หลานชายของ สส.ชอนโบยุน เปิดเผยประวัติการเข้าทำงาน]

[บริษัทพลังงานนิวเคลียร์แห่งชาติของเกาหลี เปิดเผยคะแนนว่าจ้างคุณคิมไม่พบปัญหาใด ๆ]

เวรเอ๊ย นี่มันอะไรกัน”

คังมันซองโยนโทรศัพท์ทิ้งอย่างหัวเสีย

และจังหวะที่กำลังจะสบถต่ออีกคำ เสียงของเลขาฯก็ดังผ่านอินเตอร์โฟน

ท่านประธาน ท่านรองประธานใหญ่ต้องการพบค่ะ”

เฮ้อ...หานักข่าวที่เขียนข่าวนี้แล้วสืบมาให้ชัดว่าเขียนออกมาได้ยังไงได้ข้อมูลมาจากใครที่ไหน ออกมาจากความคิดใคร ได้เงินเยอะแค่ไหน จากกระเป๋าตังค์ใคร สืบมาให้หมด”

รับทราบครับ”

เตรียมรถให้พร้อม”

หลังจากสั่งงานพนักงานแล้ว มันซองก็ขึ้นรถยนต์มุ่งหน้าไปยังตึกสำนักงานที่กังนัมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

มาแล้วเหรอ”

พ่อตอนอยู่ที่บ้านกับตอนอยู่บริษัทมีกลิ่นอายแตกต่างกันตั้งแต่นํ้าเสียงเลย

ไม่ได้หมายความว่าเวลาอยู่บ้านจะแสดงภาพลักษณ์ของพ่อที่เอาใจใส่เหมือนครอบครัวอื่น ๆ ถึงอย่างนั้นก็ยังให้พื้นที่สำหรับพ่อลูกเล็กน้อย แต่เวลาอยู่ในบริษัท พ่อก็เหมือนนักล่ามากประสบการณ์

ส่วนตัวเองก็เป็นเหมือนหมาล่าสัตว์ที่นักล่าคนนั้นเลี้ยงไว้อีกที

ครับ”

ฉันเห็นข่าวแล้ว คาดการณ์ไว้หรือเปล่า”

เปล่าครับ”

อืม...แปลว่าทางนั้นเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าสินะ”

มันซองเจ็บใจ

ฝ่ายตรงข้ามเตรียมตั้งรับทุกอย่างไว้แล้ว แต่ตัวเองกลับไม่ได้คาดการณ์ไว้จะหมายความว่าอะไรได้ล่ะ

หมายความว่าเขาพ่ายแพ้อีกฝ่ายน่ะสิ

เป็นไปได้สูงว่าข้อมูลรั่วไหลครับ”

ข้อมูล? จากทางไหนล่ะ”

เราแชร์ข้อมูลการสืบประวัติ สส.ชอนโบยุนกับฝ่ายกลยุทธ์ครับ”

จะบอกว่าฝ่ายกลยุทธ์ตั้งใจปล่อยข่าวงั้นเหรอ เพราะอะไร”

ครับ? คือ...”

จะปรักปรำฝ่ายกลยุทธ์ก็คือปรักปรำน้องชายแก ถ้าพูดอย่างนั้นก็ต้องมีเหตุผลเหมาะสมหรือหลักฐานที่ชัดเจน”

ถ้าไม่ใช่ฝ่ายกลยุทธ์ ฝ่ายตรงข้ามก็ไม่มีทางโต้กลับได้เร็วขนาดนี้หรอกครับ”

ไม่หรอก ข่าวโต้กลับของ สส.ชอนโบยุนออกมาหลังจากข่าวที่แกปล่อยออกไปประมาณสิบสองชั่วโมง ถ้ารู้ล่วงหน้าอยู่แล้วจริง ๆ ก็ควรจะรีบออกมาโต้แย้งให้เร็วกว่านั้นสิ”

ตอนนั้นมันซองถึงตระหนักได้

ว่าพ่อไม่ได้พยายามจะบอกว่าถูกหรือผิด

พ่อกำลังต้องการเหตุผล

เหตุผลที่สามารถเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้

นั่นหมายความว่าจะมองเขากับน้องชายแข่งขันกันอย่างยุติธรรม

ถึงมันซองจะรับเรื่องนั้นไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ทำตัวขาดสติต่อหน้าพ่อ

ขอโทษครับ ผมจะค่อย ๆ สืบอีกรอบ”

ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามแต่ ความรีบร้อนไม่ใช่เรื่องดี ทั้งที่มีศัตรูภายนอกต้องจัดการ แต่กลับสร้างความขัดแย้งภายในขึ้นมาจากหลักฐานที่ไม่ชัดเจน การกระทำแบบนั้นมีแต่จะทำลายตัวเอง”

ผมจะจำให้ขึ้นใจครับ”

แล้วตอนนี้คิดจะทำยังไงต่อ มีการวิเคราะห์ออกมาว่านโยบายของ สส.ชอนไม่เลวเลยจนอัตราการสนับสนุนเพิ่มสูงขึ้น นอกจากผลกระทบเรื่องโดซูยอนแล้ว ทางยออึยโดก็กล่าวว่า สส.ชอนโบยุนที่มีความเด็ดขาดในการหย่ากับภรรยาผู้ทุจริตโลภมากนั้น มีแนวโน้มจะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีมากขึ้น”

“...”

ถ้าเป็นแบบนี้ ฉันคงต้องกลับไปหากรรมการผู้จัดการชเวยองฮุนอีกครั้ง”

ผมจะไม่ให้เป็นอย่างนั้นครับ”

คำพูดอย่างเดียวมันไม่พอ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะนั่งมองอย่างสบายใจอย่างที่ไอ้เด็กนั่นมันบอก นี่คือสถานการณ์ที่มีกำหนดเวลาโอนย้ายอย่างชัดเจนถ้าปล่อยเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ราคาก็จะค่อย ๆ เพิ่มขึ้น การโจมตีของแกในครั้งนี้ล้มเหลว บางทีราคาที่เราต้องซื้ออาจจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า”

นี่ยังไม่ใช่จุดจบครับ”

รองประธานใหญ่คังแจชิกมองลูกชายคนโตนิ่ง ๆ

ก่อนจะถามด้วยนํ้าเสียงกดตํ่า

ตอบมาให้ชัดเจน แกมีแพลนหลังจากนี้ไหม”

ยัง...”

ติดต่อชเวยองฮุนจากเอชเอสการผลิตซะ”

พ่อครับ!”

แค่นี้ก็หยั่งเชิงกันมาพอแล้ว ไม่สิ บางทีไอ้เด็กนั่นอาจจะลองเชิงฉันไปเรียบร้อยแล้วก็ได้ พวกเราแพ้ สิทธิ์การเป็นผู้นำอยู่ที่ไอ้เด็กนั่น ถึงจะน่าเสียดายแต่พวกเราทำอะไรไม่ได้นอกจากซื้อในตอนที่ชอนโบยุนยังอยู่ในรายชื่อโอนย้ายติดต่อซะ”

“...รับทราบครับ”

มันซองออกมาจากห้องรองประธานใหญ่อย่างห่อเหี่ยว และสั่งให้พนักงานฝ่ายเลขาฯนัดพบกับชเวยองฮุนจากเอชเอสการผลิต

ทว่า...

มันซองกลับเข้าไปในห้องรองประธานใหญ่ด้วยสีหน้าพูดไม่ออก

พ่อ”

ทำไม”

เขาบอกว่าตอนนี้ไอ้หมอนั่นไม่ได้อยู่เกาหลีครับ เพิ่งบินไปประเทศไทยก่อนหน้านี้ไม่นาน”

อีกสี่วันจะถึงการเลือกตัวแทนพรรค แต่บินไปประเทศไทยเนี่ยนะ”

คราวนี้รองประธานใหญ่คังแจชิกก็อดสับสนไม่ได้เหมือนกัน

[กรุณาแก้ไขภายในหนึ่งวันครับ ถ้าไม่สามารถแก้ไขได้ภายในหนึ่งวัน ข้อตกลงเป็นอันยกเลิก จำไว้ให้ดีนะครับ

[ผมให้เวลาคุณได้แค่หนึ่งวัน]

นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่ชเวยองฮุนทิ้งไว้ให้แดซองก่อนเดินทางไปประเทศไทย

แดซองเครียดมาก คิดไม่ถึงว่าดาอึนจะโดนผู้ชายปฏิเสธกลับมา เขาเองยังสับสน ส่วนดาอึนก็ช็อกมากจนทำอะไรไม่ถูก โดนผู้ชายปฏิเสธในตอนที่โอซองจัดจำหน่ายอยู่ใกล้แค่เอื้อม...

แถมยังเป็นผู้ชายหน้าตาขี้เหร่ที่เคยภาวนาไม่ให้เป็นอย่างนั้น น่าจะสะเทือนใจหนักพอตัว

เนื่องจากได้รับการปฏิบัติราวกับเจ้าหญิงมาตลอดชีวิต จึงยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองในช่วงนี้ได้ลำบาก

แดซองคิดอย่างจริงจังว่าจะยอมแพ้กับพล็อตเรื่องที่คาดไม่ถึงดีหรือไม่เพราะถ้าฝืนเจอกันต่อไปเรื่อย ๆ อาจจะโดนพี่หรือพ่อจับได้ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีก็ได้

ติดต่อนักข่าวไว้แล้วครับ เขาเป็นคนปากแข็งและรู้ค่าของเงิน คงไม่มีปัญหาในภายหลัง เอายังไงต่อดีครับ”

หัวหน้าแผนกพัคชีอุงถาม

หยุดไว้ก่อน”

ครับ?”

หยุดก่อน ขอเวลาหาวิธีสักวันสองวัน”

รับทราบครับ วันนี้ประธานคังมันซองมาที่ห้องรองประธานใหญ่ด้วยครับ”

พี่เหรอ สีหน้าเป็นยังไง”

พนักงานฝ่ายเลขาฯบอกว่าค่อนข้างตึงครับ อีกอย่างก็ตั้งใจจะนัดพบกับกรรมการผู้จัดการชเวยองฮุน แต่เขาไม่อยู่ในประเทศ การนัดหมายเลยล้มเหลวครับ”

เหอะ...”

แดซองรู้ว่ากรรมการผู้จัดการชเวยองฮุนซื้อเวลาเพิ่มให้ตัวเอง

แน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่ได้ไปเที่ยวประเทศไทยเฉย ๆ แต่ได้ยินว่าบินไปทำงานนอกสถานที่เพื่อจัดการโครงการพัฒนาแหล่งก๊าซธรรมชาติกับพนักงานในท้องถิ่น

ถ้าจะนัดเจอก็แปลว่าพ่อตัดสินใจแล้วใช่ไหม”

อาจจะเป็นอย่างนั้นครับ น่าจะยอมรับข้อเสนอของกรรมการผู้จัดการชเวยองฮุน”

กรรมการผู้จัดการชเวยองฮุนจะต้องการอะไรนะ”

มีบริษัทแฟบเลส[2] ที่เอชเอสการผลิตลงทุนอยู่ครับ”

ลงทุนที่ไหน ลงทุนกับบริษัทเซมิคอนดักเตอร์เหรอ”

ครับ”

พวกเขารู้อะไรเกี่ยวกับเซมิคอนดักเตอร์ถึงลงทุน”

ได้ยินว่าตอนนั้นมีการต่อต้านจากภายในบริษัทเหมือนกัน นอกจากนั้นเงินลงทุนเริ่มต้นประมาณสี่หมื่นล้าน และลงทุนอย่างต่อเนื่องตั้งแต่นั้นมา แต่ลองสืบแล้วพบว่าเทคโนโลยียอดเยี่ยมมากเลยครับ”

ที่นั่นคือที่ไหน”

เอเอ็มเอซิสเต็มครับ”

เอชเอสการผลิตเนี่ยนะ”

แดซองตกใจมาก

เนื่องจากเป็นบริษัทที่ต่างประเทศให้ความสนใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในยานยนต์เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา แน่นอนว่าแดซองเองก็รู้จักเช่นกัน

ครับ ผมคิดว่าบางทีเขาอาจจะอยากเซ็นสัญญาพาร์ตเนอร์ชิประหว่างเอเอ็มเอซิสเต็มกับโอซองอิเล็กทรอนิกส์ครับ”

คิดว่ามันคุ้มค่ากับพวกเราไหม”

ถึงจะรู้สึกเหมือนตอนนี้ยังขาดทุนอยู่ แต่ผมคิดว่าถ้าพวกเราช่วยเหลือก็อาจจะเป็นพาร์ตเนอร์ที่ดีได้ครับ เออาร์เอกซ์ที่กำลังพิจารณาซื้อกิจการตั้งแต่ปีที่แล้ว ราคาไม่ตํ่ากว่าสามสิบห้าล้านล้านวอนครับ บางทีเอเอ็มเอซิสเต็มอาจจะเป็นทางเลือกที่ถูกกว่า”

แต่นั่นก็อาจจะเป็นการป้อนข้าวให้บริษัทของคนอื่นด้วยน่ะสิ”

ใช่ครับ แต่การซื้อกิจการเอเอ็มเอซิสเต็ม...”

ถ้าเราบอกว่าจะซื้อกิจการเอเอ็มเอซิสเต็ม แล้วขายให้เอชเอสการผลิตล่ะ”

ถ้าคิดแล้วว่าคุ้มกับการยื่นนามบัตรของโอซองอิเล็กทรอนิกส์ให้ แค่หนึ่งหรือสองล้านล้านไม่น่าพอนะครับ”

ถ้างั้นก็มีแต่ต้องร่วมมือกันสินะ จบแค่นั้นเหรอ”

นอกเหนือจากนั้นก็เดายากแล้วครับว่าต้องการอะไรอีก”

อืม...โอเค”

หน้าแดซองหม่นแสงลง

อย่างไรก็ตาม ต่อให้ไม่ใช่เขา เอชเอสการผลิตก็สามารถทำข้อตกลงกับพ่อโดยตรงและรับในสิ่งที่ต้องการได้อยู่แล้ว

ถ้าไม่ใช่ครั้งนี้ก็ไม่มีโอกาสครั้งที่สองสำหรับตัวเอง

ริมฝีปากของเขาแห้งผาก

 

มินฮีมองผู้หญิงตรงหน้าด้วยสีหน้าแปลกใจ

เพราะไม่คิดว่าคนคนนี้จะกลับมาหากันอีกรอบ

ไม่คิดว่าฉันจะมาหาเหรอคะ”

อื้อ เพราะตอนนั้นเธอดูโกรธมาก”

โกรธมากจนไม่จำเป็นต้องอธิบายเลย

แต่ไม่ว่าจะโกรธหรือเกลียดแทบตายแค่ไหน โอซองจัดจำหน่ายกับตำแหน่งลูกสะใภ้ของประธานาธิบดีก็น่าเสียดายเกินกว่าจะโยนทิ้งเพียงเพราะความเกลียดชังเพียงอย่างเดียว

เคยคิดว่าต่อให้ตายก็ไม่ยอมมาเด็ดขาด เพราะรู้สึกเหมือนโดนเหยียบยํ่าศักดิ์ศรี แต่พอเวลาผ่านไป ดาอึนก็รู้สึกว่าความคิดของเธอเปลี่ยนไป

ดาอึนกอดอกแล้วหันหน้าหนีเล็กน้อย

ก็ต้องโกรธอยู่แล้วสิคะ ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งเคยโดนดูถูกแบบนั้นเป็นครั้งแรก”

ถ้างั้นวันนี้จะมาแก้แค้นเหรอ”

ฉันไม่ได้นิสัยเสียขนาดนั้นนะคะ ฉันโกรธก็จริง แต่พอฟังคำพูดของพี่ตอนนั้นแล้วลองคิดเยอะ ๆ ก็ไม่ได้พูดผิดสักคำ”

แล้วยังไง”

รู้ใช่ไหมคะว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไง”

มินฮียักไหล่

ฉันได้เรียนรู้อะไรจากพี่หลายอย่างเลยค่ะ ฉันได้ครอบครองอะไรมากมายเพราะมีพ่อแม่ที่ดี แต่ถ้าอยากรักษามันไว้ก็ต้องฉลาด ไม่ว่าจะเป็นพ่อ พี่ใหญ่หรือพี่รอง พวกเขาชอบเรียกคนของตัวเองมารวมกันแล้วถามความคิดเห็นค่ะเพื่อให้ได้ทางเลือกที่ดีขึ้น เพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิม แต่รอบตัวฉันไม่มีใครเลยค่ะหลังจากโดนพี่ด่าก็มีคนช่วยปลอบนะคะ แต่ไม่มีใครคอยช่วยชี้ทางเลยว่าควรจะแก้แค้นยังไง”

อย่าบอกนะว่าเธอหวังอะไรแบบนั้นจากฉัน”

ฉันอยากมีพี่สาวที่สนิทและพึ่งพาได้สักคนค่ะ คนที่ไม่ต้องกังวลว่าจะหวังอะไรจากฉัน คนที่พูดออกมาโดยไม่ปิดบังกันว่าต้องการอะไร ฉันอยากมีคนที่สามารถขอคำแนะนำได้ตลอดเวลาค่ะ”

ทำไมเป็นฉันล่ะ”

ถ้าพี่มีน้องแบบฉันก็น่าจะดีไม่ใช่เหรอคะ ฉันมีเงินเยอะนะ แล้วรู้ใช่ไหมคะถ้าฉันทำได้ดีก็อาจจะได้เป็นลูกสะใภ้ของประธานาธิบดีค่ะ ฉันใช้ประโยชน์จากพี่พี่ก็ใช้ประโยชน์จากฉันเหมือนกัน เป็นไงคะ”

มินฮีฉีกยิ้ม

เด็กน้อย ที่พูดมาก็ไม่ใช่ความคิดที่แย่อะไรหรอก แต่ถ้าเป็นแบบนั้นก็ยิ่งไม่ควรเลือกฉัน มีคนฉลาดกว่าฉันอีกเยอะ แถมเจ้านายฉันก็เป็นคนวางหมากกระดานนี้ ฉันเองก็ไม่ได้เข้าใจความคิดของเจ้านายทั้งหมด แต่จะเอาฉันไปไว้ข้างตัวเนี่ยนะ...เธอมองโลกง่ายเกินไป”

อาจจะใช่ค่ะ คนฉลาด...ถ้าคิดจะหาก็หาได้อยู่แล้วค่ะ พ่อฉันก็คงจะเอาคนฉลาดที่สุดในเกาหลีมาอยู่ข้างตัว แต่ฉันไม่เชื่อคนคนนั้น อย่างน้อยพี่ก็ไม่มีทางเป็นลูกน้องพ่อฉันนี่นา”

เธอ...ฝันใหญ่กว่าที่ฉันคิดไว้จริง ๆ สินะ”

พี่ใช้ประโยชน์จากฉันเท่าที่ทำได้เลยค่ะ ฉันก็จะใช้ประโยชน์จากพี่เท่าที่ทำได้เหมือนกัน แค่อย่าหักหลังกันก็พอ”

ถ้าเจ้านายฉันสั่งให้หักหลังเธอ ฉันก็จะทำ”

ชิ...”

ดาอึนพองแก้มพร้อมทำสีหน้าไม่พอใจ เหมือนเป็นการแสดงออกว่าอุตส่าห์พยายามทำสุดความสามารถแล้ว แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปตามที่ตัวเองคิด

ภาพนั้นน่ารักจนมินฮีหัวเราะออกมา

ฮ่า ๆ โอเค อย่างน้อยถ้าต้องหักหลัง ฉันจะเตือนเธอก่อน”

เยี่ยมเลยค่ะ ถ้างั้นช่วยอะไรฉันอย่างสิคะ”

อะไร เรื่องที่โดนลูกชายว่าที่ประธานาธิบดีปฏิเสธน่ะเหรอ”

หว่างคิ้วของดาอึนขมวดแน่น

พี่ได้ยินทุกอย่างจากเจ้านายพี่เหรอคะ”

ถ้าเขาเล่าก็รู้ ถ้าไม่เล่าก็ไม่รู้ แต่เรื่องนั้นฉันบังเอิญได้ยินพอดี”

ไม่พูดถึงยองฮุนไม่ได้เลย

เพราะตอนนี้เขาไม่ได้อยู่เกาหลี อย่างน้อยมินฮีก็ต้องจัดการเรื่องที่ควรจัดการด้วยตัวเอง

ฉันควรทำยังไงดีคะ เจ้านายสุดโหดของพี่บอกว่าให้เวลาแค่วันเดียวเอง”

ผู้ชายเป็นยังไง เขาต้องมีเหตุผลที่ปฏิเสธไม่ใช่เหรอ”

ดาอึนจึงถอนหายใจและเล่าเกี่ยวกับชอนซึงโม

แต่พอมินฮีได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้วก็ต้องหัวเราะคิกคัก

ฮ่า ๆ ๆ! เธอตลกมากเลย ฮ่า ๆ ๆ!”

ตลกเหรอคะ ตอนนี้เหลือเวลาไม่เท่าไหร่แล้วนะ”

มินฮีเลิกหัวเราะก่อนจะพูด

ดูก็รู้ว่าเขาโสดมาตั้งแต่เกิด จับมือสักครั้งสิ จับมือกันสักครั้งแล้วลองขอคบดู น่าจะปฏิเสธไม่ลงหรอก”

คะ? แค่นี้เหรอคะ”

เธอสวยจะตาย ถ้าทำขนาดนั้นแล้วยังปฏิเสธอีก เธอก็ทำอะไรไม่ได้แล้วละ”

ดาอึนคิดว่าคำแนะนำง่าย ๆ ของมินฮีช่างน่าเหลือเชื่อ แต่ถึงอย่างไรเธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำตามคำแนะนำนั้น

 


[1]  มีหลายชั้นจนไม่สามารถรับรู้ความในใจได้

[2] หมายถึง บริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการออกแบบและพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์โดยไม่ใช้กำลังผลิตเองแต่ว่าจ้างบริษัทอื่นที่มีความเชี่ยวชาญในการผลิตให้ดำเนินการแทน


 

บทที่ 266 ความขัดแย้งภายใน (4)

 

ผ่านมาหนึ่งวัน ยองฮุนกลับมาที่โซลแล้วเข้าไปรายงานประธานใหญ่ซงอึนแชทันที

อีกฝ่ายดื่มชาอยู่กับยอนฮีพอดี จึงเอ่ยต้อนรับยองฮุน

มาแล้วเหรอ ทำงานหนักมากเลยนะ”

ไม่หรอกครับ ผมไปวันเดียวเอง”

ยอนฮียิ้มแล้วถาม

กินของอร่อยคนเดียวเยอะไหม”

ไม่ค่อยได้กินเลย”

ยองฮุนตอบพร้อมรอยยิ้มก่อนจะหันหน้าไปหาประธานใหญ่ซง

ทางคุณอุดมเคลียร์เรียบร้อยแล้วครับ”

งั้นเหรอ”

ครับ แต่คิดว่าอาจจะยังไม่จบง่าย ๆ เพราะทางซีอาร์กำลังกดดันอย่างหนักครับ คุณอุดมเลยอยากรีบลงจากตำแหน่งให้เร็วที่สุด เพราะคิดว่าตัวเองกำลังโดนคุกคามชีวิตครับ”

จริงเหรอ”

ใบหน้าของประธานใหญ่ซงมืดครึ้มลง เธอไม่ได้โหดร้ายมากพอจะดำเนินธุรกิจโดยมีชีวิตของคนเป็นเดิมพัน และเรื่องนั้นยองฮุนก็ปฏิเสธอย่างเด็ดขาดเช่นกัน เพราะโดยพื้นฐานแล้ว ยองฮุนมีแนวคิดว่าอยากให้ทุกคนที่มีความเกี่ยวข้องกับตัวเองประสบความสำเร็จกันหมด

เขาบอกว่าตั้งใจจะไปจากประเทศไทยหลังเสร็จงานน่ะครับ ผมเองก็กังวลเหมือนกันเลยหาบอดี้การ์ดส่วนตัวไปเพิ่มให้ครอบครัวเขาด้วย และถ้าลาออกแล้วตัดสินใจจะย้ายไปอยู่ฝรั่งเศสครับ”

ทำไมต้องเป็นฝรั่งเศสด้วยล่ะ”

ใจจริงเขาก็อยากมาเกาหลี แต่ดูเหมือนการสนับสนุนของเราจะเปิดเผยชัดเจนเกินไปจึงอยากจะหลีกเลี่ยงครับ แต่จะไปอเมริกาก็ไม่สบายใจ เลยตัดสินใจไปฝรั่งเศสที่ลูกสาวกำลังเรียนอยู่ ถ้าตั้งหลักที่นั่นเรียบร้อยแล้วก็จะมาเกาหลีครับ”

กรรมการผู้จัดการชเวจะใช้ประโยชน์ใช่ไหม”

ครับ เขารู้จักคนเยอะและมีไหวพริบ เป็นคนที่รู้ว่าควรจะเจรจาอย่างไรถ้าใช้เขาเป็นล็อบบี้ยิสต์ ค่านํ้าร้อนนํ้าชาที่จ่ายไปก็อาจจะเหลือกลับมาครับ”

ประธานใหญ่ซงพยักหน้า

ถ้ากรรมการผู้จัดการชเวว่าอย่างนั้นก็คงตามนั้นแหละ เงินที่ส่งมอบให้คุณอุดมล่ะ”

ส่งผ่านธนาคารประเทศที่สามอย่างปลอดภัยครับ”

เยี่ยมมาก ขอบคุณที่ทำงานหนัก ตอนนี้ก็เหลือแค่โอซองงั้นเหรอ”

น่าจะเป็นอย่างนั้นครับ”

รองประธานใหญ่คังแจชิกตามหาลูกเขยชเวใหญ่ ตั้งแต่มีชีวิตอยู่มาถึงตอนนี้ ฉันเพิ่งเคยเห็นรองประธานใหญ่คังดูร้อนใจขนาดนั้นเป็นครั้งแรก”

เจอกันแล้วเหรอครับ”

แค่ได้ยินเสียงก็รู้แล้ว ถ้าผู้ใหญ่ที่ชอบมองกันด้วยหางตาเสมอ อุตส่าห์โทร.มาหาฉันด้วยตัวเองเพื่อตามหาลูกเขยชเว แค่นี้ก็บอกทุกอย่างหมดแล้วไม่ใช่รึไง”

ท่าทางคงจะเร่งด่วนน่าดูนะครับ”

จะเอายังไงล่ะ”

ยองฮุนมองนาฬิกาข้อมือ

วาเชอรองคอนสแตนตินที่สั่งทำจากสวิตเซอร์แลนด์ ตอนแต่งงานยอนฮีบอกว่าน่าจะเหมาะกับยองฮุน

ตอนนี้ยองฮุนก็หวงมากเหมือนกัน แม้จะชอบเผลอดูเวลาจากโทรศัพท์มือถือ แต่เขาก็ตั้งใจดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือด้วย

ยังไม่ได้ติดต่อมาเลยครับ ถ้าฝ่ายคังแดซองยอมแพ้ คงต้องเจรจากับรองประธานใหญ่คังแจชิกแทนครับ”

ถ้างั้นไม่ต้องรอแล้วทำข้อตกลงกับรองประธานใหญ่คังแจชิกเลยไม่ดีกว่าเหรอ คังแดซองยังเด็กแล้วก็ไม่มีอำนาจด้วย แถมที่ผ่านมาก็ไม่เคยแสดงอะไรให้เห็นเลย กรรมการผู้จัดการชเวเห็นแววเหรอ”

ไม่มีแววหรอกครับ ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีความโลภ แต่เรียกว่าขี้ขลาดมาตั้งแต่เกิดได้ไหมนะ ถึงตอนนี้จะกำลังพยายามแสดงความกล้าหาญ แต่ถ้ารองประธานใหญ่คังแจชิกตวาดทีเดียว อย่าว่าแต่หางเลย แม้แต่ปากก็อ้าไม่ได้ด้วยซํ้าครับ”

แล้วทำไม”

เพราะรองประธานใหญ่คังแจชิกครับ”

เขาเป็นยังไง”

ยอนฮีแทรกขึ้นมา

ยองฮุนขมวดคิ้วคิดอะไรบางอย่างก่อนจะอ้าปากพูด

ก็แค่ความรู้สึกน่ะ ฉันแค่ไม่อยากทำตามที่เขาต้องการ”

ความรู้สึกเหรอ”

ครับ อธิบายให้ชัดเจนยากน่ะครับ”

ถึงจะโกหกว่าอธิบายยาก แต่ที่บอกว่าไม่อยากทำตามที่อีกฝ่ายต้องการนั้นเป็นความจริง

ถ้าได้เห็นดวงชะตาคงจะมั่นใจ แต่ไม่สามารถทำได้จึงได้แต่ประเมินตามโหงวเฮ้งของเจ้าตัว สิ่งที่ดึงดูดสายตามากที่สุด ท่ามกลางโหงวเฮ้งที่เกิดมาพร้อมกับดวงโชคลาภก็คือดวงตานั่นเอง

ดวงตาขนาดใหญ่และเห็นสีเหลืองผ่าน ๆ เรียกว่าตาเสือ กล่าวคือคนที่มีดวงตาแบบเสือมักจะตระหนี่ ไร้ความเมตตา

เนื่องจากตระหนี่และไร้ความเมตตา ตอนนี้อาจจะจนตรอกจนยอมร่วมมือกัน แต่มีความเป็นไปได้สูงว่า หากสบโอกาสเมื่อไรจะวิ่งเข้ามาฮุบกินในคำเดียว

แล้วจะปล่อยให้เป็นอย่างนั้นได้อย่างไร

ถ้างั้นจะทำยังไงล่ะ”

ถึงคังแดซองจะไม่มีความกล้าหาญและขี้ขลาด แต่สายเลือดของเขาก็ไม่ได้ไปไหนครับ ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้เขาคนเดียวจะเกินกำลัง แต่พอนึกถึงอัจฉริยะหลาย ๆ คนที่ช่วยสนับสนุนเขา ผมก็คิดว่ามันคุ้มค่าที่จะลองครับ”

แล้วจะปะทะกับรองประธานใหญ่คังแจชิกจนโดนไล่ออกหรือเปล่า”

ไม่รู้สิครับ ถ้าคิดว่าจะเป็นอย่างนั้น คงคุกเข่ายกมืออ้อนวอนขอให้ยกโทษเองแหละครับ เขาหาทางรอดเองได้”

คังแดซองเป็นคนที่ต่อให้ติดในซอยตันก็ยังขุดหลุมเอาชีวิตรอดได้ ดูจากดวงชะตาแล้ว ไม่ได้มีปัญหาสุขภาพมากนัก กระทั่งเคราะห์ที่คนทั่วไปควรจะหลีกเลี่ยงก็ไม่ได้เป็นภัยต่อคังแดซองขนาดนั้น

เนื่องจากมีดวงโชคลาภ แถมยังไม่มีดวงเคราะห์ที่เห็นเด่นชัด จึงต้องเรียกว่าเป็นดวงที่ดีจนไม่มีใครเทียบได้

ตอนนี้พวกเราก็โตมากพอแล้ว อย่าหักโหมมากเกินไป ความจริงแค่Nodri Clare อย่างเดียว ฉันก็อิ่มจนแทบปฏิเสธของว่างแล้ว”

ของว่างไม่ใช่ผม แต่ยอนฮีเป็นคนเตรียมให้นะครับ”

ธุรกิจที่ยายเด็กนี่ทำน่ะ ฉันไม่สบายใจเลย แต่เห็นกรรมการผู้จัดการชเวไม่ปฏิเสธ ฉันก็กำลังรอดูอยู่เหมือนกัน ไม่รู้ว่ามันจะเป็นของหวานรสกลมกล่อมหรือไม่อร่อยจนท้องอืดกันแน่”

แม่เอาตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยเหรอ”

ยอนฮีบุ้ยปาก

เพราะฉันไม่สบายใจ นั่นมันใช้เงินแค่เหรียญสองเหรียญหรือไง แถมไม่ได้ใช้งานแค่พนักงานเอชเอสการผลิตอย่างเดียว ยังลามไปถึงคนฝั่งก่อสร้างกับแฟชั่นด้วย ฉันกลัวว่าพอยื่นมือออกไปรอบด้านแล้วแกจะโดนด่าน่ะสิ”

ถ้าล้มเหลวก็สมควรโดนด่าแน่นอนอยู่แล้ว ใช้เงินขนาดนั้นแล้วยังล้มเหลวก็มาด่าหนูได้เลย”

แกมั่นใจมากเลยนะเนี่ย”

ฮิ ๆ...พูดตรง ๆ คราวนี้หนูมั่นใจมาก”

สาเหตุที่ทำให้ความมั่นใจนั้นเพิ่มมากขึ้นเป็นเพราะภรรยาของแดซอง ถ้าหากข้อตกลงที่ทำกับแดซองล้มเหลว ยอนฮีเองก็คงผิดหวังนิดหน่อย

ดังนั้นยองฮุนจึงยิ่งหวังว่าแดซองจะจ่ายค่าตอบแทนสำหรับข้อตกลงครั้งนี้ได้ดี

 

โรงแรมริทซ์-คาร์ลตัน อึลจีโร

คนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ รองประธานใหญ่คังแจชิกไม่ใช่คังแดซองตามเดิม แต่เป็นคังมันซอง

สายแล้วนะครับ”

ระหว่างที่ลูกชายทำสีหน้าไม่พอใจกับทุกอย่าง รองประธานใหญ่คังก็จิบชาอุ่น ๆ ที่วางอยู่ตรงหน้าและค่อย ๆ วางลง

ตอนนี้เพิ่งผ่านไปห้านาทีเอง”

แค่กล้าปล่อยให้พ่อรอห้านาทีก็อวดดีพอแล้วครับ”

ถ้าไม่พอใจเรื่องนั้นก็เก็บไว้ในใจ ไว้สถานการณ์เปลี่ยนเมื่อไหร่ค่อยเอาออกมา แต่ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลา”

ครับ ว่าแต่คราวก่อนที่มากับแดซองก็สายเหมือนกันเหรอครับ”

ตอนนั้นฉันไม่ได้มาเพื่อพบกรรมการผู้จัดการชเวยองฮุน ถึงจะได้รู้ทีหลังว่าเรียกมาเพราะอยากเจอพวกเราก็เถอะ เด็กนั่นเป็นคนจิตใจลุ่มลึก อย่าบุ่มบ่ามด่าว่ามาสาย ต้องจำเอาไว้ให้ขึ้นใจ ว่าพวกเราเป็นคนที่มาเพื่อซื้อของ”

ถึงเขาจะว่ากันว่าลูกค้าคือพระราชา แต่นั่นเป็นคำที่ใช้ได้เฉพาะเวลาซื้อของที่หาซื้อได้ง่าย ๆ ทุกที่ทุกเวลา

เวลาซื้อสินค้าหายาก จะลืมไม่ได้เด็ดขาดว่าคนขายเป็นต่อเสมอ

เพราะทันทีที่ลืมเรื่องนั้น การซื้อขายจะไม่เป็นไปในทิศทางที่คิดไว้

โอเคครับ”

แต่ผ่านไปสิบนาทีแล้วหลังจากมันซองให้คำตอบ ยองฮุนก็ไม่ปรากฏตัว

พอใบหน้าโกรธเกรี้ยวของมันซองค่อย ๆ แดงขึ้น ประตูก็เปิดออกโดยมียองฮุนยิ้มเก้อเขินเดินเข้ามา

ขอโทษครับ ผมสายเยอะเลย”

ไม่เป็นไร ได้ยินมาว่านายเป็นคนดูแลเอชเอสกรุ๊ปทั้งหมด ถ้าไม่ยุ่งก็แปลก”

ก่อนหน้านี้ท่านรองประธานใหญ่ไม่ยอมให้ผมอยู่ข้าง ๆ เลยไม่ได้จับมือครับ”

ทันทีที่ยองฮุนยื่นมือออกไป รองประธานใหญ่คังก็แสดงสีหน้ากระดากอาย

พอดีตอนนั้นฉันตกใจมากน่ะ ขอโทษด้วย”

ไม่เป็นไรครับ แล้วทางนี้คือ...”

ลูกชายฉันเอง คนที่เจอคราวก่อนคือแดซองเป็นคนรอง ส่วนนี่มันซองลูกชายคนโต”

ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมชเวยองฮุน”

คังมันซองครับ”

ยองฮุนจับมือกับทั้งสองคนก่อนจะนั่งลง

ทานข้าวกันแล้วหรือยังครับ”

ยังเลย รสชาติบะหมี่ทะเลรสเผ็ดตอนนั้นใช้ได้ทีเดียว วันนี้ก็เลยตั้งใจมาแบบยังไม่ได้กินข้าว”

พอดีเลยครับ อยากทานข้าวก่อนไหมครับ”

ทำไม คิดว่าถ้าคุยแล้วกินข้าวไปด้วยจะท้องอืดเหรอ”

ฮ่า ๆ ๆ! ผมกินจนอิ่มแล้วครับ”

ตาของคังแจชิกกระตุก

ถึงจะเหมือนล้อเล่น แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่ใช่

เวลาเจอนาย ฉันคงต้องเตรียมใจไว้ให้พร้อมแล้วสิ วันนั้นเป็นอย่างนั้นวันนี้ก็น่าจะไม่ง่ายนักเหมือนกัน”

เริ่มกดดันผมตั้งแต่ตอนนี้ ผมก็หวั่น ๆ เหมือนกันนะครับ”

งั้นก็ไม่ต้องกินข้าวแล้ว เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ฉันตั้งใจจะมาซื้อ สส.ชอนโบยุนที่อยู่ในรายชื่อโอนย้ายของนาย ช่วยคิดราคาดี ๆ ให้หน่อยได้ไหม”

ตอนนั้นผมเคยคิดอย่างนั้นครับ แต่สถานการณ์มันเปลี่ยนไปนิดหน่อย”

รองประธานใหญ่คังเอนหลังพิงพนักเก้าอี้และถามอย่างไม่เร่งรีบ ราวกับคิดไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนั้น

ขอฟังเหตุผลหน่อยสิ”

คราวก่อนผมเตือนแล้วไม่ใช่เหรอครับ ว่าอย่าทำให้ของของผมมีรอยขีดข่วน”

หมายความว่ายังไง”

รองประธานใหญ่คังพูดเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น แต่ยองฮุนขมวดคิ้วแล้วโต้กลับอย่างดุดัน

จะแกล้งทำเป็นไม่รู้เหรอครับ ผมรู้มาว่าแหล่งข่าวเกี่ยวกับ สส.ชอนโบยุนมาจากโอซองทั้งหมดนะครับ”

มันซองไม่ชอบวิธีการพูดของยองฮุน

เพราะไม่รู้ว่าอวดดีมาจากไหน ถึงกล้าพูดกับพ่อที่เป็นผู้บัญชาการโอซองกรุ๊ปเหมือนกำลังตำหนิลุงข้างบ้านแบบนั้น

ระวังคำพูดหน่อยไหมครับ”

ยองฮุนส่ายศีรษะพลางยิ้มเยาะท่าทีหงุดหงิดของมันซอง

งั้นเหรอครับ ผมรู้ว่าแหล่งข่าวเกี่ยวกับ สส.ชอนโบยุนมาจากโอซองดิจิทัลถ้างั้นคนเป็นพ่อไม่รู้เลยเหรอครับว่าลูกชายตัวเองทำอะไรลงไปบ้าง”

มันซองตกใจมาก

พนักงานก็ไม่ได้โง่ ไม่มีทางจะจัดการงานได้สะเพร่าขนาดนั้น...

เมื่อเห็นสีหน้าอึ้ง ๆ ของอีกฝ่าย ยองฮุนก็พยักหน้าแล้วพูดต่อ

เฮ้อ...ผมไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมพวกคุณถึงต้องละเมิดจริยธรรมทางธุรกิจขนาดนี้ เพราะลองพยายามเท่าที่ทำได้แล้ว แต่สุดท้ายไม่ได้ผลก็เลยทำแบบนี้...คนอื่นอาจจะยอมปล่อยผ่าน แต่ผมไม่ครับ”

นี่ นาย...”

รองประธานใหญ่คังจับมันซองที่กำลังอารมณ์ขึ้นไว้

เมื่อตระหนักได้ถึงความผิดพลาดของตัวเอง รองประธานใหญ่คังก็กล่าวขึ้น

ท่าทางลูกชายฉันจะพยายามทำอะไรบางอย่างในแบบของตัวเอง แต่เหมือนจะได้ผลตรงกันข้ามสินะ ยังหนุ่ม ๆ อยู่น่ะ เลยกระโดดไปทั่วเหมือนลูกม้าแต่ไม่ได้มีเจตนาร้ายหรอก หวังว่านายจะเข้าใจ”

ผมยอมเข้าใจก็ได้ แต่ทราบใช่ไหมครับว่าป้ายราคามันเปลี่ยนไปแล้ว”

พวกเราก็คงต้องยอมรับเรื่องนั้น แต่ฉันเชื่อว่านายจะมีเมตตามากพอจนยอมเจรจา”

ผู้นำโอซองกรุ๊ปที่ยิ่งใหญ่ร้องขอความเมตตา...

เชื่อคำนั้นไม่ได้เด็ดขาด

เพราะเป็นคนที่มีแนวคิดว่า ถ้าพูดคำเดียวแล้วลดได้หลายหมื่นล้านก็สามารถประจบประแจงได้เท่าที่ต้องการ

งั้นเหรอครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอลองฟังก่อนแล้วกันครับว่าคิดมาแค่ไหน”

ถามว่าคิดมาแค่ไหน

ตอนยองฮุนอยากซื้อไอเท็มในเกม นี่คือคำถามที่ยากที่สุด

ยองฮุนเองก็ไม่นึกเหมือนกันว่าจะได้ถามคำถามนี้ในชีวิตจริง

นายเป็นเจ้าของ ก็ควรคิดราคาที่เหมาะสมไว้ไม่ใช่เหรอ”

โบราณว่าไว้ว่า ต่อให้มีศิลาดลโครยอ[1] วางอยู่ตรงหน้า แต่ถ้าไม่รู้คุณค่าก็ไม่ต่างกับไหธรรมดาครับ ผมต้องทราบก่อนว่าท่านรองประธานใหญ่มองมูลค่าของสิ่งของไว้ประมาณไหน ถึงจะปรับทิศทางให้แคบลงได้ หรือถ้าความคิดของแต่ละคนแตกต่างกันมาก ก็จะได้ประเมินว่ายกเลิกดีหรือเปล่า คิดมาประมาณไหนครับ”

รองประธานใหญ่คังรู้สึกถึงความลำบากใจอีกครั้ง เพราะนั่นหมายความว่าถ้าพูดราคาไม่เหมาะสมออกมาจากปาก จะยกเลิกการเจรจาแล้วกลับเลย

การเจรจาแบบนี้เป็นคำถามที่ทำได้ก็ต่อเมื่อคนเป็นต่อประเมินคนเป็นรองหรือเจ้านายประเมินลูกน้อง เพราะสามารถตัดสินความกล้าหาญ สายตา และสภาพกระเป๋าของคนที่ต้องการซื้อได้อย่างครอบคลุม

นายทำให้คนอื่นเขายุ่งยากนะ จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ”

ถ้าคิดจะทำลายข้าวของของคนอื่นก็ต้องยอมจ่ายค่าชดเชยที่เหมาะสมสิครับ”

มันซองทนไม่ไหวอีกต่อไป

พ่อครับ กลับกันเถอะ ถ้าไม่ได้ก็พอแล้วครับ เราไม่จำเป็นต้องฟังคำพูดไร้สาระแบบนี้ต่อ อะไรนะ ขายของงั้นเหรอ ขายประธานาธิบดีเหรอ ตลกชะมัดคิดว่าจะมีคนซื้อหรือไง นายพูดเหมือนตัวเองยิ่งใหญ่ ไอ้เวรเอ๊ย นายอยู่ได้ไม่นานหรอก”

ยองฮุนหันมองรองประธานใหญ่คังแทนที่จะโกรธ

เฮ้อ...กลายเป็นแบบนี้แล้วสิครับ”

รองประธานใหญ่คังเงยหน้าขึ้นมองเพดาน

ถึงลูกชายจะพังกระดาน แต่ในความเป็นจริงตัวเองก็กำลังควบคุมความโกรธในใจอยู่เหมือนกัน

เล่นกับไอ้เด็กนี่ถึงขีดจำกัดแล้วหรือเปล่านะ

ลูกชายฉันแค่หงุดหงิดน่ะ แต่ฉันก็สงสัยอยู่เหมือนกัน นายเก็บรักษาของนั้นยังไง แล้วคิดจะขายยังไง ถึงนายจะควบคุมประธานกรรมการอีฮยองจุนได้ค่อนข้างดี แต่ก็คงรักษาไว้จนถึงที่สุดไม่ได้หรอกมั้ง สุดท้ายประธานกรรมการอีก็จะแต่งงานกับลูกสาวของฉัน”

ไม่รู้สิครับ...”

ขณะนั้นมีข้อความหนึ่งฉบับเข้ามาที่โทรศัพท์มือถือของยองฮุน

ยองฮุนอ่านข้อความนั้นแล้วยิ้มกว้าง

มันคืออะไร”

ทันทีที่รองประธานใหญ่คังถามด้วยความสงสัย ยองฮุนก็เหลือบมองมันซองก่อนจะพูด

ต่อให้อยากทำข้อตกลง แต่มันก็พังไปแล้ว ดังนั้นกลับไปแล้วอย่าตำหนิลูกชายเลยนะครับ”

ว่าไงนะ”

ของถูกขายไปแล้วครับ”

วินาทีนั้นรองประธานใหญ่ใจร่วงไปอยู่ตาตุ่ม

ขายให้ใคร”

เดี๋ยวการเลือกตัวแทนพรรคเสร็จสิ้นแล้วก็ทราบเองครับ”

ยองฮุนพูดแบบนั้นแล้วลุกขึ้น แต่ก็หันหน้าไปหามันซองแล้วยิ้มเหมือนนึกบางอย่างขึ้นมาได้

ใครคือคนที่อยู่ได้นานเหรอครับ คุณ ผม หรือว่าคนอื่น? ผมอยากรู้จังเลยครับ”

คนอื่น...

รองประธานใหญ่คังไม่สามารถลบคำพูดนั้นออกจากสมองได้ ขณะมองด้านหลังของยองฮุนที่เปิดประตูออกไป

 


[1] 1 เครื่องเคลือบสีเขียวหยกที่ทำขึ้นในสมัยโครยอ


 

บทที่ 267 ความขัดแย้งภายใน (5)

 

ก่อนหน้านี้ก็เคยบอกไปแล้ว ผมไม่เปลี่ยนความคิดครับ”

จิตใจของชอนซึงโมไม่เปลี่ยนแปลง

ถึงรูปลักษณ์แสนงดงามของดาอึนและกลิ่นหอมที่ฟุ้งออกมาจากตัวเธอจะทำให้สมองมึนงง แต่เขาก็ยังกลัวว่าชีวิตทางการเมืองของพ่อจะด่างพร้อยเพราะตัวเอง

ที่ผ่านมาเขาได้เห็นและได้ยินอะไรมามากมายระหว่างใช้ชีวิตในสังคม

เขารู้ว่าโอซองกรุ๊ปจะเอาลูกชายของพ่อที่ไม่รู้ว่าจะได้เป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจริง ๆ หรือเปล่าอย่างตัวเองไปทำไม

ทำไมถึงต้องปฏิเสธขนาดนั้นด้วยล่ะคะ”

วันนี้เราเจอกันครั้งที่สองแล้วไม่ใช่เหรอครับ แล้วที่มาชวนผมแต่งงานนี่สมเหตุสมผลเหรอ โอเคครับ สมมติว่าเราแต่งงานกันแล้ว สมมติว่าพ่อผมได้เป็นประธานาธิบดี แล้วหลังจากพ่อหมดวาระล่ะครับ ตอนนั้นก็ค่อยหย่าได้ใช่ไหม วางแผนมาแบบนั้นเหรอครับ”

นํ้าเสียงของเขาเฉียบขาดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ความเป็นปฏิปักษ์พุ่งไปหาดาอึน ไม่ใช่เพราะเกลียดเธอ แต่เป็นเพราะกลไกการป้องกันตัวอย่างหนึ่งที่สร้างขึ้นโดยจิตใต้สำนึกว่าอาจจะถูกล่อลวงให้หลงกล

ในทางกลับกัน ดาอึนรู้สึกอึดอัด เพราะตอนนี้เหลือเวลาไม่มากแล้วแต่ผู้ชายคนนี้เอาแต่ตั้งกำแพงใส่ท่าเดียว ไม่คิดจะฟังคำพูดของเธอเลย

ไม่ว่าจะพูดอะไรก็เห็นได้ชัดว่าไม่คิดจะเชื่อ

ฉันไม่เคยคิดอย่างนั้นนะคะ”

หึ! คิดว่าผมเชื่อคำพูดนั้นเหรอครับ”

ดาอึนถอนหายใจเบา ๆ เมื่อเห็นเขายังตั้งกำแพงอยู่เหมือนเดิม

จากนั้นเธอจึงจับมือของเขาที่กำลังเกร็ง

ฟังฉันก่อนนะคะ”

ซึงโมสะดุ้งทันทีและทำตัวแข็งทื่อเหมือนสัตว์กินพืชที่โดนสัตว์ป่าข่มขู่

อยู่ ๆ หัวใจก็เริ่มเต้นแรงจนสับสนว่าควรจะเอามือออกหรือปล่อยไว้เฉย ๆ ดี

ท่าทางนั้นทำให้ดาอึนคิดว่าได้จังหวะเลยพูดต่อ

ฉันไม่ได้มาพบคุณด้วยความคิดแย่ ๆ แบบนั้นค่ะ ไม่ได้จะโกหกว่าตกหลุมรักคุณตั้งแต่แรกเห็นด้วย ยังไงฉันก็ต้องแต่งงานอยู่แล้ว และรู้ดีว่าไม่มีทางแต่งงานกับผู้ชายที่ตัวเองรักได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันควรทำยังไงคะ”

ครับ? ทำไมถึงถามผม...”

ตอนแรกพ่อสั่งให้แต่งงานกับผู้ชายอีกคนค่ะ ประธานกรรมการอีฮยองจุนชินยองไฟแนนเชียลกรุ๊ป รู้จักใช่ไหมคะ”

รู้จัก...”

ไม่มีทางไม่รู้จักอยู่แล้ว

ในประเทศเกาหลี ทุกคนต้องมีบัญชีธนาคารชินยองอย่างน้อยหนึ่งบัญชีดังนั้นไม่มีทางไม่รู้จักหรอก

ยิ่งไปกว่านั้น ความขัดแย้งเรื่องสิทธิ์การบริหารที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ก็ค่อนข้างโด่งดัง เขาเองก็มีความสนใจในเรื่องเศรษฐกิจมากจนตามอ่านข่าวทั้งหมดเกี่ยวกับประเด็นนี้อย่างละเอียด

พ่อบอกว่าแต่งงานกับผู้ชายคนนั้นสิ แต่ว่าเขามีแฟนแล้วค่ะ มีผู้หญิงที่ตัวเองรักอยู่แล้ว ถึงอย่างนั้นก็ยังสั่งให้ฉันแต่งงานกับเขาอยู่ดีค่ะ”

นี่เป็นเรื่องที่ไม่เมกเซนส์เลยไม่ใช่เหรอครับ”

อยู่ ๆ ซึงโมก็ขึ้นเสียง ในช่วงเวลาสั้น ๆ นั้น เขาอินไปกับสถานการณ์ของเธอ ตั้งแต่วินาทีที่สัมผัสมืออันนุ่มนวลและอบอุ่นของเธอ สมองเขาก็ไม่อาจทำงานได้อย่างที่ควรราวกับเป็นเครื่องจักรที่พังแล้ว เพราะเส้นประสาททั้งร่างกายจดจ่ออยู่ที่มือหมด

ใช่ค่ะ มันไม่เมกเซนส์ แต่ก็ต้องทำแบบนั้นเพราะเป็นคอมมอนเซนส์ฉันเลยไม่อยากทำเลยมาหาคุณค่ะ”

มา...หาผมเหรอครับ”

ค่ะ เพราะคุณสามารถช่วยฉันได้”

ผม ผมเนี่ยนะครับ”

ค่ะ ถ้าต้องแต่งงาน ฉันก็อยากเลือกผู้ชายด้วยตัวเอง แล้วคบกันหวานชื่นกับผู้ชายคนนั้นเหมือนคนอื่น ๆ เขา จากนั้นก็แต่งงานค่ะ แต่ถ้าเลือกผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้มา แน่นอนว่าพ่อจะต้องไม่โอเค ดังนั้นเลยต้องเป็นผู้ชายที่พ่อฉันจะไม่ปฏิเสธเข้าใจคำพูดของฉันไหมคะ”

แม้ว่าเรื่องราวจะดำเนินไปอย่างประหลาด แต่ซึงโมก็พยักหน้าราวกับโดนนัยน์ตาฉํ่าวาวของดาอึนสะกดจิต

ครับ...”

ฉันไม่ได้อยากได้หรือหวังอะไรจากคุณพ่อของคุณซึงโมเลยค่ะ ถึงคุณพ่อจะเล่นการเมือง ฉันก็ไม่เคยคิดจะไปวุ่นวายเลยสักนิด”

จริงเหรอครับ”

แน่นอนค่ะ กลับกันแล้ว คุณพ่ออาจจะถูกใจฉันมากกว่ามั้งคะ เพราะท่านน่าจะคิดว่าจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างโอซองกรุ๊ปในการบริหารประเทศ”

ซึงโมพยายามจะหาช่องโหว่ในคำพูดของเธอ แต่มือของเธอที่จับมือเขาไว้ก็ทำให้เข้าใจอาการที่คนอื่นเรียกว่าสมองขาวโพลน

และในที่สุดเขาก็พยายามโน้มน้าวตัวเองว่าคำพูดของเธอเป็นความจริง

งะ...งั้นเหรอครับ”

ดาอึนกำลังชื่นชมคำแนะนำของมินฮีในใจ เมื่อเห็นเขาถามกลับอย่างโง่ ๆด้วยใบหน้าแดงกํ่า

แค่จับมือกันครั้งเดียวเอง คนเราก็เปลี่ยนไปขนาดนี้...

เชื่อฉันเถอะค่ะ ฉันมีข้อบกพร่องเยอะแยะไป ดื้อนิดหน่อย ซุ่มซ่ามจนผิดพลาดบ่อย ๆ แต่ฉันจะไม่โกหกค่ะ จะไม่มีเรื่องปิดบังคุณ ฉันไม่ได้จะบังคับให้แต่งงานตอนนี้หรอกนะคะ เพราะฉันยังไม่รู้จักคุณ คุณก็ยังไม่รู้จักฉันเหมือนกัน ค่อย ๆ ทำความรู้จักกัน เหมือนคนอื่น ๆ เพราะฉะนั้น...คบกับฉันนะคะ หืม?”

ซึงโมกลืนนํ้าลายดังเอื๊อก

เขาพยักหน้าราวกับถูกครอบงำด้วยกลิ่นที่อบอวลอยู่ตรงปลายจมูก ดวงตาสดใส และสัมผัสอันนุ่มนวลของมือเธอ

ดะ...ได้ครับ”

ดาอึนยิ้มอย่างพึงพอใจ

ตอนแรกเธอแค่คิดว่าเขาขี้เหร่ แต่พอลองพูดประโยคที่วางแผนไว้ตั้งแต่ก่อนมาเจอกัน น่าแปลกที่รู้สึกว่าผู้ชายตรงหน้าดูน่ารักขึ้นนิดหน่อย (?)

 

คนที่ส่งข้อความมาหายองฮุนคือคังแดซอง เนื้อหาเป็นรูปภาพและข้อความหนึ่งบรรทัด

รูปถ่ายที่มีมือของคนสองคนที่ไม่รู้ว่าใครกำลังประสานกันอยู่

และด้านล่างเขียนไว้ว่า [จ่ายให้ สส.ชอนโบยุนเรียบร้อยแล้วครับ]

ค่าตอบแทนที่ให้ สส.ชอนโบยุนเหมือนกับเงินมัดจำ และวางแผนจะขอส่วนที่เหลือหลังสิ้นสุดการเลือกตั้งประธานาธิบดี

อย่างไรก็ตาม ในเมื่อจ่ายเงินมัดจำเรียบร้อยก็ไม่มีเหตุผลจะต้องพูดคุยกับรองประธานใหญ่คังแจชิก ยองฮุนจึงสามารถออกมาจากตรงนั้นได้อย่างไม่ลังเล

พ่อพูดว่ายังไงบ้างครับ”

ร้านปลาดิบในเกาะแดบูโดที่มีท้องฟ้าสีแดงเป็นพื้นหลังราวกับภาพวาดยองฮุนชมวิวทิวทัศน์อยู่สักพักโดยไม่ได้ตอบคำถามของแดซอง

แม้คำถามของตัวเองจะถูกมองข้าม แดซองก็พูดอะไรไม่ได้และกระดกแต่เครื่องดื่มอย่างเดียว

ถึงในชีวิตจะไม่เคยเจอใครที่กล้าเมินตัวเองแบบนี้ยกเว้นครอบครัว แต่บรรยากาศประหลาด ๆ ที่ฟุ้งออกมาจากอีกฝ่ายก็ทำให้จิตใจเขาสงบลง

ผ่านไปไม่นาน ยองฮุนก็อ้าปากพูด

ไม่ได้พูดอะไรมากครับ”

ครับ? ไม่ได้พูดอะไรเหรอครับ”

พยายามต่อราคา แต่ประธานคังมันซองเข้ามาแทรกแซงจนดีลพังครับ”

พังได้ยังไงครับ”

เขาตำหนิผมต่อหน้าครับ”

อ๋อ...”

แดซองไม่เข้าใจ แต่ก็แกล้งทำเป็นเข้าใจไปก่อน

การตำหนิใครบางคนทำให้ข้อตกลงถูกระงับ

เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้สำหรับพวกเขาที่ต้องรักษาตำแหน่งผู้นำไว้เสมอ แต่ไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดกรณีกลับกันขึ้น

แถมตรงนั้นยังมีพ่ออยู่ด้วย...

มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ”

เปล่าครับ ว่าแต่ถ้าเกิดผมจ่ายเงินมัดจำไม่ได้ล่ะครับ”

ยองฮุนฉีกยิ้ม

เข้าใจผิดแล้วครับ ทำไมถึงคิดว่าผมต้องทำข้อตกลงกับโอซองล่ะ ถ้าผมเป็นเจ้าของคนเดียว เรื่องก็จบแค่นั้นนะ”

ยังมีปัญหาของชินยองไฟแนนเชียลด้วยไม่ใช่เหรอครับ อย่าคิดว่าพวกเราแค่ขู่ให้กลัวพอประมาณก็จบสิครับ”

ถ้านั่นเป็นเรื่องง่าย ทำไมพ่อคุณถึงพยายามจะทำข้อตกลงกับผมล่ะครับถ้าคิดจะกดดันผมจริง ๆ อย่างน้อยก็ไม่น่าขอพบเป็นครั้งที่สอง พวกคุณควรตัดธุรกรรมกับชินยองเลยแล้วค่อยเรียกไปที่โรงแรมของโอซองครับ เพราะฉะนั้นตั้งแต่การนัดพบครั้งที่สอง ก็เป็นการเจรจาที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อรองประธานใหญ่แล้วครับ”

เหอะ...ถ้าหากเป็นอย่างนั้นจริง ๆ คุณจะทำยังไงครับ”

ถ้าเป็นอย่างนั้น ผมคงจะไม่เรียกราคาของ สส.ชอนโบยุนแพงนักเขาว่ากันว่าให้หลีกเลี่ยงฝนไล่ช้าง ถ้ากลุ่มโอซองยอมรับความเสี่ยงขนาดนั้นก็สมควรจะยอมถอยครับ อาจจะไม่ได้ถึงขั้นฟรี แต่ในมุมมองของโอซองก็คงจะไม่ใช่ข้อตกลงที่ขาดทุนอะไรมาก...แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำแบบนั้นนี่ครับไม่สิ ทำไม่ได้หรือเปล่า”

“...”

ยองฮุนพูดอย่างไม่ใส่ใจพลางคีบซาชิมิปลาตาเดียวจิ้มลงในซอสโชจัง[1]

ท่าทางสบายใจนั้นทำเอาแดซองพูดอะไรไม่ออก

ใจจริงอยากจะดื่มโซจูสักแก้ว แต่เพราะมาคนเดียวโดยไม่มีคนขับรถจึงกระดกแต่เครื่องดื่มธรรมดา

บางทีรองประธานใหญ่คังอาจจะสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของคุณครับ”

แน่ใจเหรอครับ”

โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอนครับ อย่านั่งเฉย ๆ แล้วพยายามจะหาความจริงจากทุกอย่าง ถ้าเป็นอย่างนั้น หูคุณจะเบา ตาคุณก็จะเบลอครับ”

เฮ้อ...คุณพูดเหมือนนักพรตเลย”

มีนักพรตที่ชอบปลาดิบเหมือนผมอีกไหมล่ะครับ”

แดซองมองยองฮุนคีบปลาดิบกินเงียบ ๆ ก่อนจะพูด

ในเมื่อข้อตกลงพังแล้ว พ่อคงจะทำทุกวิถีทางให้ประธานพรรคมินกูซังชนะการเลือกตั้งครับ”

อาจจะใช่หรือไม่ใช่ แต่สมมติว่าคุณพูดถูก แล้วยังไงครับ”

บางทีพี่อาจจะสงสัยผม ดังนั้นในอนาคตผมอาจส่งข้อมูลสำคัญไปให้สส.ชอนโบยุนไม่ได้ครับ”

ก็เอาตามนั้นครับ”

ทันทีที่ยองฮุนพยักหน้าอย่างคูล ๆ แดซองก็ถามด้วยสีหน้าสับสน

ไม่กังวลเหรอครับ”

คนที่ควรกังวลไม่ใช่ผม แต่เป็น สส.ชอนโบยุนต่างหากครับ จะว่าไปผมก็ไม่ได้มาเพื่อให้คำปรึกษาปัญหาของคุณ”

ถ้าอย่างนั้น?”

มาฟังกันดีกว่าว่าคุณเล็งอะไรอยู่ อยากได้อะไรครับ”

แดซองกลืนนํ้าลายดังเอื๊อก

ทำไมถึงถามเรื่องนั้นล่ะครับ”

ผมต้องรู้เรื่องนั้นก่อนถึงจะก้าวไปพร้อมกันได้ไม่ใช่เหรอครับ คุณต้องจ่ายเงินที่เหลือ ผมก็ต้องรู้ก่อนว่าในกระเป๋ามีเงินเท่าไหร่ จะได้ตัดสินใจว่าจะขอเงินหรือจะบอกให้ขายบ้านดี”

รู้สึกเหมือนเจอเจ้าหนี้เลยแฮะ”

ปกติลูกหนี้ส่วนใหญ่ไม่ได้อยากเป็นหนี้ครับ แต่สถานการณ์บีบให้ต้องเป็นแบบนั้น”

เหมือนเคยติดหนี้มาเยอะนะครับ”

คล้าย ๆ แต่ผิดครับ เพราะผมเคยทวงหนี้มาเยอะต่างหาก ค่อนข้างเก่งด้วยนะ เพราะฉะนั้นครั้งนี้ผมเลยมั่นใจครับ”

หึ! จะบ้าตาย...โอเคครับ ผมต้องการเคมี การจัดจำหน่าย ไฟฟ้าประกันชีวิต ประกันภัย หลักทรัพย์ ประมาณนี้ครับ”

บริษัทในเครือที่แข็งแกร่งมากหกแห่ง

ยองฮุนรู้ว่าบริษัทในเครือเหล่านั้น ไม่มีบริษัทไหนมีมูลค่าตลาดตํ่ากว่าหนึ่งล้านล้านวอน

แค่นั้นเหรอครับ”

แค่นี้ก็พอใจแล้วครับ”

ยองฮุนเกาหน้าทั้งสีหน้าเคร่งเครียด

อย่างนั้นสินะครับ”

ครับ”

แน่นอนว่าความคิดของพี่ชายคุณคงแตกต่างใช่ไหมครับ”

บางทีบริษัทในเครือแค่แห่งเดียวก็อาจจะไม่อยากยกให้ผมก็ได้ครับแต่เพราะมีสายตาของพ่อมองอยู่ ผมคิดว่าถ้าเป็นโรงพยาบาลโอซองเจอิลหรือมูลนิธิโอซอง พี่อาจจะอนุมัติครับ”

น้อยกว่าบริษัทในเครือที่พูดถึงก่อนหน้านี้เยอะเลยสินะครับ”

ถึงจะไม่เพียงพอ แต่ต้องมีไว้ครับ ถึงจะไม่โดนปฏิบัติเหมือนกากเดนภายในโอซองกรุ๊ป”

พอเห็นสายตาเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็รู้สึกได้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาคงจะมีเรื่องที่สะสมไว้ในใจเพราะพี่ชาย

อย่างไรก็ตาม ยองฮุนไม่พอใจกับการตัดสินใจของแดซอง

คุณจะให้อะไรน้องสาวครับ ระหว่างเคมี การจัดจำหน่าย ไฟฟ้าประกันชีวิต ประกันภัย หลักทรัพย์”

คิดจะให้การจัดจำหน่าย เพราะแค่ร้านปลอดภาษีของที่นั่นแค่อย่างเดียวก็สามารถใช้ชีวิตเป็นคุณนายไปตลอดชีวิตได้แล้วครับ”

ถ้างั้นแปลว่าคุณจะเอาห้าแห่งที่เหลือออกมาแยกบริษัทในเครือ แล้วเปลี่ยนชื่อบริษัทด้วยใช่ไหมครับ”

ถ้าทำได้นะครับ ช่วยผมได้ไหมครับ”

กำลังพูดถึงอะไรอยู่ครับ คิดว่าผมไม่รู้ว่าโครงสร้างการลงทุนหมุนเวียนของบริษัทในเครือโอซองกรุ๊ปซับซ้อนแค่ไหนเหรอครับ ผมจะแตะต้องได้ยังไง”

ถ้าอย่างนั้น?”

คุณต้องทำให้พ่อของคุณตัดสินใจ ตัดสินใจเลือกคุณแทนพี่ชายครับ”

แดซองอ้าปากค้าง

เหลวไหลสิ้นดี! เหอะ...ผมเหมือนคนโง่ใช่ไหม ไม่น่าเชื่อคุณเลย...”

“...”

พ่อเป็นคนยังไง พอฟังคุณพูดแล้วจะยอมแบ่งบริษัทในเครือให้หรือไงครับ เห็นพ่อผมเป็นคนอ่อนโยนขนาดนั้นเลยเหรอ พอพ่อยอมแพ้ให้คุณหลายครั้งเลยเหมือนดูเป็นหุ่นไล่กาเหรอครับ”

เขาว่ากันว่าถึงปากจะเบี้ยวก็ต้องพูดให้ถูกต้อง ไม่ได้ยอมแพ้ครับ แต่พ่ายแพ้ต่างหาก...”

ยังไงก็แล้วแต่! มันเป็นคำพูดที่ไร้สาระมากครับ! ถ้าเป็นแบบนี้ผมคงเชื่อคุณไม่ได้แล้ว นี่เป็นแผนที่ผิดมาตั้งแต่แรกครับ เหอะ...เหลวไหลชะมัด”

ดูเหมือนกำลังเข้าใจอะไรผิดนะ ผมไม่คิดจะกดดันรองประธานใหญ่คังแจชิกให้ยกบริษัทในเครือไม่กี่แห่งให้คุณครับ”

นี่เสียงหมาเห่าอะไรอีก...

ว่าไงนะ เท่ากับที่ผ่านมาคุณโกหกผมเหรอ”

ฟังให้จบก่อนสิครับ อย่าเพิ่งหัวร้อน”

ทันทีที่ยองฮุนขมวดคิ้วตำหนิ แดซองก็สะดุ้งและสงบสติอารมณ์

เดี๋ยว ฮู่...โอเคครับ ผมอารมณ์ร้อนเอง ต่อเลยครับ”

ผมไม่ได้สนใจบริษัทในเครือที่คุณกล่าวมาครับ ถ้าคุณได้มันไปก็ดีกับคุณแต่สำหรับพวกผมไม่ใช่...”

ถ้างั้น?”

ถ้าคิดจะเอาก็ควรจะเอาโอซองอิเล็กทรอนิกส์มาสิครับ ถ้าไม่ใช่โอซองอิเล็กทรอนิกส์ ผมก็ไม่สนใจ”

พูดเรื่องเหลวไหลอะไรกัน...”

ถ้าคุณกลายเป็นผู้สืบทอด เรื่องนี้ก็เป็นไปได้ไม่ใช่เหรอครับ แล้วก็โอนบริษัทในเครือไม่กี่แห่งให้พี่ชายแทน”

แดซองตกใจมากจนสะอึกออกมาไม่รู้ตัว

 


[1]  ซอสโชจัง หรือซอสโชโคชูจัง คือนํ้าจิ้มพริกเกาหลีที่มีรสชาติเปรี้ยวอมเผ็ด มักใช้จิ้มกับอาหารทะเลและผักลวก


 

บทที่ 268 ม้ามืด (1)

 

พ่อ ผมทนดูเฉย  ไม่ได้ครับ”

ในช่วงสาย ๆ หลังจากพูดคุยกับประธานโอซองเคมิคอลเสร็จสิ้น คังมันซองก็มาหาพ่อแล้วแสดงความไม่พอใจ

หมายถึงอะไร”

ชเวยองฮุนน่ะครับ คิดจะปล่อยคนที่ล่วงเกินพ่อต่อหน้าแบบนั้นไปเฉย ๆเหรอครับ”

รองประธานใหญ่คังแจชิกฉีกยิ้มก่อนจะตอบ

พูดขึ้นมาก็ดี ฉันไม่ปล่อยไอ้เด็กที่มันทำพฤติกรรมแบบนั้นต่อหน้าฉันไปเฉย ๆ อยู่แล้ว แกคิดจะทำยังไงล่ะ”

ผมรู้มาว่าการที่เอชเอสกรุ๊ปซื้อกิจการแฮจูชิปบิลดิ้งแอนด์มารีนค่อนข้างเกินกำลังมากครับ แถมได้อู่ต่อเรือกุนซานมาอย่างเกินพอดีอีก ถ้าใช้อำนาจทางการเมืองเล่นงานนิดหน่อย...”

แค่นั้นน่ะเหรอ”

ทันทีที่สายตาของพ่อฉายแววตำหนิ มันซองก็กัดริมฝีปากแล้วประท้วง

ถ้าปล่อยไว้อย่างนั้น โอซองกรุ๊ปจะกลายเป็นตัวตลกนะครับ”

ถ้าจะไม่ให้คิดว่าเราเป็นตัวตลก แค่กดหัวมันลงไปก็พอไม่ใช่รึไงไม่จำเป็นต้องใช้อำนาจทางการเมืองเลย เอชเอสคอนสตรัคชั่นกำลังจะได้ออร์เดอร์สนามบินใหม่ที่อินเดียอีกรอบ ถ้าโอซองคอนสตรัคชั่นแย่งมันมาล่ะ จะเป็นยังไง”

เรื่องนั้น...”

คงไม่ได้ละสิ แกคิดว่าไม่ใช่แค่งานก่อสร้างธรรมดา แต่เป็นการรับงานผ่าน PM เราจะคว้ามาได้ยังไงใช่ไหม”

“...”

มันซองไม่มีอะไรจะพูด

โอซองคอนสตรัคชั่นยังไม่เคยเซ็นสัญญา PM ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ต่อให้ความสามารถในการก่อสร้างของโอซองคอนสตรัคชั่นเป็นที่ยอมรับในต่างประเทศ แต่ก็แค่นั้น และตระหนักดีว่า PM เป็นขอบเขตที่ไม่สามารถข้ามไปได้

สิ่งที่ทำลายทัศนคตินั้นคือ ออร์เดอร์สนามบินใหม่ที่อินเดียของอูมยองคอนสตรัคชั่นกับเอชเอสคอนสตรัคชั่นเมื่อปีที่แล้ว เหตุการณ์นั้นสร้างความตกตะลึงให้โอซองคอนสตรัคชั่นพอสมควร

งั้นโอซองเฮฟวี่อินดัสทรีส์ล่ะ กาตาร์จะสั่งเรือขนส่ง LNG เพิ่มเร็ว ๆ นี้ปริมาณหกสิบลำ เราจะได้รับมากกว่าแฮจูชิปบิลดิ้งแอนด์มารีนหรือเปล่า”

แฮจูชิปบิลดิ้งแอนด์มารีนได้อู่ต่อเรือกุนซานมาเพิ่ม ท่าจอดเรือของพวกเขาเลยเยอะกว่าโอซองเฮฟวี่อินดัสทรีส์ครับ”

ถึงกาตาร์บอกว่าจะสั่งเรือขนส่ง LNG กว่าร้อยลำ แต่ก็ไม่ได้สั่งภายในครั้งเดียว

เรียกว่าเป็นแนวคิดที่ให้ความสำคัญกับท่าจอดเรือของบริษัทต่อเรือแต่ละแห่ง โดยรับประกันปริมาณไว้ล่วงหน้า และภายใต้สมมติฐานที่ว่าความเก่งกาจทางเทคโนโลยีเท่ากัน อาจกล่าวได้ว่าใครจะได้รับออร์เดอร์มากที่สุดก็ขึ้นอยู่กับขนาดของอู่ต่อเรือ

ถ้างั้นก็ยากเหมือนกันสินะ โรงแรมจะชนะได้หรือเปล่า”

“...ขอโทษครับ”

มันซองก้มศีรษะลง

ไม่ใช่ให้นักการเมืองเคลื่อนไหว แต่สั่งให้พุ่งชนด้วยความสามารถและทำลายมัน

มันซองรู้สึกเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรม

เพราะกำลังหลักของโอซองคือโอซองอิเล็กทรอนิกส์ แต่กำลังหลักของเอชเอสกรุ๊ปไม่ใช่อิเล็กทรอนิกส์

ถ้าปะทะในสาขาที่ทำได้ดีที่สุดก็คงทำให้แตกเป็นเสี่ยงได้แน่นอน แต่กลับโดนด่าเพราะการก่อสร้างสนามบินที่ไม่ค่อยได้ทำ เขาคิดว่านี่คือเรื่องที่ไม่เป็นธรรมอย่างแท้จริง

ถ้านักการเมืองสองสามคนเคลื่อนไหวอย่างที่แกบอก ก็อาจจะสร้างความลำบากได้ แต่แค่พูดว่าขอบคุณสำหรับการทำงานหนักกับคนที่เคลื่อนไหวให้แล้วก็จบเรื่องหรือไง ขนาดจ้างทาสยังต้องจ่ายค่าจ้าง แล้วคิดจะจ้างนักการเมือง แต่ไม่เคยลองคำนวณเลยเหรอว่าควรจ่ายท่าไหร่”

“...”

แล้วแกจะสั่งข้าราชการพวกนั้นมาทำลายเอชเอสกรุ๊ปได้หรือไง ไม่ใช่แค่ทำให้รำคาญนิดหน่อยเหรอ”

ขอโทษครับ ผมคิดน้อยเอง”

อย่างอื่นไม่จำเป็นเลย ถ้าทำให้มินกูซังชนะการแข่งขัน แค่นั้นก็เอาคืนได้อย่างเหมาะสมแล้ว จะเป็นอย่างนั้นได้ไหม”

เรากำลังพยายามอย่างสุดความสามารถครับ”

ในที่นี้มีคนไม่ทำสุดความสามารถด้วยหรือไง ช่างเถอะ แล้วจะทำยังไงบ้าง”

อย่างแรกคือการเคลื่อนไหวของสื่อครับ โดยเน้นไปที่ความสำเร็จของประธานพรรคมินกูซัง...”

มันซองรายงานข้อมูลที่เตรียมไว้ล่วงหน้า

ไม่เพียงแต่บริษัทหนังสือพิมพ์แต่ละแห่งจะนำเสนอประธานพรรคมินกูซังอย่างพร้อมเพรียงกันเท่านั้น แต่ยังพยายามจะเพิ่มร่างกฎหมายที่เสนอในช่วงเวลาที่ผ่านมา รวมถึงประวัติส่วนตัวด้วย

และวางแผนจะขยายข้อสงสัยของ สส.ชอนโบยุน ให้เป็นการปะทะระหว่างความดีกับความชั่ว

ไม่ใช่เพียงแค่นั้น

เป้าหมายคือการสนับสนุนกลุ่มสมาชิกของประธานพรรคมินกูซังอย่างลับ ๆ เสนอนโยบายที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจและอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นที่สนใจของประชาชนในกระบวนการเลือกตั้ง พร้อมกับส่งเสริมประธานพรรคมินกูซังอย่างต่อเนื่องในฐานะประธานาธิบดีที่เข้าใจความเป็นอยู่ของประชาชน

ถึงจะได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว สีหน้าเคร่งเครียดของรองประธานใหญ่คังแจชิกก็ยังไม่ผ่อนคลาย

ความคิดไม่เลว แต่ยังไม่มีอะไรโดนใจได้มากพอจนรู้สึกว่า ‘นี่แหละ’

โอเค แล้วจะเอายังไงกับดาอึนล่ะ”

เรื่องของดาอึนที่โผล่มาอย่างไม่ทันตั้งตัวทำให้มันซองสับสน

ครับ? เรื่องนั้นผมก็ไม่...”

แกไม่รู้เหรอว่าที่สถานการณ์มาถึงตรงนี้เป็นเพราะการแต่งงานของดาอึนความสัมพันธ์กับเอชเอสกรุ๊ปแตกหักไปแล้ว ทีนี้ก็ต้องส่งดาอึนไปหาประธานกรรมการชินยองไฟแนนเชียลไม่ใช่หรือไง!”

คังมันซองตั้งสติขึ้นมาได้ทันที

ผมจะแจ้งชินยองไฟแนนเชียลว่าเราจะระงับการทำธุรกรรมก่อนครับและถ้าบอกว่าในอนาคตจะทำธุรกรรมทั้งหมดกับที่อื่นที่ไม่ใช่ธนาคารชินยองคงจะรีบวิ่งตาลีตาเหลือกมาหาครับ”

เริ่มขยับจากสื่อก่อน”

ครับ ผมจะเรียกนักข่าวมานำเสนอข่าวว่าชินยองไฟแนนเชียลมีความขัดแย้งเรื่องสิทธิ์การบริหาร จนทำให้ความน่าเชื่อถือลดลงและอาจเกิดความขัดแย้งเรื่องสิทธิ์การบริหารได้ตลอดเวลา อีกอย่างเราจะศึกษาผลกระทบที่ชินยองไฟแนนเชียลต้องเผชิญเมื่อแยกกับโอซองกรุ๊ปผ่านสถาบันวิจัยเศรษฐศาสตร์โอซองครับ”

เยี่ยม น่าจะทำแบบนั้นตั้งนานแล้ว”

ผมจะดำเนินการทันทีครับ”

ควรจะเป็นอย่างนั้น เพราะเรามีเวลาไม่มาก”

ครับ? ต่อให้การเลือกตัวแทนพรรคเสร็จสิ้นแล้ว ก็ยังมีมากพอกว่าจะถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีไม่ใช่เหรอครับ”

รองประธานใหญ่คังแจชิกพูดขณะทอดสายตามองมันซอง

ไม่ใช่ ออกไปได้แล้ว”

มันซองตั้งใจจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่าง แต่ไม่นานก็ก้มศีรษะออกจากห้องรองประธานใหญ่

 

ไอ้พวกนี้มันประสาทมาก...”

รายงานของชเวยุนซอก กรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายสนับสนุนการบริหารทำเอาฮยองจุนถึงกับสบถด่า

นึกว่ามันจบแล้ว แต่สุดท้ายกลับออกมาแบบนี้...

เราต้องจัดการอะไรสักอย่างนะครับ กระทั่งพวกนักข่าวก็เคลื่อนไหวแล้ว สาขาฮวาซองที่มีโรงงานโอซองหนาแน่น มีการร้องขอการยกเลิกการโอนเงินอัตโนมัติตามภาคส่วนแล้ว ไม่น่าใช่แค่การบลัฟเฉย ๆ นะครับ”

ไม่ได้บลัฟหรอกครับ ถ้าทำเรื่องบ้า ๆ ซํ้าสองรอบก็ไม่ใช่แค่ปัญญาอ่อนคราวนี้คงจะตัดสินใจดับเครื่องชนเลย เฮ้อ...”

ฮยองจุนกุมศีรษะ

ควรจะจัดงานแต่งงานตอนนี้ทันทีเลยเหรอ

ไม่ใช่สิ

เรื่องนี้จะถูกใช้เป็นเครื่องมือสร้างความเกลียดชัง

ถ้าแต่งงานตรงนี้ เห็นได้ชัดว่าจะต้องติดอยู่กับความเกลียดชัง รวมถึงความไร้จิตสำนึก

ท่านประธานกรรมการ ไหน ๆ ก็มาถึงขนาดนี้แล้ว แค่เปลี่ยนความคิดดีไหมครับ”

หมายถึงจะให้ผมใส่รองเท้ายางกลับด้าน[1] เหรอครับ”

ถ้าโอซองหยุดแค่นี้ก็คงจะดี แต่อย่าลืมว่าอดีตรองประธานใหญ่อีเซจุนที่หายตัวไปยังไม่ได้ปรากฏตัวนะครับ ถ้าอดีตรองประธานใหญ่อีเซจุนกับโอซองร่วมมือกันขับไล่ท่านประธานกรรมการออก ก็จะง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือ”

พอชื่อของพ่อออกมา ฮยองจุนก็กลัวขึ้นมาทันที

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่กำลังจ้องเขม็งเล็งหาโอกาสอยู่ และถ้าร่วมมือกับโอซอง...

ไม่อยากจะคิดเลย

โอเคครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง”

จัดการเรื่องนี้ได้เหรอครับ”

ผมไม่ได้แค่พูดไปอย่างนั้น เดี๋ยวจัดการเองครับ”

รับทราบครับ ถ้างั้นขอตัว...”

หลังจากกรรมการผู้จัดการใหญ่ชเวยุนซอกที่ยังคงมีสีหน้ากังขาเดินออกจากห้องประธานกรรมการแล้ว ฮยองจุนก็กดโทร.ออกทันที

แน่นอนว่าปลายสายคือยองฮุน

ผมเห็นข่าวแล้วครับ คิดแล้วว่าต้องโทร.มา”

ยองฮุนไม่พูดคำว่า ‘ฮัลโหล’ ด้วยซํ้าเหมือนกำลังรอโทรศัพท์อยู่

ทำยังไงดี ถ้าฉันแต่งงานตอนนี้ คังแจชิกนั่นคงจับฉันกินไปเลยมั้ง”

ผมก็คิดแบบนั้นครับ”

อย่าพูดง่ายขนาดนั้นเพราะเป็นเรื่องของคนอื่นสิ...รีบจัดการเรื่องนี้ไม่ได้เหรอ”

ผมไม่ได้ล้อเล่น บอกเลยครับว่าจะแต่งงาน”

หา? นายเอาจริงเหรอ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย มินฮีเป็นเลขาฯของนายนะ!ทำอย่างนั้นกับเลขาฯตัวเองได้ไง”

แค่พูดแบบนั้นเฉย  ก็พอครับ ยังไงอีกไม่กี่วันฝั่งนั้นก็จะมาขอแต่งงานอีกรอบอยู่แล้ว”

หือ? จริงเหรอ”

ครับ พอจบการเลือกตัวแทนพรรคแล้วก็จะรู้ว่าผมหมายถึงอะไรอีกอย่างผมบอกคุณมินฮีไว้แล้ว ท่านประธานกรรมการแจ้งกับโอซองว่าจะลองคิดดูอีกทีนะครับ”

ถ้างั้นฉันจะเชื่อนาย ห้ามพลาดเด็ดขาดนะ”

ผมเคยพลาดด้วยเหรอครับ ทำเหมือนเพิ่งเคยเจอ...”

อะแฮ่ม...ฉันก็แค่พูดไปงั้น เอาเป็นว่าเข้าใจแล้ว”

พอวางสายแล้วฮยองจุนก็รู้สึกสบายใจขึ้น

แต่ไม่เข้าใจคำว่าเดี๋ยวโอซองจะมาขอแต่งงานอีกรอบเลยสักนิด

วางแผนอะไรเอาไว้ ถึงได้มั่นใจว่าโอซองจะยอมทิ้งชินยองไฟแนนเชียล

ความคิดในใจของคนที่ไม่ต่างอะไรกับก็อบลิน[2] ยังเข้าใจยากอยู่เหมือนเดิม

 

[ยืนยัน ชอนโบยุนคือผู้เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรคสันติภาพก้าวหน้าคะแนนโหวต 52.4%]

รองประธานใหญ่คังแจชิกและคังมันซองมองหน้าของ สส.ชอนโบยุนที่ชูสองมือด้วยความดีใจก่อนจะปิดทีวี

ขอโทษครับ”

ในช่วงสองวันก่อนสิ้นสุดการเลือกตัวแทนพรรค คังมันซองหลับไม่ถึงสามชั่วโมงเลยด้วยซํ้า

แม้จะผลักดันประธานพรรคมินกูซังในหลาย ๆ ด้านขนาดนั้นแล้ว แต่ก็ไม่สามารถบั่นทอนแรงใจของชอนโบยุนได้

ในขณะเดียวกัน ร่างกฎหมายที่เสนอโดย สส.ชอนโบยุนก็ไม่มีปัญหาอะไร แถมเจ้าตัวยังหย่าขาดกับภรรยาที่ทำเรื่องทุจริตอย่างเด็ดขาด สร้างภาพลักษณ์ที่ใสสะอาดและยุติธรรม

ข่าวร้ายกลับกลายเป็นข่าวดี

นอกจากนี้ เนื่องจาก สส.ชอนโอบรับ สส.โดซูยอนเข้ามาสู่อ้อมแขนขณะเรียกร้องความยุติธรรมทางสังคมในพรรคฝ่ายค้าน ไม่ต่างกับการได้ครอบครองอาวุธลํ้าค่าสำหรับขยายฐานผู้สนับสนุนจากพรรคฝ่ายค้านไว้ในมือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม คะแนนความนิยมของ สส.ชอนจึงไม่ลดลงมากนัก

ไม่ว่าโอซองจะเป็นบริษัทใหญ่และบงการสื่อได้มากขนาดไหน แต่ตอนนี้เป็นยุคที่โซเชียลมีเดียตรวจสอบความจริงทุกอย่าง จึงเป็นเรื่องยากในการควบคุมความเห็นประชาชน

พ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์แบบ

คังมันซองทำอะไรไม่ได้นอกจากเศร้าโศกเสียใจ

เขาเคยหัวเราะเยาะแดซองที่ทำตัวเอื่อยเฉื่อย และเลือกนั่งตรงนี้เพื่อสนับสนุนประธานพรรคมินกูซัง แต่นั่นกลับกลายเป็นยาพิษ

ฮู่...ช่างเถอะ ประธานกรรมการอีฮยองจุนล่ะ”

สัปดาห์หน้าผมจะหาเวลาไปเจอกับดาอึนครับ”

ผู้หญิงที่กำลังคบอยู่ล่ะ”

เขาบอกว่าจะจัดการให้เรียบร้อยก่อนเวลานั้นครับ”

ตอนนั้นถึงมีรอยยิ้มจาง ๆ ติดอยู่ตรงมุมปากของรองประธานใหญ่คัง

ตอนฉันยังเป็นเด็ก แถวบ้านมีเด็กชื่อชอลยงอยู่ ตัวใหญ่และหมัดหนักมาก ทำเรื่องไม่ดีเป็นประจำ มีอยู่วันหนึ่งฉันโดนมันขโมยเงิน ฉันเลยฟ้องครูเพราะรู้สึกไม่ยุติธรรม คิดว่าจะเป็นยังไงต่อ”

คิดว่าน่าจะโดนจัดหนักว่าเดิมครับ”

ใช่ ครูสั่งสอนมันแค่ไม่กี่คำ แต่คำไม่กี่คำจะเปลี่ยนคนได้ยังไง ฉันโดนมันต่อยอย่างแรง ยังจำตอนนั้นได้แม่นอยู่เลย แกคิดว่าฉันจะทำยังไง”

พ่อคงไม่น่าอยู่เฉย ๆ ครับ”

ใช่ ฉันไม่ได้อยู่เฉย ๆ แต่คราวนี้ฉันไม่ได้ยืมพลังของผู้ใหญ่ ตอนนั้นฉันรวบรวมเงินค่าขนมที่ได้จากพ่อแล้วไปหานักเลงแถวบ้าน ขอให้เขาช่วยจัดการชอลยงจนไม่กล้ามาต่อยฉันอีก”

ชัดเจนจนไม่จำเป็นต้องดูต่อเลยนะครับเนี่ย”

หึ ๆ...พอนึกถึงตอนนั้นแล้วยังตื่นเต้นอยู่เลย หลังจากนั้นไอ้ชอลยงก็ไม่กล้าสบตาฉัน นี่แหละมนุษย์ การตักเตือนและการโน้มน้าวพอประมาณในทางกลับกัน ก็มักจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง บางทีไม้กระบองแข็ง ๆก็เป็นคำตอบ”

พอประธานกรรมการอีฮยองจุนถือไม้กระบองแบบนี้เหมือนกัน ผมก็ขยับไม่ได้เลย สุดท้ายก็กลับมาอย่างหมดสภาพครับ”

ไม่หรอก ชเวยองฮุนต่างหากที่ทำให้เขามาได้ไกล เพราะฉะนั้นถึงได้สุดยอดไง การเปลี่ยนแปลงจิตใจของมนุษย์อย่างสิ้นเชิง ถ้าไม่มีจิตใจที่ลึกซึ้งคารมคมคาย และสายตาที่ใช้มองผู้คน ก็คงไม่มีทางทำได้แน่นอน”

ผมจะจำให้ขึ้นใจครับ”

อืม ถ้างั้น...”

จังหวะที่รองประธานใหญ่คังแจชิกกำลังพูดบางอย่าง กลับได้ยินเสียงเคาะก๊อก ๆ ข้างนอกก่อนประตูจะเปิดออก

ขออนุญาตสักครู่ครับ”

อืม”

หัวหน้าฝ่ายเลขาฯรีบเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมกับยื่นโทรศัพท์มือถือให้

สำนักข่าวที่ชื่อดาสแพตช์ลงข่าวความรักของคุณดาอึนเมื่อสิบนาทีที่แล้วครับ ท่านรองฯควรจะลองอ่านดู”

[ลูกสาวโอซองกรุ๊ป แอบมีความสัมพันธ์กับลูกชายของผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี]

พอเห็นหัวข้อข่าวในโทรศัพท์มือถือจากข้าง ๆ มันซองก็รู้สึกเหมือนโดนนํ้าเย็นสาดใส่

ไอ้พวกบ้าเอ๊ย...นี่! บอกให้มันหยุดเดี๋ยวนี้ สั่งว่าห้ามโพสต์เด็ดขาด!”

คือ...ตอนนี้ติดต่อทางดาสแพตช์ไม่ได้เลยครับ ผมส่งพนักงานไปที่ออฟฟิศอย่างเร่งด่วนแล้ว แต่ถ้าตัดสินใจแล้วว่าจะลงข่าวแบบนี้ บางทีอาจจะไม่มีคนอยู่ที่ออฟฟิศสักพักครับ”

มันซองหันไปหารองประธานใหญ่คังแจชิก

พ่อ ดาอึนวางแผนไว้เหรอครับ ต้องรีบไปหาดาอึนเดี๋ยวนี้...”

ไปหาแล้วยังไง”

ครับ?”

จีบลูกชายของชอนโบยุนแล้วถ่ายรูปมาปล่อยขนาดนี้ ถ้าเจอตัวแล้วจะทำยังไงต่อ จะขู่ลูกชายชอนโบยุนให้เลิกหรือไง”

“...”

ถ้าดาอึนกลับมา เดี๋ยวคงต้องลองคุย ว่าคิดอะไรอยู่”

จะคิดอะไรล่ะครับ วางแผนเพื่อจะเอาอะไรสักอย่างไม่ใช่เหรอ”

พ่อตะโกนออกมา

ถ้าแค่อย่างเดียวก็ดี! ต้องลองฟังก่อนว่าต้องการกี่อย่าง ถึงตัดสินได้ว่าจะยอมให้แต่งหรือยอมเสียชื่อไม่ใช่หรือไง! จิ๊ ๆ ๆ...ขนาดของของแกยังรักษาไว้ดี ๆ ไม่ได้...ตอนน้องสาวแกทำเรื่องแบบนั้น แกมัวทำอะไรอยู่”

ความโกรธของพ่อทำให้มันซองกัดริมฝีปากและก้มศีรษะลง

 


[1]  ทิ้งคนที่กำลังคบหาอยู่ไปคบกับอีกคน

[2]  ก็อบลิน หรือโทแกบี ในเรื่องเล่าของคนเกาหลีคือภูตผี มีรูปร่างคล้ายยักษ์ สามารถให้พรแก่คนที่ทำความดีและมอบบทลงโทษให้แก่คนชั่ว


 

บทที่ 269 ม้ามืด (2)

 

ภายในปอร์เช่ คาเยนน์ ที่จอดอยู่ในลานจอดรถริมแม่นํ้าฮัน มีชายหญิงสองคนนั่งอยู่ด้วยสีหน้าหนักใจ

คังดาอึนที่นั่งประจำเบาะคนขับมองชอนซึงโมที่นั่งอยู่ข้าง ๆ อย่างสงสาร

จะโอเคจริง ๆ เหรอครับ”

ซึงโมทำหน้าไม่สบายใจและไม่อาจละสายตาจากข่าวในโทรศัพท์

ดาอึนลูบไหล่เขาและปลอบให้วางใจ

ไม่เป็นไรค่ะ มันจะโอเค”

พ่อคงจะลำบากมาก...”

ท่านรับรู้และอนุญาตแล้วนี่คะ ข่าวนี้บริษัทฉันเป็นคนส่งไปค่ะ”

จริงเหรอครับ”

แน่นอนค่ะ นี่เป็นขั้นแรก เรากำลังเตรียมขั้นตอนต่อไปกันอยู่ค่ะตอนนี้อาจจะมีคนสงสัยเกี่ยวกับคุณพ่อของคุณซึงโม แต่ยิ่งเวลาผ่านไป ความคิดเห็นของประชาชนจะกลับตาลปัตรค่ะ เชื่อฉันเถอะ”

โอซองกรุ๊ปอยากให้ผมเป็นลูกเขยใช่ไหมครับ”

พูดตามตรง ฉันเองก็ไม่รู้ว่าพ่อฉันคิดอะไรอยู่ค่ะ”

ไหนว่าเป็นข่าวจากโอซองกรุ๊ปไงครับ”

พูดให้ชัด ๆ คือเป็นข่าวที่พี่รองของฉันจัดการค่ะ ต่อจากนี้ไปฟังให้ดี ๆนะคะ คุณซึงโม”

ดาอึนจับมือเขาที่กำลังกังวลแน่น

จากนั้นก็มองตาเขานิ่ง ๆ แล้วพูดต่อ

ถ้าไม่ใช่นักข่าวที่ฉันแจ้งให้ทราบล่วงหน้า คุณไม่ควรให้สัมภาษณ์ใครทั้งนั้นค่ะ จนกว่าเราจะแต่งงานกัน นอกจากครอบครัวของคุณซึงโมแล้ว อย่าไว้ใจใคร”

ซึงโมกลืนนํ้าลายกับคำว่าแต่งงาน

คำว่าแต่งงานที่ออกมาจากปากของสาวสวยจากตระกูลมหาเศรษฐีนั้นสร้างผลกระทบต่อจิตใจยิ่งกว่าสิ่งล่อใจใด ๆ

ดะ...ได้ครับ ก่อนหน้านั้นผมอยากถามหนึ่งเรื่อง คุณมั่นใจไหมว่าจะไม่เสียใจหลังจากแต่งงานกับผม”

ถ้าคุณเป็นคนวิปริตหรือผู้ชายที่ใช้กำลัง ฉันก็คงเสียใจค่ะ”

ผมไม่ใช่คนแบบนั้นครับ”

ถ้างั้นก็โอเคค่ะ จะติดหรูก็ไม่เป็นไร จะโลภก็ไม่เป็นไร ตรงกันข้ามฉันหวังให้มันเป็นแบบนั้นค่ะ เพราะฉันไม่ค่อยชอบเวลาเห็นคนลำบากเรื่องเงิน”

“...”

ฉันจะจัดการกับปัญหาของพ่อเอง เพราะฉะนั้นอย่ากลัวและอย่าสร้างปัญหาค่ะ เข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหมคะ”

ซึงโมได้แต่พยักหน้ากับแรงกดดันจากเธอ

หลังจากทำให้เขาสบายใจแล้ว ดาอึนก็ส่งเขาลงแถว ๆ บ้านก่อนจะขับรถกลับบ้านตัวเอง ถึงจะตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว แต่ทันทีที่เจอมันซองรออยู่ในห้องนั่งเล่น หัวใจเธอก็เต้นแรงจนกลัวว่ามันจะหลุดออกมา

เพิ่งจะกลับมาหรือไง”

รอฉันอยู่เหรอ”

แหงสิ สร้างเรื่องไว้แบบนั้น ฉันก็ต้องรอเธออยู่แล้ว ช่วงนี้เธอกำลังทำอะไร วางแผนอะไรไว้”

พี่รองล่ะ”

ทำไม แดซองต้องคอยช่วยอยู่ข้าง ๆ หรือไง แต่ตอนนี้มันมาไม่ได้หรอกนะกำลังลงไปต่างจังหวัด เพราะโรงงานที่พยองแทกมีปัญหา”

แค่ถามเฉย ๆ ทำไมต้องโอเวอร์ด้วย”

การโต้เถียงของดาอึนทำให้มันซองต้องอดทนไม่ตบหน้าเธออย่างยากลำบาก

ถ้าหากผู้ชายที่เธอถ่ายรูปด้วยไม่ใช่ลูกชายของชอนโบยุนที่มีแนวโน้มสูงว่าจะได้เป็นประธานาธิบดี ไว้ค่อยตบสักทีก็ยังไม่สาย

งั้นเหรอ ไหนดูซิว่าเธอจะพูดอย่างนั้นต่อหน้าพ่อได้ไหม ตามมา”

ดาอึนกัดริมฝีปากและตามมันซองเข้าไปในห้องสมุดที่พ่ออยู่

รองประธานใหญ่คังแจชิกกำลังอ่านหนังสือเงียบ ๆ ถามขึ้นเมื่อเห็นดาอึนเปิดประตูเข้ามา

ไปไหนมา”

ไปเจอใครบางคนมานิดหน่อยค่ะ”

ลูกชายชอนโบยุน?”

ค่ะ”

นั่งลง”

ทันทีที่ดาอึนนั่งลงบนโซฟารับแขกกลางห้องหนังสือ รองประธานใหญ่คังก็ลุกเดินเข้ามาใกล้

พ่อนั่งประจำตำแหน่งสำคัญและจ้องตาราวกับจะอ่านความคิดของดาอึนก่อนจะถาม

ความคิดนี้ออกมาจากหัวใคร”

“...”

จะไม่บอกหรือไง”

ตอนหนูเรียนจบ ม.ต้น พ่อให้กระเป๋าชาแนลกับหนูเป็นของขวัญ จำได้ไหมคะ”

รองประธานใหญ่คังขมวดคิ้วกับคำถามที่ไม่มีปี่มีขลุ่ยของดาอึน

เพราะเหมือนจะเข้าใจว่าพูดเรื่องนั้นขึ้นมาทำไม

อืม จำได้สิ”

ถึงตอนนี้จะไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว แต่ตอนนั้นหนูมีความสุขมากที่ได้ของขวัญแพง ๆ ค่ะ แต่พ่อเอาของขวัญอันนั้นให้หนูแล้วก็พูดแบบนี้ จะกินจะนอน จะใส่อะไรก็ทำได้ทุกอย่างตามต้องการ แต่ห้ามสนใจบริษัทเด็ดขาดโอซองกรุ๊ปไม่ใช่ของหนู”

“...”

หนูยอมรับมัน เพราะหนูเป็นลูกสาว สมองก็ไม่ได้ดีเลิศอะไร หลังจากใช้ชีวิตอย่างมีความสุขจนเจอผู้ชายที่จะแต่งงานด้วย หนูก็คิดว่าหน้าที่ทั้งหมดของหนู คือการทำตัวเป็นประโยชน์กับโอซองกรุ๊ปบ้างค่ะ”

ถูกต้อง นั่นคือหน้าที่ของแก”

แต่การแต่งงานกับผู้ชายที่มีแฟนอยู่แล้ว เป็นเรื่องที่หนูยอมรับไม่ได้ค่ะสู้ส่งต่อให้ตระกูลอื่นยังจะดีซะกว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นหนูอาจจะยินยอม แต่ผู้ชายที่มีแฟนแล้วคนนั้น ประธานกรรมการอีฮยองจุน เขาชอบผู้หญิงคนนั้นมากเลยค่ะ หนูเองก็เป็นผู้หญิง อยากได้รับความรักบ้างเหมือนกัน เห็นได้ชัดมากเลยนะว่าหนูจะมีชีวิตยังไงถ้าเข้าไปแทรกระหว่างสองคนนั้น พ่ออยากส่งลูกสาวไปแต่งงานในที่แบบนั้นเหรอคะ”

ถ้างั้นแกก็ควรพูดสิ กล้าดียังไงถึงคบกับลูกชายของชอนโบยุน โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากฉัน”

ถ้าเป็นลูกชายชอนโบยุนก็โอเคไม่ใช่หรือไงคะ เมื่อไม่กี่วันก่อนพ่อยังอยากผูกสัมพันธ์กับ สส.ชอนโบยุนอยู่เลยนี่นา นั่นไม่ใช่สิ่งที่หนูควรทำเหรอคะ”

แกจะทำได้ดีหรือเปล่าล่ะ”

ถึงจะไม่รู้เรื่องอื่น แต่หนูมั่นใจว่าตัวเองจะได้รับความเอ็นดูค่ะ พอได้รับความเอ็นดูแล้ว ไม่ว่าพ่อสามีจะทำอะไรก็จะนึกถึงโอซองกรุ๊ปก่อนค่ะ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ไม่มีปัญหานี่คะ”

ตอนนั้นรองประธานใหญ่คังแจชิกคลายสีหน้าลง

ก่อนจะพูดกับมันซอง

อย่างนั้นสินะ”

พ่อ”

ดาอึนบอกว่าจะดึงชอนโบยุนมาในแบบตัวเอง แล้วแกคิดจะทำยังไง”

“...”

ไม่มีทางที่จะพูดอะไรได้

เขาผลักดันประธานพรรคมินกูซังอย่างสุดความสามารถในการเลือกตั้งตัวแทนพรรคเพื่อลงสมัครประธานาธิบดี แต่สุดท้ายกลับล้มเหลว

รองประธานใหญ่คังจึงหันมามองดาอึนอีกครั้ง

แดซองล่ะ”

พี่รองทำไมคะ”

ไม่ใช่ความคิดจากหัวแดซองงั้นเหรอ”

เปล่าค่ะ”

หึ! อย่าคิดจะโกหก จะบอกว่าความคิดนั้นมันออกมาจากหัวแกหรือไง”

หนูได้คำแนะนำมา แต่นี่เป็นการตัดสินใจของหนูเองค่ะ”

คังมันซองทนไม่ไหวแล้วตะโกนออกมา

แล้วใครมันแนะนำให้เธอล่ะ!”

ฉันไม่อยากบอก”

ว่าไงนะ”

ดาอึนยืนหลังตรงก่อนจะพูดกับรองประธานใหญ่คังแจชิกผู้เป็นพ่อ

หนูก็มีคนคอยให้คำแนะนำอยู่ข้าง ๆ เหมือนกันนะคะ ถึงจะเป็นคนของหนู แต่ก็ไม่ได้เป็นลูกน้อง พ่อไม่อยากให้หนูเข้าไปยุ่งกับโอซองกรุ๊ปไม่อยากให้หนูทำงานในบริษัทเหมือนพวกพี่ ๆ ใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้นอย่าบังคับให้หนูบอกอะไรเกี่ยวกับคนคนนี้เลยค่ะ

รองประธานใหญ่คังมองลูกสาวคนเล็กด้วยแววตาแปลกใจ

แกเป็นลูกสาวฉัน สิ่งที่ทำให้แกมีความสุขมาจนถึงทุกวันนี้ มาจากฉันทั้งหมด”

หนูทราบค่ะ ดังนั้นตอนนี้ก็เลยแสดงความกตัญญูอยู่นี่ไงคะ”

ฮ่า ๆ ๆ! นี่คือความกตัญญูเหรอ”

งั้นไม่ใช่เหรอคะ หนูจะกลายเป็นลูกสะใภ้ของประธานาธิบดีด้วยลำแข้งของตัวเองเลยนะ”

พ่อหลับตาลงและจมอยู่กับความคิดสักพัก

มันซองมีแววตาไม่สบายใจ ส่วนดาอึนใจหายใจควํ่า

หลังจากผ่านไปประมาณห้านาที พ่อก็ลืมตาขึ้น

อยากได้อะไร”

หมายถึงอะไรคะ”

พอได้แล้ว ฉันมองแกผิดเอง คิดว่าแค่นี้ก็น่าจะให้โอกาสแกได้ มีที่คิดไว้ไม่ใช่หรือไง พูดมาสิ”

ดาอึนตอบทั้งสีหน้าอิ่มอกอิ่มใจ

เดี๋ยวหนูจะลองคิดดูค่ะ”

คำตอบที่คลุมเครือและยอดเยี่ยมในเวลาเดียวกัน

โอเค”

รองประธานใหญ่คังไม่มีปัญหาอยู่แล้ว

เพราะไม่ว่าจะเป็นอะไร ตัวเองก็ได้สิ่งที่ต้องการแล้ว

เขาคิดว่าก็ไม่เลวที่ได้ยืนยันความสามารถของสามพี่น้องที่ตัวเองไม่เคยรู้จากเรื่องครั้งนี้

ถึงจะไม่มีใครทำให้ถูกใจเท่ามันซอง แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกพอใจเพราะอีกสองคนที่ไม่อยู่ในสายตาก็แสดงให้เห็นถึงความสามารถที่คาดไม่ถึงในแบบของตัวเอง

ทว่าคังมันซองคิดไม่เหมือนกัน

เพราะอยู่ ๆ ดาอึนที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเป็นคู่แข่งก็กระโดดเข้ามาร่วมพูดจาพล่อย ๆ ว่าคิดจะแย่งบางอย่างไปต่อหน้าต่อตา

แต่ก็รู้ดีว่าในความเป็นจริงนั้นตัวเองไม่อาจมอบบทลงโทษคนพูดพล่อย ๆ นั้นได้

มันซองมองดาอึนด้วยสายตาทิ่มแทง ทว่าดาอึนไม่สนใจสายตาแบบนั้นของพี่ชายคนโต

เพราะแค่ผ่านการทดสอบของพ่อก็รู้สึกดีใจเหมือนจะบินได้เลย

ระหว่างที่ยองฮุนมาทำงานพร้อมยอนฮีแล้วสะสางงานตามปกติก็มีสายเข้ามาจากเบอร์ที่ไม่รู้จัก

คิดไม่ถึงว่าปลายสายจะเป็นหัวหน้าฝ่ายเลขาฯของโอซองอิเล็กทรอนิกส์

ฝ่ายนั้นบอกว่าจะรออยู่ที่ร้านอาหารเงียบ ๆ แถวบริษัทและขอให้มาเจอกันตอนนี้เลย ยองฮุนจึงออกจากบริษัททันทีด้วยความสงสัย

ร้านซุปแก้แฮ้งที่ดูค่อนข้างเก่า

เมื่อยองฮุนเดินเข้าไปในร้านที่ไม่มีลูกค้าเพราะไม่ใช่เวลาอาหารกลางวันชายสวมชุดสูทก็ก้มศีรษะให้ก่อนชี้ไปด้านใน

ท่านกำลังรออยู่ครับ”

ครับ”

พอเข้าไปข้างในก็เห็นรองประธานใหญ่คังแจชิกนั่งอยู่บนที่นั่งที่สามารถถอดรองเท้านั่งได้

มีข้าวต้มสองถ้วยกับโซจูหนึ่งขวดวางอยู่ ยองฮุนทักทายและถามขณะนั่งลง

ถ้าผมมาสาย ข้าวต้มคงจะเย็นหมดแล้วสินะครับ”

ฉันไม่คิดว่านายจะมาสายน่ะ ถ้าสายแค่ขอให้ทำใหม่ก็จบ กินสิ ฝีมือคุณยายร้านนี้ใช้ได้เลย”

ครับ ถ้างั้นผมจะทานให้อร่อยเลย”

จากนั้นยองฮุนก็จัดการข้าวต้มหมูถ้วยหนึ่งจนเกลี้ยงและเช็ดปากด้วยกระดาษทิชชู รองประธานใหญ่คังจึงกล่าวระหว่างรินโซจูใส่แก้ว

ได้ยินว่านายใช้ชีวิตวัยเด็กในวัดเหรอ”

ยองฮุนชะงัก แต่ไม่นานก็ตอบอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร

ครับ”

คงลำบากน่าดู”

ตอนเด็ก ๆ ก็เหนื่อย แต่พอโตขึ้นก็อยู่ได้ในแบบของตัวเองครับ เล่นแล้วก็กิน...เพราะไม่มีงานอะไรให้ทำครับ”

ทำไมถึงไปอยู่วัดล่ะ”

ผมเป็นเด็กกำพร้าครับ”

อย่างนี้นี่เอง...”

อีกฝ่ายพยักหน้าก่อนจะถามอีกครั้ง

ทำไมถึงปั่นหัวพวกเรา”

สายตาเหมือนรู้ทุกอย่างหมดแล้ว

ยองฮุนเองก็คิดว่ารองประธานใหญ่คังน่าจะมองออกอยู่แล้ว

ถ้าไม่รู้ว่าแผนรักของลูกสาวคนเล็กดำเนินการด้วยนํ้ามือใครก็คงจะไม่มีสิทธิ์นั่งตำแหน่งนั้น

เพราะผมคิดว่าเขาเป็นพาร์ตเนอร์ที่เหมาะสมกว่าท่านรองประธานใหญ่ครับ”

แดซองเป็นพาร์ตเนอร์ที่ดีกว่าฉันงั้นเหรอ เพราะอะไร”

เพราะเขาพูดรู้เรื่องครับ”

ฮ่า ๆ ๆ! ฉันเป็นคนพูดไม่รู้เรื่องหรือไง”

ถึงจะรู้สึกตั้งแต่ตอนดูโหงวเฮ้งแล้ว แต่หลังจากดูดวงชะตาก็มั่นใจ

รองประธานใหญ่คังแจชิกเป็นคนที่ไม่รู้จักความพึงพอใจ และโหดร้ายอำมหิตมากพอจะฉีกสัญญาทิ้งได้ทุกเมื่อเหมือนเป็นของไร้ค่า

หลังจากคุยกับท่านรองประธานใหญ่ ผมก็ลองไตร่ตรองอย่างละเอียดครับโอซองกรุ๊ปเป็นบริษัทขนาดใหญ่ พูดตามตรง ถ้าทำงานร่วมกันด้วยความรู้สึกดี ๆ แทนการทำข้อตกลงด้วยเงื่อนไขต่าง ๆ จะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด เพราะไม่มีอะไรมาทำร้ายจิตใจกันและกันครับ”

ฉันก็คิดแบบนั้น”

แต่การประเมินของผมก็คือ คงไม่มีทางเป็นอย่างนั้นได้ครับ”

เพราะอะไร”

ท่านรองประธานใหญ่ไม่ยอมแพ้กับประธานกรรมการอีฮยองจุน ชินยองไฟแนนเชียลไงครับ”

นัยน์ตาของรองประธานใหญ่คังแจชิกสั่นไหว เมื่อเห็นยองฮุนพูดอย่างใจเย็น

หมายความว่ายังไง”

ผมบอกแล้วไงครับว่าเอาชินยองไฟแนนเชียลไปไม่ได้ แต่ดูเหมือนท่านรองประธานใหญ่ไม่คิดจะยอมแพ้เลย ผมไม่มีหลักฐานหรอก คิดซะว่าเป็นแค่สัมผัสที่หกแล้วกันนะครับ”

ก็เลยยุยงลูกชายฉันเพราะสัมผัสที่หกนั่นเหรอ”

ครับ ว่าแต่เป็นยังไงครับ คิดว่าสัมผัสที่หกของผมผิดหรือเปล่า”

รองประธานใหญ่คังแจชิกเอียงศีรษะมองยองฮุนที่ดื่มนํ้าอย่างเฉยเมย

ล้อฉันเล่นหรือไง ฉันเลิกสนใจเกี่ยวกับชินยองไฟแนนเชียลตั้งแต่วินาทีที่นายดึง สส.ชอนออกมาแล้ว ที่กดดันชินยองไฟแนนเชียลก่อนหน้านี้เพราะข้อตกลงล้มเหลวต่างหาก ในเมื่อควํ่าโต๊ะแล้ว เราก็ควรเก็บเศษอาหารที่เหลือไว้กินไม่ใช่เหรอ”

ยองฮุนมั่นใจว่าเป็นเรื่องโกหก แต่ไม่ได้คิดจะตอบโต้อะไร

ฟังดูมีเหตุผลนะครับ ถ้างั้นก็เป็นความผิดพลาดของผมเองสินะ ขอโทษครับ”

จบแล้วเหรอ”

นี่เป็นการขอโทษจากใจจริงครับ ต้องการอย่างอื่นนอกเหนือจากนี้เหรอครับ”

ฉันเป็นพ่อค้า ดังนั้นคำขอโทษแบบเสแสร้งก็ไม่เลวนะ ถ้ามันมีราคาเทียบเคียงกัน”

ท่านรองประธานใหญ่ต้องการอะไรครับ”

นายจะให้อะไรฉันได้บ้างล่ะ ขอลองฟังดูก่อน”

ยองฮุนแย้มยิ้ม

เพราะเป็นการคืนคำถามของยองฮุนเมื่อไม่นานมานี้

ผมจะอยู่นิ่ง ๆ ให้ครับ”

อะไรนะ”

หมายความว่าผมจะสนับสนุนการแต่งงานของคุณคังดาอึนอย่างเงียบ ๆครับ”

ใบหน้าของรองประธานใหญ่คังแจชิกบิดเบี้ยว

เพราะสรุปแบบรวบรัดก็คือการขู่ว่าจะทำลายการแต่งงานของดาอึนหากยังพูดจาไร้สาระไปเรื่อย

ถ้าเป็นอย่างนั้น ชินยองไฟแนนเชียลจะไม่สั่นคลอนอีกครั้งเหรอ”

ตอนนี้มันสายไปแล้วครับ ถ้าเป็นช่วงก่อน สส.ชอนโบยุนชนะการเลือกตัวแทนพรรค การข่มขู่นั้นคงจะน่ากลัวมาก แต่ตอนนี้ไม่ได้เข้ามาเป็นภัยคุกคามขนาดนั้นแล้วครับ อย่าทำแบบนั้นดีกว่า ผมจะให้ของขวัญอีกสักชิ้นแล้วกัน กรุณาระวังเรื่องสุขภาพอยู่เสมอนะครับ”

นายล้อฉันเล่นเหรอ”

ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะครับ ตอนนี้ท่านรองประธานใหญ่กำลังกังวลอยู่ไม่ใช่เหรอครับ”

กังวลอะไร”

กำลังพิจารณาว่าระหว่างลูกชายทั้งสองคน ใครจะเป็นภัยคุกคามต่อท่านรองประธานใหญ่ไม่ใช่เหรอครับ ผมนึกว่าเป็นอย่างนั้นซะอีก”

นัยน์ตาของรองประธานใหญ่คังแจชิกสั่นไหวเหมือนเรือใบพบคลื่นยักษ์

ยองฮุนเอนตัวมาข้างหน้าก่อนจะพูดต่อเบา ๆ

สำหรับอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่เหมือนโอซองกรุ๊ป แต่ไหนแต่ไรมา ศัตรูภายในอันตรายที่สุดใช่ไหมครับ ดังนั้นผมไม่ใช่ศัตรูของท่านรองประธานใหญ่หรอก”

นายไปรู้อะไรมากันแน่”

ไม่มี...ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้นครับ ขอบคุณสำหรับมื้อกลางวันนะครับ ไว้ผมขอเป็นฝ่ายเลี้ยงสักมื้อ ขอตัวก่อนนะครับ”

เขาเงยหน้าขึ้นมองยองฮุนด้วยดวงตาที่สั่นไหว


 

บทที่ 270 ม้ามืด (3)

 

เมื่อยองฮุนกลับมาบริษัท ยอนฮีก็มารอต้อนรับและเดินเข้ามาในห้องกรรมการผู้จัดการด้วยกัน

เธอเอนหลังพิงโซฟาประมาณครึ่งตัวแล้วถาม

ใครจากโอซองมาหาพี่เหรอ”

รองประธานใหญ่คังแจชิก”

อุ๊ย จริงเหรอ เขามาทำไม”

พยายามสืบว่าแผนของฉันคืออะไร”

แต่มันก็แปลกนะ ทำไมเขาชอบมาเจอพี่อยู่เรื่อย แค่ไม่มาเจอหน้าไม่ต้องสนใจอีกฝ่ายก็จบแล้วไม่ใช่เหรอ ไม่ว่าประธานาธิบดีจะช่วยหรือไม่ช่วยถ้าเป็นระดับโอซองก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรหนิ”

ใช่ บางทีอาจจะเป็นเพราะฉันอยู่ตรงนั้น แต่ก็เขาเองนั่นแหละที่เป็นคนปล่อยเรื่องนั้นไปไม่ได้”

เขาเป็นคนยังไง”

เธอเคยได้ยินคำว่าเปรตไหม”

ยอนฮีพยักหน้า

เคยได้ยินอยู่ ผีตะกละใช่ไหม”

อืม ในศาสนาพุทธจะมีปีศาจเรียกว่าเปรต ท้องใหญ่เหมือนภูเขาลำคอเรียวเล็กเหมือนเข็ม ทำให้ทรมานด้วยความหิวตลอดเวลา รองประธานใหญ่คังแจชิกเป็นแบบนั้น ให้หนึ่งอย่างก็ต้องเอาเพิ่มอีกอย่าง เขาเป็นคนไม่รู้จักพอ”

ดวงชะตาเป็นแบบไหนกันแน่”

แน่นอนว่าเพราะเป็นผู้นำของตระกูลมหาเศรษฐี แต่โดยพื้นฐานแล้วเป็นดวงชะตาที่เกิดมาพร้อมโชคลาภ ถ้ามีข้อแตกต่างกับคนอื่น ๆ ที่เกิดมาพร้อมโชคลาภเหมือนกันก็คือ เขามีดวงเคราะห์สองอย่างติดตัวมาตั้งแต่เกิดด้วย นั่นคือดวงพรากและดวงหายนะ แต่ท่ามกลางดวงชะตาแบบนั้นก็ยังโชคดี ถึงเกิดมาพร้อมดวงพราก แต่รูปดวงถูกต้องและสอดคล้องกับดาวดีจึงเรียกได้ว่าเป็นดวงชะตาที่ลํ้าค่า แต่ปัญหาคือดวงหายนะ ตรงกันข้าม ดวงหายนะสอดคล้องกับดาวร้าย จิตใจคับแคบ เสเพล ขี้ระแวง ชอบหาเรื่องบางทีถ้าไม่ได้พบพ่อแม่ที่ดี ตอนหนุ่ม ๆ อาจจะเคยเจอปัญหาใหญ่จากเหล้าและผู้หญิง หรืออาจจะติดคุกเพราะดวงหายนะจากหน่วยงานราชการก็ได้”

โห...รองประธานใหญ่คังแจชิกเคยติดคุกมาก่อนนะ...”

อ้าว จริงเหรอ”

อื้ม ฉันจำแม่น ๆ ไม่ได้ว่าตอนไหน แต่น่าจะสิบปีก่อนหรือเปล่านะตอนนั้นเข้าไปไม่นานแล้วออกมามั้ง ข้อหาอะไรนะ จำไม่ค่อยได้ แต่ก็นั่นแหละ”

อย่างนี้นี่เอง ยังไงดวงชะตาของเขาก็เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ไม่ยอมขาดทุนแม้แต่นิดเดียว ถ้าเห็นกำไรก็จะวิ่งเข้าใส่โดยไม่หันหลังกลับ เพราะฉะนั้นเลยยอมแพ้ไม่ได้ไง ไม่อยากพลาดโอกาสสานสัมพันธ์ใกล้ชิดกับประธานาธิบดีแล้วก็มีเหตุผลอีกหนึ่งข้อ”

อะไร”

ลองจินตนาการว่าคนโลภและขี้ระแวงนั่งอยู่ในตำแหน่งสูงสุด จะไม่เครียดเพราะกลัวใครจะมาแย่งตำแหน่งของตัวเองเหรอ”

แน่นอน”

แล้วใครกันล่ะที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด”

เรื่องนั้น...”

หว่างคิ้วของยอนฮีขมวดแน่น

อะไรกัน อย่าบอกนะว่าระแวงลูกชาย”

ในทางประวัติศาสตร์แล้ว เป็นเรื่องปกติที่กษัตริย์จะระแวงรัชทายาทเขาสงสัยว่าหนึ่งในสองคนนี้ใครจะเป็นลูกชายที่รักพ่ออย่างแท้จริง”

เหอะ...ทำไมถึงระแวงล่ะ”

มีโชคลาภเยอะ แต่ไม่ใช่ดวงชะตาใกล้ชิดกับลูก ๆ อับดวงบุตรเลยไม่มีบุญกับลูก พ่อแม่กับลูกไม่สนิทกันจึงไม่สามารถไว้ใจลูกตัวเองได้”

ดังนั้นเลยจงใจสร้างเรื่องขึ้นมางั้นเหรอ”

เท่าที่ฉันมองก็ใช่ รู้ว่าถ้าพลาดขึ้นมากรุ๊ปอาจจะแบ่งเป็นสองก็ได้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้เรื่องนั้นนะ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยอมแบกความเสี่ยงเพื่อจับตามองว่าลูก ๆเคลื่อนไหวยังไง”

ยอนฮีขมวดคิ้วกอดอกพร้อมกับจมอยู่ในความคิด ก่อนจะกล่าว

พอลองคิดดูแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าไม่สมเหตุสมผล เพราะพาวเวอร์ของรองประธานใหญ่คังแจชิกในโอซองกรุ๊ปมีไม่จำกัด ต่อให้ไม่รู้ว่ากรุ๊ปจะแตก แต่สุดท้ายเขาก็คงมั่นใจว่าจะรักษาไว้ได้ เพราะจัดโครงสร้างการลงทุนหมุนเวียนไว้เรียบร้อยแล้ว คงมั่นใจว่าไม่มีทางพังแน่นอนหากไม่มีการตัดสินใจของตัวเอง”

คงอย่างนั้น”

เธอเอียงศีรษะด้วยความสงสัยในคำตอบอันเรียบง่ายของยองฮุน

งั้นพี่มั่นใจเหรอ เขารู้ทุกอย่างอยู่แล้ว ไม่ใช่ไม่รู้ แล้วรองประธานใหญ่คังจะยอมเคลื่อนไหวตามความตั้งใจของพี่เหรอ”

ยองฮุนยักไหล่พร้อมแค่นหัวเราะ

เธอคิดว่าทำไมความตั้งใจของฉันกับความตั้งใจของเขาถึงแตกต่างกันล่ะ”

หือ? หมายความว่ายังไงอีกเนี่ย ก็ต้องต่างอยู่แล้วไม่ใช่รึไง”

อาจจะไม่ใช่ก็ได้ สิ่งที่ฉันต้องการกับสิ่งที่เขาต้องการ แค่สองอย่างนี้ตรงกันก็พอแล้ว ถ้าเป็นแบบนั้นก็วินวินกันทั้งคู่ไง อืม แม้ว่าอาจจะมีคนที่ได้รับความเสียหายระหว่างกระบวนการนั้นก็ตาม”

ยองฮุนแฝงความนัยไว้ในคำตอบนั้น ก่อนจะหันไปมองนอกหน้าต่าง

 

ตอนแรกที่ข่าวเดตระหว่างคังดาอึนกับชอนซึงโมถูกเปิดเผย สส.ชอนโบยุนโดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างไม่ขาดสาย

การวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าวทำให้อัตราการสนับสนุนของพรรครัฐบาลลดลงเกือบสิบเปอร์เซ็นต์ จนมีการกล่าวกันว่าทิศทางของการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้อาจจะถูกส่งต่อไปยังพรรคฝ่ายค้าน

แต่พอค่อย ๆ มีข่าวตามออกมาเรื่อย ๆ สถานการณ์ก็เริ่มเปลี่ยนแปลง

[ชอนซึงโมกับคังดาอึน จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์คือเรื่องบังเอิญ?]

[รักกันมา 2 ปี คู่รักที่หลอกทั้งสองครอบครัว]

[โรเมโอกับจูเลียตเวอร์ชันเกาหลี บทสรุปความรักนั้นจะเป็นอย่างไร]

ข่าวบอกว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนไม่ใช่การพบอย่างมีจุดประสงค์ของวงการการเมืองและธุรกิจ แต่เป็นการพบกันโดยบังเอิญ และทั้งสองคนกำลังแอบคบกันโดยไม่ให้พ่อแม่รู้

หลังจาก สส.ชอนโบยุนได้รับการยืนยันว่าเป็นผู้ลงสมัครเลือกตั้งประธานาธิบดี ตั้งแต่นิตยสารที่ปล่อยข่าวซุบซิบในวงการบันเทิงไปจนถึงรายการที่คณะกรรมการทางการเมืองออกมาอภิปรายกัน ทุกคนต่างพูดกันถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากเรื่องราวระหว่างชายหญิงคู่นี้

บางคนบอกว่าเป็นการพบกันที่ไม่ควรเกิดขึ้น และบางคนบอกว่าไม่ควรขัดขวางพวกเขาด้วยเหตุผลทางการเมือง

ทั้งสองคนกลายเป็นคู่รักที่ได้รับความสนใจจากทุกคนในประเทศเกาหลีชั่วพริบตา เหมือนเป็นนักแสดงนำชายหญิงในละคร ต่างคนต่างรับมือกับสถานการณ์นี้ในรูปแบบที่แตกต่างกัน

หลังจากชอนซึงโมยื่นลาป่วยกับบริษัท เขาก็ขังตัวเองอยู่แต่ในบ้านและแอบออกไปข้างนอกเฉพาะเวลาเจอกับดาอึนเท่านั้น โดยที่ไม่ยอมรับโทรศัพท์ใครด้วยซํ้า

เพื่อน ๆ ที่รู้ว่าเขาโสดมาตั้งแต่เกิดทั้งแชตทั้งโทร.มาถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่เขากลายเป็นคนเลวที่หลอกลวงทุกคนและไม่ตอบอะไรใครทั้งนั้น

ในทางกลับกัน ดาอึนจงใจเปิดเผยตัวตนของตัวเองมากขึ้นโดยแกล้งทำเป็นบังเอิญ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจมาที่ตัวเอง

เป็นเรื่องธรรมดาที่สายตาจะจับจ้องลูกสาวคนเล็กของตระกูลมหาเศรษฐีที่สวยสง่ามากกว่าผู้ชายที่อยู่ติดบ้าน

พอพิจารณาจากความคิดเห็นของประชาชนที่ค่อย ๆ เปลี่ยนไปแล้วน่าประหลาดใจมาก เพราะคนที่ไม่ถูกใจกับเรื่องนั้นมากที่สุดก็คือคังมันซองลูกชายคนโตของโอซองกรุ๊ปและพี่ชายของดาอึนนั่นเอง

ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้ ลองคิดหาวิธีกันสิครับ”

คำพูดของคังมันซองทำให้ประธานบริษัททั้งห้าคนที่อยู่ตรงหน้าเขามีสีหน้าลำบากใจ

ไม่มีใครไม่รู้ว่าการเรียกมารวมตัวกันวันนี้มีสาเหตุมาจากอะไร

ในบรรดาพวกเขาไม่มีใครอาศัยดวงจนขึ้นมาถึงตำแหน่งที่นั่งอยู่ตอนนี้

หลังจากข่าวเดตของดาอึนถูกปล่อยออกมาได้ไม่นาน ทุกคนต่างก็รับรู้ได้ว่าการต่อสู้ระหว่างผู้สืบทอดใกล้เข้าสู่สภาวะวิกฤตแล้ว

ทำไมปิดปากเงียบกันหมดแบบนี้ล่ะครับ เพิ่งทำเหมือนจะจงรักภักดีไปตลอดชีวิตอยู่หยก ๆ พอมาตอนนี้กลับมานั่งจ้องตากันอย่างเดียวเหรอครับ”

ประธานคิมแดซึงจากโอซองไบโอเคมีคอลรีบโบกมืออย่างรวดเร็ว

พูดอะไรกันครับ มีอะไรให้จ้องตากันที่ไหน”

ถ้างั้นมันคืออะไรล่ะครับ ทุกคนกลายเป็นใบ้กันหรือไง หรือว่าตัดสินใจจะรับก๋วยเตี๋ยว[1] จากดาอึน แล้วได้หลักประกันมากันคนละตำแหน่งเหรอครับ”

ผมสันนิษฐานนะครับ ถึงจะยังไม่ชนะการเลือกตั้ง แต่ต่อให้ชนะก็เป็นแค่ลูกสะใภ้ข้าราชการที่มีวาระแค่ห้าปี อย่างที่ท่านประธานทราบดี มีนักธุรกิจที่หวังดีกับข้าราชการวาระห้าปีอย่างจริงใจที่ไหนกันล่ะครับ ทุกคนก็แค่เสแสร้งเท่านั้น”

ท่านประธานคิม พูดได้ดีมากเลยครับ ถ้างั้นช่วยเสนอความคิดเห็นหน่อยคิดจะปล่อยไว้แบบนี้แล้วรอดูแดซองมันเอาดาอึนไปเล่นเป็นตุ๊กตาหรือไงครับ”

ประธานคิมแดซึงเหลือบมองประธานบริษัทในเครือคนอื่น ๆ ที่หลบสายตาก่อนจะอ้าปากพูด

ผมได้ยินมาว่าหัวหน้าฝ่ายคังแดซองยังคงออกข่าวประชาสัมพันธ์อยู่โดยใช้นักข่าวเซยองอิลโบเป็นหลัก แต่ท่านประธานก็ทราบว่า ถ้าฝ่ายกลยุทธ์พยายามควบคุมเซยองอิลโบ การหาคำตอบก็ค่อนข้างลำบากสำหรับพวกเราครับยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเรื่องที่ว่าบริษัทในเครือเดียวกันขุดคุ้ยเบื้องหลังของฝ่ายกลยุทธ์ของโอซองอิเล็กทรอนิกส์รั่วไหลออกไปสู่ภายนอก ก็อาจจะเข้าหูท่านรองประธานใหญ่ก็ได้ครับ”

ถ้าจะบอกว่าทำไม่ได้ก็ไม่จำเป็นต้องพูดยาวขนาดนั้นหรอกครับ”

อะแฮ่ม...ถ้าส่งหัวหน้าฝ่ายคังแดซองจากฝ่ายกลยุทธ์ไปฝ่ายอื่น...”

ส่งเหรอครับ ไปที่ไหน”

เราไม่มีข้ออ้าง หรือสมมติว่ามีข้ออ้าง เขาก็คงไม่มีทางยอมออกจากโอซองกรุ๊ปแน่นอนครับ”

แหงสิ เพราะมันคงรู้อยู่แล้วว่าถ้าไปเมืองนอกอาจจะกลับมาอีกไม่ได้”

แทนที่จะไล่ออกไปเฉย ๆ ทำไมเราไม่สร้างสถานการณ์ที่ทำให้โฟกัสกับงานในปัจจุบันไม่ได้ ผลลัพธ์ก็คงไม่ต่างจากส่งหัวหน้าฝ่ายคังแดซองไปที่อื่นนะครับ”

ยังไง”

อืม...ภรรยาของหัวหน้าฝ่ายคังแดซองคือทีเอสกรุ๊ปไม่ใช่เหรอครับตอนนี้ทีเอสกรุ๊ปอยู่ในจุดที่ลำบากมาก ประเทศจีนยังไม่ยกเลิกกฎหมายจำกัดวัฒนธรรมเกาหลี โรงภาพยนตร์ในเครือมีรายได้ลดลงและขาดดุลอย่างต่อเนื่องครับ ยิ่งไปกว่านั้น ผมได้ยินมาว่าภาพยนตร์ที่ลงทุนมาตั้งแต่ปีที่แล้วยังเจ๊งไม่เป็นท่าจึงยิ่งแย่ลงกว่าเดิม แต่พวกเขาตัดสินใจจะซื้อกิจการ ‘บลูออน’ ซึ่งเป็นโอทีที[2] ที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีเพื่อเอาชนะอุปสรรคนั้นครับ ถ้าหาก...”

ถ้าหาก?”

ถ้าหากโอซองคิดจะซื้อกิจการบูลออนนั่น จะเป็นยังไงครับ”

คังมันซองโคลงศีรษะพลางครุ่นคิด

ก่อนจะค่อย ๆ วาดรอยยิ้มบนริมฝีปาก

โธ่...พ่อผมจะอยู่เฉยเหรอครับ ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เกี่ยวดองกันอยู่นะ”

มองแค่ผ่าน ๆ แบบนั้นไม่ได้นะครับ ศักยภาพทางธุรกิจของแพลตฟอร์มโอทีทียังคงยากที่จะวัดขนาดของมัน เนฟลักซ์ของอเมริกายังคงครองตำแหน่งอันดับหนึ่ง แต่รู้มาว่ากำลังพึ่งพาคอนเทนต์ของเกาหลีเยอะมากเพื่อจับตลาดเอเชีย ปริมาณเนื้อหาที่มีอยู่ในตอนนี้เทียบไม่ติดเลยครับ ผมจะส่งรายงานที่ชัดเจนให้นะครับ”

ไม่ต้อง...ผมรู้คร่าว ๆ แล้ว”

ถ้าโอซองของเราจะกระโจนเข้าใส่ธุรกิจแบบนั้น ก็เป็นเรื่องปกติมากเลยครับ”

ก็จริงนะ เข้าหาธุรกิจที่มีเงินและมีอนาคตสดใสก็เป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้วแถมเราก็ไม่จำเป็นต้องซื้อมาจริง ๆ แค่ปล่อยให้แดซองมันจัดการ”

ผมกำลังจะบอกเลยครับ ถ้าหัวหน้าฝ่ายคังแดซองเป็นผู้นำในการซื้อกิจการบลูออน ถึงจะเอามาไม่ได้ แต่แค่นั้นก็ไม่เลวนะครับ และถ้าเกิดซื้อกิจการสำเร็จก็แต่งตั้งหัวหน้าฝ่ายคังแดซองเป็นประธานกรรมการของบลูออนได้ครับ”

ถ้าเป็นอย่างนั้นพ่อตามันคงโกรธน่าดู”

เพราะเป็นสถานการณ์ที่อาจจะต้องจ่ายแพงกว่าที่คิดไว้ บางทีเขาอาจจะไม่ปล่อยหัวหน้าฝ่ายคังแดซองไว้เฉย ๆ ก็ได้ครับ”

แน่นอนอยู่แล้ว อุตส่าห์ได้ลูกชายคนรองของโอซองกรุ๊ปเป็นลูกเขยแต่ดันมาแข่งกันซื้อบริษัทที่เล็งไว้ ต้องอารมณ์เสียเป็นธรรมดา ถ้าเป็นผม ผมก็คงเรียกมันมานั่งด่าสักยก”

คังมันซองพูดอย่างนั้นก่อนจะมองปราดไปยังประธานบริษัทคนอื่น ๆ

มาทำให้สำเร็จกันเถอะครับ”

ครับ”

อย่างไรก็ตาม มีเพียงประธานคิมแดซึงที่เสนอความคิดดีพอสมควรเท่านั้นที่กล้าเงยหน้าขึ้น ส่วนประธานบริษัทคนอื่น ๆ ที่เหลือต่างก้มหน้าลงด้วยความอาย

พ่อผมไม่ได้มีชีวิตยืนยาวพันปีหมื่นปี...ปีที่แล้วก็เข้าโรงพยาบาลโอซองใช่ไหมครับ เขาบอกว่าพ่อชอบกินเนื้อมาก เส้นเลือดเลยไม่ค่อยดี”

ครับ? จริงเหรอครับ”

คณะประธานบริษัทตกใจอย่างพร้อมเพรียงกัน

แน่นอนว่าต้องตกใจอยู่แล้ว

เพราะต่อให้จะเป็นผลการตรวจสุขภาพที่ได้รับจากบริษัทในเครือ แต่ผลสุขภาพของผู้นำกรุ๊ปก็ได้รับการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด ไม่มีทางจะได้รู้เรื่องนั้นเด็ดขาด

ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะจากไปในเร็ว ๆ นี้ครับ พ่อผมไม่ใช่คนเหล็ก นั่นก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะฉะนั้นในอนาคตก็ต้องใส่ใจพ่อผมระมัดระวังอย่าทำอะไรให้ท่านสุขภาพแย่ลงนะครับ ต้องช่วยเอาใจใส่เป็นพิเศษด้วย”

ภายนอกดูเหมือนเป็นห่วงพ่อ แต่เบื้องหลังนั้นกลับเน้นว่าพ่อสามารถล้มป่วยได้ทุกเมื่อ

แน่นอนว่าไม่มีใครไม่เข้าใจความหมายนั้น

แน่นอนครับ พวกผมจะระมัดระวังและเอาใจใส่เป็นพิเศษ”

ถ้างั้นก็เชิญครับ”

หลังจากมันซองโบกมือไล่และส่งประธานบริษัทในเครือกลับไปไม่นานก็มีใครบางคนเดินเข้ามาอีกรอบ

น่าประหลาดใจที่อีกฝ่ายคือชอนซึงโมในสุดสูทสะอาดสะอ้านนั่นเอง

อ้าว~ ว่าที่น้องเขยของพวกเราไม่ใช่เหรอ”

“...”

นั่งสิครับ ตรงนั้น...”

ชอนซึงโมนั่งลงทั้งสีหน้าเคร่งเครียด เขามองรอบตัวและพิจารณาคังมันซองด้วยสายตากังวล เหมือนทหารที่เข้ามาเยือนถึงถิ่นของศัตรู

คังมันซองยิ้มเยาะแล้วไขว้ขานั่งลงตรงข้ามอย่างไม่รีบร้อน

สัตว์กินเนื้อกับสัตว์กินพืช

รังสีที่อยู่รอบ ๆ ตัวเป็นแบบนั้นเลย

ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมเป็นพี่ชายคนโตของดาอึน”

ชอนซึงโมครับ”

ช่วงนี้แสดงละครเก่งมากเลย...หรือไม่ใช่คุณซึงโม แต่เป็นดาอึนกันนะ”

“...ทำไมถึงอยากเจอผมครับ”

แค่สงสัยเลยเรียกมาครับ ว่าจะแต่งงานกับดาอึนของพวกเราจริง ๆหรือเปล่า อ้อ...ถามแบบนี้มันไม่โอเคสินะ”

ผมไม่เข้าใจทำไมคุณถึงทำแบบนี้”

อืม...คุณรู้จักชินซองฟาร์มาใช่ไหมครับ”

ไม่มีพนักงานบริษัทยาคนไหนไม่รู้จักชินซองฟาร์มา เป็นบริษัทยาชั้นนำของประเทศ

รู้จักครับ”

ตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ของชินซองฟาร์มา เป็นไงครับ ตอนนี้ประธานโอกยูแทของชินซองฟาร์มาเหลืออีกสองปีจะเกษียณ ถ้ารอสองปีก็ได้เป็นประธานบริษัทต่อ แน่นอนว่าคุณจะได้รับหุ้นชินซองฟาร์มาด้วย มูลค่าตลาดวันนี้อยู่ที่ห้าหมื่นเจ็ดพันล้านวอน สนใจไหมครับ”

หัวใจของชอนซึงโมสั่นสะเทือน

เนื่องจากเขาเป็นเซลส์ของบริษัทยาอยู่แล้ว ข้อเสนอของมันซองจึงไม่ต่างกับสิ่งล่อใจที่ไม่อาจทนไหว

มันซองมองท่าทางนั้นแล้วอ้าปากพูดเสียงเบา ๆ

ถ้าแต่งงานกับดาอึน จะเหลืออะไรบ้างนะครับ ถ้าอีกห้าปีดาอึนขอหย่าล่ะตอนนั้นดาอึนจะเหลือตึกไว้ให้สักตึกไหมนะ ตอนนี้ดาอึนอาจจะแต่งงานกับคุณแล้วคว้าอะไรบางอย่างไว้ได้ แต่หลังจากนั้นล่ะ ตอนนั้นจะยังอยู่กับคุณหรือเปล่าอย่าทำแบบนั้นแล้วกำเงินสดในมือซะตั้งแต่ตอนนี้ดีไหมครับ ถ้าเป็นอย่างนั้นคนทั้งประเทศจะสนับสนุนการตัดสินใจของคุณ คะแนนนิยมของ สส.ชอนโบยุนก็จะสูงขึ้นเยอะเช่นกัน เป็นไงครับ”

ซึงโมกัดริมฝีปาก นํ้าลายแห้งสนิทและใจเต้นตึกตัก เขาเปิดปากด้วยท่าทีราวกับจะตอบตกลงทันที แต่กลับให้คำตอบที่เหนือความคาดหมาย

ผมจะไม่ทรยศเธอครับ”

เขาไม่สามารถทรยศดาอึนได้

จูบแรกอันน่าลุ่มหลงที่แบ่งปันกับเธอเมื่อวานนี้

ห้าปีหลังจากนี้ เขาเชื่อว่าเธอจะไม่ทิ้งเขา

 


[1]  เป็นคำที่ใช้สื่อถึงการจัดงานแต่งงาน เนื่องจากธรรมเนียมงานแต่งงานของวัฒนธรรมเกาหลีจะเลี้ยงอาหารแขกที่มาร่วมงานด้วยก๋วยเตี๋ยว ในบริบทนี้คังมันซองต้องการสื่อว่า ประธานบริษัทกลุ่มนี้ยอมรับการแต่งงานของดาอึน

[2]  ย่อมาจาก Over The Top หมายถึง การให้บริการเนื้อหาบันเทิง เช่น ภาพยนตร์ เพลงผ่านโครงข่ายอินเทอร์เน็ต


 

บทที่ 271 ม้ามืด (4)

 

ห้องรองประธานใหญ่ โอซองอิเล็กทรอนิกส์

รองประธานใหญ่คังแจชิกขมวดคิ้วถาม

มันซอง แดซอง สองคนนั้นกำลังทำอะไรกันอยู่”

โจนัมฮยอก ประธานบริษัทโอซองอิเล็กทรอนิกส์ เปรียบเสมือนมือขวาของรองประธานใหญ่คังแจชิก แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นถึงผู้นำลำดับสองของกรุ๊ป

ไม่เพียงแต่เป็นผู้นำการเติบโตของโอซองอิเล็กทรอนิกส์ด้วยมันสมองอันโดดเด่นเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้ช่วยใกล้ชิดของรองประธานใหญ่คังแจชิก ให้เอาชนะพี่ชายและสามารถสืบทอดกรุ๊ปต่อได้อีกด้วย

นับว่าเป็นคนเดียวที่รองประธานใหญ่คังแจชิกยอมเชื่อใจ

ประธานโจนัมฮยอกตอบพร้อมสีหน้าเคร่งขรึม

ประธานคังมันซองเรียกประธานบริษัทในเครือห้าคนมาที่โอซองดิจิทัลครับ”

ใครไปบ้าง”

ไบโอ อุตสาหกรรมหนัก การค้า ประกันชีวิต พลังงานครับ”

นายคิดว่ายังไง”

ประธานโจนัมฮยอกไม่ผลีผลามด่วนตัดสินใจ

ถึงทุกคนจะเป็นคนที่มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับประธานคัง แต่พวกเขาก็ไม่ใช่คนคิดสั้นครับ เหนือสิ่งอื่นใดคือ การเลือกตั้งประธานาธิบดีใกล้เข้ามาแล้ว และฝั่งของคุณดาอึนเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีด้วย การออกหน้าว่าอยู่ข้างคุณชายใหญ่จึงเป็นทางเลือกของพวกสายตาสั้นครับ”

หมายความว่าเพราะพวกมันเจ้าเล่ห์ เลยรอดูสถานการณ์อย่างไม่รีบร้อนแล้วค่อยไต่เชือกอีกทีใช่ไหม”

ถึงจะไม่ใช่อย่างนั้นซะทีเดียว...แต่ก็คล้าย ๆ ครับ”

เฮ้ย ประธานโจ ยังจำคำพูดของพ่อฉันก่อนเข้าโรงพยาบาลโอซองได้ไหม”

แน่นอนสิครับ ผมยังจำได้แม่นอยู่เลย ที่ท่านบอกว่าคนที่เอาชนะไม่ได้ก็ไม่มีสิทธิ์กินข้าว”

อืม แบบนั้นแหละ แต่ฉันไม่ชอบแบบนั้น ไม่ชอบคำพูดนั้นเลย เราไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันเหรอ จะมาเอาชนะอะไรคนในครอบครัว...ช่วงนี้พี่ฉันทำอะไรอยู่ล่ะ”

พี่ชายของรองประธานใหญ่คังแจชิกแยกตัวออกไปพร้อมซัมวอนซีเมนต์ที่เคยเป็นของโอซองกรุ๊ป

บริษัทปูนซีเมนต์อาจจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จมากนักในช่วงนี้ แต่เนื่องจากมีการสร้างคอนโดทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง ยอดขายก็คงจะยังดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ พอให้เอาชีวิตรอดได้

ได้ยินมาว่าวางมือจากทุกอย่างแล้วพักผ่อนอย่างสบายใจอยู่ที่บ้านครับเพิ่งได้เจอหลานเมื่อเดือนก่อน คิดว่าช่วงนี้น่าจะกำลังสนุกกับการเลี้ยงหลานอยู่ครับ”

ไม่มีทาง...ภายนอกอาจจะเป็นอย่างนั้น แต่จะเอาความแค้นนั่นไปไว้ที่ไหนล่ะ”

เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้นะครับ”

ฉันรู้น่า ฉันรับช่วงต่อน่ะถูกต้องแล้ว พี่อ่อนแอจะตาย...แต่อะไรคือเอาไปแค่ซีเมนต์”

จะเอาให้เพิ่มตอนนี้เหรอครับ”

ทันทีที่ประธานโจนัมฮยอกถามพร้อมกับรอยยิ้มจาง ๆ รองประธานใหญ่คังแจชิกก็ส่ายศีรษะ

ป่านนี้เนี่ยนะ ช่างเถอะ จะทำให้โดนด่าเพิ่มทำไม...”

ทันใดนั้นประธานโจก็เข้าใจว่าทำไมถึงพูดเรื่องเก่า ๆ ขึ้นมา

เพราะเครียดกับสถานการณ์ที่ระแวงลูกตัวเอง

ดังนั้นจึงกำลังมองหาสาเหตุของความเครียดจากภายนอก

ตอนที่ได้รับสืบทอดกรุ๊ป พี่ที่กัดเขาอย่างเต็มแรงกลับพูดว่าไม่ใช่ความผิดของตัวเอง เขาจึงโกรธประธานใหญ่ที่เอาแต่นอนหายใจอยู่ในโรงพยาบาลมาเกือบสิบปี

มีอีกเรื่อง

ความรู้สึกที่หวังว่าลูก ๆ จะไม่เหมือนตัวเอง

หวังว่าจะไม่เหมือนตัวเองในตอนนั้นที่เคยไล่พี่ชายออกไปเพราะดวงตาถูกบดบังด้วยความโลภ

แต่ประธานโจนัมฮยอกไม่ได้หัวเราะเยาะรองประธานใหญ่คังแจชิก

เพราะคิดว่าไม่มีใครสมบูรณ์แบบ

ถ้านึกถึงการบริหารงานด้วยสัญชาตญาณ ไม่ใช่สติสัมปชัญญะแล้วเรื่องแค่นั้นก็ไม่นับว่าเป็นอะไรเลย

ผมจะคอยจับตาดูต่อครับ”

โอเค ขอบใจมาก แดซองล่ะ”

หัวหน้าฝ่ายคังแดซองไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรพิเศษครับ นอกจากส่งข่าวเกี่ยวกับคุณดาอึนแล้วก็ไม่ได้ทำงานอื่นมากนัก กำลังโฟกัสกับการสนับสนุนฝ่ายธุรกิจเอ็มซี ถ้าผมไม่รู้มาก่อนก็คงไม่คิดว่าเขากำลังทำงานอื่นอยู่ด้วยครับ”

แดซองสนับสนุนให้ดาอึนไปเป็นลูกสะใภ้ของชอนโบยุน...ใช่ความคิดที่ดีหรือเปล่า”

ก็ขึ้นอยู่กับว่าเอาไปใช้ยังไงไม่ใช่เหรอครับ”

ยกตัวอย่างเช่น”

ถ้า สส.ชอนโบยุนชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี จะมีการเปิดตัวคณะกรรมาธิการประธานาธิบดีทันทีครับ ผมคิดว่าถ้าเอาผู้เชี่ยวชาญฝั่งเราใส่เข้าไปสักสองสามคน ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรนะครับ”

ถึงจะคล้าย แต่อาจจะไม่ใช่”

ครับ?”

อาจจะเป็นฝั่งแดซอง ไม่ใช่ฝั่งเรา”

หมายความว่าหัวหน้าฝ่ายคังแดซองอาจจะดีลได้งั้นเหรอครับ ทำแบบนั้นแล้วได้ผลประโยชน์อะไร”

เรื่องนั้นฉันก็ไม่รู้ มันคงมีแผนบางอย่าง แต่ทุกอย่างที่มันมีก็เป็นของฉันไม่ใช่เหรอ ถ้าอย่างนั้นก็เรียกว่าทำเพื่อโอซองสิ”

ไม่น่าใช่ครับ ถ้าจะทำอย่างนั้น คงไม่มีทางแอบทำข้อตกลงกับกรรมการผู้จัดการชเวยองฮุนแทนท่านรองประธานใหญ่หรอกครับ”

รองประธานใหญ่คังแจชิกสันนิษฐานไว้แล้วว่าลูกชายคนรองเป็นคนแย่งซื้อสินค้าของกรรมการผู้จัดการชเวยองฮุน

ถ้างั้นมันคงคิดจะทำอะไรสักอย่าง หลังจากชอนโบยุนได้เป็นประธานาธิบดีแล้ว...แต่แดซองมันมีความอดทนกับวิสัยทัศน์กว้างไกลขนาดนั้นเลยเหรอ”

ถ้าชเวยองฮุนสนับสนุนหัวหน้าฝ่ายคังแดซอง เหมือนที่หัวหน้าฝ่ายคังแดซองสนับสนุนคุณดาอึนล่ะครับ”

รองประธานใหญ่คังแจชิกกะพริบตาและพยักหน้าทันที

นั่นสินะ นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว”

ประธานโจนัมฮยอกรู้สึกสงสัยเมื่อเห็นรองประธานใหญ่คังแจชิกยอมรับความคิดเห็นของตนเร็วมาก

ไม่คิดว่าเป็นข้อสันนิษฐานที่ง่ายเกินไปเหรอครับ”

นายไม่เคยเจอกรรมการผู้จัดการชเวยองฮุนใช่ไหม”

ครับ”

ไว้ลองหาข้ออ้างเหมาะ ๆ นัดมากินข้าวด้วยกัน แล้วนายจะเข้าใจฉันเอง”

ได้ครับ แล้วจะเอายังไงกับหัวหน้าฝ่ายคังแดซองครับ”

ปล่อยไว้อย่างนั้นแหละ ถ้าชเวยองฮุนเป็นโค้ชให้ก็คงจะอยู่เงียบ ๆ ไปอีกสักพัก”

มีเหตุผลที่มั่นใจขนาดนั้นไหมครับ”

รองประธานใหญ่คังแจชิกนึกถึงคำพูดของยองฮุน

ที่บอกว่าต้องระวังสุขภาพ

หมายถึงให้ระวังสุขภาพเฉย ๆ ตรงตามตัวหรือเปล่านะ

รองประธานใหญ่คังไม่คิดอย่างนั้น

เพราะถ้ารับการโค้ชจากชเวยองฮุนอยู่ ตอนนั้นมันไม่มีทางพูดแบบนั้นหรอก ช่วงนี้ก็จับตามองแต่การเคลื่อนไหวของมันซองไปเรื่อย ๆ สักระยะ”

รับทราบครับ”

รองประธานใหญ่คังกดท้องที่อืดพร้อมจมอยู่กับความคิด

ไม่ว่าอย่างไรก็เห็นได้ชัดว่าอาการท้องอืดคงไม่ทุเลาลงจนกว่าผลตรวจจะออกมาอย่างชัดเจน

 

ขอบคุณนะ ทุกอย่างเป็นเพราะเธอเลย”

ยอนฮีได้พบกับแซรมอีกครั้งในไม่กี่วันถัดมาและต้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาประหลาดใจ

เพราะที่ผ่านมาแทบไม่เคยได้ยินคำว่าขอบคุณออกมาจากปากแซรมเลย

ฉันก็ขอบคุณสำหรับทุกอย่างเหมือนกัน ยังไงพวกเราก็มีอะไรแลกเปลี่ยนกันอยู่แล้วนี่นา”

ยายนี่หนิ...พูดแบบนั้นมันดูไม่จริงใจเลย”

ฮ่า ๆ! แต่คำพูดนั้นก็เกินคาดจริง ๆ นะ”

ทำไม กลับกันแล้ว ฉันดูไม่จริงใจยิ่งกว่าเหรอ”

ถ้าพูดตามตรงก็...นิดหน่อย”

แซรมยักไหล่

ถ้าเป็นอย่างนั้น จะลองเปลี่ยนดูแล้วกัน”

บรรยากาศในบ้านเป็นยังไงบ้าง”

แซรมถอนหายใจก่อนจะคนกาแฟที่วางอยู่ข้างหน้าแล้วพูด

เฮ้อ...ควรจะอธิบายเรื่องนี้ยังไงดี พี่สามีไม่สบตาฉันเลย ไม่ชวนคุยด้วยเกือบทำให้ฉันหายใจไม่ออกด้วยความเงียบแล้ว ถ้าคุณแม่ไม่ได้เข้า ๆ ออก ๆโรงพยาบาล ฉันคงจะแห้งตายคาบ้าน”

เธอไม่ได้โดนแม่สามีรังแกสินะ”

เพราะวางตัวเป็นกลางสุด ๆ แถมช่วงนี้ลูกสาวคนเล็กสุดที่รักเพิ่งสร้างเรื่องใหญ่นั่นไง แม่สามีฉันดูข่าวทั้งวัน เดี๋ยวก็บ่นชุดนั่นมันอะไร ทำไมถือกระเป๋าใบนั้น เหมือนเป็นผู้จัดการดาราเลย”

แต่ก็ดูน่าอยู่ดีนะ”

หึ! ยังไงฉันก็คือจางแซรมไง แต่ถึงฉันจะเป็นโอซองแล้ว แต่พ่อฉันก็ใหญ่เหมือนกันนะ จะมองฉันเป็นแค่ทาสในเรือนเบี้ยได้ไง”

สามีล่ะ”

โอเค”

แม้ว่าจะเป็นคำตอบสั้น ๆ แต่สีหน้าภูมิใจของแซรมก็ดูเหมือนเป็นคำอธิบายเพิ่มเติมแล้ว

ดีนะเนี่ย ฉันไม่รู้ว่าเธอรู้หรือเปล่า แต่สามีฉันเครียดมาก ไม่นานก่อนหน้านี้พ่อสามีเธอก็มาหาเขาด้วยตัวเอง”

พ่อสามีฉันไปหาสามีเธอ? จริงเหรอ”

อื้อ”

แซรมมีสีหน้าไม่คิดจะเชื่อง่าย ๆ

ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพ่อสามีที่ไม่ค่อยออกไปไหนจะไปพบกับคนที่เป็นแค่ลูกเขยของประธานใหญ่ แถมยังเป็นผู้ชายที่ไม่มีภูมิหลังอะไรเลยด้วย

คุยเรื่องอะไรกันเหรอ”

แค่...บอกว่าคุยเรื่องสามีของเธอ”

เล่าให้ละเอียดหน่อยสิ”

ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ต่อให้รู้ แต่ถ้าฉันไม่เล่าก็แสดงว่ามีเหตุผลนะ”

แซรมตั้งสติขึ้นมาได้ทันทีหลังจากได้ยินคำตอบอันหนักแน่นของยอนฮี

เอ่อ โทษที...ฉันแค่อยากรู้...”

ระหว่างแก้ตัว แซรมก็ประหลาดใจกับบรรยากาศของยอนฮี

เมื่อก่อนเป็นแค่ผู้หญิงหน้าตาดีและท่าทางหยิ่งยโสเหมือนดารา แต่ตอนนี้กลับมีออร่าที่มองไม่เห็น

รู้สึกได้ถึงพลังที่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกตัวเล็กลง จากการมองลงมาจากด้านบนอีกระดับหนึ่ง

ไม่เป็นไร มันเกิดขึ้นได้ เอาเป็นว่ามันคือประเด็นที่พ่อสามีเธอใส่ใจมากถึงขนาดมาหาด้วยตัวเอง แต่สามีฉันจัดการเรียบร้อย แล้วก็พูดคุยเรื่องสามีเธอเป็นอย่างดีแล้ว ไม่ต้องกังวลก็ได้”

ขอบใจนะ อ้อ แล้วเอาต์เล็ตของเธอน่ะ ภาพมุมสูงออกมาหรือยัง”

แน่นอน”

แล้วผังการจัดวางล่ะ”

ออกแล้ว ทำไม มีที่ที่สนใจแล้วเหรอ”

แซรมยิ้มกว้างก่อนจะยืดไหล่พูดอย่างมั่นใจ

ฉันเป็นใครล่ะ แบรนด์ระดับไฮเอนด์สามแห่งแสดงความสนใจแล้วเนื่องจากเป็นช็อปปิ้งแพลตฟอร์มแห่งแรกที่มีคอนเซปต์แบบนี้ แบรนด์ในยุโรปเลยสงสัยว่าผู้บริโภคจะมีปฏิกิริยายังไง เขาต้องการรายละเอียดที่ชัดเจนของสัญญาว่าค่าเช่าและค่าธรรมเนียมจะเป็นยังไง”

ช่วงเวลาที่เปิดร้านได้ล่ะ”

ก่อสร้างเสร็จก็เปิดร้านได้ทันที ห้างสรรพสินค้าในประเทศชอบมีนอกมีในแล้วแบรนด์ระดับไฮเอนด์จะให้ความสนใจห้างสรรพสินค้าในประเทศพวกนั้นไหมล่ะ”

ถ้างั้นก็ดี ค่าเช่าจะแตกต่างกันไปตามทำเล ขนาดพื้นที่เช่าไม่เท่ากันเดี๋ยวจะส่งพนักงานของเราไปให้หนึ่งคน ดูแล้วบรีฟได้เลย ส่วนค่าเช่ากับค่าธรรมเนียมยังไม่ได้รับการยืนยัน”

นั่นเรื่องสำคัญนะ”

ยอนฮีส่ายหน้านิ่ง ๆ

ไม่ใช่ มีบางอย่างที่สำคัญกว่านั้น ลูกค้าไง”

อ๋อ...”

ควรจะโชว์ก่อนไม่ใช่เหรอ ฉันจะตัดสินใจหลังจากดูแล้วว่าสามารถดึงดูดลูกค้าที่มีคุณภาพได้กี่คน”

ไหล่ฉันเริ่มหนักเกินไปแล้ว”

หนักนิดหน่อยก็ไม่เป็นไรหนิ ระดับเธอทำได้อยู่แล้วนี่นา”

ฮู่...ช่วยไม่ได้แฮะ โอเค ถ้างั้นอย่างแรก...”

ระหว่างที่แซรมกำลังจะตอบ โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น

แต่ปลายสายกลับเป็นคนที่ไม่คาดคิด

เอ๊ะ?”

ทำไม ใครโทร.มา”

พ่อฉัน พ่อโทร.มาทำไมนะ”

รับก่อนเถอะ”

หลังจากแต่งงานแล้วก็มีแค่แม่ที่เป็นคนโทร.หา ส่วนพ่อแค่รับโทรศัพท์ตอนที่แม่ยื่นให้เท่านั้น

แต่การโทร.หาลูกสาวที่แต่งงานแล้วในช่วงกลางวันของวันธรรมดาที่น่าจะกำลังทำงานอยู่ มันทำให้รู้สึกไม่สบายใจ

ฮัลโหล”

แซรม นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น”

แซรมตกใจและงุนงงกับนํ้าเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธของพ่อ

หา? เกิดอะไรขึ้น หมายถึงเรื่องไหน มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเหรอ”

โอซองบอกว่ากำลังเล็งบริษัทที่เราตั้งใจจะซื้อกิจการ นี่มันเรื่องจริงเหรอ”

หมายถึงอะไร ทำไมโอซองถึงเล็งบริษัทที่พ่อจะซื้อล่ะ”

นั่นคือสิ่งที่ฉันถามไม่ใช่หรือไง ข่าวลือนั้นกำลังแพร่ไปทั่วตลาด ฉันเลยถามว่ามันเป็นเรื่องจริงเหรอ รีบถามสามีแกซิ”

โอเค เดี๋ยวหนูถามให้เลย”

แซรมวางสายแล้วโทร.หาสามี

ไม่ว่าสัญญาณจะดังนานแค่ไหน แต่การโทร.ครั้งนี้ก็ไม่สามารถติดต่ออีกฝ่ายได้เลย

ลางสังหรณ์ไม่ดีกำลังแล่นผ่านสมองของเธอ

 

ตอนนี้กำลังทำบ้าอะไร”

แดซองกดปิดเสียงโทรศัพท์ที่ภรรยากระหนํ่าโทร.มาอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะหันกลับมาจ้องหน้าพี่ชาย

กำลังทำอะไรล่ะ ฉันก็แค่มองว่าเป็นบริษัทที่น่าสนใจมากพอไง”

แต่มันคือบริษัทที่ทีเอสตั้งใจจะซื้อกิจการอยู่แล้วนะ”

แล้วยังไง ฉันต้องทำธุรกิจโดยคิดถึงครอบครัวภรรยานายด้วยเหรอ”

พี่ยังไม่ได้เป็นประธานโอซองอิเล็กทรอนิกส์นะ ยังเป็นแค่ประธานโอซองดิจิทัล”

ตอนเราซื้อกิจการโอซองหลักทรัพย์ คนที่ผลักดันการซื้อกิจการนั้นมากที่สุดคือพ่อเรา ตอนนั้นพ่อเป็นแค่ประธานโอซองการผลิตด้วยซํ้า ในระดับกรุ๊ปเราประเมินว่ามันคือธุรกิจที่มั่นคงสำหรับอนาคต ฉันรู้ว่าครอบครัวภรรยานายกำลังเล็งธุรกิจนั้นอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นเราเองก็ไม่ควรปล่อยมันหลุดมือแบบโง่ ๆ”

อย่างน้อยก็ควรจะปรึกษาฉันก่อนไม่ใช่เหรอ จำเป็นต้องเอาขึ้นวาระการประชุมประธานบริษัททันทีเลยหรือไง”

ตอนนี้ก็ปรึกษาอยู่นี่ไง อีกอย่างถ้านายกับฉันแอบปรึกษากันแล้วเรื่องจะจบเลยเหรอ ต้องไปเจอพ่อด้วย ฟังความคิดเห็นของคนอื่นด้วย ถึงจะประเมินได้อย่างเป็นกลาง”

แดซองจ้องหน้าพี่ชายที่ตอบอย่างสบาย ๆ โดยไม่สูญเสียรอยยิ้ม

จากนั้นจึงเอ่ยถามเสียงเรียบ

เหตุผลที่ทำแบบนี้คืออะไร”

หือ? คิดว่าจะมีเหตุผลอื่นหรือไง”

กลัวฉันเหรอ”

สีหน้าของมันซองเย็นชาทันที

ทำไมฉันต้องกลัวนาย เพราะอะไร นายทำอะไรที่ฉันควรกลัวหรือไง”

พ่อยังแข็งแรงดีอยู่ จำเรื่องนั้นไว้ให้ขึ้นใจ”

หึ! ไอ้บ้าเอ๊ย...นายบ้าไปกันใหญ่แล้วสินะ อ้อ โอเค...ช่วงนี้เหมือนนายกำลังเดินตามทางของตัวเอง อาจจะมองอะไรไม่เห็นละสิ เอาเถอะ ทำแบบนั้นต่อไปแล้วกัน”

จู่ ๆ แดซองรู้สึกไม่สบายใจกับท่าทีผ่อนคลายของพี่ชาย

พี่ต้องมีอะไรบางอย่างที่เขาไม่รู้แน่นอน


 

บทที่ 272 บังเอิญ (1)

 

นักพรตมยองอู เปิดสำนักปรัชญาเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในออฟฟิศเทลใกล้กับสถานีกังนัม และเพลิดเพลินกับความสนุกสนานรูปแบบใหม่

เพราะช่วงนี้เหล่าคนหนุ่มสาวที่ต้องการศึกษาดวงชะตาและไพ่ทาโรต์เป็นงานอดิเรกพากันเข้ามาหา จึงทำให้เขารู้สึกเหมือนจิตใจตัวเองอ่อนเยาว์ลงระดับหนึ่งด้วย

ไม่จำเป็นต้องพ่นถ้อยคำรุนแรงใส่คนที่ชีวิตกำลังจะพังทลาย หรือวาดยันต์ไร้ประสิทธิภาพเพื่อหาเงิน

พอไม่มีอะไรรบกวนจิตใจก็ไม่หนักใจ พอไม่หนักใจก็ไม่เครียดและมีความสุขในทุก ๆ วัน

แน่นอน เขารู้ว่าที่เป็นแบบนี้ได้เพราะเงินที่หามาได้ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา

วันนี้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับธาตุสำคัญไปแล้ว คราวหน้าเราจะมาเรียนรู้เกี่ยวกับรูปดวงต่าง ๆ กันนะครับ”

ขอบคุณครับ”

หลังจากสอนเสร็จ นักพรตมยองอูก็ค้นหาของใช้สำหรับเด็กอ่อนทางอินเทอร์เน็ต เนื่องจากภรรยาชาวโมร็อกโกที่แต่งงานกับเขาเพิ่งตั้งครรภ์เมื่อไม่นานนี้

เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ลูกชายที่ตัวเองทำให้เกิดมาสมัยยังเป็นวัยรุ่นไม่รู้ประสาว่าโลกใบนี้น่ากลัวแค่ไหน จะเป็นดั่งสมบัติอันลํ้าค่าและงดงาม

เคยคิดแค่ว่านั่นเป็นเพียงภาระอันใหญ่หลวงของชีวิตเท่านั้น

แต่ตอนนี้ที่พลังค่อย ๆ ถดถอยจนมองโลกด้วยความรู้สึกปล่อยวางได้แล้วการมีลูกก็ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

แค่หวังว่าจะมีสุขภาพแข็งแรง...

ขณะกำลังค้นหาของใช้สำหรับเด็กด้วยความรู้สึกนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังก๊อก ๆ จากด้านนอก

เชิญเข้ามาเลยครับ~”

นํ้าเสียงใจดีที่ใช้ในการทำธุรกิจติดปากมาโดยไม่รู้ตัว

พี่คะ...”

น่าประหลาดใจเมื่อคนที่ค่อย ๆ โผล่หน้าเข้ามาพร้อมกับเอ่ยเรียกด้วยนํ้าเสียงแผ่วเบากลับเป็นอิมบกฮี

เธอมาทำอะไร”

ตั้งแต่ตอนที่เธอได้พบกับยองฮุนแล้วโวยวายเหมือนคิดจะแก้แค้นอยู่พักใหญ่ หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกลับมาอีกเลย

แน่นอนว่านักพรตมยองอูก็ไม่ได้ติดต่อเธอเช่นกัน

สำหรับเขา อิมบกฮีคือความสัมพันธ์อันเลวร้ายในอดีต รวมถึงภาระทางจิตใจที่อยากจะลบและตัดทิ้งไป ทว่าอีกฝ่ายก็น่าสงสารจนทอดทิ้งไม่ลงดังนั้นหากเธอเป็นฝ่ายตีตัวออกหากเองก็ดี แต่ในเมื่อเธอเข้ามาหาเอง เขาก็ปฏิเสธไม่ได้

พี่คะ...”

อิมบกฮีที่ไม่ได้เจอกันนานมีใบหน้าซีดเซียว

เธอพึมพำด้วยนํ้าเสียงเหมือนจะร้องไห้ สุดท้ายพอนั่งลงฝั่งตรงข้ามเขาแล้ว นํ้าตาก็ร่วงเผาะ ๆ

ภาพนั้นทำให้นักพรตมยองอูถอนหายใจก่อนจะถาม

ฮู่...เกิดอะไรขึ้น”

เขาบอกว่าตับฉันไม่ดี”

หา? อะไรไม่ดีนะ”

ตับไม่ดี ฉันรู้สึกเหนื่อย ๆ มาตลอดตั้งแต่ปีก่อน พักนี้ปวดท้องช่วงบนก็เลยไปโรงพยาบาล หมอบอกว่าเป็นมะเร็งตับระยะแรกค่ะ”

โชคดีที่เป็นแค่ระยะแรก โชคดีแล้ว”

โชคดีบ้าบออะไร! เขาบอกว่าฉันเป็นมะเร็งนะ!”

นี่แค่ระยะแรก เดี๋ยวก็หายดี ไม่ต้องกังวลเกินไปหรอกน่า”

เมื่อนักพรตมยองอูตบไหล่เธอเพื่อปลอบประโลม อิมบกฮีที่ก้มหน้าอยู่จึงเงยหน้าขึ้น

พอสังเกตดี ๆ แล้ว ใบหน้าของเธอดูเหลืองเล็กน้อยอยู่เหมือนกัน

ก็ต้องหายอยู่แล้วแหละ นี่ปีสองพันยี่สิบแล้ว แค่มะเร็งตับระยะแรกจะรักษาไม่ได้หรือไงคะ”

เธอไม่ได้กังวลเรื่องนั้นหรอกเหรอ”

พี่...ลองคิดดูสิคะ ระหว่างเข้า ๆ ออก ๆ โรงพยาบาลเพื่อรักษาตัว ร่างกายมันก็โทรมลงด้วยไม่ใช่เหรอ อีกอย่างถ้ารู้กันว่าฉันเป็นมะเร็งตับ แล้วใครจะมาดูดวงกับฉันล่ะคะ ฉันจบเห่แล้ว”

เธอโอดครวญพร้อมกับร้องไห้โฮ

นักพรตมยองอูหมดคำจะพูด

เป็นมะเร็งตับระยะแรก แต่ดันร้องไห้เพราะกลัวว่าลูกค้าจะหาย ไม่ได้กังวลเรื่องมะเร็งเลยสักนิด ความโลภของเธอไม่มีที่สิ้นสุดจริง ๆ

ให้ตายเถอะ ทำไมเธอไม่เปลี่ยนไปเลย”

ลูกชายพี่...ลูกชายพี่ก็เคยพูดอย่างนั้นนี่นา”

นักพรตมยองอูหน้าตึงทันที

เพราะไม่ชอบที่เรื่องของลูกชายออกมาจากปากเธอ

หือ?”

เขาบอกว่าจุดจบฉันอยู่ไม่ไกลแล้ว ลูกชายพี่มองหว่างคิ้วของฉันแล้วพูดแบบนั้น จำไม่ได้เหรอคะ”

จริงสิ เขาเคยพูดอย่างนั้น...”

นักพรตมยองอูลืมไปแล้ว

แม้จะเป็นเรื่องที่ไม่สมควรลืม แต่กลับอยากลืมจนสุดท้ายก็ลืมเข้าจริง ๆ

ขอฉันเจอลูกชายพี่อีกสักครั้งไม่ได้เหรอคะ”

ไม่ได้”

ฉันอาจจะจบเห่ทั้งอย่างนี้เลยก็ได้นะคะ”

แน่นอน คำว่าจบเห่ของเธอหมายถึงเงิน ไม่ใช่ความตาย

ถ้าหากหวาดกลัวความตาย เขาคงจะช่วยติดต่อลูกชายให้ด้วยความสงสารแต่พอเป็นความรู้สึกแบบนี้ เขาไม่อาจทำตามความต้องการของเธอได้

ชีวิตคนเรามีอะไรแน่นอนด้วยเหรอ ถ้าเธอพยายามหน่อยก็อาจจะได้กลับคืนมาบ้าง”

มี สส.อยู่คนหนึ่งที่เคยเชื่อฟังฉันทุกอย่าง แต่ตอนนี้เธอก็ไม่ติดต่อมาอีกเลยเหมือนกัน ตั้งแต่ได้เจอลูกชายพี่ ก็ไม่มีอะไรได้ดั่งใจฉันสักอย่าง”

ทุกอย่างจะเป็นดั่งใจเธอได้ยังไง”

เลิกพูดจาเหมือนเป็นพระอรหันต์สักทีเถอะค่ะ! อายุปูนนี้แล้วฉันยังต้องทำมาหากินอะไรอีก ฉันคือเทพธิดาฮวาอกนะ แค่ฉันพูดคำเดียวก็มีคนกลุ่มหนึ่งปูหลังคากระเบื้องถวายให้แล้ว จำไม่ได้เหรอคะ”

ใช่ แต่นั่นเป็นเรื่องในอดีต”

ฉันอยากใช้ชีวิตอย่างสง่างามจนวินาทีสุดท้ายค่ะ ไม่ใช่แก่ตายอย่างน่าสังเวช”

ถึงเธอจะป่วย ชื่อเสียงก็ไม่ได้หายไปไหน ระดับเธอไม่มีทางอดตายอยู่แล้ว”

แต่คนก็จะกังขาในตัวฉันหมดสิคะ ใครจะกล้าเชื่อแล้วเอาทรัพย์สินมาถวายให้หมอดูที่ไม่รู้ด้วยซํ้าว่าตัวเองเป็นมะเร็งตับ”

ใช่ว่าต้องหอบทรัพย์สินมาเป็นกอง เราถึงจะดูดวงให้สักหน่อย”

เธอไม่อาจยอมรับคำพูดของนักพรตมยองอูได้

ฉันคือเทพธิดาฮวาอกนะคะ ทำไมฉันต้องมาใช้ชีวิตด้วยเงินห้าหมื่นวอนต่อชั่วโมงด้วย”

คนที่หาเงินได้ไม่ถึงห้าหมื่นวอนต่อชั่วโมงในประเทศเกาหลีมีเยอะแยะ”

อิมบกฮีแหวขึ้นมาทันที

แล้วทำไมล่ะ ทำไมฉันต้องใช้ชีวิตแบบนั้น!”

แล้วลูกชายฉันบอกว่าเธอต้องใช้ชีวิตแบบนั้นหรือไง เธอก็ได้ยินแล้วไม่ใช่เหรอ”

ฉันถึงอยากเจอไงคะ ถ้าแค่มองโหงวเฮ้งแล้วรู้ว่าฉันจะเป็นแบบนี้...บางที...”

อย่าคาดหวังดีกว่า เด็กคนนั้นเย็นชากว่าที่เธอคิด”

ฉันรู้ว่าพี่ไม่ชอบฉัน แต่อย่างน้อยก็ช่วยพูดสักคำไม่ได้เหรอคะ”

นักพรตมยองอูมองเธอด้วยสายตาเห็นใจ

เฮ้อ ถึงตอนนี้พลังจะอ่อนลงเยอะแล้ว แต่เธอก็ยังรับใช้เทพอยู่นะยังอยากฟังอนาคตตัวเองจากปากคนอื่นอีกเหรอ ไม่อายหรือไง”

ตอนที่ฉันจะอายคือตอนที่ไม่มีเงินในกระเป๋า และยอดเงินในบัญชีว่างเปล่าต่างหาก”

อย่างที่บอก เด็กคนนั้นเย็นชามาก”

พี่เองก็ไม่ได้รู้จักเด็กคนนั้นดีเหมือนกันนี่คะ”

ต่อให้ไม่รู้จักแต่ก็เป็นลูกชายฉัน แค่เห็นสายตากับปากก็รู้นิสัยแล้วรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงไม่ติดต่อลูก เพราะที่ผ่านมาฉันไม่ได้ทำหน้าที่พ่อน่ะสิในเมื่อไม่ได้ทำหน้าที่พ่อ แต่ดันไปอ้างสิทธิ์ความเป็นพ่อ เด็กนั่นคงจะตัดสายใยที่เหลืออยู่ทิ้งทันที”

“...”

เธอไปรักษาตัวก่อนแล้วค่อยมาพูดเรื่องเงิน”

พี่ต้องช่วยฉันนะคะ”

ตั้งสติ คนที่เธอควรขอความช่วยเหลือคือหมอ ไม่ใช่ฉัน กลับไปซะไปรักษาตัวก่อนแล้วค่อยมาใหม่ ไว้ถึงตอนนั้นฉันจะลองถามให้”

สัญญานะคะ สัญญาใช่ไหม”

โอเค รีบไปเถอะ”

อิมบกฮีนํ้าตาไหลอาบหน้าขณะเดินออกจากออฟฟิศของนักพรตมยองอู

ทว่าเธอจากไปยังไม่ทันถึงหนึ่งนาทีด้วยซํ้า ก็มีใครบางคนเคาะประตูอีกครั้ง

นักพรตมยองอูเปิดประตูเต็มแรงด้วยอารมณ์หงุดหงิด แต่คนที่ยืนอยู่กลับไม่ใช่อิมบกฮี

กลับเป็นหญิงสาวที่คุ้นหน้าคุ้นตาดี

สวัสดีค่ะ”

หญิงสาวที่ทั้งสวยและหุ่นดีเหมือนนางแบบ

แต่ในบรรดาผู้หญิงจากตระกูลมหาเศรษฐี คงไม่มีใครหน้าตาดีไปกว่าลูกสะใภ้ของเขาอีกแล้ว

เธอรู้จักที่นี่ได้ยังไง”

ฮันจูยอนเสยผมแล้วพูดด้วยสีหน้าหม่นหมอง

ฉันลองเสิร์ชดูในอินเทอร์เน็ตเลยรู้ว่าท่านนักพรตมาเปิดสถานที่แบบนี้อยู่ตรงกังนัมค่ะ เห็นว่ารับลูกศิษย์ แต่ไม่รับดูดวงแล้ว...”

ในเมื่อรู้อยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องให้พูดมากความสินะ”

กรุณาช่วยฉันเถอะนะคะ”

นักพรตมยองอูถอนหายใจเฮือกใหญ่

หลังจากปิดสำนัก เขาก็เลิกอ่านดวงชะตาของตัวเองอย่างที่เคยทำเป็นกิจวัตรทุกเช้าหลังตื่นนอน แต่หากอ่านดวงวันนี้ก็คงเป็นดวงแห่งความลำบากใจครั้งใหญ่ เพราะมีเรื่องยิบย่อยถาโถมเข้ามาจากทุกสารทิศ

ทำไมทุกคนถึงแห่มาขอความช่วยเหลือกันนะ...

กลับไปซะ ฉันไม่รับดูดวงแล้ว”

ฮันจูยอนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะแทรกตัวผ่านประตูที่เปิดอยู่ครึ่งหนึ่งแล้วนั่งลงบนเก้าอี้สำหรับนักเรียน

เธอจะทำอะไร”

ได้โปรดช่วยฉันหน่อยนะคะ”

จะให้ช่วยอะไร”

ฉันเพิ่งคบกับผู้ชายคนหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ค่ะ เขามาจากตระกูลใหญ่ที่ไม่เคยถูกสั่นคลอนแม้แต่ครั้งเดียวนับตั้งแต่ก่อตั้งประเทศมา ฉันเลยตกลงคบกับเขา แต่หลังจากพ่อของเขาติดคุก ทุกอย่างที่เขามีก็ปลิวหายไปหมดเลยค่ะ ถึงจะไม่ได้กลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัว...แต่ฉันอยากรู้ว่าเพราะอะไรถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้”

ฮันจูยอนนํ้าตาร่วงเผาะ ๆ

นักพรตมยองอูเดาะปาก

เวลาคบผู้ชายจะไม่มองภูมิหลังก็คงไม่ได้ แต่จะมองแค่เงินอย่างเดียวก็ไม่ได้เหมือนกัน ถ้าเธอมีดวงชะตาได้สามีดี จะเลือกยังไงก็ไม่มีปัญหา แต่เธอพลาดแล้ว”

หมายความว่ายังไงคะ”

เธอพลาดช่วงที่เหมาะกับการแต่งงานไปแล้ว ถ้ารอให้ดวงแต่งงานเข้ามาอีกครั้งก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามปี เธอมาขอให้ช่วยหาผู้ชายเอาป่านนี้ ฉันจะช่วยยังไงได้ล่ะ”

สามปีเลยเหรอคะ”

ฮันจูยอนยากจะยอมรับ

บรรยากาศของครอบครัวเธอที่เคยผ่อนคลายก็เปลี่ยนไปมากเช่นกัน

ทั้งกรุ๊ปกำลังเผชิญกับปัญหามาตั้งแต่ช่วงต้นปี และดูเหมือนจะไม่มีหนทางอื่นนอกจากแต่งงานเพื่อแก้ไขสถานการณ์

เธอเคยคิดว่าถ้าเป็นเซยองคงจะช่วยได้เยอะ เพราะครอบครองสื่อที่มีอิทธิพลต่อเกาหลีอย่างมหาศาล แถมยังไม่ใช่แค่บริษัทหนังสือพิมพ์ธรรมดา ๆทว่าตอนนี้เซยองกลับกลายเป็นกรุ๊ปที่ไม่เหลืออะไรเลยนอกจากธุรกิจหนังสือพิมพ์และรายการโทรทัศน์

ท่ามกลางสถานการณ์นั้น ผู้นำกรุ๊ปติดคุก ส่วนลูกชายคนโตที่เหลืออยู่ก็กำลังถูกอัยการสอบสวน แล้วจะให้คาดหวังอะไรได้อีก

ตอนนี้เหลือเพียงความเศร้าโศกและสงสัยว่าทำไมโชคชะตาของเธอถึงได้เป็นแบบนี้

จะแต่งงานก่อนหน้านั้นก็ได้ ใช่ว่าไม่มีดวงแล้วจะแต่งงานไม่ได้สักหน่อย”

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าแต่งงานตอนที่ยังไม่มีดวงเหรอคะ”

ก็จะได้แต่งงานกับคนที่ไม่เหมาะสมกันน่ะสิ ก่อนหน้านี้ฉันเคยบอกแล้วใช่ไหม ความสัมพันธ์ระหว่างคนเราจะมีสิ่งที่เรียกว่าดวงสมพงศ์ ถ้าทำธุรกิจกับคนที่ดวงไม่สมพงศ์กัน ธุรกิจจะไม่เจริญรุ่งเรือง ถ้ามีลูกที่ดวงไม่สมพงศ์กัน พ่อแม่ลูกก็จะกลายเป็นไม้เบื่อไม้เมา แล้วคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงจะเป็นยังไงล่ะ”

หมายความว่าภายในสามปีนี้ฉันไม่ควรสนใจผู้ชายเลยเหรอคะ”

ใช่ จากที่ฉันมองนั่นคือคำตอบ”

ไม่มีทาง...”

อุตส่าห์มาหาเพราะคิดว่าอาจจะมีหนทางอื่น แต่สุดท้ายกลับได้รับเพียงคำตอบอันน่าสิ้นหวัง

ในเมื่อรู้แล้วก็กลับไปใช้ชีวิตให้ดี อย่าพยายามฝืนชะตาเลย”

เขาโบกมือไล่ให้เธอกลับไป

ยิ่งพูดแบบนั้นก็ยิ่งทำให้คำตอบของเขาดูน่าเชื่อถือมากขึ้น...

หากทำนายว่าจะมีเคราะห์ ปกติก็มักเรียกเงินเพิ่มเพื่อทำเครื่องรางหรือยันต์ไว้ป้องกันสิ่งไม่ดีเหล่านั้น แต่พอพยายามไล่กันเหมือนเห็นผี เธอก็ยิ่งรู้สึกว่านี่คือเรื่องจริง

ไม่มีวิธีอื่นแล้วเหรอคะ แต่ก่อนท่านนักพรตก็ทำพิธีทรงเจ้านี่นา”

ตอนนี้ฉันไม่ทำแล้ว พอพลังเทพเสื่อมลงถึงทำไปก็ไม่ได้ผลอะไร อีกอย่างเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาที่จะแก้ไขได้ด้วยการทำพิธีกรรม ไม่ได้มีวิญญาณร้ายตามติดบุพเพฯก็ไม่มี แถมนิสัยยังเป็นแบบนั้นมาตั้งแต่เกิด ต่อให้ทำพิธีทรงเจ้าทุกวันก็ไม่ช่วยอะไร คิดว่าถ้าทำพิธีให้คนเรียนไม่เก่งแล้วจะสอบเข้ามหา’ลัยได้คะแนนเต็มงั้นเหรอ มันเป็นไปไม่ได้”

นักพรตมยองอูเปิดประตูเพื่อส่งเธอกลับไปก่อนที่ตัวเองจะพูดยาวไปมากกว่านี้

ทว่าอีกฝั่งของประตูกลับมีคนมาเพิ่มอีกหนึ่งคน

คราวนี้เขาเองก็ตกใจมากจนเผลอก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว

มะ...มาที่นี่ได้ยังไง...”

ผมมีเรื่องจะถาม...”

ยองฮุนตอบพลางเหลือบมองผู้หญิงที่นั่งตาแดงกํ่าอยู่ข้างใน จากนั้นก็ขมวดคิ้วพร้อมจ้องหน้านักพรตมยองอู

นักพรตมยองอูจึงรีบโบกมือปฏิเสธและคิดว่าควรรีบอธิบายอย่างเร่งด่วน

ไม่ใช่ ฉันไม่ได้ดูดวงให้นะ แกก็รู้ว่าหลังจากตอนนั้นฉันก็สะสางทุกอย่างแล้ว ที่นี่เป็นแค่อะคาเดมีเฉย ๆ ดวงชะตาอะคาเดมี ฉันสอนดูดวงแล้วรับเฉพาะค่าเรียน ไม่ได้รับดูดวงแล้ว”

แล้วทำไมเธอถึงร้องไห้ล่ะครับ”

ฉันเคยดูดวงให้เด็กคนนี้มาก่อน แต่เธอมาหาอีกก็เลยแนะนำไปแค่ไม่กี่คำ ไม่คิดจะเอาเงินด้วย ใช่ไหม คุณหนูช่วยพูดหน่อยสิ”

ฮันจูยอนไม่เข้าใจว่าทำไมนักพรตมยองอูถึงดูลุกลี้ลุกลนต่อหน้าชายหนุ่มที่โผล่มากะทันหัน

แต่พอมองหน้าอีกฝ่ายอย่างละเอียดแล้วก็รู้สึกคุ้น ๆ

ทันใดนั้น...

อ๊ะ! ลูกแก้วมังกร!”

ผู้ชายที่แต่งงานกับยอนฮี

ผู้ชายคนนั้นที่นักพรตมยองอูเคยบอกว่าเป็นลูกแก้วมังกร

ลูกแก้วมังกร? หมายถึงอะไรครับ”

คือว่า...”

จังหวะที่นักพรตมยองอูละลํ่าละลัก ฮันจูยอนก็เช็ดนํ้าตาและลุกขึ้นพูด

คุณสองคนรู้จักกันเหรอคะ”

ครับ”

ยองฮุนยอมรับแต่โดยดี

ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”

คราวนี้นักพรตมยองอูเป็นคนตอบคำถาม

จะรู้ไปทำไม กลัวฉันจะรังแกเธอหรือไง”

ก็มันน่าแปลกใจนี่คะ ตอนนั้นฉันจ่ายเงินตั้งห้าสิบล้านวอนแลกกับคำตอบ”

ฉันก็คืนเงินนั่นไปแล้วไง”

ถึงอย่างนั้นก็เถอะ...”

ตอนแรกคิดว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลจึงถามไปด้วยความโกรธ แต่พอมาคิดดูดี ๆ แล้ว นักพรตมยองอูก็ไม่ได้เอาเงินเธอไปจริง ๆ นั่นแหละ

ยองฮุนจึงกล่าวกับฮันจูยอนที่กำลังสับสน

ดูเหมือนคุณจะเข้าใจอะไรผิด ยังไงให้ผมออกไปก่อนดีไหมครับ”

ไม่เป็นไรค่ะ ฉันขอโทษ เอ่อ ฉันฮันจูยอนค่ะ ก่อนหน้านี้เคยวางแผนจะแต่งงานกับประธานใหญ่คิมแทมิน แต่ก็เลิกกันไปก่อน ฉันควรจะไปร่วมงานแต่งงานของพี่ยอนฮี แต่สุดท้ายก็ไม่ทันได้ไปน่ะค่ะ”

อ๋อ...อย่างนี้นี่เอง ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

ยองฮุนเอียงศีรษะด้วยความสงสัยหลังจับมือกับเธอ

เพราะโหงวเฮ้งของเธอน่าสนใจมากทีเดียว


 

บทที่ 273 บังเอิญ (2)

 

เธอเกิดมา พร้อมลักษณะพิเศษเฉพาะของธาตุไม้

ใบหน้าเรียว รูปร่างผอมเพรียว

ไม้เป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ เมื่อใบหน้าและร่างกายคล้ายคลึงกับธาตุไม้บริสุทธิ์ จึงเป็นโหวงเฮ้งที่สุขสำราญกับความรํ่ารวยและเกียรติยศ

หน้าผากเกลี้ยงเกลา จมูกโด่งรับกับริมฝีปาก จนถึงขั้นคิดว่าสำหรับผู้หญิงแล้วจะมีโหงวเฮ้งไหนดีไปกว่านี้อีก

แต่ติดเพียงเรื่องเดียวที่เป็นปัญหา นั่นคือดวงตาของเธอ

หากไม่ได้พิจารณาอย่างละเอียดก็อาจไม่ทันสังเกต แต่ยองฮุนมองเห็นภายในครั้งเดียวว่านัยน์ตาของเธอมีออร่าขุ่นมัวสีเหลืองปนแดง

ถ้าเกิดมาพร้อมดวงตาแบบนั้น ชีวิตจะประสบแต่เคราะห์ร้ายไม่มีที่สิ้นสุด

สรุปสั้น ๆ เรียกได้ว่าดวงตาของเธอไม่เข้ากับส่วนอื่น ๆ

ถ้างั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ”

ฮันจูยอนรู้ว่าไม่สามารถถามอะไรนักพรตมยองอูได้อีกเพราะมีคนสำคัญมาจึงตัดสินใจรอโอกาสหน้าแทน

อะแฮ่ม...อืม จำคำฉันไว้ให้ดีก็แล้วกัน”

ค่ะ”

ปากบอกว่าเข้าใจ แต่ดูจากสีหน้าแล้ว เห็นได้ชัดว่าเธอยังคงคาใจอยู่

นักพรตมยองอูเดาะปากแล้วส่งตัวเธอกลับ จากนั้นก็รีบลากเก้าอี้มาให้ลูกชาย

นั่งสิ”

ยองฮุนทอดสายตามองเก้าอี้ตัวนั้นครู่หนึ่ง

เพราะถึงจะเป็นแค่เก้าอี้ แต่การนั่งเก้าอี้ที่อีกฝ่ายเอามาให้ก็เหมือนบ่งบอกว่าพวกเขาเริ่มสนิทกันมากขึ้น

ยองฮุนไม่ชอบความรู้สึกนั้นจึงนั่งลงบนเก้าอี้อีกตัวแทนก่อนจะพูด

ผมมีเรื่องสงสัยเลยมาหาครับ”

นักพรตมยองอูเสียใจเล็กน้อยกับการกระทำของลูกชาย แต่ไม่นานก็หัวเราะแล้วย้อนถาม

เรื่องอะไร”

หลุมศพแม่อยู่ที่ไหนครับ”

ใกล้จะถึงวันหยุดเทศกาลแล้ว อยู่ ๆ ยองฮุนก็นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองไม่รู้จักสถานที่สำหรับทำพิธีคารวะหลุมฝังศพบรรพบุรุษ

เพราะที่ผ่านมาเขาไม่มีบรรพบุรุษให้คารวะ

ในทางหนึ่งอาจจะรู้สึกสบายใจก็จริง แต่การไม่มีที่พึ่งทางใจแม้แต่เสี้ยวหนึ่งนั้นช่างอ้างว้างและโดดเดี่ยวเหลือเกิน

มันเป็นสถานที่ที่ไปคนเดียวลำบากอยู่นะ”

ไม่ใช่ที่แปลก ๆ ใช่ไหมครับ”

ไม่ ไม่ใช่...เป็นสถานที่ที่ดี ตำแหน่งดีที่สุดตามหลักฮวงจุ้ยที่ฉันฝากคนเก่งด้านนั้นช่วยดูให้ แต่ขับรถเข้าไปค่อนข้างลำบาก ต้องขึ้นเขาประมาณสามสิบนาที เดี๋ยวฉันบอกทางให้”

ถ้างั้นผมรบกวนแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวครับ”

แม้ใจจริงจะไม่ต้องการความช่วยเหลือจากนักพรตมยองอู แต่ก็ไม่มีทางเลือก เพราะเขาไม่สามารถเดินเตร็ดเตร่ในภูเขาคนเดียวได้

ได้สิ ขอแค่บอก มีแค่เรื่องนี้เหรอ”

ไม่ทราบว่าได้เจออิมบกฮีอีกหรือเปล่าครับ”

นักพรตมยองอูตกใจมาก

รู้ได้ยังไง เมื่อเช้าแกดูดวงมาเหรอ”

เพิ่งเจอกันวันนี้เหรอครับ”

ไม่ได้ดูดวงมางั้นเหรอ”

ยองฮุนชักสีหน้าอย่างสุดจะทนก่อนจะพูด

ทำไมผมต้องดูดวงด้วยครับ ผมลืมดวงชะตาของตัวเองไปแล้วด้วยซํ้า”

ทำไมล่ะ ทำไมถึงลืมดวงชะตาของตัวเอง”

เพราะไม่อยากจำมันไงครับ ผมไม่อยากมานั่งกระวนกระวายทุกวัน”

นักพรตมยองอูตั้งใจจะคัดค้านบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ล้มเลิก

เพราะคิดได้ว่าบางที...ถ้าเกิดมาพร้อมกับพลังพิเศษขนาดนั้น อาจจะหวาดกลัวการมองเห็นอนาคตก็ได้

พอลองคิดดูแล้ว ภรรยาที่เสียชีวิตไปก็ไม่เคยดูดวงตอนเช้า ไม่เคยพูดอะไรเกี่ยวกับอนาคตของตัวเองเหมือนกัน

ทั้ง ๆ ที่เธอช่วยแนะนำสิ่งที่ต้องระวังและสิ่งที่ต้องพยายามเอาใจใส่ให้แก่ลูกค้ามากมาย แต่กลับไม่เคยพูดถึงสิ่งที่ตัวเองต้องระวังและเอาใจใส่เป็นพิเศษเลย ทำไมตนถึงไม่เคยคิดว่าเป็นเรื่องแปลกกันนะ

เพราะก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดจะสนใจ

มัวแต่สนใจกับการหาเงิน และหวังแค่ว่าภรรยาจะรักษาพลังวิเศษเอาไว้ได้จนมีชื่อเสียงโด่งดังมากขึ้นเท่านั้น...

อย่างนั้นสินะ...บกฮีเพิ่งกลับไปก่อนแกมาแป๊บเดียว เห็นแกเดาถูก ฉันเลยนึกว่าแกดูดวงมาเมื่อเช้า”

เธอมาพูดอะไรครับ”

หลังจากแกชี้หว่างคิ้วของบกฮีแล้วบอกว่าเหลือเวลาอีกไม่นาน เธอก็ช็อกเพราะโดนวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งตับน่ะสิ มะเร็งตับระยะแรก”

ยองฮุนพยักหน้า สีหน้าหนักใจเหมือนรู้อยู่แล้วว่าจะเป็นอย่างนั้น

มะเร็งตับ...”

นั่นคือสิ่งที่แกเห็นเหรอ”

ครับ คิดว่าตับน่าจะไม่ค่อยดีเพราะทองข่มไม้ แต่ไม่ได้คิดว่าจะเป็นมะเร็งตับครับ”

ในเมื่อเหลือเวลาอีกไม่นาน ก็เลยไม่ได้คิดว่าจะเป็นแค่มะเร็งตับใช่ไหม”

จุดจบของชีวิตไม่ใช่ความตายเสมอไปครับ เหมือนกับเวลาจุดไม้ขีดจนไฟลุกโชน พอโดนลมพัดก็ดับ แต่ก็ยังเหลือส่วนที่ไม่โดนเผาไหม้อยู่ ถ้าชีวิตที่เคยรุ่งโรจน์จบสิ้นลง สิ่งที่เหลืออยู่ก็เป็นแค่เปลือกเท่านั้น ถึงชีวิตจะยังไม่จบ แต่ความจริงก็เหมือนจบสิ้นแล้วครับ”

เฮ้อ...นั่นสินะ”

นักพรตมยองอูชื่นชมจากใจจริง

ทั้งที่ตัวเองเป็นหมอดูมาทั้งชีวิตก็ยังตระหนักได้ไม่เท่าลูกชาย

ถ้างั้นแกถามหาเพราะอะไร”

ผมไม่อยากให้คุณทำบาปมากไปกว่านี้ครับ”

ระหว่างช่วงเวลาสั้น ๆ ยองฮุนคิดหนักอยู่ในใจหลายสิบตลบว่าควรเรียกอีกฝ่ายว่าพ่อหรือไม่

แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถพูดคำนั้นออกมาได้

นะ...แน่นอนไม่ต้องห่วง”

ผู้หญิงคนนั้นอาจจะทำบาปไปจนวันตายครับ ตราบใดที่ยังไม่หยุดปาก...”

ก็คงจะเป็นอย่างนั้น”

ถ้าเกิดเธอมาหาแล้วชวนทำอะไร หรือขอความช่วยเหลืออีกก็อย่าฟังนะครับ เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่เก็บพิษร้ายไว้กับตัว แต่จะแพร่พิษไปทั่วสารทิศเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการครับ”

โอเค ฉันจะจำไว้ให้ขึ้นใจ”

เดิมทีก็ไม่ได้คิดจะช่วยอยู่แล้ว ยิ่งลูกชายพูดแบบนี้ก็ยิ่งตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะตัดความสัมพันธ์กับเธออย่างเด็ดขาด

หลังจากพูดแบบนั้น ยองฮุนก็ลุกขึ้นแล้วตั้งใจเดินออกจากห้อง แต่สักพักก็ชะงักฝีเท้า

เมื่อกี้คุณฮันจูยอนมาทำไมครับ”

อ๋อ...ก่อนหน้านี้เธอเคยขอให้ฉันช่วยหาผู้ชายให้ แกรู้ใช่ไหมว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นมหาเศรษฐี”

ครับ ผมทราบ”

ถึงจะเป็นคนโลภมาก แต่ก็เรียกว่ากตัญญูได้ไหมนะ เธอกำลังคิดว่าต้องคบแต่กับผู้ชายที่ดีกว่าเพื่อบริษัทของตัวเอง คิมแทมินจากฮยอนจินเฮฟวี่อินดัสทรีส์ก็หนึ่งคนแล้ว ส่วนผู้ชายที่เพิ่งคบกันได้ไม่นานก็น่าจะมีภูมิหลังแบบนั้นเหมือนกัน เห็นบอกว่าพอพ่อของผู้ชายคนนั้นติดคุก ทรัพย์สมบัติที่เคยมีก็ปลิวหายไปหมดเลย”

แม้ยองฮุนจะนึกถึงใครบางคน แต่ก็ยังสงสัยว่าผู้ชายคนนั้นจะคบกับฮันจูยอนงั้นเหรอ

งั้นเหรอครับ”

อืม เธอเสียใจน่ะ มาถามว่าทำไมชีวิตตัวเองถึงเป็นแบบนั้น แล้วก็ขอให้ฉันช่วยทำพิธีหรือวาดยันต์ให้”

ไม่ได้บอกว่าจะทำให้ใช่ไหมครับ”

เฮ้อ แหงสิ...เดี๋ยวนี้ฉันไม่ทำอะไรแบบนั้นแล้ว เพราะปฏิเสธไปว่าต่อให้หอบเงินมาฉันก็จะไม่ทำให้ เด็กนั่นถึงได้ร้องไห้โฮ”

อืม...ทั้งที่ไม่ได้ผลแต่ก็ไม่ยอมปล่อยวางสินะ”

ใช่ไหมล่ะ แกก็มองอย่างนั้นเหมือนกันใช่ไหม”

นักพรตมยองอูถามด้วยแววตาเจือความคาดหวัง

ถึงอย่างไรก็มีประสบการณ์ (?) ที่สั่งสมมาจนถึงตอนนี้ จึงมีความกังวลผสมอยู่ด้วยว่าตัวเองจะมองผิดหรือไม่

ผมไม่รู้เวลาตกฟากเลยไม่แน่ใจ...”

เวลาตกฟากเหรอ ฉันมีอยู่ รอเดี๋ยว”

นักพรตมยองอูเกิดความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมากะทันหันจึงรีบหาข้อมูลของเธอ ปกติแล้วพวกหมอดูจะจดเวลาตกฟากของลูกค้าไว้ หรือถ้าเป็นสมัยนี้ก็บันทึกไว้ในคอมพิวเตอร์แทน

สมัยก่อนทุกคนล้วนจำเวลาตกฟากของตัวเองได้ แต่ในปัจจุบันแทบจะไม่มีคนจำแล้ว เพราะฉะนั้นเวลาไปสำนักหมอดูทีก็ต้องหากระดาษที่เขียนเวลาตกฟากของตัวเองที หรือไม่ก็มักจะถามจากพ่อแม่ แต่ถ้าไปโดยที่ไม่ได้เตรียมตัวบางครั้งก็จะลำบากเพราะเจ้าตัวไม่รู้เวลาตกฟากของตัวเอง

ถ้าเก็บเวลาตกฟากไว้เช่นนี้ ก็จะเป็นประโยชน์สำหรับหมอดู เพราะไม่ได้ใช้แค่การดูดวงเพียงครั้งเดียว แต่ยังสะดวกเวลาดูดวงสมพงศ์ให้ด้วย เวลามาขอให้หาฤกษ์หรือตั้งชื่อลูกในภายหลังก็ยังสามารถดูควบคู่กันได้

นักพรตมยองอูค้นหาในคอมพิวเตอร์อยู่สักพักก็เจอเวลาตกฟากของฮันจูยอนที่ยองฮุนไม่ได้ถามหาด้วยซํ้า

เขามองนักพรตมยองอูอย่างละเหี่ยใจก่อนจะถาม

ทำไมไม่ลบเวลาตกฟากของลูกค้าล่ะครับ”

หา? เปล่า แค่...”

ถ้าเก็บมันไว้ จะรับลูกค้าอีกครั้งเมื่อไหร่ก็ได้ไม่ใช่เหรอครับ”

โอเค ฉันจะลบ ความจุคอมพิวเตอร์มันน้อยอยู่แล้ว เดี๋ยวฉันลบเลยอะแฮ่ม...”

พอบอกว่าจะลบ ยองฮุนก็วางใจ เพราะการปิดสำนักไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ด้วยการตัดสินใจแบบส่ง ๆ ดังนั้นจึงไม่น่าจะโกหกกันด้วยเรื่องแค่นี้

ไม่ได้ต่างอะไรกับโหงวเฮ้งที่เห็นนะครับ เธอเป็นผู้หญิงอับโชค”

อับโชคเหรอ”

ครับ ดูจากการพยายามจะแต่งงานให้ได้แล้ว เธออาจจะรับรู้โดยสัญชาตญาณก็ได้ว่าตัวเองต้องออกจากบ้าน เรื่องราวถึงจะเริ่มคลี่คลายครับจะว่าไปก็คล้าย ๆ กับผมอยู่เหมือนกัน”

ถึงจะลืมดวงชะตาของตัวเองไปแล้ว แต่จะให้ลืมสาเหตุที่ทำให้ตัวเองถูกพาไปอยู่วัดได้อย่างไร

ชะตากรรมที่ไม่อาจประสบความสำเร็จ ธุรกิจครอบครัวพังพินาศ แย่งชิงความมั่งคั่งของคนรอบข้างจนต้องประสบกับความลำบากเนื่องจากความโลภที่ติดตัวเขามาตั้งแต่เกิด

ที่ชีวิตตอนนี้กำลังราบรื่นเป็นเพราะตลอดเวลายี่สิบกว่าปีที่อยู่ในวัด เขาได้ชำระล้างกรรมที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดและละทิ้งความโลภ ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าดวงชะตาจะเปลี่ยนไปอย่างถาวร

แกเหรอ แกทำไม”

เพราะผมก็เคยเป็นแบบนั้นครับ เอาเป็นว่า ผู้หญิงคนนั้นมีชะตากรรมที่ไม่อาจใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินและความสวยที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดได้ ต่อให้แนะนำผู้ชายดีแค่ไหนก็ต่อไม่ติด ไม่ว่าจะเป็นเพราะเจ้าตัวไม่ชอบ หรือฝ่ายชายไม่ชอบก็ตาม”

อยู่ ๆ นักพรตมยองอูก็สงสัยขึ้นมา

ถ้างั้นแปลว่าไม่มีทางที่ผู้หญิงคนนั้นจะได้คบกับผู้ชายดี ๆ เลยเหรอ”

เธอเกิดมาพร้อมกับหน้าตางดงามและความรํ่ารวยมหาศาล แล้วยังคาดหวังว่าจะได้ทั้งลูกและสามีดี ๆ อีกเหรอครับ ถ้าอยากได้อย่างก็ต้องยอมเสียอย่าง ถ้ายอมละทิ้งทรัพย์สินทั้งหมดที่ครอบครองไว้ ต่อให้ไม่มีใครแนะนำผู้ชายให้ เธอก็อาจได้เจอความสัมพันธ์ที่ดีมากเองครับ”

เหอะ ๆ...อย่างนั้นสินะ ฟังดูเหมือนง่าย แต่คงเป็นไปไม่ได้”

ไม่รู้สิครับ ผมพูดทุกอย่างไปหมดแล้ว ขอตัวกลับก่อนนะครับ”

อืม ไม่ต้องกังวลเรื่องบกฮี ฉันจะตัดให้ขาด”

โอเคครับ”

ยองฮุนตั้งใจจะพูดต่อว่าดูแลตัวเองให้ดี แต่สุดท้ายก็ทำเพียงแค่เปิดประตูเดินออกมา

ดูเหมือนจะยังต้องการเวลาอีกมากทีเดียว

แจซุกสัมผัสได้ว่าช่วงนี้บรรยากาศของครอบครัวกำลังอึมครึม

จุดเริ่มต้นมาจากความตั้งใจว่าจะส่งลูกสาวออกเรือนไปกับลูกเขยที่เหมาะสมแต่ทุกอย่างกลับกลายเป็นการต่อสู้ชิงอำนาจระหว่างลูก ๆ ทั้งสามคน

เธอไม่สามารถเข้าข้างลูกคนใดคนหนึ่งได้

มันซองเป็นลูกชายคนโต แดซองก็เป็นเด็กที่โดนพี่ชายข่มเสมอจนไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างเหมาะสม

ส่วนดาอึน อาจเพราะเป็นลูกสาวคนเล็ก ไม่ว่าจะทำอะไรก็ยังน่าเป็นห่วงอยู่ดี

ดังนั้นเธอคิดไม่ออกเลยว่าจะข้ามผ่านบรรยากาศอันน่าอึดอัดภายในครอบครัวแบบนี้ไปได้อย่างไร

แกมานั่งนี่ซิ”

สุดท้าย แจซุกจึงเรียกลูกสาวคนเล็กที่นั่งอยู่หน้ากระจกเพื่อเตรียมตัวออกไปข้างนอกมาคุย

แม้ปกติจะเป็นลูกสาวที่ไม่ค่อยฟังคำพูดของแม่เท่าไรนัก แต่แจซุกที่ไม่เข้าใจพฤติกรรมช่วงนี้ของดาอึนเอาเสียเลยก็จับมือลูกสาวแล้วถามตรง ๆ

แกจะแต่งงานกับผู้ชายคนนั้นจริง ๆ เหรอ”

อื้อ”

ดูจากรูปแล้วไม่เข้าท่าเลยนะ แกจะนอนห่มผ้าผืนเดียวกับผู้ชายแบบนั้นได้เหรอ ผู้ชายที่แกกำลังจะแต่งงานด้วยไม่ใช่คนธรรมดา อย่างน้อยก็ต้องคอยระวังสายตาคนอื่นจนกว่าพ่อเขาจะลงจากตำแหน่งประธานาธิบดี หย่าก็ไม่ได้ด้วย”

นี่คือความจริงที่แม้แต่เด็กไร้เดียงสาก็ยังรู้ว่าหากสร้างเรื่องอึกทึกครึกโครมนั่น แล้วลูกชายตัวเองกับภรรยาหย่ากันทั้งที่แต่งงานได้ไม่ถึงห้าปี จะส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของประธานาธิบดีขนาดไหน

ดังนั้นก็ไม่ผิดหากจะพูดว่าไม่อาจหย่าร้างได้ในช่วงระยะเวลาห้าปีที่พ่อของฝ่ายชายยังดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี

ทำไมต้องคิดถึงเรื่องหย่าด้วยล่ะ”

คำถามของดาอึนทำเอาแจซุกพูดไม่ออก

เธอคิดว่าลูกสาวคงจะคาดหวังถึงการหย่าร้างอยู่ระดับหนึ่งอย่างแน่นอนแต่คาดไม่ถึงว่าคำพูดแบบนั้นจะออกมาจากปากลูกสาวตัวเอง

งั้นแกคิดจะอยู่กับผู้ชายคนนั้นไปตลอดชีวิตหรือไง”

ไม่รู้สิ อาจจะหย่าก็ได้ แต่หนูไม่อยากคิดถึงเรื่องนี้ตั้งแต่ก่อนแต่งงาน”

แกพูดแปลก ๆ นะ ใครฟังคงนึกว่าคบกับเด็กนั่นมาสองปีจริง ๆ เหมือนข่าวที่ออกมาช่วงนี้”

สีหน้าของดาอึนเคร่งเครียด

ทำไมแม่ถึงพูดแบบนี้”

อะไร”

กำลังลองใจหนูอยู่เหรอ”

ทำไมฉันต้องลองใจแก”

หรือไม่ใช่ล่ะ พูดตรง ๆ ลูกชายประธานาธิบดีก็เลิศจะตาย ต่อให้บอกว่าเป็นแค่พนักงานสัญญาจ้างห้าปี แต่อำนาจสัญญานั่นก็ยิ่งใหญ่จนยุบกลุ่มธุรกิจแนวหน้าสองสามแห่งได้เลยนะ แถมพ่อเขาก็ไม่มีภรรยาด้วย หนูจะได้รับความสนใจเต็ม ๆ ถ้าแม่นึกถึงหนู แม่ก็คงตื่นเต้นแล้ววาดฝันว่าหนูจะได้รับอะไรจากโอกาสนั้นบ้างไม่ใช่เหรอ”

เรื่องนี้มันไม่ได้ดีกับแกขนาดนั้นหรอก คนทั้งประเทศจะจับจ้องแกนะไม่กดดันหรือไง”

พูดมาตามตรงเถอะ แม่กลัวหนูจะแย่งของของพี่ใหญ่ใช่ไหม”

แจซุกผงะไปชั่วขณะเมื่อเห็นสีหน้าดุดันของดาอึน

ดาอึนจึงพูดต่อก่อนแม่จะทันได้อ้าปากพูดอะไร ราวกับนึกแล้วว่าต้องเป็นแบบนั้น

ใจร้ายจัง นี่ยังอยู่ในยุคโชซอนงั้นเหรอ ลูกชายคนโตเป็นทุกอย่าง ส่วนลูก ๆ ที่เหลือเป็นแค่ตัวประกอบ แม่ทำแบบนั้นได้ยังไง”

ขณะที่แจซุกพยายามจะกล่อมลูกสาวที่กำลังอารมณ์ขึ้น เสียงของยอจินลูกสะใภ้คนแรกหรือภรรยาของมันซองที่กำลังเตรียมมื้อกลางวันกับเหล่าแม่บ้านก็ดังขึ้นเสียก่อน

นั่นก็ถูกต้องแล้วนะคะ บริษัทไม่ใช่ของเล่นสำหรับเด็ก...ฉันยังไม่เข้าใจเลยค่ะว่าทำไมอยู่ ๆ น้องสาวถึงทำแบบนั้น”

ดาอึนตั้งใจจะโต้กลับด้วยความโกรธ แต่คราวนี้แซรม ภรรยาของแดซองก็ลงมาจากบันไดแล้วพูดแทน

แหม คุณพี่ น้องสาวก็เป็นทายาทคนหนึ่งเหมือนกันนะคะ พูดแบบนั้นน้องสาวก็เสียใจแย่สิ ใครมาเห็นคงนึกว่าโอซองเป็นของคุณพี่นะคะเนี่ย”

แจซุกปวดหัวจนต้องกุมขมับ

ตอนนี้ต่างคนต่างเริ่มแสดงเขี้ยวเล็บประชันกำลังกันอย่างเปิดเผยแล้ว


 

บทที่ 274 บังเอิญ (3)

 

ขอโทษค่ะคุณแม่ หนูไม่ได้คิดจะหาเรื่องทะเลาะ ก็แค่เข้ามายุ่งเพราะคิดว่าที่คุณพี่พูดมามันไม่ถูกต้องค่ะ”

แซรมเอ่ยขอโทษแจซุกที่ก้มหน้ากุมขมับ

ฉันไม่นึกเลยว่าจะได้เห็นลูกสะใภ้สองคนตั้งแง่ทะเลาะกันในบ้าน โลกมันเปลี่ยนไปแล้วหรือไง...”

ขอโทษค่ะคุณแม่”

แจซุกส่ายศีรษะก่อนจะลุกขึ้น

ช่างเถอะ ฉันไม่รับรู้ด้วยแล้ว เบื่อเต็มที ใครจะเอาอะไรไปก็เชิญตามสบายเลย”

แจซุกพูดอย่างนั้นแล้วหยิบกระเป๋าเดินออกจากบ้าน

บางทีอาจจะไปโรงพยาบาล

ระหว่างมองแม่สามีเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงออกไปนั้น ลูกสะใภ้ทั้งสองต่างทำเพียงสงบปากสงบคำและโค้งศีรษะให้เท่านั้น

พอแจซุกออกไปแล้ว ยอจินก็อ้าปากพูดทันทีเหมือนรอจังหวะอยู่

คุณน้อง ที่พูดมาก่อนหน้านี้ฟังแล้วชวนสับสนนิดหน่อยนะ ใคร ๆ ก็รู้ว่าสามีฉันเป็นลูกชายคนโตของตระกูลคัง แล้วตอนนี้ก็กำลังบริหารบริษัทหลักในกรุ๊ปอยู่ด้วย ลูกคนโตก็สมควรได้รับมรดกอยู่แล้ว”

งั้นเหรอคะ แปลกจังเลยค่ะ เท่าที่ฉันรู้มา คุณพ่อสามีก็เป็นลูกคนรองนะ...”

หางตาของยอจินยกสูงขึ้น

รู้ตัวหรือเปล่าว่าคำพูดเมื่อกี้ชวนให้เข้าใจผิดได้นะ แปลว่าน้องชายจะหักหลังพี่ชายหรือไง อะไรกันเนี่ย คุณน้องแต่งงานเพราะความคิดแบบนั้นเหรอ”

คุณพี่อย่าอารมณ์เสียสิคะ ฉันแค่รู้สึกว่าคุณพี่ไม่ได้มองน้องสาวเป็นครอบครัวเดียวกัน ก็เลยยํ้าเตือนความจริงให้ฟังเฉย ๆ เองค่ะ”

หาว่าฉันไม่ได้มองเป็นครอบครัวงั้นเหรอ”

ถ้าไม่ใช่อย่างนั้น แล้วคุณพี่จะมองว่าน้องสาวไม่ควรหวังมรดกสักแดงได้ยังไงกันล่ะคะ ทั้งที่ก็เป็นลูกของคุณพ่อสามีเหมือนกัน”

ยอจินจ้องแซรมด้วยสายตาเย็นชา

แม้จะทำหน้าตาถมึงทึงแบบนั้น แต่แซรมกับดาอึนก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา

ตรงกันข้าม แซรมกลับนั่งข้างดาอึนแล้วพูดให้เธอฟัง

ไม่ต้องกังวลเกินไปหรอก ถึงคุณพี่เขาจะพูดแบบนั้น แต่คุณพ่อจะไม่ให้อะไรเลยได้ยังไง ว่าแต่ดูจากในข่าวแล้วเธอผิวดีมากเลยนะ ช่วงนี้เข้าคลินิกที่ไหนเนี่ย”

เดี๋ยวฉันแนะนำให้ทีหลังนะคะ ขอตัวก่อน”

ดาอึนลุกขึ้นและตั้งใจจะกลับเข้าห้องตัวเอง แต่ก็หันหลังกลับ

จากนั้นก็พูดกับยอจินที่ยังทำตาเขียวอยู่เหมือนเดิม

ฉันเข้าใจนะคะว่าอยากได้ และเข้าใจดีด้วยว่าพี่เกลียดขี้หน้าฉัน แต่ช่วยเข้าใจเหตุผลที่ฉันยอมแพ้ไม่ได้ด้วยเถอะค่ะ จะทำยังไงได้ล่ะคะ ก็ฉันเป็นลูกสาวพ่อนี่นา เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยากเห็นฉันได้อะไรเลยสักอย่าง พี่ก็ออกจากบ้านหลังนี้ไปได้เลยค่ะ พูดตามตรงนะ สมัยนี้มีบ้านไหนเขายังอาศัยอยู่กับพ่อแม่สามีอีก”

ดาอึนพูดทิ้งท้ายพร้อมแค่นหัวเราะก่อนจะเดินเข้าห้องของตัวเอง

แซรมจึงพูดกับยอจินที่กำลังกัดริมฝีปากเพราะท่าทีแบบนั้น

นิสัยไม่ธรรมดาเลยนะคะเนี่ย คราวนี้คุณพี่คงปวดหัวน่าดู”

คุณน้องสนุกกับอะไรแบบนี้เหรอ นี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่จะเอาแต่เล่นสนุกแล้วทำตัวสบายใจขนาดนั้นนะ”

งั้นเหรอคะ ฉันว่ามันก็สนุกพอตัวนะ รู้ใช่ไหมคะ ตอนแต่งเข้าบ้านนี้ฉันไม่ได้คิดจะเอาอะไรเลยค่ะ พอไม่มีความโลภ เวลามองคนอื่นตีกันเลยสนุกดี...”

ยอจินแค่นหัวเราะ

หึ! โกหกหน้าด้าน ๆ เลยนะ โอเค ในเมื่อมันสนุกขนาดนั้น ฉันจะคอยดูว่าความสนุกนั่นมันจะอยู่ได้นานแค่ไหน”

แซรมยักไหล่เหมือนไม่กลัวแล้วเดินกลับไปที่บันได

แต่เสียงหัวเราะแฝงความนัยของยอจินที่ได้ยินขณะก้าวขึ้นบันไดก็ทำให้รู้สึกตงิดใจแปลก ๆ

ประธานพรรคมินกูซังไม่พูดอะไรสักคำระหว่างนั่งรถไปทำงาน

เขาที่ปกติมักจะใช้เวลาพูดคุยกับคนขับรถนั้นยังยอมรับความพ่ายแพ้ในการแข่งขันครั้งนี้ไม่ได้ง่าย ๆ

ถึงแล้วครับ”

จนมาถึงออฟฟิศโดยทันไม่รู้ตัว

แม้จะมาถึงแล้ว แต่ประธานพรรคมินกูซังก็ยังประวิงเวลาไม่ยอมลงจากรถอยู่สักพัก เพราะฉุกคิดขึ้นมาว่าการปล่อยให้เวลาทั้งวันผ่านไปด้วยท่าทางปวกเปียกแบบนี้เป็นเรื่องถูกต้องหรือเปล่า

รอก่อนนะ”

ครับ”

ประธานพรรคมินเปิดโทรศัพท์มือถือเพื่อค้นหารายชื่อและกดโทร.ออกหลังจากพบชื่อเทพธิดาฮวาอก

ฉันเอง”

ท่านประธานพรรคมินช่วงนี้ไม่ได้ติดต่อกันเลย มีเรื่องอะไรเหรอคะฉันนึกว่าพอตั้งชื่อหลานชายแล้วจะตัดความสัมพันธ์กับสำนักเลยซะอีก”

ทำไมฉันต้องตัดด้วย”

ถ้าไม่ใช่อย่างนั้น ช่วงก่อนเลือกตั้งตัวแทนลงสมัครประธานาธิบดีจะไม่ติดต่อมาเลยได้ยังไงล่ะ เรื่องที่ฉันอยากพูดไม่ได้มีแค่เรื่องสองเรื่องด้วย...”

งั้นเหรอ เรื่องอะไร”

เรื่องมันผ่านไปแล้ว พูดตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับลงแส้ม้าที่ตายแล้วท่านประธานพรรค พูดตรง  พอดูข่าวการแข่งขันครั้งนี้แล้ว ฉันรู้สึกเสียดายมาก เฮ้อ...จริง  เลย...แพ้การต่อสู้ที่ไม่ควรแพ้ได้ยังไง”

อะแฮ่ม...ล้อฉันเล่นอยู่หรือไง”

ไม่ได้ล้อเล่นค่ะ แต่สถานการณ์เป็นแบบนั้นจริง  โธ่...”

ฉันยุ่งนิดหน่อย จากโซลไปถึงที่นั่นไกลมากไหม”

ฉันย้ายออกแล้ว อุตส่าห์ส่งข้อความไปแจ้งแล้วแท้  เขตซัมซองในโซลใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงด้วยซํ้า!”

ย้ายออกแล้วงั้นเหรอ อ๋อ...ใช่ ข้อความ...”

ประธานพรรคมินกูซังจำข้อความที่เคยได้รับจากเธอก่อนหน้านี้ได้

เขาอ่านแค่คำเกริ่นผ่าน ๆ แล้วลบทิ้งเพราะคิดว่าคงไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรแต่กลับกลายเป็นการแจ้งว่าย้ายสำนัก...

งั้นแปลว่าจะมาตอนนี้เลยเหรอ”

ใช่ กำลังคิดว่าจะไป ขอที่อยู่หน่อยสิ”

เดี๋ยวส่งให้ แต่ฉันกำลังยุ่งอยู่ อีกสักหนึ่งชั่วโมงค่อยมา”

โอเค”

หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ที่อยู่ผ่านทางข้อความ เขาจึงยื่นให้คนขับรถดูพร้อมกับกล่าว

ไปที่นี่ แต่พอถึงแล้วยังไม่ต้องเข้าไป ลองหาดูว่าแถวนั้นมีที่ที่พอจะกินข้าวได้ไหม”

รับทราบครับ”

ประธานพรรคมินกูซังใช้กำปั้นทุบขาตัวเอง

ทำไมถึงไม่เคยคิดจะไปหาเทพธิดาฮวาอกเลยนะ

เขาเพิ่งมาเสียใจเอาป่านนี้ที่ไม่ได้ไปหาหมอดูเก่ง ๆ แบบนั้นก่อนการเลือกตัวแทนลงสมัครเลือกตั้งประธานาธิบดี

หลังจากวางสาย อิมบกฮีก็ส่องกระจกและรีบแต่งหน้า

แม้จะเป็นมะเร็งตับก็ไม่อาจตัดลูกค้าได้ในทันที

หมอดูที่มีชื่อเสียงแบบเธอ ต่อให้ตัดความสัมพันธ์กับคนมีชื่อเสียงบางคนก็ไม่ได้เป็นปัญหากับการดำรงชีวิต

อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ต้องไปอ้อนวอนนักพรตมยองอูเป็นเพราะเป้าหมายที่เธอมองนั้นแตกต่างจากคนอื่น

ถ้าหากหาเงินหลายร้อยหลายพันล้านภายในครั้งเดียวไม่ได้ เธอจะรู้สึกร้อนใจกระสับกระส่าย พอเห็นว่ามีเงินเข้าบัญชีไม่กี่สิบล้านก็จะครํ่าครวญว่าทำไมถึงได้มาแค่นี้

ต่อให้จะหาเงินได้วันละหลายร้อยล้าน เธอก็ยังจะรู้สึกกระวนกระวายใจเพราะไม่อาจหาเงินได้มากกว่านี้อยู่ดี ดังนั้นโทรศัพท์จากประธานพรรคมินกูซังจึงไม่ต่างอะไรกับเสียงของพระเจ้าที่มาช่วยชีวิตเธอ

ท่านเทพบอกว่าวันนี้เหนื่อยแล้ว ไม่ต้องรับลูกค้า”

ถ้างั้นส่งกลับทั้งหมดเลยไหมครับ”

อืม อย่าเอาไปรวมกันวันเดียว กระจายเฉลี่ย ๆ กัน”

เธอบอกกับลูกศิษย์เช่นนั้นแล้วหลับตาสงบสติอารมณ์

เพราะไม่ว่าเธอจะหวังเงินมากแค่ไหน แต่ก็จำเป็นต้องมีจิตใจบริสุทธิ์ผุดผ่องเพื่อสื่อสารกับเทพ อีกทั้งลูกค้าคนนี้ก็สำคัญเป็นพิเศษ ไม่ควรปล่อยให้ความคิดสัพเพเหระเข้ามาแทรกจนทำผิดพลาด

ผ่านไปสักพักก็ได้ยินเสียงของลูกศิษย์ หลังจากนั้นไม่นานประธานพรรคมินกูซังผู้มีใบหน้าโอบอ้อมอารีก็เดินเข้ามา

ทำหน้าดี ๆ หน่อยสิ”

พอได้ยินคำทักทายทันทีที่เดินเข้ามา ประธานพรรคมินก็ขมวดคิ้วแล้วตอบกลับ

ถ้าทำหน้าดี ๆ ในสถานการณ์นี้ได้ ก็คงเป็นคนบ้าหรือไม่ก็พระพุทธเจ้าแล้วละ”

ใบหน้าจะนำโชคลาภมาให้ ขนาดขอทานเอง ถ้าเที่ยวเดินทำหน้าซังกะตายก็ไม่ได้ข้าวกินเหมือนกันนะ”

ฉันมีอะไรเยอะแยะเกินกว่าจะมาเดินยิ้มขอทาน มีหลายสิ่งที่ต้องปกป้องด้วย”

รู้ไหมว่าทำไมคราวนี้ท่านประธานถึงแพ้”

ประธานพรรคมินกูซังโน้มตัวมาข้างหน้า

ทำไมฉันถึงแพ้ล่ะ”

เพราะเอาแต่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ แบบนั้นน่ะสิ”

นั่นคือเหตุผลงั้นเหรอ”

อิมบกฮีหลับตาขยับปากพึมพำ ก่อนจะลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว

จากนั้นก็ใช้พัดฟาดโต๊ะแล้วตวาดเสียงดัง

เจ้าโง่เอ๊ย! เป็นแม่ทัพแต่ดันกลัวโคลนเปื้อนเท้า ถ้าอย่างนั้นจะสู้ไปทำไม”

น่าเหลือเชื่อที่เสียงนั้นเป็นเสียงของชายชรา นึกไม่ถึงเลยว่าเป็นเสียงที่ออกมาจากปากของเธอจริง ๆ

ไม่ว่าใครที่เผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ก็ต้องขนลุกกันทั้งนั้น

“...”

ประธานพรรคมินก้มศีรษะลงโดยไม่พูดอะไร

เพราะเสียงตวาดของท่านเทพทำให้เขายอมรับว่าตัวเองระวังตัวมากเกินไปจนพ่ายแพ้การแข่งขันครั้งนี้

การพึ่งพาความช่วยเหลือที่โอซองกรุ๊ปมอบให้มากเกินไป คือความผิดพลาดที่ไม่อาจแก้ตัวได้

อย่างน้อยในการต่อสู้ที่สำคัญแบบนี้ก็ควรจะออกมาสร้างภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่งให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเห็น แต่เขาทำเพียงแค่หวังว่าอัตราการสนับสนุนจะเพิ่มสูงขึ้น ขณะเฝ้ามองโฆษณาชวนเชื่อประสงค์ร้ายที่พุ่งไปหา สส.ชอนโบยุนอย่างสบายใจ

รู้ตัวช้าเกินไปว่าทำพลาด

สีหน้าของอิมบกฮีที่เคยตวาดด้วยเสียงชายแก่กลับมาเป็นเหมือนเดิม

ท่านเทพบอกว่าโกรธมาก เสียดายมากด้วย ถามว่าทำไมถึงขี้ขลาดขนาดนั้น”

ถ้างั้นตอนนี้ฉันควรทำยังไง”

จังหวะไม่ถูกต้อง”

จังหวะอะไร”

เวลาพาลูกเขยหรือลูกสะใภ้เข้าบ้านต้องระมัดระวังเสมอ ถ้าเลือกคนผิดมีแต่จะทำให้ครอบครัวขายหน้านะ”

ประธานพรรคมินกูซังนึกถึงใครบางคนขึ้นมาทันที

โดซูยอน?”

ไล่ออกซะ ดวงไม่สมพงศ์กับคุณ”

แววตาของประธานพรรคมินกูซังเปล่งประกายวาววับ

ดวงไม่สมพงศ์งั้นเหรอ”

ใช่ ฉันอยากพูดเรื่องนั้นให้ฟังอยู่ ทำไมถึงรับผู้หญิงคนนั้นเข้ามา จิ้งจอกเก้าหางคิดจะเข้ามาจับคุณกิน แต่คุณดันไม่รู้ตัวว่าจะโดนจับกินเลยรับเข้ามาในบ้าน”

จริงเหรอ...”

ไล่เธอออกซะ ถ้าไม่ไล่ออก คุณจะเป็นฝ่ายตายเอง”

ประธานพรรคมินกูซังกัดริมฝีปาก

ห้องทำงานประธานพรรคสันติภาพก้าวหน้า

สส.ชอนโบยุนมาแล้วครับ”

อืม โอเค บอกให้เข้ามาเลย”

คำพูดของเลขาฯทำให้ประธานพรรคมินกูซังยุติความคิดแล้วนั่งประจำตำแหน่ง

จากนั้นประตูก็ถูกเปิดออกทันทีโดยมี สส.ชอนโบยุนเดินเข้ามา ก่อนจะโค้งศีรษะลงครึ่งหนึ่งอย่างสุภาพ

ท่านประธาน”

มาแล้วเหรอ นั่งสิ”

ครับ”

เมื่อ สส.ชอนโบยุนนั่งลงแล้ว ประธานพรรคมินก็เปิดปากพูดหลังจากจ้องตากันครู่หนึ่ง

ยินดีด้วยนะ”

ผมขอโทษนะครับ อนาคตคงต้องฝากเนื้อฝากตัวด้วย”

พูดตรง ๆ ฉันอยากแสดงความยินดีจากใจจริงนะ แต่ก็อดเจ็บใจไม่ได้...ฉันเองก็เป็นพวกเห็นแก่ตัวสินะ”

ถ้าเป็นผมก็คงเป็นแบบนั้นเหมือนกันครับ”

ขอบคุณที่เข้าใจนะ ว่าแต่ขอถามอะไรสักอย่างสิ”

ครับ”

คิดจะใช้โดซูยอนถึงตรงไหน”

สส.ชอนโบยุนเอียงศีรษะขณะย้อนถาม

คิดจะใช้ถึงตรงไหนงั้นเหรอครับ ท่านประธานคิดว่าเธอเป็นไพ่ที่ควรทิ้งเหรอ”

แน่นอนอยู่แล้วสิ คิดจะดึงโดซูยอนที่เคยเป็นหน้าเป็นตาของพรรคสันติภาพเป็นหนึ่งไว้เรื่อย ๆ หรือไง แบบนั้นมีแต่จะสร้างความหวาดหวั่น เพราะไม่รู้ว่าจะแว้งกัดเราเมื่อไหร่ไม่ใช่เหรอ”

ตอนนี้เธอย้ายมาอยู่ฝ่ายเราอย่างสมบูรณ์แบบแล้วครับ ในทางกลับกันยังเป็นบุคลากรที่ควรจะเก็บไว้เพื่อวางตัวเป็นทัพหน้าในสนามรบด้วยซํ้า”

ความคิดตื้นเขินมาก”

ครับ?”

ถ้าใช้จนคุ้มแล้ว ก็มีช่วงเวลาที่สมควรทิ้งให้เด็ดขาด ตอนนี้ใกล้จะถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีแล้ว จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าพูดอะไรผิดไปในระหว่างนั้นนายอาจจะได้รับความเสียหายยิ่งกว่าโปรยขี้เถ้าลงบนข้าวสุก[1]

ไม่มีทางเป็นแบบนั้นหรอกครับ”

นี่นายไร้เดียงสาหรือว่าซื่อบื้อกันแน่ ถ้าแก่แล้วยังไร้เดียงสาขนาดนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับซื่อบื้อนั่นแหละ นายมั่นใจได้ยังไงว่าโดซูยอนจะไม่ทรยศ”

ถ้างั้นท่านประธานมีเหตุผลที่มั่นใจว่าเธอจะทรยศเหรอครับ”

เรื่องนั้นฉันก็ไม่รู้หรอก แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงไม่ใช่เหรอ ถ้าโดซูยอนเล่นงานนายกับพวกเราในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้ล่ะ วาดภาพฝ่ายค้านชนะการเลือกตั้งแล้วโดซูยอนกลับบ้านเกิดพร้อมกับความสำเร็จไม่ออกหรือไงถ้าไม่เคยวาดภาพนั้นไว้แล้วจะเป็นประธานาธิบดีได้ยังไง”

ชอนโบยุนจ้องมองประธานพรรคมินอย่างคับข้องใจ

ไม่อาจรู้ได้เลยว่าอีกฝ่ายคิดแบบนั้นจริง ๆ หรือต้องการขัดขวางเพราะแพ้การคัดเลือกผู้สมัครประธานาธิบดีกันแน่

ผมไม่เห็นด้วยครับ”

โดซูยอนทรยศตนไม่ได้แน่นอน ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจบอกเหตุผลนั้นกับประธานพรรคมินได้

ต่อให้เป็นคนพรรคเดียวกันก็มีแค่ตัวเท่านั้นที่อยู่ในที่เดียวกัน แต่สิ่งที่คาดหวังกลับแตกต่างกันออกไป

ให้ตายเถอะ...ไม่ฟังกันเลยสินะ นายอาจจะเสียใจทีหลังก็ได้”

ผมขอพบกับ สส.โดซูยอนแล้วพูดคุยกันให้ลึกซึ้งกว่านี้ก่อนครับ”

จะพูดคุยหรือทำอะไร นายก็จัดการเองให้เรียบร้อยแล้วกัน ถ้าไม่อย่างนั้นในฐานะประธานพรรค ฉันก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตัดปัจจัยเสี่ยงทิ้ง เพื่อชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้”

สส.ชอนโบยุนคิดจะท้วง แต่ก็อดทนไว้แล้วลุกขึ้นยืน

ผมขอตัวก่อนนะครับ”

ฉันคิดถึงแต่พรรค คิดถึงแต่ชัยชนะ หวังว่านายจะเป็นอย่างนั้นเหมือนกัน”

รับทราบครับ”

หลังจาก สส.ชอนโบยุนเดินหน้าเครียดออกจากห้องประธานพรรค เสียงสบถก็ดังออกมาจากปากประธานพรรคมินกูซังทันที

ไอ้เวรเอ๊ย...กล้าดีมาจากไหนกันถึงได้เถียงฉอด ๆ อวดดีนัก...”

เขากำหมัดแน่นพร้อมสีหน้าโกรธเคือง

หากไม่ไล่โดซูยอนออกตอนนี้ก็อาจจะได้รับความสนใจมากขึ้นในอนาคตแต่ท้ายที่สุดก็ไม่มีอะไรยืนยันว่าตัวเองจะได้เป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งถัดไปหรือไม่

จะปล่อยให้เป็นแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด

หากพลาดการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งถัดไปก็ถึงวัยที่ต้องเกษียณจากแวดวงการเมืองแล้ว จิตใจของเขาตอนนี้จึงกระวนกระวายจนไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้


[1] หมายถึง สิ่งที่กำลังจะไปได้ดีแต่กลับต้องผิดพลาดเพราะบางคนหรือบางสิ่ง


 

บทที่ 275 แมวกับหนู (1)

 

สส.ชอนโบยุนรู้สึกอัดอั้นตันใจขณะเดินมานั่งข้าง ๆ คนสนิทอย่างผู้ช่วยชเวซึงฮวาน ก่อนจะเล่าเนื้อหาของบทสนทนาระหว่างตัวเองกับประธานพรรคมินกูซังให้ฟัง

เพราะเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้อย่างยิ่งจึงควรจะปฏิเสธให้เด็ดขาดแต่ปัญหาก็คือระหว่างที่เตรียมตัวลงเลือกตั้งประธานาธิบดี เขาไม่สามารถเตรียมการโดยเดินคนละเส้นทางกับประธานพรรคได้

ท่าทางจะแค้นน่าดูนะครับ”

ต้องแค้นอยู่แล้วแหละ อุตส่าห์วาดฝันว่าตัวเองจะได้เป็น แล้วจะไม่ให้แค้นได้ยังไง ฉันเข้าใจเรื่องนั้นนะ...แต่ทำแบบนี้เพราะแค่ตั้งใจจะเขี่ยโดซูยอนทิ้งจริง ๆ งั้นเหรอ”

ไม่ใช่ว่าคิดจะชิงอำนาจเหรอครับ”

จะกุมความเป็นผู้นำระหว่างเตรียมการเลือกตั้งประธานาธิบดี? ยังไงเขาก็เป็นประธานพรรคอยู่แล้ว จะต้องการอะไรอีก ประธานพรรคก็ต้องคุมการเตรียมเลือกตั้งอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง”

แต่ถ้าไม่ใช่ก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องทำอย่างนั้นนะครับ เหตุผลที่พยายามขับไล่สส.โดซูยอนออกไปในสถานการณ์นี้...”

ไม่มีหรอก เพราะโดซูยอนทำให้อัตราการสนับสนุนของพวกเราเพิ่มขึ้นไง”

ใช่ครับ ถ้าตัดสินใจจะไล่โดซูยอนออกจริง ๆ ละก็ ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ครับ”

คิดว่าจะรุกหนักจนส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งไหม”

ผู้ช่วยชเวซึงฮวานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่ายศีรษะ

ในฐานะประธานพรรคแล้ว การชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีถือเป็นผลงานอันยอดเยี่ยมครับ คงจะไม่กดดันท่าน สส.จนถึงขั้นทำพลาดเรื่องนั้นแน่นอน”

อืม ฉันก็หวังอย่างนั้นเหมือนกัน...”

ทว่าแววตาแข็งกร้าวของประธานพรรคมินกูซังยังติดอยู่ในใจเขา

ถ้าคิดตามหลักเหตุผลก็คงจะไม่มีทางลํ้าเส้นกันเด็ดขาด แต่ถ้าหากคิดจะขับไล่โดซูยอนออกโดยที่ไม่สนใจว่าจะส่งผลเสียต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีหรือไม่ ผลลัพธ์ก็ชัดเจนมาก

ถ้าไม่สบายใจ ลองนัดเจอกรรมการผู้จัดการชเวยองฮุนของเอชเอสแล้วถามความคิดเห็นดีไหมครับ”

อืม...”

สส.ชอนโบยุนไม่ชอบใจเท่าไร

ต่อให้จะสนิทกับเอชเอสกรุ๊ปมากแค่ไหน แต่ถ้าขอความช่วยเหลือบ่อย ๆก็จะยิ่งมีสิ่งที่ต้องตอบแทนในภายหลังเยอะขึ้น

แค่ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นจนถึงตอนนี้ ก็อาจจะต้องช่วยจนถึงขั้นเปลี่ยนอันดับในวงการธุรกิจหลังชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีแล้ว

ไม่อยากทำอย่างนั้นเหรอครับ”

ใช่”

ถ้างั้นผมจะลองสืบดูก่อนว่ามีเรื่องอะไรรอบ ๆ ตัวประธานพรรคมินกูซังบ้าง ถ้าเกิดผู้ช่วยหรือเลขาฯพอได้ยินเรื่องอะไรมาระดับหนึ่ง พวกเขาจะต้องพูดอะไรบางอย่างแน่นอนครับ”

ไหน ๆ จะสืบแล้วก็สืบมาด้วยว่าทาง สส.โดซูยอนได้ยินเรื่องนี้หรือยังอันที่จริงถ้าทางนั้นรู้แล้วก็คงจะติดต่อมาหาฉันเอง แต่ถ้าเกิดคิดจะทรยศพวกเราอย่างที่ประธานพรรคมินพูดจริง ๆ ก็คงจะกำลังแอบเตรียมตัวเงียบ ๆ ไม่ให้มีพิรุธอยู่”

คิดว่า สส.โดซูยอนอาจจะทรยศเหรอครับ”

เปล่า แต่พอเข้ามาในวงการการเมืองยออึยโดแล้ว ก็มีหลายสิ่งหลายอย่างมากที่ไม่เป็นอย่างใจคิด ขนาดลูก ๆ ฉันยังไม่ฟังคำพูดฉันเลย แล้วจะเชื่อใจสส.โดซูยอนร้อยเปอร์เซ็นต์ได้ยังไง”

รับทราบครับ ผมจะลองสืบดู”

ผู้ช่วยชเวซึงฮวานโค้งศีรษะแล้วเดินออกไปทั้งสีหน้าเคร่งเครียด

สส.ชอนเผยอปากพลางหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ก่อนจะเก็บลงไป

ต้องลองพยายามให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อน

โกมยองซุก แม่ของฮยองจุนล้มป่วยเมื่อไม่กี่วันก่อน

ไม่ใช่เพราะโดนฝนช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วง และไม่ใช่เพราะหมดเรี่ยวหมดแรงกะทันหันด้วย

หลังจากเรื่องราวความรักระหว่างลูกสาวคนเล็กของโอซองกรุ๊ปกับลูกชายของ สส.ชอนโบยุนถูกเปิดเผย มยองซุกก็นอนป่วยอยู่บนเตียงราวกับคนเป็นไข้

แน่นอนว่าฮยองจุนเองก็รู้เรื่องนั้น แต่เขาแกล้งทำเป็นไม่เห็น

บางทีอาจจะเสียใจกับเรื่องนั้น มยองซุกที่เริ่มลุกขึ้นมานั่งได้ภายในไม่กี่วันจึงมาซักไซ้ฮยองจุนตอนกำลังออกไปทำงานพอดี

แก! จะเอาอย่างนี้จริง ๆ งั้นเหรอ”

ฮยองจุนมองผ้าที่โพกรอบศีรษะแม่อย่างเอือมระอาแล้วตอบกลับ

เวลาดูละครเห็นทุกคนชอบใส่อันนั้นประท้วงกัน แม่ก็เอากับเขาด้วยเหรอครับ จะทำแบบนั้นทำไม ให้ตายเถอะ...”

ประท้วงแล้วยอมฟังฉันไหมล่ะ”

แม่ก็รู้ว่ามันไม่ได้ผล”

แกโดนยายเด็กนั่นจับจุดอ่อนไว้หรือไง”

ไม่ใช่จุดอ่อน ผมชอบเธอครับ แล้วผมก็จำเป็นต้องมีเธอด้วย”

แกขาดอะไร ทำไมถึงจำเป็นต้องมียายเด็กนั่น”

ฮยองจุนถอนหายใจเฮือกใหญ่

คิดว่าถ้าบอกปัดส่ง ๆ เหมือนที่เคยทำมาตลอด แม่คงจะพูดเรื่องเดิมซํ้า ๆเขาเลยหันหลังกลับไปนั่งที่โซฟาห้องนั่งเล่น

คิดว่าผมขาดเงิน ขาดอำนาจเลยต้องการมินฮีเหรอครับ”

นั่นคือสิ่งที่ฉันหมายถึงไง แกขาดอะไรล่ะ”

วิจารณญาณ ดุลพินิจ แล้วก็เส้นสาย”

อะไรนะ”

แม่อาจจะไม่เข้าใจ...ก่อนหน้านี้ผมเองก็เคยไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่ผมรู้แล้วว่าความแตกต่างที่มองไม่เห็นด้วยตาสามารถทำให้เปลี่ยนแปลงอะไรหลายอย่างได้ครับ ถ้าไม่ใช่เพราะความกล้าของมินฮีที่งานศพ ผมอาจจะไม่กล้างัดข้อกับพ่อตรง ๆ ก็ได้ จะเป็นโอซองกรุ๊ปหรือกรุ๊ปไหน ๆ ก็ดีหมด แต่ต้องไม่ใช่การที่ผมถูกคุกคาม พ่อก็ยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของกรุ๊ปอยู่ ถ้ามีปัญหาในบริษัทขึ้นมา เขาก็จะเข้ามานั่งตำแหน่งประธานกรรมการได้ทุกเมื่อครับ”

แล้วถ้าโอซองกรุ๊ปอยู่ข้างแกในเวลาแบบนั้น มันจะดีมากขนาดไหน”

คิดว่าพวกนั้นจะยอมช่วยผมง่าย ๆ เหรอครับ ช่วยผมรักษาตำแหน่งประธานกรรมการไว้ได้ก็จบแค่นั้นเหรอ เดี๋ยวก็มาขอนั่นขอนี่ไม่หยุด ถ้าเรายอมทำตามหลาย ๆ ครั้งจนขาดทุน สุดท้ายชินยองก็จะแตกครับ”

“...”

ผมเข้าใจนะว่าแม่อยากทำตามความต้องการของแม่ แต่เก็บความหวังดีไว้ใช้ตอนน้อง ๆ แต่งงานเถอะครับ ไม่ใช่มายุ่งกับการแต่งงานของผม”

หลังจากพูดแบบนั้นแล้วลุกขึ้นเพื่อเดินออกทางประตูหน้า จู่ ๆ ฮยองจุนก็หยุดเดินก่อนจะหันกลับมาพูดอีกครั้ง

ผมจะกำหนดวันแต่งงานเร็ว ๆ นี้ครับ”

ก่อนหน้านี้เขาเคยเครียดว่าควรจะรีบแต่งงานดีไหมเพราะแรงกดดันจากภายนอก แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจรีบแต่งงานเพื่อลดการทะเลาะกับแม่อย่างไร้ประโยชน์

จะกำหนดวันแต่งงานงั้นเหรอ แกนี่มัน...”

ถ้าทางมินฮีหาฤกษ์มาก็ตามนั้นครับ”

ถ้าฉันบอกว่าจะไม่ไปร่วมงานแต่งแกล่ะ จะทำยังไง”

ไม่เป็นไรครับ ผมก็ไม่อยากให้งานแต่งงานวุ่นวายเหมือนกัน”

วะ...ว่าไงนะ”

พ่อยังสบายดีอยู่ แล้วนี่ก็เป็นงานแต่งงานของลูกชายคนโตนะครับ ถ้าเชิญพ่อมาไม่ได้ ปล่อยให้ที่นั่งข้าง ๆ แม่ว่าง ทั้ง ๆ ที่มีคนมาร่วมงานเป็นร้อยจะเป็นภาพที่น่าตลกขนาดไหน ทุกคนจะไม่ชี้ที่นั่งพ่อแล้วนินทากันเหรอครับผมไม่จัดงานแต่งงานแบบนั้นให้ตัวเองขายหน้าหรอก เพราะผมจะเชิญแค่คนรู้จักมาเงียบ ๆ ส่วนแม่ก็อย่ามาวุ่นวายกับงานแต่งงานผมเลยครับ”

มยองซุกแข้งขาอ่อนแรงจนทรุดนั่งลงบนโซฟา

ฮยองจุนส่ายศีรษะกับภาพนั้น

ไม่ต้องโกรธ ไม่ต้องเจ็บใจครับ จริง ๆ ผมไม่อยากพูดถึงขนาดนี้หรอกแต่แม่ทำให้ผมต้องพูดเอง”

“...”

จะไม่มาร่วมงานแต่งงานก็แล้วแต่แม่เถอะครับ เชิญตามสบายเลย”

ฮยองจุนพูดแบบนั้นแล้วออกไปทำงาน

มยองซุกตั้งสติไม่ได้อยู่พักใหญ่

เพราะคิดไม่ถึงว่าลูกชายจะพูดแทงใจดำกันอย่างนั้น

ถึงจะขุ่นข้องหมองใจ แต่คำพูดของลูกชายก็ไม่ผิดเลยสักนิด

ลูกชายที่ปฏิเสธกระทั่งการแต่งงานกับทายาทของกลุ่มธุรกิจแนวหน้าระดับท็อปทรีของประเทศเกาหลีอย่างโอซองกรุ๊ป ตอนนี้เธอจึงยอมรับได้แล้วว่า ต่อให้จะทำอะไรมากกว่านี้ หัวใจของลูกชายก็ไม่หวนกลับมา

เธอร้องไห้และสงบสติอารมณ์อยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็เตรียมตัวออกไปข้างนอกแล้วเดินออกจากบ้าน

ไปอึลจีโร”

หลังจากบอกจุดหมายปลายทางกับคนขับรถแล้ว มยองซุกก็โทร.หามินฮี

ฉันเอง คุยได้ไหม”

ค่ะ ได้ค่ะ”

มาเจอกันหน่อย แถวหน้าบริษัท”

ตกลงค่ะ”

แม้ก่อนหน้านี้จะเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว แต่นํ้าเสียงสงบนิ่งและชัดถ้อยชัดคำของมินฮีกลับทำให้ไม่สบอารมณ์อย่างไร้สาเหตุ

อาจเป็นเพราะท่าทีที่แสดงให้เห็นว่าไม่คิดจะยอมแพ้ใครแม้แต่คนที่กำลังจะเป็นแม่สามี

หลังเข้ามานั่งหลบมุมในร้านกาแฟแถว ๆ บริษัทได้ไม่ทันถึงสิบนาที มินฮีก็ปรากฏตัว

ยิ่งเห็นอีกฝ่ายไม่มีเครื่องประดับระยิบระยับสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นที่ข้อมือหรือใบหู มยองซุกยิ่งรู้สึกเจ็บแค้นใจ

ทั้งปลงทั้งปวดใจที่ต้องทิ้งกลุ่มธุรกิจแนวหน้ามูลค่าหลายแสนหลายล้านล้านวอน แล้วรับผู้หญิงที่ไม่มีอะไรเลยเข้ามาเป็นสะใภ้

มานานแล้วเหรอคะ”

นั่งสิ”

ค่ะ เรียกหนูมาทำไมเหรอคะ”

มยองซุกระงับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง

เพราะถ้าหากเป็นลูกสาวบ้านอื่น ต่อให้อนุญาตก็คงจะหาทางข่มทุกวิถีทางแต่เธอรู้ดีว่าการทำแบบนั้นใช้ไม่ได้ผลกับเด็กคนนี้

ลูกชายฉันบอกมา ว่าจะกำหนดวันแต่งงานกับเธอเร็ว ๆ นี้”

ค่ะ”

รู้อยู่แล้วงั้นเหรอ”

หนูรับคำขอแต่งงานแล้วค่ะ แต่คุณฮยองจุนยังไม่ได้พูดว่าจะกำหนดวันแต่ง หนูเลยไม่รู้เหมือนกันว่าจะแต่งเมื่อไหร่ ในเมื่อคุณฮยองจุนตัดสินใจแล้ว ตอนนี้ก็คงกำหนดวันได้แล้วละค่ะ”

ฉันหาฤกษ์ให้ไหม”

คุณแม่เหรอคะ อ้อ ตอนนี้หนูเรียกว่าคุณแม่ได้แล้วใช่ไหมคะ”

นี่คือความรู้สึกพ่ายแพ้งั้นเหรอ

มยองซุกมองมินฮีที่กำลังแอบยิ้มแล้วตอบด้วยความอัดอั้นตันใจ

ตามใจเธอสิ”

ขอบคุณค่ะ คุณแม่จะหาฤกษ์ให้เหรอคะ”

เธอจะรู้จักที่ดี ๆ หรือไง ฉันมีที่ที่รู้จักอยู่”

ขอบคุณนะคะ แต่ไม่เป็นไรดีกว่า เดี๋ยวหนูหาเองค่ะ”

เมื่อกี้ถามเหมือนจะฝากฝัง แต่สุดท้ายกลับบอกว่าไม่เอา มยองซุกจึงย้อนถามด้วยสีหน้าหมดคำพูด

ถ้างั้นเธอจะถามเพื่ออะไร”

หนูแค่อยากรู้ว่าคุณแม่อนุญาตจริง ๆ หรือเปล่าค่ะ”

เธอล้อเล่นกับผู้ใหญ่หรือไง”

ถ้าทำให้รู้สึกแบบนั้นก็ขอโทษด้วยค่ะ พอดีหนูไม่ค่อยอยากเชื่อเท่าไหร่ท่าทางข่าวเดตของลูกสาวคนเล็กโอซองกรุ๊ปคงเป็นเรื่องใหญ่น่าดูสินะคะ”

มยองซุกเกลียดมินฮีที่หัวเราะอย่างเปิดเผยจึงสวนกลับ

ดูเธอจะชอบใจนะ”

คุณแม่ไม่ได้อยากทะเลาะกับหนูใช่ไหมคะ เรากำลังจะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว อย่าทำร้ายความรู้สึกกันเลยค่ะ”

เหอะ...ปากเก่งซะจริง”

หนูจะคิดว่าชมแล้วกันนะคะ มีเรื่องอะไรอยากพูดอีกไหมคะ”

มยองซุกพยายามสงบสติอารมณ์ที่กำลังเดือดปุด ๆ แล้วถามต่อ

จะเอายังไงกับเรือนหอ”

ยังไม่เคยคุยกัน แต่หนูคิดว่าคุณฮยองจุนน่าจะเป็นคนจัดการค่ะ”

พูดเหมือนเป็นเรื่องปกติเลยนะ”

คนมีกำลังจ่ายก็ต้องเป็นคนทำอยู่แล้วสิคะ”

แล้วเธอคิดเรื่องสินสอด[1] ไว้ประมาณไหนล่ะ”

คุณแม่อาจจะคิดว่านั่นไม่เหมาะกับระดับมหาเศรษฐี แต่หนูจะตั้งใจเตรียมอย่างสุดความสามารถค่ะ”

ถึงอย่างนั้นก็ต้องมีระดับประมาณหนึ่งไม่ใช่เหรอ”

มินฮีเอียงศีรษะก่อนจะพูด

คุณแม่อยากได้ประมาณไหนคะ”

มยองซุกจึงยื่นกระดาษที่เขียนบนรถระหว่างเดินทางส่งให้

มินฮีรับกระดาษแผ่นนั้นมาอ่านแล้วขมวดคิ้วถาม

ต้องการประมาณนี้จริง ๆ เหรอคะ”

อย่างอื่นไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่ชื่อแบรนด์กระเป๋าของพวกน้องสาวที่เขียนเอาไว้คือแอร์เมส

กระเป๋าแค่ใบเดียวก็ราคาไม่ตํ่ากว่าสิบล้านวอนแล้ว ส่วนพวกเครื่องครัวก็เป็นแบรนด์หรูของต่างประเทศเหมือนกัน

ถ้าเพิ่มรายการสินสอดนี้ทั้งหมด เห็นได้ชัดว่าอย่างน้อยก็ต้องใช้เงินหลายร้อยล้าน

นั่นฉันคิดเผื่อเธอนะ ถ้าจะเอาให้เหมาะกับระดับของพวกฉันจริง ๆ แค่นี้ไม่พอหรอก ยังไงฉันก็เลือกแบบถูก ๆ มาแล้ว หวังว่าเธอจะทำตามได้นะ”

มินฮีเช็กรายการที่เขียนอยู่บนกระดาษอีกครั้งก่อนจะฉีกยิ้ม

ยิ้มทำไม คิดว่าทำไม่ไหวหรือไง”

เปล่าค่ะ เดี๋ยวหนูหามาให้ ถึงจะค่อนข้างน่าหนักใจพอสมควร แต่หนูจะคิดว่านี่เป็นกฎอย่างหนึ่งในการเข้าตระกูลอีแล้วกันค่ะ”

มยองซุกรู้สึกไม่สบายใจแปลก ๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายตอบตกลงง่ายกว่าที่คาดไว้

และเป็นอย่างที่คิดจริง ๆ เมื่อรอฟังคำพูดของมินฮีต่อจนจบ

การแต่งงานคือการรวมสองครอบครัวเข้าด้วยกัน ดังนั้นหนูจะแจ้งกฎของหนูให้ฟังนะคะ ข้อแรก หลังจากแต่งงานแล้ว คุณแม่ห้ามเข้ามาในเรือนหอโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากหนู รวมถึงไม่มีสิทธิ์วุ่นวายกับการตกแต่งภายในหรือการใช้ชีวิตส่วนตัวด้วยค่ะ”

ได้ยินว่าพวกเด็กไม่มีชาติตระกูลสมัยนี้แต่งงานแล้วใช้ชีวิตกันแบบนั้น...เธอจะเอาอย่างนั้นด้วยเหรอ”

มีชาติตระกูลหรือไม่มีไม่รู้ แต่ก็ตามนั้นค่ะ แล้วข้อสอง หนูจะเข้ามาจัดการเงินของคุณฮยองจุนเองค่ะ”

มยองซุกตกใจลุกพรวดขึ้นมาทันที

บ้าไปแล้วงั้นเหรอ อย่างเธอจะรู้อะไร...”

นั่งลงเถอะค่ะ คนมองหมดแล้ว คุณแม่เองก็มีหน้ามีตา ไม่ควรทำแบบนั้นนะคะ”

มยองซุกพยายามสงบใจที่เต้นระรัวแล้วนั่งลง

ไม่ทันสังเกตด้วยซํ้าว่าเสียงของตัวเองสั่นเล็กน้อย สถานการณ์ที่ตั้งใจจะไล่ต้อนลูกสะใภ้ในตอนแรก กลับกลายเป็นโดนสวนกลับเสียเอง

เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร...”

มินฮีไม่คิดจะรอฟังคำพูดไร้สาระของว่าที่แม่สามีจนจบ

เรื่องที่บอกว่าจะมาจัดการเงินของคุณฮยองจุน หมายถึงหนูจะจัดการเงินในส่วนที่คุณแม่กับน้อง ๆ ของคุณฮยองจุนใช้อยู่ด้วยค่ะ”

เธอ...ประสาทไปแล้วหรือไง จะมาจัดการเงินของพวกฉันด้วยเนี่ยนะ”

ไม่ใช่ค่ะ ถ้าเป็นเงินของคุณแม่หรือน้อง ๆ เอง หนูจะไม่แตะต้อง แต่ได้ยินมาว่าคุณแม่กับพวกน้อง ๆ กำลังใช้การ์ดที่เชื่อมกับบัญชีของคุณฮยองจุนอยู่ ไม่ใช่เหรอคะ”

มยองซุกใจตกไปที่ตาตุ่ม

เธอมีทรัพย์สมบัติที่ไหนกันล่ะ

ตอนหย่าเมื่อไม่นานมานี้ยังไม่กล้าเอ่ยปากขอทรัพย์สินสักส่วนเลย

บ้านที่อาศัยอยู่ตอนนี้ก็เป็นชื่อลูกชาย บัตรที่ใช้อยู่ตอนนี้ก็เป็นบัตรบริษัท

“...”

ไม่ต้องห่วงค่ะ หนูไม่ได้หมายความว่าจะตัดเงิน ยังไงก็ต้องรักษาศักดิ์ศรีของคนในตระกูลชินยองกรุ๊ปนี่นา แต่หลังจากหนูแต่งงานแล้ว รบกวนคืนบัตรที่ใช้มาจนถึงตอนนี้ด้วยนะคะ”

อะไรนะ”

นั่นเป็นบัตรของบริษัทค่ะ ซึ่งอาจจะกลายเป็นปัญหาสำหรับคุณฮยองจุนในอนาคตได้ ถ้าแต่งงานแล้ว หนูจะออกบัตรในนามของตัวเองให้นะคะ ต่อไปให้ใช้ใบนั้นแทน”

เธอ...มีวงเงินเยอะนักหรือไง”

ภรรยาของประธานกรรมการจะไม่ได้วงเงินพิเศษเลยเหรอคะ หนูจะให้วงเงินคนละห้าล้านวอนแทน พอใจไหมคะ”

การข่มขู่อันแสนน่าสะพรึง

สำหรับคนที่ใช้เงินเดือนละสามสิบสี่สิบล้าน คำว่าจะลดเงินเหลือห้าล้านจึงไม่ต่างอะไรกับการสั่งตาย

มยองซุกต้องเอาชีวิตรอดก่อนจะสนใจศักดิ์ศรีที่พังทลาย

เธอเก็บกระดาษบนโต๊ะที่เคยยื่นให้อย่างมั่นใจแล้วกล่าว

รสนิยมของเด็กสมัยนี้ต่างกับพวกฉันสินะ เรื่องสินสอดเธอจัดการเอาเองแล้วกัน ฉันไม่สนใจแล้ว”

มินฮีแย้มยิ้ม

อุ๊ย ไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้...โอเคค่ะ หนูจะเพิ่มให้เป็นสิบล้านก่อนแล้วกันนะคะ”

คำว่า ‘ก่อน’ กระตุ้นความคาดหวังและความสิ้นหวังในเวลาเดียวกัน

เพราะจากนี้ไปคำพูดของลูกสะใภ้ถือเป็นคำขาด และชะตากรรมของตัวเองก็ขึ้นอยู่กับว่าจะทำตามได้ดีหรือไม่


[1]  ในธรรมเนียมการแต่งงานของคนเกาหลี จะไม่มีการให้สินสอดแก่ฝ่ายหญิง แต่จะแบ่งหน้าที่รับผิดชอบกัน โดยฝ่ายชายจะจัดการเรื่องซื้อบ้าน ส่วนฝ่ายหญิงจะเป็นฝ่ายซื้อข้าวของเครื่องใช้ในบ้านและซื้อของขวัญให้ญาติพี่น้องของฝ่ายชาย


 

บทที่ 276 แมวกับหนู (2)

 

ขณะที่มินฮีฟาดฟัน (?) กับว่าที่แม่สามีอย่างดุเดือด ยองฮุนก็ไม่ได้อยู่บริษัท แต่กำลังชมวิวทะเลสาบแบคอุนที่ตั้งอยู่ในเขตอึยวัง จังหวัดคยองกี

ถึงจะดูเหมือนคนว่างมากเมื่อเห็นว่าเอาแต่นั่งชิลอยู่ในร้านกาแฟพลางมองวิวทะเลสาบ ทว่าความจริงแล้วเขายุ่งกว่าใครๆ

ถ้าคังแดซองจากโอซองกรุ๊ปไม่ชวนมาพบกันในสถานที่เงียบๆ เขาก็คงไม่ถ่อมาไกลถึงขนาดนี้

แดซองนั่งตรงข้ามยองฮุนแล้วกล่าว

วิวสวยใช่ไหมครับ”

ครับผม”

ก่อนจะแต่งงานกับภรรยา ผมเคยมาที่นี่บ่อยๆ เพราะภรรยาผมชอบที่นี่มากเลยครับ”

ท่าทางจะชอบกันตั้งแต่ก่อนแต่งงานใช่ไหมครับ เห็นปกติพวกมหาเศรษฐีไม่ค่อยแต่งงานกับคนรัก...”

ไม่ได้แต่งงานด้วยความรักหรอกครับ แน่นอนว่าคบกันหลังนัดดูตัว แต่ก็ไม่ได้ใช้ชีวิตเหมือนเป็นคนแปลกหน้าที่จับมือและจูบกันครั้งแรกในงานแต่งงานครับ”

อ๋อ...แต่พวกคุณก็พยายามสินะครับ”

ต่างคนต่างพยายามครับ ผมพยายาม ภรรยาของผมก็พยายามด้วยเหมือนกัน เราต้องพยายามถึงจะได้สิ่งที่ต้องการ อืม ท้ายที่สุดผลลัพธ์ก็ไม่ได้แย่นะครับ”

งั้นเหรอครับ”

หลายคนคงอิจฉาที่เกิดมาเป็นมหาเศรษฐี แต่นอกจากมีเงินเยอะ อย่างอื่นก็ไม่ได้ดีขนาดนั้นครับ อืม ในสายตาคนอื่นอาจจะคิดว่าแค่รวยก็น่าอิจฉามากพอแล้ว แต่พอมาอยู่จุดนี้จริงๆ แล้ว มันเครียดมากเลยครับ ต้องให้ความหมายกับทุกการกระทำ ทุกคำพูด ต้องคอยสังเกตสายตาของทุกคน แถมความเครียดจากการศึกษาก็ไม่ใช่เล่นๆ กลุ่มคนที่ต้องทำงานด้วยก็แทบจะไม่ต่างจากอัจฉริยะเพราะฉะนั้นถ้าไปเรียนต่อเมืองนอกก็ต้องไปที่ไอวีลีก[1] ถ้าจะอยู่เกาหลี ต่อให้ไม่ใช่มหา’ลัยโซล อย่างน้อยก็ต้องเรียนยอนเซหรือโคเรีย ถึงจะยอมปฏิบัติต่อกันเหมือนเป็นคน ถ้าทำได้ไม่ดีเท่านั้น ต่อหน้าก็ครับอย่างนั้นครับอย่างนี้ แต่ก็เอามาด่าว่าโง่ลับหลัง”

เหนื่อยมามากเลยสินะครับ”

ผมไม่ได้โกหก แต่เป็นอย่างนั้นจริงๆ ครับ ดังนั้นผมเลยคิดว่าระหว่างที่ใช้ชีวิตด้วยการสวมบทบาทชนชั้นสูงมาจนถึงตอนนี้ ผมก็พอใจกับมันประมาณหนึ่งแล้ว แต่ความโลภของคนเรามันไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ ครับ”

ยองฮุนแย้มยิ้ม

ตอนนี้เลยมองตัวเองโดยไร้อคติได้แล้วงั้นเหรอครับ”

คุณคิดว่าผมกำลังหลอกตัวเองอยู่เหรอครับ”

ไม่รู้สิครับ เรื่องนั้นไม่ได้สำคัญอะไร เราข้ามไปดีกว่านะครับ”

ยองฮุนดื่มกาแฟอึกหนึ่งแล้วพูดต่อ

ตอนนี้ทั้งเอชเอสกรุ๊ป ทั้ง สส.ชอนโบยุนก็ช่วยคุณไม่ได้แล้วครับ สำหรับสส.ชอนโบยุน ตอนนี้เขากลายเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรครัฐบาลแล้ว จะมีอำนาจอะไรล่ะครับ ถ้าเขาผลีผลามเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับครอบครัวลูกสะใภ้ ชื่อก็จะโดนแขวนอยู่บนสื่อ อัตราการสนับสนุนก็จะตกฮวบฮาบ”

ผมไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจาก สส.ชอนโบยุนตั้งแต่แรกครับ ทุกอย่างเริ่มต้นจากการเชื่อคำพูดของคุณ”

ถ้าพวกเราเข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจนั้น เรื่องก็จะใหญ่ขึ้นครับ ตอนนั้นพ่อคุณคงไม่ยอมอยู่เฉยๆ นี่คือเรื่องที่คุณต้องหาทางออกครับ”

แดซองไม่อาจยอมรับได้

ในการประชุมประธานบริษัทมีการตัดสินใจจะจัดตั้ง TFT เพื่อซื้อกิจการบลูออนเรียบร้อยแล้วครับ ใครจะเป็นคนนำทัพล่ะ ก็ต้องเป็นผมอยู่แล้ว แล้วตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ก็จะว่าง บางทีคนของพี่ชายผมอาจจะมานั่งตำแหน่งนั้นครับ”

อย่างนั้นสินะครับ”

ถ้าเข้าซื้อกิจการล้มเหลว หรือซื้อในราคาสูงกว่าราคาประเมินของตลาดผมจะกลายเป็นคนไร้ความสามารถ แต่ถ้าเกิดซื้อกิจการสำเร็จ ผมจะกลายเป็นประธานของบลูออน แล้วต้องวางมือจากโอซองอิเล็กทรอนิกส์ครับ ถึงอย่างนั้นจะยังบอกว่าไม่เกี่ยวกับคุณอีกเหรอครับ”

จะไม่เกี่ยวได้ยังไงล่ะครับ ผมไม่ได้ทำข้อตกลงกับรองประธานใหญ่คังแจชิก แต่ทำข้อตกลงกับคุณ ถ้าคุณไม่ได้เป็นผู้สืบทอดโอซองกรุ๊ป ผมก็ต้องขาดทุนอยู่แล้วครับ”

ตอนนั้นเองแดซองถึงรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ทำตัวล่องลอยโดยไม่มีแผนรับมือ จึงถามด้วยความรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย

มีแผนอะไรเหรอครับ”

อดทนครับ”

ครับ?”

อดทนแล้วบอกว่าคุณจะไม่ทำครับ”

แดซองทำสีหน้าเหลือเชื่อ

ล้อเล่นหรือไงครับ นี่เป็นเรื่องที่ได้รับการตัดสินใจในที่ประชุมประธานบริษัทเรียบร้อยแล้ว พ่อเองก็ต้องการให้ผมแสดงความสามารถให้ดูด้วย ถ้าปฏิเสธโดยไม่มีเหตุผลแล้วสภาพผมจะเป็นยังไงล่ะครับ”

โดนด่าแค่ไม่กี่เดือนหรอกครับ หลังจากเสร็จสิ้นการเลือกตั้งประธานาธิบดีถ้าเกิด สส.ชอนโบยุนชนะ โอซองกรุ๊ปจะแคร์คุณมากกว่ารองประธานใหญ่คังแจชิกครับ”

โอซองกรุ๊ปดูง่ายขนาดนั้นเลยเหรอครับ การจะเป็นผู้นำกรุ๊ปที่แท้จริงจำเป็นต้องได้รับความไว้วางใจจากพวกประธานบริษัท ต่อให้เป็นถึงประธานาธิบดีแต่คิดว่าพวกเขาจะยอมรับผมที่โดนปฏิบัติเหมือนเป็นลูกน้องของประธานาธิบดีให้เป็นผู้นำกรุ๊ปเหรอครับ”

ยองฮุนเอียงศีรษะไปด้านหนึ่งพลางจ้องมองแดซองสักพักก่อนจะพูด

ฟังนะครับ คุณคังแดซอง”

“...”

เรากลัวเสือเพราะรู้ว่ามันจับเรากินได้ แต่ถ้ารู้ว่าจับกินไม่ได้ ไม่ว่าจะตัวใหญ่หรือดุร้ายแค่ไหน นั่นก็ไม่ใช่เสือ แต่เป็นแค่แมวตัวใหญ่เท่านั้น คุณเป็นเสือหรือเปล่าครับ หรือว่าแมว หรือเป็นแค่หนูกันแน่”

แดซองกัดริมฝีปากด้วยความรู้สึกอัดอั้นตันใจ

กล่าวสั้นๆ ก็คือถ้าคิดจะเป็นเสือก็อย่าทำตัวเหมือนแมว

ผลกระทบมันใหญ่นะครับ”

ว่ากันตามตรงแล้ว แม้จะโตมาเป็นเสือแล้ว แต่แดซองก็ไม่เคยเผยเขี้ยวเล็บแม้แต่ครั้งเดียว แล้วก็รู้ด้วยว่าพวกประธานบริษัทของกรุ๊ปมองตัวเองว่าเป็นแมว ถ้ามาเริ่มอย่างจริงจังตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าคงเกิดความโกลาหล เพราะรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นลูกของเสือที่กำลังปกครองขุนเขาอันยิ่งใหญ่คนหนึ่ง

ทำไมถึงกังวลเรื่องนั้นล่ะครับ นั่นเป็นเรื่องที่ต้องกังวลเหรอ”

เปล่าครับ”

ดีครับ”

ยองฮุนลุกขึ้นด้วยสีหน้าพึงพอใจ

กาแฟยังเหลืออีกเยอะเลย ดื่มให้หมดก่อนแล้วค่อยกลับสิครับ”

ไม่ดีกว่าครับ วิวสวยนะ แต่กาแฟไม่ค่อยถูกปากผม ผมจะรอดูนะครับว่าคุณจะวิ่งไปได้ไกลแค่ไหน อ้อ อีกอย่าง...เวลาอาจจะมีไม่เยอะ บางทีอาจต้องรีบหน่อยครับ”

ครับ?”

ถ้างั้นก็ตั้งใจทำงานนะครับ”

ยองฮุนทิ้งคำพูดที่ตีความไม่ออกเอาไว้แล้วจากไป

แดซองครุ่นคิดประโยคนั้นอยู่พักใหญ่ แต่ก็ไม่เข้าใจความหมายอยู่ดี

คำพูดสุดท้ายของยองฮุนยังคงวนเวียนอยู่ในหูของแดซองที่กลับมาถึงบริษัท

แม้จะรู้จักกันเพียงไม่นาน แต่อย่างน้อยก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนพูดอะไรไร้สาระในสถานการณ์สำคัญๆ แบบนี้

ท่านรองประธานใหญ่เรียกหาค่ะ”

คำพูดของพนักงานทำให้เขาได้สติและมุ่งหน้าไปยังห้องรองประธานใหญ่

คาดการณ์ไว้ประมาณหนึ่งแล้ว สุดท้ายก็ไม่ผิดคาดจริงๆ

นอกจากพ่อแล้ว ยังมีพี่ชายมารออยู่ในห้องรองประธานใหญ่ด้วย

พอเห็นว่ามุมปากยกขึ้นข้างหนึ่ง แล้วทำสีหน้าเหมือนมองหนูที่อยู่ในไห[2]ก็เดาออกหมดแล้วว่าวันนี้จะพูดเรื่องอะไร

เรียกหาผมเหรอครับ”

รองประธานใหญ่คังแจชิกพูดพร้อมกับยื่นรายงานที่กำลังอ่านอยู่ให้

ถึงจะไม่ใช่ธุรกิจที่ฉันสนใจมากนัก แต่ฉันก็คิดว่าบางทีนี่อาจจะเป็นธุรกิจทำเงิน นอกเหนือจากอิเล็กทรอนิกส์ แกลองดูสักครั้ง”

แดซองคำนวณเร็ว แถมยังมีแรงผลักดัน น่าจะคาดหวังผลสำเร็จได้ครับ”

มันซองพูดเสริมขึ้นมา

คาดการณ์ไว้ว่าน้องชายจะต้องรู้สึกจนมุมแน่นอน แต่คำตอบของแดซองกลับทำให้ปั้นหน้าไม่ถูกในชั่วพริบตา

พ่อครับ ผมไม่อยากทำงานนี้ครับ”

ฮะ? ทำไมล่ะ”

พ่อ นี่เป็นบริษัทที่บ้านเมียผมเล็งไว้นะครับ ถ้าอยู่ๆ พวกเราดันบอกว่าจะแย่งมา นั่นไม่ดูตลกไปหน่อยเหรอครับ”

ว่าไงนะ”

กล้าดีอย่างไรถึงพูดกับพ่อว่ากำลังทำเรื่องตลก

ถึงมันซองจะยังอึ้งและสับสน แต่ก็ตวาดออกมาเพราะคิดว่าตัวเองถูกจับได้แล้ว

ไอ้เวร แกบ้าไปแล้วหรือไง! กับเรื่องแบบนี้เอาอะไรมาตลก”

โอซองเป็นบริษัทใหญ่นะครับ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องโชว์ภาพลักษณ์ของบริษัทใหญ่ออกมาให้เห็นสิ ถ้าตัดสินใจซื้อบริษัทที่บ้านเมียผมเล็งอยู่ แล้วพวกเราจะพูดกับสื่อยังไงล่ะครับ”

คิดว่าพวกเราต้องสนใจเรื่องนั้นด้วยหรือไง”

ไม่ต้องสนใจก็ได้ครับ แต่รัฐบาลจะไม่สนใจเหมือนกันหรือเปล่า”

คราวนี้มันซองถึงกับผงะ

แล้วจะให้วางมือจากธุรกิจน่าเสียดายนี่งั้นเหรอ ฉันไม่เคยปล่อยให้ใครเอาอาหารที่วางอยู่ตรงหน้าฉันไป”

ถ้าเนื้อวัวอร่อยจนกินไม่ลืมหูลืมตา อาจจะท้องอืดจนต้องกินแต่โจ๊กตลอดสามวันก็ได้ครับ”

รองประธานใหญ่คังแจชิกแค่นหัวเราะ

แกพูดเก่งขึ้นนะ”

พูดกันตามตรง เขาไม่ได้พูดเก่งขึ้น ที่ต่างไปก็มีเพียงกล้าพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาได้แล้วเท่านั้น

ไม่สิ ถ้าจะมีอะไรเพิ่มเติมก็คือ อาจจะมีวิธีการพูดของชเวยองฮุนผสมอยู่ด้วยเล็กน้อย

บางทีคงเป็นเพราะเขาอยากเป็นเหมือนอีกฝ่าย

จะด่าว่าผมดีแต่พูดใช่ไหมครับ”

เหอะๆ...แกฟังเป็นอย่างนั้นเหรอ”

ผมคิดว่าเราควรมองภาพใหญ่เข้าไว้ครับ ถ้าจะเตรียมอนาคตของโอซองผ่านการซื้อกิจการ ผมว่าควรมุ่งเน้นไปที่ปัญญาประดิษฐ์มากกว่าตลาดโอทีทีที่พวกเรายังไม่เคยแตะต้องมาก่อน เพื่อสิ่งนั้นแล้ว ผมอยากให้ทบทวนรายละเอียดที่ตัดสินใจไปก่อนหน้านี้อีกครั้งครับ”

รองประธานใหญ่คังแจชิกมองลูกชายคนรองด้วยความรู้สึกแปลกใจ

ไม่ใช่ว่าการยืนกรานของแดซองน่าเชื่อถือมากจนต้องยอมฟังอย่างไม่มีข้อแม้แต่ไม่เคยเห็นลูกชายยืนกรานในความคิดของตัวเองอย่างหนักแน่น พร้อมๆ กับตำหนิพี่ชายต่อหน้ามาก่อนเลยสักครั้ง

งั้นเหรอ ฟังดูมีเหตุผลดี แต่ฉันไม่ค่อยอยากทำตามคำพูดแกเท่าไหร่ทั้งปัญญาประดิษฐ์ทั้งโอทีทีล้วนเป็นสิ่งที่พวกเราควรเข้าซื้อกิจการทั้งคู่ เมียแกคงจะหงุดหงิดนิดหน่อย แต่รู้ไหมว่าทำไมฉันถึงให้แกแต่งงานกับแซรม”

“…”

เจตนาฉันก็คือ ถ้ามีโอกาสมาหาแกเมื่อไหร่ก็ยึดครอบครัวเมียแกซะจากมุมมองของเรา ทีเอสกรุ๊ปไม่ใช่ตระกูลที่ต้องใส่ใจเลย เป็นแค่คู่แข่งที่ซ่อนดาบไว้ข้างหลังแล้วมาแต่งงานเกี่ยวดองกันเท่านั้น”

รองประธานใหญ่คังคิดว่าพูดประมาณนี้ แดซองคงเข้าใจแล้วยอมก้มศีรษะรับคำสั่ง

ทว่า...

ผมไม่คิดจะแข่งกับครอบครัวเมียครับ ภายในประเทศเราอาจจะเป็นคู่แข่งกัน แต่ถ้าออกจากปากถํ้าที่ชื่อว่าเกาหลีเมื่อไหร่ ก็มีแต่คู่แข่งที่ยิ่งใหญ่และอันตรายกว่าเต็มไปหมดครับ พวกนั้นต่างหากคือบริษัทที่เราต้องสู้ด้วย”

มันซองหัวเราะเยาะขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นแดซองไม่ยอมก้มศีรษะ

ฮึ! แกกำลังพยายามจะสอนพ่อสินะ หลงเมียจนไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร...พ่อครับ จะวางคนแบบนี้ไว้เป็นหัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ได้เหรอครับ ขืนเป็นแบบนี้เดี๋ยวความลับของโอซองอิเล็กทรอนิกส์ก็คงถูกส่งต่อไปให้ทีเอสกรุ๊ปด้วย”

เงียบ”

มันซองสะดุ้งเมื่อพ่อขึ้นเสียงใส่ด้วยสีหน้าแข็งกร้าว

รองประธานใหญ่คังแจชิกถามขณะจ้องหน้าลูกชายคนรองอย่างเย็นชา

ความคิดของใคร”

ความคิดของใครเหรอครับ ความคิดผมเอง”

แซรมไม่ได้ขอร้องแกมาหรือไง”

เมียผมเครียดและผิดหวังมากหลังจากได้ยินข่าวนี้ก็จริง แต่ผมไม่ได้คัดค้านเพราะสาเหตุนั้นเพียงอย่างเดียวครับ”

แล้วถ้าเกิดฉันผลักดันการซื้อกิจการครั้งนี้ต่อล่ะ แกจะทำยังไง”

แดซองยักไหล่

ถ้าเป็นความต้องการของพ่อ ผมก็คงทำอะไรไม่ได้ แต่คิดว่าพ่อไม่ควรวางผมไว้ใน TFT สำหรับเข้าซื้อกิจการครับ”

แกเป็นพนักงานบริษัท พนักงานบริษัทต้องผลักดันโปรเจกต์ที่ตัวเองรับผิดชอบอย่างสุดความสามารถ”

แต่ผมคิดว่าการวางคนที่ทำได้ดีกว่าไว้ในตำแหน่งนั้นจะเหมาะสมกว่านะครับ การทำความเข้าใจผู้คนและจัดวางตำแหน่งให้เหมาะสม เป็นเรื่องที่พ่อเน้นยํ้ากับผมเสมอนี่ครับ”

แปลว่าแกจะไม่ทำใช่ไหม”

ครับ”

โอเค ฉันเข้าใจแล้ว ออกไปก่อน”

รับทราบครับ”

แดซองโค้งศีรษะให้แล้วเดินออกมาจากห้องรองประธานใหญ่

ถึงจะประหม่ามากจนหัวใจเต้นรัว เหงื่อซึมเต็มฝ่ามือ แต่แดซองก็คิดว่าตัวเองทำได้ดีมาก

เพราะเสือต้องทำตัวให้เหมือนเสือถึงจะเป็นเสือ

มุมปากของแดซองวาดขึ้นเป็นรอยยิ้ม

พ่อ! จะปล่อยไปง่ายๆ อย่างนั้นเหรอครับ”

มันซองไม่เข้าใจสถานการณ์นี้

กล้ามากที่เถียงฉอดๆ ต่อหน้าพ่อ แถมยังหันหลังให้อย่างไม่ไยดีอีก...น้องชายที่พ่อแค่เหลือบตามองก็เอาแต่กัดปากก้มหน้างุด อยู่ๆ กลับเปลี่ยนไปอย่างกับคนละคน แค่นั้นก็เหลือเชื่อมากพอแล้ว

ทว่าทั้งที่พ่อเห็นแบบนั้นแล้วแท้ๆ แต่กลับย้อนถามเขาว่าจะทำยังไงต่อดีล่ะ

แล้วแกจะเอายังไง มันบอกว่าไม่อยากทำ จะให้ฉันทำยังไง”

มันคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงมาพูดว่าไม่อยากทำล่ะครับ”

ยังไงก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับบ้านเมียมันไม่ใช่เหรอ เราก็ต้องไว้หน้ามันบ้างด้วยเหมือนกัน”

มันซองเสยผมก่อนจะถาม

ถ้างั้นจะยุติการซื้อบลูออนเหรอครับ”

แกจัดการหาคนที่เหมาะสมเอาเองแล้วกัน ปล่อยแดซองมันไปเถอะ”

เหตุผลที่ผลักดันโครงการนี้คืออะไรล่ะ

จุดประสงค์คือการดึงคังแดซองลงจากตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์

ไม่ได้สนใจตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าใครจะยื่นมือเข้าไปในเว็บไซต์สตรีมมิ่งละครหรือภาพยนตร์นั่น

แต่ก็ไม่สามารถเปิดเผยความจริงออกมาตรงนี้ได้

รับทราบครับ”

ออกไปได้แล้ว”

มันซองออกมาจากห้องรองประธานใหญ่ด้วยแววตาสงบนิ่ง

ถึงจะไม่อยากยอมรับ แต่คราวนี้ตัวเองเป็นฝ่ายแพ้อย่างราบคาบ

รวมถึงตระหนักได้ว่าน้องชายที่เคยมองว่าไร้ค่าอาจจะกลายเป็นภัยคุกคามต่อกันจริงๆ


[1]  กลุ่มมหาวิทยาลัยเอกชน 8 แห่งในอเมริกาที่มีชื่อเสียงอย่างมากในด้านคุณภาพการศึกษาที่ดีเยี่ยม

[2]  สภาพที่ไม่สามารถหลุดพ้นจากสถานการณ์ยากลำบากได้


 

บทที่ 277 แมวกับหนู (3)

 

 ร้านซี่โครงชื่อดัง ของย่านกังนัมในช่วงคํ่า

แม้จะตั้งอยู่ในกังนัมซึ่งค่าที่ดินแสนแพง แต่ภายในพื้นที่ใหญ่โตของร้านกลับมีกลุ่มคนกำลังนัดพบปะกันอยู่

หลังจากอิ่มท้องด้วยซี่โครงอย่างพอเหมาะพอควรแล้ว ประธานชเวอิลกนจากทีมสนับสนุนธุรกิจโกลบอลของโอซองอิเล็กทรอนิกส์จึงกวาดสายตามองทุกคนพร้อมกับกล่าวขึ้น

การเลือกตั้งประธานาธิบดีใกล้เข้ามาแล้วแท้ๆ แต่กลับมองไม่เห็นอนาคตเลย ว่าไหมครับ”

คำพูดตีหน้าซื่อของประธานชเวอิลกนทำให้ทุกคนได้แต่หัวเราะแห้งๆ

แต่เจ้าตัวกลับยิ้มเหมือนรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นอย่างนั้นและพูดต่อ

ทุกคนคงจะงงกันสินะครับ เพราะจู่ๆ ประธานคังมันซองก็บอกว่าจะเข้าสู่ธุรกิจโอทีที ไม่มีข้ออ้างจะคัดค้าน และไม่มีเหตุผลให้ต้องคัดค้านด้วย...แต่ทุกคนตรงนี้คงไม่มีใครไม่รู้ว่านั่นเป็นแผนการที่เตรียมไว้ล่วงหน้า เพื่อส่งหัวหน้าฝ่ายคังแดซองไปทางนั้นใช่ไหมครับ”

ก็ต้องรู้อยู่แล้วสิ”

ยุนจีโฮ ประธานบริษัทโอซองการค้าพยักหน้า

ประธานยุนจีโฮเข้าบริษัทมาก่อนประธานชเวอิลกนสองปี เคยเป็นหนึ่งในบุคลากรคนสำคัญของกรุ๊ปที่ได้รับความไว้วางใจจากท่านประธานใหญ่เป็นอย่างมาก

เหตุผลที่บอกว่า ‘เคย’ ก็เพราะผ่านมาเป็นสิบปีแล้วนับจากท่านประธานใหญ่ล้มป่วย และต้องต่อสู้เพื่อเอาชนะความเป็นความตายอยู่ในโรงพยาบาล

เรียกได้ว่าหากจะลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัทไปเป็นคนธรรมดาตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

จะบอกว่าคนที่มารวมตัวกันอยู่ตอนนี้ล้วนเข้าใจความรู้สึกที่ต้องดิ้นรนจนสุดชีวิตของประธานยุนจีโฮก็ไม่ผิด

หัวหน้าฝ่ายคังแดซองไม่ยอมรับคำสั่งของท่านรองประธานใหญ่ครับรวมถึงประกาศว่าจะนั่งตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ต่อ ท่านประธานคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นครับ”

ประธานยุนจีโฮจิบนํ้าขิงอบเชยที่เสิร์ฟเป็นของว่างก่อนจะตอบ

เมื่อก่อนฉันเคยตีกอล์ฟกับประธานคังมันซอง รู้ใช่ไหม หลังจากโรงงานสองที่โอซานสร้างเสร็จ พวกเราก็ลงไปกวางจูด้วยกันหมดนี่นา”

รู้ครับ ผมจำได้”

ตอนนั้นฉันเพิ่งเคยเล่นกอล์ฟกับประธานคังที่สนามกอล์ฟใกล้ๆ สนามบินกวางจูเป็นครั้งแรก ไหล่ฉันเกร็งตั้งแต่ก่อนตีกอล์ฟด้วยซํ้า ทำไมน่ะเหรอ เพราะมีโปรกอล์ฟคนสวยอย่างโปรโออินจูอยู่ด้วย...”

ผมรู้จักครับ”

โปรโออินจูเป็นหญิงสาวขวัญใจแฟนคลับ เพราะรูปร่างสูงเพรียวและองค์ประกอบบนใบหน้าที่ชัดเจน

เป็นความจริงที่ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า ในบรรดาพวกคนเล่นกอล์ฟ ต่อให้มีความสามารถแค่เพียงครึ่งเดียวของรูปลักษณ์ก็อาจจะมีแฟนคลับจำนวนมาก

ใช่ไหมล่ะ เหอะๆ...สาวสวย ตอนนั้นบังเอิญเจอกับโปรโออินจูที่คลับพอดีเลยได้ตีกอล์ฟด้วยกัน หลุมที่สามหรือหลุมที่สี่นะ ประธานคังตีอย่างมั่นใจมาก แต่ดันกลายเป็นโอบี[1] อุตส่าห์โม้ไว้ใหญ่โตเลยหน้าแตกแต่เวลาตีกอล์ฟก็มักจะเกิดกรณีแบบนั้นบ่อยๆ อยู่แล้วใช่ไหมล่ะ เพราะฉะนั้นฉันเลยพยายามมองข้ามเหตุการณ์นั้นไปอย่างไว้หน้า...แต่อยู่ดีๆ ประธานคังก็ตบหน้าแคดดี้ที่กำลังยืนอยู่เฉยๆ”

ฮะ? ทำไมล่ะครับ”

ฉันไม่เห็นนะ แต่เขาบอกว่าแคดดี้หัวเราะเยาะตัวเอง ทั้งฉันทั้งโปรโอต่างงงกันหมดแล้วห้ามไว้ก่อน แน่นอนแคดดี้ปฏิเสธว่าไม่ได้หัวเราะ...ตอนนั้นประธานคังเลยบอกว่าเขาผิดเองพร้อมกับขอโทษ หลังจากนั้นก็ให้เงินปลอบใจด้วยฉันนึกว่าเรื่องจะจบด้วยดี”

ไม่จบเหรอครับ”

พอปลอบโปรโอที่กำลังตกใจเสร็จ เขาก็หายตัวไปที่ไหนสักแห่งหลังเกมจบ ก่อนจะโผล่มาแบบหัวฟัดหัวเหวี่ยง ฉันมารู้เอาทีหลังว่าแคดดี้คนนั้นได้รับการวินิจฉัยว่าให้รักษาตัวเป็นระยะเวลาหกสัปดาห์ แล้วก็ถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาล”

หา...เรื่องนั้น...”

มีคนรู้เรื่องนี้ไม่กี่คนหรอก โปรโอเองก็น่าจะคิดว่าเรื่องจบแค่นั้นมั้งมีแค่ฉันกับเลขาฯของกรุ๊ปไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้”

“...”

ตอนนั้นนั่นแหละ ตอนนั้น...พอโผล่มาแบบหัวฟัดหัวเหวี่ยงแล้วเห็นฉันเขาก็ยิ้มให้นะ แต่ฉันยังลืมแววตานั้นของประธานคังไม่ได้เลย”

มีเรื่องแบบนั้นด้วยสินะครับ”

หัวหน้าฝ่ายคังแดซองน่าจะรู้ดีกว่าฉัน แต่ก็ยังทำแบบนั้นอีกงั้นเหรอบางทีพวกเราอาจจะประเมินหัวหน้าฝ่ายคังแดซองผิดก็ได้ เห็นกันชัดๆ ว่าประธานคังพยายามจะไล่หัวหน้าฝ่ายคังออกจากกรุ๊ป แต่ถ้าหัวหน้าฝ่ายคังทำแบบนั้นทั้งๆ ที่รู้เรื่องอยู่แล้ว แสดงว่าเขาคงจะมีแผนอะไรอยู่”

ประธานยุนจีโฮพูดแบบนั้นแล้วเหลือบตามองบนพลางหัวเราะเบาๆ

ทำไมถึงทำท่าทางแบบนั้นล่ะครับ”

พวกเราน่ะเป็นอย่างนั้น แต่นายล่ะ มีใครไม่รู้บ้างว่ารองประธานใหญ่คังแจชิกวางตัวนายไว้ข้างๆ หัวหน้าฝ่ายคัง”

ไม่ใช่วางไว้ข้างๆ แค่คอยช่วยเหลือไม่ให้ทำพลาดมากกว่าครับ”

อย่าถ่อมตัวเลย แล้ว...อยากคุยเรื่องอะไรล่ะ ถึงเรียกพวกเรามา”

ประธานชเวอิลกนกวาดสายตามองคณะประธานบริษัทที่จ้องมองกันด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น

อาจเป็นเพราะประหม่า เขาจึงเลียริมฝีปากก่อนจะอ้าปากพูด

ครั้งแรกที่ผมเจอหัวหน้าฝ่ายคังแดซองคือตอนหัวหน้าฝ่ายคังอยู่ ม.ต้นหรือเปล่านะ แต่ช่วงเวลาที่ผมประทับใจมากจนจำได้แม่นคือตอนเขาเข้าบริษัทครับ อย่างที่ทุกคนทราบ ขนาดตอนประธานคังมันซองเข้าบริษัทครั้งแรกก็อยู่ระดับผู้บริหารแล้วไม่ใช่เหรอครับ”

ฮ่าๆๆ จริงด้วยสินะ”

ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าหัวหน้าฝ่ายคังไม่มีแนวคิดแบบพวกชนชั้นสูงหรือพฤติกรรมเหยียดคนอื่น แต่จะว่ายังไงดีล่ะครับ...จะเรียกว่ายอมรับความพยายามและประสบการณ์ของฝ่ายตรงข้ามได้ไหมนะ”

สรุปง่ายๆ คือมองพวกเราเป็นมนุษย์คนหนึ่ง?”

ฮ่าๆ นั่นแหละครับ คำนั้นถูกต้องเลย”

มองเป็นมนุษย์คนหนึ่งงั้นเหรอ...”

ถึงจะยังไม่มีการกำหนดอะไรทั้งสิ้น แต่ผมมองอย่างนั้นครับ รองประธานใหญ่คังแจชิกก็เป็นลูกชายคนรองเหมือนกัน ถ้าเกิดการแย่งชิงอำนาจระหว่างสองพี่น้อง ท่านรองจะให้คนที่รอดชีวิตในตอนจบเป็นผู้สืบทอดครับ”

ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเขา

ฉันเข้าใจว่านายหมายความว่ายังไง แต่นายจะไม่เป็นไรเหรอ ตอนนี้ประธานคังน่าจะพยายามตัดกิ่งก้านของน้องชายอย่างจริงจังแล้วนะ”

ประธานคังมันซองเข้าตาจนแล้ว ตอนนี้คงจะเริ่มจัดการคนของหัวหน้าฝ่ายคังแดซองก่อน

ต่อให้ไปไกลแค่ไหนก็ได้แค่ปีหน้าอยู่แล้ว ชีวิตผมจะล่มจมแค่เพราะโดนจัดการเร็วขึ้นนิดหน่อยงั้นเหรอครับ”

แปลว่านายเล็งเดิมพันแบบพลิกกระดาน? ใช้ได้นี่ โอเคเลย”

หึๆ...สักแก้วดีกว่าครับ ทุกคนก็ดื่มด้วยกันนะครับ”

ประธานชเวอิลกนดื่มเหล้าเพื่อเพิ่มบรรยากาศ

 ห้องทำงานของ สส.ชอนโบยุน

ผู้ช่วยชเวซึงฮวานรายงานด้วยสีหน้ามืดมน

ผมไม่คิดว่าเขาจะแค่พูดเฉยๆ นะครับ เห็นว่าทฤษฎีไร้ประโยชน์ของสส.โดซูยอนกำลังกลายเป็นหัวข้อหลักในการประชุมของโอซองที่ประธานพรรคมินสังกัดอยู่ครับ”

จะบ้าตาย...ประธานพรรคมินกำลังสร้างความวุ่นวาย...”

ผมคิดว่ายังไงก็ควรจัดการให้เรียบร้อย ก่อนเรื่องจะใหญ่จนสื่อรุมทึ้งนะครับ”

อืม ฉันคงต้องจัดการเรื่องนี้ก่อน...”

ทันทีที่เห็นแววตาแน่วแน่ของ สส.ชอนโบยุน ผู้ช่วยชเวซึงฮวานจึงรีบพูด

ถ้าคิดจะหาข้อยุติกับประธานพรรคมินกูซัง ท่าน สส.ต้องคิดให้แตกต่างครับ”

หืม? ทำไมล่ะ”

รู้จักนิสัยเขาดีไม่ใช่เหรอครับ”

ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่สามารถยอมแพ้ได้นะ”

ทราบครับ แต่ผมแค่รู้สึกแปลกๆ”

เรื่องไหน”

ผมคิดว่าบางทีเขาอาจจะจงใจยั่วยุท่าน สส.ก็ได้ครับ”

หว่างคิ้วของ สส.ชอนขมวดเข้าหากัน

ทำไมถึงคิดอย่างนั้น”

คำพูดมันแพร่กระจายน้อยกว่าที่ผมคิดไว้ครับ ในระดับที่ต่อให้ไม่พยายามสืบหา ขอแค่อยู่ใกล้ๆ ก็ได้ยินง่ายมาก”

สส.ชอนตบเข่า

ตั้งใจจะเล่นงานโดซูยอน เพื่อบอกสื่อว่าทะเลาะกับฉันเพราะปัญหานี้สินะ!”

ไม่ว่ายังไงก็มีโอกาสสูงครับ ถ้าเปิดเผยปัญหานี้กับสื่อ สส.โดซูยอนคงจะไม่ยอมอยู่เฉยๆ”

จริงด้วย จากมุมมองของโดซูยอน อาจจะเข้าใจว่ากำลังจะโดนฉันเขี่ยทิ้งเพราะใช้ประโยชน์เสร็จแล้ว รวมถึงอาจมองว่าการทะเลาะกันระหว่างฉันกับประธานพรรคมินเป็นแค่การแสดง”

ผู้ช่วยชเวซึงฮวานทำสายตาสงสัย

ท่าน สส.คิดว่า สส.โดซูยอนจะไม่เข้าใจผิดเหรอครับ”

ฉันคิดแบบนั้น แต่เรื่องนั้นไม่ได้สำคัญหรอก สิ่งสำคัญคือประธานพรรคมินกูซังคิดแบบนั้นต่างหาก นึกไม่ถึงว่าเขาจะสร้างความขัดแย้งภายในทั้งๆ ที่กำลังจะถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดี...มีเหตุผลที่จะต้องไล่โดซูยอนออกขนาดนั้นเลยเหรอ”

เขาอาจคิดว่าตำแหน่งของตัวเองถูกคุกคามครับ คงจะมองว่าต่อให้ครั้งนี้ไม่ได้ แต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งหน้า ยังไงตัวเองก็ต้องได้ครับ”

อืม...แปลว่าต้องจัดการเรื่องนี้เงียบๆ สินะ..”

จะทำยังไงดีครับ”

ในสถานการณ์แบบนี้มีเพียงคนเดียวที่เขาเชื่อถือได้

โทร.หากรรมการผู้จัดการชเวยองฮุน บอกว่ามาเจอกันหน่อย”

รับทราบครับ”

ผู้ช่วยชเวซึงฮวานรู้สึกเบาใจขึ้นระดับหนึ่ง เพราะโยนหน้าที่แก้ปัญหาไปให้คนอื่นได้แล้ว

ตอนผู้ช่วยชเวซึงฮวานโทร.เข้ามาที่ฝ่ายวางแผนและประสานงานของเอชเอสการผลิต ยองฮุนกำลังต้อนรับแขกจากต่างประเทศอยู่

อุดมที่มาเยือนเกาหลีหลังจัดการทุกอย่างในประเทศไทยเรียบร้อยแล้วนั่นเอง

รู้สึกยังไงบ้างครับที่ได้มาเกาหลี”

ก่อนหน้านี้ผมเคยมาหลายครั้งแล้ว ยังคงมีชีวิตชีวาแล้วก็ดูยุ่งเหมือนเดิมบางช่วงอาจวุ่นวายไปบ้าง แต่ก็ไม่เลวเลย”

ยอนฮีช่วยแปลอยู่ข้างๆ

ท่านอุดมมีส่วนช่วยเหลืออย่างมากในการนำพาเอชเอสกรุ๊ปของพวกเราเข้าสู่โครงการพัฒนาแหล่งก๊าซธรรมชาติครับ”

ตอนนี้อย่าเรียกว่าท่านอีกเลย ผมสลัดตำแหน่งนั้นทิ้งไปแล้ว”

โอเคครับ ผมจะเรียกว่าคุณอุดมแล้วกันนะครับ”

อาจจะชอบใจกับคำว่า ‘คุณอุดม’ มุมปากของอีกฝ่ายจึงยกขึ้น

ผมประทับใจสิทธิพิเศษที่มอบให้ครอบครัวผมมาก ครอบครัวผมเองก็ซาบซึ้งในความเอาใจใส่ของคุณเหมือนกัน และสิ่งที่ผมอยากขอบคุณอย่างยิ่งก็คือการให้ความสำคัญกับการศึกษาของลูกๆ ผม”

ขอบคุณอะไรกันครับ การเข้าร่วมโครงการพัฒนาแหล่งก๊าซธรรมชาติอีกหนึ่งแห่งของประเทศเกาหลีจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากคุณ แค่นั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยครับ”

ถูกต้องครับ ถ้าไม่ใช่เพราะความช่วยเหลือของผม เรื่องนั้นก็คงเป็นไปไม่ได้...แต่ทำไมบริษัทอื่นๆ ที่เคยได้รับความช่วยเหลือจากผม ถึงคิดว่าทุกอย่างง่ายดายขนาดนั้นนะ ผมละรู้สึกเศร้าใจจริงๆ ก็เลยประทับใจคุณในส่วนนั้น”

ผมเองก็ถูกใจคุณเหมือนกันครับ”

อุดมเหลือบมองทิวทัศน์ที่เต็มไปด้วยตึกสูงระฟ้าแล้วหันมาหายองฮุน

ถ้างั้นต่อจากนี้จะเป็นยังไง”

มีสองวิธีครับ วิธีแรกคือทุกครั้งเวลามีงานที่จำเป็นต้องใช้คุณ พวกเราจะเรียกคุณมารับผิดชอบงานนั้น”

อีกวิธีล่ะ”

คุณจะกลายเป็นพนักงานของพวกเราครับ ได้รับเงินเดือนที่มั่นคง รวมถึงได้โบนัสสำหรับทุกๆ โครงการที่คุณแก้ปัญหาได้ ทั้งสองอย่างมีข้อดีข้อเสียหมดถึงวิธีแรกจะทำเงินได้มากกว่า แต่เนื่องจากเป็นการดำเนินงานระหว่างบริษัทกับบริษัท ดังนั้นความรับผิดชอบทางกฎหมายทั้งหมด ค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการและความเสียหายตอนล้มเหลว คุณอุดมจะต้องรับผิดชอบเองครับ”

ถ้าเป็นพนักงานของบริษัทคุณจะมั่นคงกว่ามากสินะ”

ใช่ครับ บริษัทจะรับผิดชอบทุกอย่างเอง แต่จะได้เงินน้อยลงเพื่อแลกกับสวัสดิการต่างๆ ครับ”

อุดมให้คำตอบทันทีเพราะนี่ไม่ใช่การตัดสินใจที่ยากอะไรนัก

ผมชอบบริษัทของคุณ แล้วก็อยากรู้เหลือเกินว่ามีสวัสดิการอะไรบ้าง”

เยี่ยมเลยครับ ถ้าอย่างนั้นพักต่ออีกสักวัน เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าฝ่ายบุคคลจะนำสัญญาจ้างเป็นภาษาอังกฤษมาเสนอ ค่อยๆ อ่านให้ละเอียด ถ้าตัดสินใจได้แล้วก็เซ็นสัญญาจ้างได้เลยครับ”

แล้วโปรเจกต์ต่อไปคืออะไร”

อยากทำงานแล้วเหรอครับ”

ผมทำงานที่เดียวมาทั้งชีวิต ติดอยู่กับงานที่ไม่มีการพัฒนา ไม่มีอนาคตตอนนี้เลยอยากทำงานที่ต้องการให้ผมเป็นผู้นำ งานที่ทำแล้วรู้สึกตื้นตันใจน่ะ”

ผมเองก็ตั้งตารอเหมือนกันครับ โปรเจกต์ต่อไปก็เป็นสถานที่ที่คุณคุ้นเคยดี”

ประเทศไทยเหรอ”

ครับ ผมกำลังคิดว่าจะเข้าร่วมโครงการพลังงานแสงอาทิตย์”

อุดมขมวดคิ้วและตั้งใจจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็เปลี่ยนใจพยักหน้าแทน

อย่างนี้นี่เอง”

คิดว่ามันยากไหมครับ”

ถ้าเป็นเรื่องง่าย พวกคุณคงไม่ตามตัวผมมาหรอก จะขอให้ช่วยแก้ไขปัญหายากๆ ไม่ใช่เหรอถึงเรียกผมมา”

ฮ่าๆ ถูกต้องครับ”

ปกติแล้วถ้าคนที่เกิดมาพร้อมดวงพเนจรปักหลักอยู่ที่เดิมเป็นเวลานานไม่ว่าช่วงเวลานั้นจะมาถึงเมื่อไร ดวงชะตาก็จะทำให้รับรู้ได้เอง

ที่ผ่านมาอีกฝ่ายดำเนินชีวิตตามดวงชะตาที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด จนกระทั่งอายุเกินห้าสิบ ความสามารถที่เก็บซ่อนไว้อย่างมิดชิดจึงยิ่งถูกเผยออกมามากขึ้น

ถ้างั้นพรุ่งนี้ผมจะมาใหม่”

ชอบโรงแรมไหมครับ”

ที่นี่ดีมากเลย อ้อ อีกอย่างผมคงต้องหาที่พักในเกาหลี...”

เดี๋ยวผมจองออฟฟิศเทลสักแห่งให้เองครับ จะได้ไม่ลำบากใจกับการอยู่ที่นี่ คุณน่าจะถูกใจนะครับ”

ขอบคุณ ผมขอตัวก่อน...”

ทันทีที่อุดมออกไป ยอนฮีก็หันขวับ

พลังงานแสงอาทิตย์? หมายถึงอูมยองโซลาร์เซลล์เหรอ”

อืม เพราะสักวันหนึ่งก็คงจะต้องยกให้กรรมการผู้จัดการคิมชางฮุน”

ฮู่...โอเค ระหว่างที่แม่ยังมีห่วงกับฮยอนจินเฮฟวี่อินดัสทรีส์อยู่ การช่วยให้เขายึดอูมยองได้ก็เป็นเรื่องถูกต้องแหละ แต่ถ้ายกอันนี้ให้แล้ว การซื้อกิจการของฮยอนจินเฮฟวี่อินดัสทรีส์ที่มองไม่เห็นอนาคตจะสำเร็จได้จริงๆ เหรอ”

ถ้าไม่เวิร์กก็ต้องทำให้มันเวิร์กสิ”

ในเวลานั้นมินฮีก็เดินลงมาแจ้ง

กรรมการผู้จัดการ สส.ชอนโบยุนต้องการพบค่ะ”

เมื่อไหร่ครับ”

เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ”

ฝากแจ้งว่าให้มาที่โรงแรมเย็นนี้ครับ แล้วกับประธานกรรมการอีฮยองจุนเป็นยังไงบ้างครับ”

มินฮีแอบลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดด้วยใบหน้าแดงกํ่า

ดูเหมือนจะต้องเตรียมแต่งงานแล้วค่ะ”

ยินดีด้วยนะครับ”

ขอบคุณค่ะ”

ขึ้นไปก่อนเลยครับ เดี๋ยวพวกเราค่อยตามไปทีหลัง”

รับทราบค่ะ”

พอมินฮีกลับขึ้นไปแล้ว ยอนฮีก็กล่าวออกมา

ถ้าแต่งงานตอนนี้ก็กลายเป็นภรรยาประธานกรรมการชินยองกรุ๊ปแล้วนี่นา”

ใช่ ถ้าแต่งงานแล้วก็ต้องลาออก”

ไม่เสียดายเหรอ แทบไม่ต่างอะไรกับพี่เป็นคนเลี้ยงเธอมาเลยนะ”

ยองฮุนแย้มยิ้ม

แต่ละคนล้วนมีชีวิตของตัวเอง คุณมินฮีเอาชนะความยากลำบากมาได้ดีแล้ว เธอเติบโตขึ้นจนอาจจะไม่พอใจกับการเป็นแค่เลขาฯในบริษัทแห่งหนึ่งตอนนี้เราต้องปล่อยให้เธอได้ใช้ชีวิตของตัวเองแล้ว”

แต่ก็น่าเสียดายอยู่ดีนะ”

ฉันไม่เห็นเสียดายเลย เพราะมีเธออยู่ข้างๆ แล้วไง”

ยองฮุนกอดยอนฮีที่กำลังยิ้มแน่น

 


[1]  ย่อมาจาก Out of Bound หมายถึง ออกนอกเขตพื้นที่ที่ให้เล่นได้


 

บทที่ 278 แมวกับหนู (4)

 

ประธานชเวอิลกน มาทำงานแต่เช้าเหมือนอย่างเคย แต่ขณะกำลังจะเริ่มประชุมกับลูกน้อง กลับมีพนักงานกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามา

อะไรเนี่ย”

ขอโทษครับ พวกผมมาจากฝ่ายตรวจสอบ รบกวนไปกับพวกเราสักครู่ครับ”

ประธานชเวอิลกนรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณทันทีว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

เอาแค่จำนวนปีที่ตนทำงานอยู่ในโอซองก็เกินยี่สิบปีแล้ว ถ้าคิดจะหาเรื่องจับผิดถึงสิ่งที่เคยทำพลาดในช่วงเวลาที่ผ่านมา มีใครที่ไหนบ้างจะไม่โดนเล่นงาน

เนื่องจากไม่ใช่เรื่องที่จะต้องจับผิดจึงปล่อยผ่าน แต่ถ้าหากอ้างกฎระเบียบและขุดคุ้ยอย่างเปิดเผยก็คงต้องตกที่นั่งลำบากแน่นอน

เอาสิ”

แต่ประธานชเวอิลกนเตรียมใจเอาไว้อยู่แล้ว

หลังจากหัวหน้าฝ่ายคังแดซองแสดงจุดยืนต่อรองประธานใหญ่ เขาก็เคลียร์ทุกอย่างรอบตัวไว้ล่วงหน้าแล้ว เพราะรู้สึกได้ว่าถ้าปล่อยไว้อาจจะกลายเป็นปัญหา

สิ่งที่จัดการได้ก็จัดการแล้ว สิ่งที่สามารถเก็บเป็นความลับได้ก็ทำแล้ว

อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่มือตนเอื้อมไม่ถึงก็ยากจะหลีกเลี่ยงได้

ตอนนี้หัวหน้าฝ่ายคังแดซองต้องช่วยแก้ปัญหา

ต้องแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปกป้องคนของตัวเอง คนอื่นถึงจะยอมติดตาม

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นบททดสอบบทแรกของหัวหน้าฝ่ายคังแดซอง

รบกวนขอโทรศัพท์มือถือด้วยครับ”

ประธานชเวอิลกนส่ายหน้า

ฉันจะเอาไปให้หัวหน้าฝ่ายตรวจสอบเอง เพราะฉะนั้นไปที่ฝ่ายตรวจสอบกันก่อนเถอะ”

พนักงานพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ล้มเลิก

เพราะต่อให้มีข้อมูลสำคัญและร้ายแรงแค่ไหน แต่ปกติแล้วอีกฝ่ายเป็นบุคคลที่พนักงานธรรมดาๆ ไม่กล้าพูดคุยด้วย

รู้ดีว่าอำนาจของประธานชเวอิลกนสามารถฟื้นคืนกลับมาได้ทุกเมื่อจนกว่าเจ้าตัวจะเกษียณ

ได้ครับ ไปกันเถอะ”

ประธานชเวอิลกนเดินตามพนักงานฝ่ายตรวจสอบ พร้อมกับรีบส่งสายตาหาพนักงานของทีมสนับสนุนธุรกิจโกลบอล

พนักงานที่เซนส์ดีจึงหลบหลีกพนักงานฝ่ายตรวจสอบแล้ววิ่งขึ้นไปที่ฝ่ายกลยุทธ์

แม้จะเห็นชัดเจนว่ากำลังประชุมกันอยู่ แต่พนักงานคนนั้นก็ร้อนใจมากจนรีบเปิดประตูเข้าไปก่อน

ขอโทษครับ”

หือ? มีอะไรเหรอครับ”

ผมมาจากทีมสนับสนุนธุรกิจโกลบอล ท่านประธานของพวกเราเพิ่งถูกเรียกตัวไปฝ่ายตรวจสอบครับ”

หัวหน้าฝ่ายคังแดซองเข้าใจทันทีว่าคำพูดนั้นหมายความว่าอะไร

โอเคครับ กลับไปก่อน”

เมื่อประตูห้องประชุมปิดลง เขาก็กล่าวกับพวกพนักงาน

ตั้งแต่นี้ไป ถ้าเกิดมีอะไรที่น่าจะเป็นปัญหาอยู่ในโทรศัพท์มือถือ ลบทิ้งให้หมด เคลียร์ฮาร์ดดิสก์ด้วย แล้วสืบมาว่าประธานชเวถูกพาตัวไปที่ฝ่ายตรวจสอบด้วยเหตุผลอะไร ตรวจสอบด้วยว่าฝ่ายตรวจสอบกำลังมุ่งเป้ามาที่ฝ่ายกลยุทธ์หรือเปล่า”

พวกเขาจะเล็งมาถึงฝ่ายกลยุทธ์เลยเหรอครับ”

หัวหน้าแผนกพัคชีอุงตอบคำถามของพนักงานที่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์

อะไรก็เกิดขึ้นได้ บางทีนายเองก็อาจจะโดนเรียกตัวไปฝ่ายตรวจสอบด้วยเหมือนกัน เพราะฉะนั้นอย่างน้อยก็ต้องซ้อมจินตนาการไว้ก่อนล่วงหน้าว่าควรจะรับมือยังไง”

หลังจากขู่แบบนั้นแล้วก็หันมาพูดกับหัวหน้าฝ่ายคัง

ถึงจะไม่รู้ว่าโดนข้อกล่าวหาอะไร แต่ประธานชเวอิลกนเป็นผู้บริหารหลักของกรุ๊ป ถ้าเป็นเรื่องง่ายๆ ก็คงผ่านได้สบายๆ แต่ถ้าฝ่ายตรวจสอบเคลื่อนไหวทั้งๆ ที่รู้เรื่องนั้นก็น่าจะแก้ยากครับ เพราะเป็นสถานการณ์ที่ปิดบังไม่ได้”

ใช่ไหมล่ะ”

ถ้าคิดจะแก้ปัญหานี้ ต้องให้เบื้องบนช่วยยุติครับ”

หมายถึงอย่างน้อยรองประธานใหญ่คังแจชิกก็ต้องออกหน้า

โอเค ทุกคนออกไปก่อน ยกเว้นหัวหน้าแผนกพัค”

พอพนักงานออกไปแล้ว แดซองก็ถามทันที

หัวหน้าแผนกพัคมีเรื่องอะไรที่พอจะโดนเล่นงานไหม”

คือว่า...”

อะไร”

ความจริงเมื่อห้าปีที่แล้ว ทางโอซองไฟเบอร์จัดการสินค้าคงคลังในรัสเซียแล้วนำเงินที่ได้มาเปิดบัญชีเงินทุนลับ ผมเลยได้เงินจากตรงนั้นมาสิบเปอร์เซ็นต์ครับ แน่นอนว่าท่านรองประธานใหญ่ทราบอยู่แล้ว”

มีหลักฐานเหลือไหม”

ไม่มีรายการเดินบัญชี แต่มีพนักงานที่รู้ว่าตอนนั้นผมนำเสื้อคลุมที่เป็นสินค้าย้ายสต๊อกกลับมาจำนวนมากครับ”

ประธานอิมแจฮุนของโอซองไฟเบอร์อยู่ฝั่งพี่หรือเปล่านะ”

ไม่แน่ใจครับ”

เฮ้อ...เอาเป็นว่าเข้าใจแล้ว”

มีวิธีไหมครับ”

ฉันไม่ยอมโดนกระทำฝ่ายเดียวหรอก ลองขุดเบื้องหลังของประธานอิมแจฮุนดูก่อน พวกเราเองก็ต้องเตรียมโจมตีกลับด้วยเหมือนกัน ด่วน”

รับทราบครับ”

แดซองกัดริมฝีปากเมื่อการจู่โจมเข้ามาเร็วกว่าที่คิด

หลังจากหัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์คังแดซองจุดชนวนระเบิดในห้องรองประธานใหญ่ข่าวก็แพร่กระจายอย่างรวดเร็วว่าภายในบริษัทมีการเคลื่อนไหวที่ไม่ปกติเกิดขึ้น

ไม่ใช่แค่ผู้บริหาร กระทั่งผู้ช่วยยังรู้ว่าเหตุผลที่ประธานชเวอิลกน ทีมสนับสนุนธุรกิจโกลบอลของโอซองอิเล็กทรอนิกส์ถูกเรียกตัวไปที่ฝ่ายตรวจสอบอาจจะเป็นแผนของประธานคังมันซอง

และข่าวนั้นก็ลอยเข้าหูของดาอึนด้วยเช่นกัน

เนื่องจากความเป็นจริงไม่ต่างอะไรกับเธอล่มหัวจมท้ายกับพี่ชายคนรองแล้วดังนั้นวิกฤตของพี่รองจึงเป็นเหมือนวิกฤตของเธอเอง

ต่อให้เป็นสะใภ้ของประธานาธิบดี แต่ถ้าพี่รองที่ควรจะอยู่ช่วยเหลือเธอจากภายในโดนไล่ออกจากกรุ๊ป สุดท้ายก็จะกลายเป็นเพียงเรื่องขายขี้หน้า เพราะไม่ได้อะไรกลับมาแม้แต่อย่างเดียว

ดาอึนเตรียมตัวออกไปข้างนอกทันทีด้วยความกระวนกระวาย

เครียดอยู่คนเดียวก็คงไม่ได้คำตอบ เธอมีคนคอยให้คำปรึกษาไว้พร้อมสำหรับสถานการณ์แบบนี้แล้ว

แต่ขั้นตอนการนัดพบกับที่ปรึกษาต้องทำอย่างระมัดระวัง

เพราะต้องหลีกเลี่ยงสายตานักข่าวและพี่ชายคนโตที่ไม่รู้ว่าจะสะกดรอยตามกันตอนไหนบ้าง

เธอโทร.เรียกแท็กซี่แล้วออกเดินทาง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นแท็กซี่อีกคันกลางทางเหมือนเป็นสายลับ พอมาถึงโรงแรมตรงอึลจีโรที่เป็นของเอชเอสกรุ๊ปก็รีบโทร.หามินฮีทันที

มินฮีบอกว่ากำลังทำงานอยู่และให้รอจนกว่าจะเลิกงาน สุดท้ายดาอึนก็ต้องใช้เวลาในโรงแรมอยู่หลายชั่วโมง จนกระทั่งหกโมงครึ่งถึงได้เจอกับมินฮี

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำก่อนหน้านี้นะคะ”

ฉันพูดถูกใช่ไหมล่ะ”

ใช่ค่ะ นึกไม่ถึงเลยว่าแค่จับมือก็จบ ก่อนหน้านั้นยังระแวงเหมือนฉันเป็นแม่มดถือแอปเปิลอาบยาพิษอยู่เลย แต่พอจับมือปุ๊บตาลอยเลยค่ะ ทำเอาฉันงงไปหมด”

ท่าทางเพื่อนคนนั้นจะไม่ใช่ผู้ชายใจร้ายขนาดนั้นสินะ”

พี่คงเคยมีความรักมาเยอะใช่ไหมคะ ทำไมถึงรู้เรื่องพวกนี้ดีจัง”

ฉันแค่เคยคบกับคนที่โสดมาทั้งชีวิต อีกอย่างฉันก็เข้าใจคนอื่นดี ไม่เหมือนเธอ”

ถ้างั้นก็คงเคยเป็นโค้ชความรักให้คนรอบตัวบ่อยละสิคะ”

เปล่า ตอนนั้นฉันยุ่งกับการใช้ชีวิต...การตัดสินใจของฉันก็เอาแน่เอานอนไม่ได้ด้วย อืม ฉันไม่คิดว่าเธอจะแค่มาขอบคุณเฉยๆ มีเรื่องอะไรจะขอร้องอีกหรือไง”

ดาอึนอึ้งไปนิดหน่อยก่อนจะตอบ

โกหกไม่ได้เลยสินะ แต่ฉันอยากขอบคุณตลอดอยู่แล้วนะคะ ฉันไม่ใช่เด็กนิสัยไม่ดีขนาดนั้น”

ไม่ได้หมายความว่านิสัยไม่ดี ฉันแค่คิดว่าเธอไม่ใช่คนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องแบบนั้นเฉยๆ”

เฮ้อ...พี่น่ากลัวจัง เหมือนจะเห็นภาพชีวิตของพี่ฮยองจุนหลังแต่งงานกับพี่เลยค่ะ”

เขาอาจจะยอมอยู่ในโอวาทเองก็ได้ เพราะก่อนหน้านี้เที่ยวเล่นมาเยอะแล้ว”

ก็จริง...”

ทีนี้ก็เข้าเรื่องกันเถอะ เธอถ่อมารอถึงที่นี่เพราะอะไร”

ดาอึนจัดการความคิดครู่หนึ่งแล้วเริ่มอธิบาย

ตอนนี้พี่รองของฉันกำลังลำบากค่ะ เพราะการกระทำของพี่รองขัดหูขัดตาพี่ใหญ่ เขาเลยพยายามจะกำจัดคนของพี่รอง ฉันได้ยินมาว่าประธานชเวอิลกนคนของพี่รองถูกเรียกตัวไปที่ฝ่ายตรวจสอบแล้วค่ะ”

อืม...แล้วยังไงต่อ”

ฉันอยากจะช่วยค่ะ ถึงพี่รองจะพยายามทำอะไรบางอย่างในแบบของตัวเองแต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะพี่ใหญ่อยู่ในบริษัทมานานกว่ามาก เลยกุมหัวใจคณะผู้บริหารคนสำคัญของกรุ๊ปไว้ได้เยอะด้วย แถมพ่อยังทำเหมือนพี่ใหญ่เป็นผู้สืบทอดกรุ๊ปอีก ดังนั้นถ้ามีการชิงอำนาจก็ต้องเข้าข้างพี่ใหญ่กันอยู่แล้ว เพราะเชื่อว่าความสนใจของพ่อพุ่งไปที่พี่ใหญ่ค่ะ”

เธอเลยมาถามฉันว่าจะช่วยยังไงดีน่ะเหรอ”

ค่ะ”

มินฮีคิดสักพักก่อนจะพูด

เวลาบอสฉันทำงาน จะมีจุดที่แปลกมาก”

คะ?”

ดาอึนทำหน้างงเพราะอยู่ๆ ก็พูดเรื่องอื่นขึ้นมา

ส่วนใหญ่เวลาทำงาน ฉันไม่เคยเข้าใจความคิดของบอสเลย แต่พอเวลาผ่านไปก็ต้องตบเข่าแล้วพูดว่า ‘อ๋อ หมายถึงแบบนี้นี่เอง’ ”

แล้วยังไงต่อคะ”

มันน่าทึ่งมากน่ะสิ เพราะบอสฉันไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับงานนั้นๆ เท่าไหร่”

ไม่รู้เรื่องงานเหรอคะ”

อืม เขาไม่รู้เลยว่าการต่อเรือหนึ่งลำต้องใช้ความพยายามแค่ไหน การซื้อบริษัทต้องมีขั้นตอนอะไรบ้าง มีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาโรงแรมเท่าไหร่กระบวนการประเมินความคิดของพนักงานเป็นแบบไหน”

แล้วทำงานยังไงคะ”

เขารู้ว่าทุกอย่างที่ว่ามานั่นเป็นเรื่องที่มนุษย์เป็นผู้กระทำน่ะสิ บอสฉันไม่รู้หรอกว่าดีเทลเป็นยังไง แต่เขารู้อยู่แล้วว่าต้นกำเนิดของทุกอย่างคือหัวใจของมนุษย์ ดังนั้นเวลาทำงานจึงควรจะพยายามเข้าใจความรู้สึกของคนที่ลงมือทำงาน”

มัน...ค่อนข้างยากนะคะ”

มินฮีฉีกยิ้มเมื่อเห็นดาอึนทำหน้างง

ใช่ไหมล่ะ ฉันเองก็เพิ่งเข้าใจเรื่องนั้นเมื่อไม่นานนี้เอง ฉันไม่รู้หรอกว่าคนที่ชื่อประธานชเวอิลกนถูกเรียกตัวไปที่ฝ่ายตรวจสอบเพราะสาเหตุอะไรต่อให้รู้ก็ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยความรู้กับคอนเน็กชันที่ฉันมีด้วย แต่ฉันรู้อย่างหนึ่ง สุดท้ายปัญหานี้ก็ขึ้นอยู่กับใจของรองประธานใหญ่คังแจชิก หรือไม่ก็พี่ชายคนโตของเธอ”

ใช่ค่ะ”

ฉันไม่รู้วิธีเปลี่ยนใจพ่อของเธอหรอก ถ้าเป็นบอสฉันก็ไม่แน่ แต่ฉันว่าฉันรู้วิธีเปลี่ยนใจพี่ชายคนโตของเธอนะ”

สายตาดาอึนเปล่งประกาย

ทำยังไงคะ”

ที่พี่ชายคนโตของเธอทำแบบนั้น ก็เพื่อสร้างความมั่นใจให้พ่อของเธอว่าทายาทคือเขาแต่เพียงผู้เดียวไม่ใช่เหรอ เพราะฉะนั้นก็แค่โชว์ให้เห็นว่าสุดท้ายอาจจะไม่ใช่แบบนั้นไง ถ้าทำให้พี่เธอเห็นว่าขืนเขาเอาแต่ทำแบบนั้น พ่อก็อาจเปลี่ยนใจได้ทุกเมื่อ บางทีเขาอาจจะร้อนตัวเหมือนเคยทำเรื่องไม่ดีลับหลังไว้ก็ได้”

พูดง่าย แต่จะทำยังไงล่ะคะ”

ทำไมถึงคิดว่าทำยากล่ะ ฉันไม่ได้บอกให้เปลี่ยนใจพ่อจริงๆ แต่ถ้าเกิดพี่ชายคนโตเธอร้อนตัว เรื่องก็จบเลยนะ จะว่าไปแล้วก็นึกขึ้นได้หนึ่งเรื่อง”

เรื่องอะไรคะ”

มินฮียักไหล่ก่อนจะพูดออกมา

ตอนนี้อัยการกำลังสืบสวนบัญชีทุจริตของโอซองเทคโนโลยี เกี่ยวกับการสืบทอดสิทธิการบริหารอยู่นี่ เธอคือว่าที่ลูกสะใภ้ของประธานาธิบดี คงไม่คิดว่าตัวเองจะทำอะไรไม่ได้ทั้งๆ ที่ถือไพ่ใบนี้อยู่หรอกนะ”

ดาอึนได้สติทันที

เรื่องนี้เป็นปัญหาที่พี่ชายคนรองไม่สามารถหยิบยกขึ้นมาได้

เพราะเขาเป็นพนักงานของโอซองอิเล็กทรอนิกส์ และฝ่ายกลยุทธ์ก็ไม่ได้หลุดพ้นจากปัญหานี้เช่นกัน

ไม่ค่ะ ฉันคิดว่าตัวเองทำได้”

ถ้างั้นก็จบ แต่ถ้าเป็นฉัน บางทีฉันอาจจะเล่นงานด้วยปัญหาส่วนตัวมากกว่าเรื่องหนักๆ แบบนั้น อย่างเช่นเรื่องผู้หญิง...พี่ชายคนโตเธอเล่นยาหรือเปล่า”

เปล่าค่ะ...”

เสียดายแฮะ ถ้ามีเรื่องอะไรแบบนั้น ก็คงจะง่ายขึ้นเยอะ ถึงจะเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่เธอไม่รู้เรื่องภายในของบริษัท แต่ที่อยู่กับพี่ชายคนโตมายี่สิบกว่าปี เธอมัวทำอะไรอยู่ถึงจับจุดอ่อนเขาไม่ได้สักอย่าง”

ดาอึนรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม

เพราะไม่มีเหตุผลให้ต้องจับผิดพี่ใหญ่ค่ะ”

จิ๊ๆ...เอาเป็นว่าฉันบอกเธอแล้วนะ”

ดาอึนยิ้มและก้มศีรษะให้ด้วยความเบาใจขึ้นอีกระดับหนึ่ง

ขอบคุณค่ะ”

เธอคิดว่านี่เป็นครั้งแรกด้วยซํ้ากับการกล่าวขอบคุณคนที่ไม่ใช่มหาเศรษฐีอย่างจริงใจขนาดนี้

โบราณเขาว่าไว้ว่าให้ขอบคุณเป็นเงินนะ”

คะ?”

มินฮีเอนตัวมาข้างหน้าแล้วพูดเสียงเบาๆ

ฉันกำลังจะแต่งงานแล้ว”

ยินดีด้วยนะคะ”

ดาอึนรู้สึกแปลกๆ

แม้จะไม่ได้ชอบอย่างจริงจัง แต่นี่คือสถานการณ์ที่ต้องแสดงความยินดีแก่ผู้หญิงที่กำลังจะแต่งงานกับคนที่เกือบได้เป็นว่าที่เจ้าบ่าวของตัวเอง

ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไร

เพราะสมองเธอไม่ได้แย่ถึงขนาดที่จะไม่เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร และไม่ได้ใจแคบขนาดนั้นด้วย

เฮ้อ จะแต่งงานกับมหาเศรษฐีก็ลำบากหลายอย่างนะ มีอะไรให้ต้องคิดต้องเตรียมเยอะแยะ...”

ตอนนั้นดาอึนเพิ่งเข้าใจความหมายของมินฮี

เธอฉีกยิ้มพร้อมกับตีมือแล้วโน้มตัวเข้าหา

เยี่ยมเลยค่ะ รสนิยมของพวกคุณหญิงคุณนายเข้าใจยากใช่ไหมล่ะคะบางทีของแบรนด์เนมก็แพงกว่าที่คิด แถมบางแบรนด์ก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน...”

นั่นแหละ...”

แบรนด์ที่คนนิยมใช้มักหาซื้อได้ง่ายๆ แต่แบรนด์ไฮเปอร์ลักชัวรี่ที่พวกมหาเศรษฐีชอบกัน ก็มีหลายอย่างที่ต่อให้มีเงินก็หาไม่ได้ง่ายๆ ค่ะ ยิ่งเป็นคุณผู้หญิงของชินยองกรุ๊ปด้วยแล้ว คงจะเรื่องมากน่าดูนะ”

จริงเหรอ”

ท่านสนิทกับแม่ฉันน่ะค่ะ การดูตัวของฉันก็ได้ว่าที่แม่สามีของพี่นั่นแหละค่ะเป็นคนจัดแจง”

แหม...อย่างนี้นี่เอง...”

สีหน้าที่บ่งบอกว่าได้รู้อะไรดีๆ ของมินฮีทำให้ดาอึนรีบโบกมือ

ลืมมันเถอะค่ะ ฉันเองก็ลืมแล้วเหมือนกัน อืม...ยังไงก็ตาม ถ้าคิดจะเตรียมแบรนด์เครื่องครัว เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือแม้กระทั่งจิเวลรี่ตามคำขอ เรื่องราคาก็ส่วนราคา แต่ยังไงก็คงจะหาไม่ง่ายหรอกค่ะ แถมยังต้องดูแลน้องๆ สามีรวมถึงญาติด้วยไม่ใช่เหรอคะ”

แค่น้องสามีเท่านั้น...”

อ๋อ...สถานการณ์บ้านนั้นค่อนข้างแปลกใช่ไหมคะ”

อืม แต่มันก็ดีอยู่นะ เพราะคงไม่ต้องทำพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษ”

ฮ่าๆๆ! พี่ตลกจังเลย เอาเป็นว่าไม่ต้องห่วงค่ะ แค่แจ้งที่อยู่กับขนาดพื้นที่มา เดี๋ยวฉันรับผิดชอบเอง เอาอายุของน้องสาวสามีพี่ด้วยนะคะ”

พอมองตายิ้มๆ ของดาอึนแล้ว มินฮีก็ตระหนักได้อีกครั้งว่าคำพูดหนึ่งคำอาจมีค่าเท่าทองพันชั่ง


 

บทที่ 279 แมวกับหนู (5)

 

ดาอึนบอกว่าจะเลี้ยงข้าว พวกเธอจึงกินมื้อเย็นกันที่ห้องอาหารของโรงแรมนั้น ก่อนจะกลับมาถึงบ้านหลังสามทุ่ม

และเช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากตื่นมาแต่งตัวจัดเต็มราวกับจะไปดูตัวเสร็จเรียบร้อย เธอก็มุ่งหน้าไปยังโอซองดิจิทัลที่คังมันซองทำงานอยู่

การตั้งใจแต่งตัวไม่ได้ทำเพื่อให้ดูดีในสายตาใคร เป็นเพียงกระบวนการที่ทำให้จิตใจของตัวเธอเองมั่นคงขึ้น

พอมาถึงหน้าตึกโอซองดิจิทัล ดาอึนก็เดินไปที่ล็อบบี้ชั้นหนึ่งอย่างมั่นใจ

มาติดต่อ...”

พนักงานที่กำลังจะเอ่ยถามจุดประสงค์ของการมาเยือนหยุดชะงัก เพราะรู้สึกว่าเคยเห็นหน้าเธอที่ไหนมาก่อน

ฉันมาหาพี่ชายค่ะ”

ถ้าเรียกว่าพี่ชาย หมายถึงใครเหรอคะ”

ประธานบริษัทนี้ค่ะ”

จังหวะนั้นพนักงานล็อบบี้ตกใจมาก

การทำความรู้จักใบหน้าของรอยัลแฟมิลีไว้ล่วงหน้าเป็นเรื่องธรรมดาในฐานะพนักงาน แต่นั่นไม่ได้รวมถึงใบหน้าของลูกสาวคนเล็กที่ยังไม่จบมหาวิทยาลัย

นอกจากนั้น ต่อให้ใบหน้าของเธอจะปรากฏในข่าวบ่อยๆ ส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นภาพที่นักข่าวถ่ายจากระยะไกล ไม่ใช่การให้สัมภาษณ์ตัวต่อตัวกับนักข่าวอย่างชัดเจน

ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะจดจำใบหน้าของเธอได้ภายในครั้งเดียว

อ๋อ รับทราบค่ะ กรุณารอสักครู่นะคะ”

พนักงานรีบแจ้งเรื่องนี้ไปที่ฝ่ายเลขานุการ ทางฝ่ายเลขานุการเองก็อนุมัติทันทีโดยไม่ถามด้วยซํ้าว่ามีธุระอะไร

ดาอึนไม่สนใจเสียงซุบซิบของพนักงานรอบตัวและขึ้นลิฟต์เพียงลำพังจนมาถึงชั้นบนสุดที่มีห้องประธานบริษัท

มาทำไม”

ทันทีที่ดาอึนเดินเข้าไปในห้อง คังมันซองที่หงุดหงิดตั้งแต่ได้รับรายงานก็ถามโดยไม่ได้เชื้อเชิญให้นั่งลง

เธอนั่งไขว่ห้างบนโซฟารับรองก่อนจะตอบ

แค่มีเรื่องจะคุยด้วย”

เรื่องอะไร”

ก่อนหน้านี้พี่รองสัญญากับฉันไว้หนึ่งข้อ ว่าถ้าฉันยอมเป็นลูกสะใภ้ของ สส.ชอนโบยุน จะยกโอซองจัดจำหน่ายให้ฉัน”

ที่ดาอึนพูดแบบนี้ได้เพราะคิดว่าพี่ใหญ่น่าจะรู้อยู่แล้ว

ไอ้หมาบ้าเอ๊ย...เออ ฉันก็เดาๆ ไว้บ้างแล้ว แล้วยังไง”

พี่ใหญ่ยกมันให้ฉันแทนพี่รองได้ไหม”

ถ้าแดซองมาได้ยินเข้าคงโวยวาย ทว่าในมุมมองของดาอึนนั้น เธอไม่ได้สนใจว่าใครจะเป็นคนให้ ขอแค่ได้โอซองจัดจำหน่ายมาก็พอใจแล้ว

การให้ความช่วยเหลือพี่รองเป็นเพียงวิธีเดียวที่ทำให้ได้โอซองจัดจำหน่ายมา แต่ถ้าเกิดพี่ใหญ่ยอมยกให้เองก็ไม่จำเป็นต้องกลับไปลำบากอีก

เพราะเธอไม่ได้สนิทกับพี่ใหญ่และไม่ได้สนิทกับพี่รองด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลให้คาดหวังว่าพี่รองจะทำดีด้วย

ถ้าความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องดีจริง เขาจะส่งตัวเธอไปให้ใครที่ไหนก็ไม่รู้งั้นเหรอ

เธอบ้าไปแล้วเหรอ เสียสติหรือไง”

ถึงจะเชื่อยากไปหน่อย แต่ฉันมีสติดี”

หึ! ยายบ้า...เธอทำอะไรล่ะถึงต้องได้โอซองจัดจำหน่าย ในสมองมีอะไรอยู่บ้าง”

มันซองใช้นิ้วชี้เคาะหัวตัวเอง

ดาอึนไม่ได้รู้สึกแย่อะไรมากนัก เพราะรู้ว่าปกติเขาเป็นคนแบบนั้นอยู่แล้ว

เพียงแค่ยิ่งทำให้ความคิดของเธอหนักแน่นขึ้นเท่านั้น

งั้นเหรอ โอเค ฉันได้ยินว่าตอนนี้อัยการกำลังสืบสวนเกี่ยวกับบัญชีทุจริตของโอซองเทคโนโลยีอยู่นี่นา”

ใบหน้าของมันซองถมึงทึงทันที

อะไรนะ”

จำไว้ให้ดีนะ ฉันคือว่าที่ลูกสะใภ้ของ สส.ชอน แถมท่านก็ไม่มีภรรยาด้วยกิจกรรมต่างๆ ของบลูเฮาส์ที่สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งต้องเข้าร่วม ฉันอาจจะได้ไปร่วมงานแทนก็ได้ ถ้าอย่างนั้นก็คงจะได้คอนเน็กชันดีๆ เยอะเลยไม่ใช่รึไง”

“...”

มันซองตอบไม่ได้จึงได้แต่มองน้องสาวด้วยสายตาเย็นชา

อ้อ ได้ยินว่าเลขานุการอาวุโสฝ่ายกิจการพลเรือนมีอิทธิพลที่แข็งแกร่งมากในสำนักงานอัยการ ฉันไม่รู้ว่าใครนั่งตำแหน่งนั้น แต่ท่าทางจะต้องใกล้ชิดกับฉันพอสมควร ถ้าเขาถามเกี่ยวกับการสืบทอดมรดกอย่างผิดกฎหมายของโอซองกรุ๊ปขึ้นมา ฉันจะตอบยังไงดีล่ะเนี่ย ต้องปฏิเสธว่าไม่ใช่อย่างแน่นอนเพื่อเข้าข้างพี่งั้นเหรอ”

แล้วเธอต้องการอะไร”

โอซองจัดจำหน่าย”

ยายบ้าเอ๊ย...เธอคิดว่าเรื่องนั้นจะเป็นไปดั่งใจฉันหรือไง หุ้นมันซับซ้อนถ้าพ่อไม่อนุมัติ...”

ฉันรู้เรื่องนั้นอยู่แล้ว เรื่องคงจะซับซ้อนใช่ไหมล่ะ ถ้างั้นพี่ก็วางมือจากเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประธานชเวอิลกนได้แล้ว”

เธอมาหาฉันเพื่อคุยเรื่องนี้เหรอ”

เปล่า ฉันก็บอกแล้วไง ว่าขอโอซองจัดจำหน่าย แต่พี่บอกว่าให้ไม่ได้”

มันซองหัวร้อนจนตวาดลั่น

ฉันบอกว่าถ้าพ่อไม่อนุมัติก็จะลำบากไง!”

ไม่ต้องตะโกน ฉันเข้าใจแล้วน่า”

ต่อให้ทุกวันนี้จะเปลี่ยนใจอย่างแน่วแน่มากแค่ไหน แต่เธอก็ยังกลัวพี่ชายคนโตอยู่ดี

เธอลุกขึ้นก่อนจะพูดต่อทั้งๆ ที่ในใจสั่นระรัว ไม่กล้าสบตากับพี่ชายคนโตที่ยังโมโหจนหน้าแดงกํ่า

ยังไงก็ตาม ฉันเชื่อว่าพี่จะยอมทำ ไม่อย่างนั้นพ่ออาจจะได้ฟังเรื่องที่ฉันพูดเมื่อกี้เหมือนกัน แล้วพอถึงเวลานั้นพ่อจะยังผลักดันพี่ใหญ่ให้เป็นผู้สืบทอดอยู่อีกหรือเปล่า คิดให้ดีๆ นะ”

ทันทีที่ดาอึนเปิดประตูเดินออกไปหลังจากพูดจบ มันซองก็เขวี้ยงแก้วที่วางอยู่ข้างๆ ทิ้ง

เวรเอ๊ย!”

เสียงแก้วแตกทำให้เลขาฯรีบเข้ามาด้วยความตกใจ แต่พอเจอสายตาอำมหิตของมันซองก็ต้องชะงักและสังเกตสถานการณ์อยู่ห่างๆ

เก็บกวาด...เลยไหมครับ”

ออกไป”

ครับ”

หลังจากเลขาฯกลับออกไป เขาก็กดโทร.ออกไปที่ไหนสักแห่งอย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยง

ฉันเอง ปล่อยตัวชเวอิลกน”

มันซองตัดสินใจตัดไฟแต่ต้นลมก่อนที่ยายเด็กบ้านั่นจะปากโป้ง

หลังจากปิดไฟฉุกเฉินเรียบร้อยแล้วค่อยมาคิดว่าจะจัดการอย่างไร

 ห้องเพรสซิเดนท์สวีต โรงแรมริทซ์-คาร์ลตัน อึลจีโร

ขณะกำลังนั่งเผชิญหน้ากับประธานพรรคสันติภาพก้าวหน้าอย่างมินกูซังอยู่ภายในพื้นที่อันหรูหรากว้างใหญ่ ยองฮุนนึกถึงบทสนทนาที่พูดคุยกับ สส.ชอนโบยุนเมื่อวันก่อน

สมมตินะ ถ้าหาก...เราทิ้งโดซูยอน มันจะเกิดอะไรขึ้น’

ยองฮุนรู้สึกไม่ดีตั้งแต่มีชื่อโดซูยอนออกมาจากปากของ สส.ชอน

เพราะเรื่องนั้นจบไปแล้ว และคิดว่าในอนาคตคงจะไม่มีปัญหาเรื่องโดซูยอนอีก แต่พอกลับมาพูดถึงอีกครั้ง ใบหน้าของอิมบกฮีก็ผุดขึ้นมาตลอด

มีเรื่องอยากฟังเลยมาหากันเหรอครับ’

สส.ชอนโบยุนอึ้งไปชั่วขณะ

ไม่ใช่อย่างนั้น’

ไม่ได้อยากทะเลาะกับประธานพรรคมินกูซังใช่ไหมครับ’

อันที่จริงก็ใช่ ทะเลาะกับประธานพรรคแล้วจะเตรียมตัวลงเลือกตั้งประธานาธิบดียังไงล่ะ’

ถ้าเกิดผมคิดคนละแบบ ท่าน สส.จะทำยังไงล่ะครับ’

ถ้ามีเหตุผลเหมาะสมก็คงต้องทำแบบนั้น การไล่นกที่บินเข้ามาในอ้อมอกก็ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ทีนี้ใครจะอยากมาอยู่ข้างฉันล่ะ นี่เลยเป็นสถานการณ์ที่จะทำอะไรก็ไม่ได้ไปหมดน่ะสิ’

ทราบเหตุผลที่ทำแบบนั้นไหมครับ’

ฉันไม่รู้อะไรเลย อึดอัดจนอกแทบจะแตกตายแล้ว ทำไมถึงได้กังวลว่าจะจัดการโดซูยอนไม่ได้ขนาดนั้น...’

ถ้างั้นเดี๋ยวผมไปเจอเขาเองครับ’

นายเหรอ’

ครับ ผมจะไปเจอประธานพรรคมิน แล้วดูว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ครับ’

ถ้างั้นก็ขอบใจ ฝากด้วยล่ะ’

ประธานพรรคมินอาจจะไม่พอใจที่ยองฮุนเอาแต่จมอยู่ในห้วงความคิดจึงทำหน้าบึ้งและพูดใส่

เรียกคนอื่นมาหาแล้วมัวใจลอยอะไร”

อ้อ ขอโทษทีครับ เท่าที่ผมทราบมา ใกล้จะถึงวันครบรอบแต่งงานของท่านประธานกับภรรยาแล้วสินะครับ”

รู้เรื่องนั้นได้ยังไง”

คนทำธุรกิจจะไม่ใส่ใจเรื่องแบบนั้นได้เหรอครับ มัวแต่ทำงานบ้านงานเมืองจนไม่ได้เอาใจใส่ครอบครัวเท่าไหร่ คุณผู้หญิงเองก็คงจะเหนื่อยมากเหมือนกันนะครับ”

อะแฮ่ม...ภรรยานักการเมืองก็เป็นอย่างนั้นกันหมดไม่ใช่หรือไง”

รบกวนท่านประธานแจ้งห้องพักที่ต้องการ แล้ววันนั้นทางเราจะจัดการเซอร์วิสให้โดยไม่คิดค่าตอบแทนครับ”

ต่อให้เป็นถึงนักการเมืองระดับประธานพรรครัฐบาล แต่ก็ยังปรารถนาอำนาจและความมั่งคั่งอยู่

ดังนั้นนัยน์ตาของประธานพรรคมินกูซังจึงสั่นไหวเล็กน้อย

ขอบใจมาก แต่นักการเมืองไม่สามารถรับความหวังดีของนักธุรกิจสุ่มสี่สุ่มห้าได้”

ไม่รู้ว่าจะเชื่อหรือเปล่า แต่ผมไม่ได้ต้องการอะไรจากท่านประธานเลยครับ”

หือ? ไม่ได้ต้องการอะไรงั้นเหรอ แล้วทำไมถึงนัดฉันมาเจอล่ะ สส.ชอนโบยุนบอกว่านายอยากเจอฉันหนิ”

ครับ ผมนัดมาเจอเพราะอยากช่วยเหลือท่านประธาน ไม่ได้นัดมาเพื่อขอความช่วยเหลือจากท่านประธานครับ”

หว่างคิ้วของประธานพรรคมินกูซังขมวดเข้าหากัน

นี่ ฉันไม่ได้ชอบเล่นสำบัดสำนวนนะ”

ตอนที่พวกเราเจอกันคราวก่อน น่าเสียดายนะครับที่ผมทำตามคำขอของท่านประธานไม่ได้”

ตอนนั้นประธานพรรคมินกูซังเคยขอให้เปิดเผยสมุดบัญชีอีกเล่ม รวมถึงขอให้ผู้พิพากษาชินฮาอึนถูกอัยการสอบสวนด้วย แต่ยองฮุนปฏิเสธ

ฉันเข้าใจเพราะต่างคนต่างมีจุดยืนของตัวเอง”

แต่ยังไงก็คงจะหงุดหงิดน่าดูสินะครับ ที่ผมปฏิเสธคำขอตอนนั้น”

อืม...”

ดังนั้นผมเลยนัดมาเจอเพื่อช่วยเหลือท่านประธานไงครับ”

งั้นเหรอ แล้วนายจะช่วยฉันยังไง”

ประธานพรรคมินกูซังเชิดหน้าขึ้น ทำท่าเหมือนรอฟังว่าจะพูดอะไร

ก่อนอื่น ผมมีเรื่องอยากถามอยู่หนึ่งเรื่องครับ”

ว่ามาสิ”

เพราะท่านประธานแพ้การคัดเลือกตัวแทนลงสมัครประธานาธิบดีไปอย่างน่าเสียดาย ถึงต้องยอมแพ้กับการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้ไปโดยปริยายไม่ใช่เหรอครับ”

กำลังล้อฉันเล่นหรือไง”

เปล่าครับ ถ้าจะว่ากันต่อก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากมุ่งเป้าไปที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งหน้า ท่านประธานสนใจลงสมัครสมัยหน้าหรือเปล่าครับ”

ใบหน้าของประธานพรรคมินบิดเบี้ยวเหมือนผีร้าย

นายลํ้าเส้นมามากแล้วนะ”

ขอโทษครับ แต่ผมอดถามไม่ได้ ถ้าจับ สส.โดซูยอนไว้ได้ก็จะมีหลักประกันในการลงเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งหน้าไม่ใช่เหรอครับ ผมเลยสงสัยว่าทำไมถึงอยากไล่ สส.โดซูยอนออกล่ะครับ”

ชอนโบยุนเรียกนายมาเพราะเรื่องนี้สินะ! โดซูยอนเป็นตัวอะไรกันแน่ถึงได้ปกป้องกันขนาดนั้น”

ไม่มีอะไรมากหรอกครับ เธอแค่เป็นคนเก่งที่ช่วยทำให้ไปถึงตำแหน่งประธานาธิบดีได้ เหมือนเครื่องรางประเภทหนึ่งละมั้งครับ”

อีกฝ่ายแค่นหัวเราะ

หึ! เครื่องราง? นายจะเอาเรื่องนั้นมาอ้างเหตุผลเหรอ”

ทำไมล่ะครับ ติดใจคำว่าเครื่องรางเหรอ”

ฉันเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของประเทศเกาหลี ประธานพรรคสันติภาพก้าวหน้า กล้าดียังไงถึงเอาเหตุผลไร้สาระนั่นมาโน้มน้าวฉัน”

งั้นเหรอครับ แล้วท่านประธานได้ยินอะไรมาจากเทพธิดาฮวาอก ถึงคิดจะไล่โดซูยอนออกล่ะครับ”

ประธานพรรคมินตื่นตระหนกจนปิดปากเงียบสนิทเหมือนกลัวดอกพิกุลจะร่วง สายตาที่มองยองฮุนก็ราวกับเห็นผี

ยองฮุนพยักหน้าเมื่อเห็นท่าทางแบบนั้น

ผมคิดถูกจริงๆ ด้วยสินะ อิมบกฮีบอกให้ไล่ สส.โดซูยอนออกใช่ไหมครับ”

“...”

อย่างนี้นี่เอง อืม...อย่าเชื่อคำพูดของผู้หญิงคนนั้นจะดีกว่านะครับ”

ยองฮุนพูดเหมือนไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร

พอเห็นการตอบสนองอย่างไม่แยแส ประธานพรรคมินกูซังจึงถามด้วยสีหน้างุนงง

หมายความว่ายังไง”

ถ้าสมมติว่าเธอเป็นหมอ ก็ไม่ต่างอะไรกับหมอเถื่อนหรอก เธอเป็นนักต้มตุ๋นน่ะครับ”

ฉันไม่เข้าใจว่านายพูดถึงอะไรกันแน่ เทพธิดาฮวาอกคือใครอีก”

อย่าแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องใส่ผมเลยครับ แค่ผมถามเทพธิดาฮวาอกก็จบแล้ว ให้โทร.ตอนนี้เลยดีไหมครับ”

ทันทีที่ยองฮุนหยิบโทรศัพท์มือถือ ประธานพรรคมินก็รีบคว้ามือยองฮุน

ไม่ต้องทำอย่างนั้น...”

คงเพราะตกใจมาก มือเลยสั่นเล็กน้อย

ใช่ครับ เพราะฉะนั้นไม่ต้องโกหกต่อหน้าผมหรอก...อืม ถ้างั้นผมเข้าใจเหตุผลแล้ว ขอถามอีกสักอย่างนะครับ”

ประธานพรรคมินกูซังกลืนนํ้าลายดังเอื๊อกอีกครั้ง

บรรยากาศแปลกๆ จากตัวยองฮุนทำให้ขยับตัวไม่ได้เลย

ดะ...ได้สิ”

สิ่งที่ท่านประธานต้องการคืออะไรครับ”

หมายความว่ายังไง สิ่งที่ต้องการงั้นเหรอ”

ต้องการตำแหน่งประธานาธิบดี ถูกต้องไหมครับ”

มีนักการเมืองคนไหนที่ไม่เล็งตำแหน่งประธานาธิบดีบ้าง”

เหตุผลที่สนิทสนมกับโอซองกรุ๊ปก็เพราะสาเหตุนั้นใช่ไหมครับ ผู้สนับสนุนในการเป็นประธานาธิบดี?”

ถ้าคนอื่นพูดแบบนั้นคงจะกระโจนใส่แล้ว แต่ก่อนหน้านี้เพิ่งโดนจับจุดอ่อนแถมยังน่าแปลกที่ไม่อาจพูดโกหกออกมาต่อหน้ายองฮุนได้อย่างเป็นธรรมชาติด้วย

อะแฮ่ม...ประมาณนั้น...”

ทำแบบนี้ไปก็เป็นประธานาธิบดีไม่ได้อยู่ดีครับ”

ว่าไงนะ”

ผมบอกว่าโอซองกรุ๊ปทำให้ท่านประธานเป็นประธานาธิบดีไม่ได้ครับ”

ละ...แล้วนายทำได้หรือไง”

ผมก็ทำไม่ได้เหมือนกันครับ ผมจะมีความสามารถแบบนั้นได้ยังไง”

งั้นนายเอาหลักฐานอะไรมาพูดว่าโอซองทำไม่ได้”

เพราะตอนนี้โอซองพลาดแล้วครับ อำนาจถูกแบ่งส่วน จะไม่ใช่โอซองแบบเมื่อก่อนแล้วครับ”

หมายถึงความขัดแย้งภายในระหว่างพี่น้องงั้นเหรอ”

ถูกต้องครับ”

แล้วฉันควรทำยังไง”

ถ้ายังฝันอยากเป็นประธานาธิบดีอยู่ ผมก็ไม่ห้ามครับ เพราะนั่นเป็นความฝันของท่านประธาน และเป็นสิ่งที่นักการเมืองทุกคนต้องการ แต่ถ้าหากเป็นผม ผมจะถอยหลังก้าวหนึ่งแล้วกลับไปคิดครับ”

ถอยกลับมาคิดแล้วยังไง”

เราจะมองเห็นอะไรหลายๆ อย่างครับ เห็นความขัดแย้งภายในของโอซองรวมถึงการร้องขอความช่วยเหลือด้วยครับ”

ตอนนั้นเองที่ประธานพรรคมินกูซังเข้าใจเจตนาของยองฮุน

นับตั้งแต่โบราณมา การต่อสู้ก็อาศัยจำนวนเป็นพื้นฐาน”

ใช่ครับ อย่างที่ว่ากันว่าเพื่อนที่คอยช่วยเหลือยามยากคือเพื่อนแท้ ดังนั้นคนที่ช่วยเหลือในเวลาแบบนี้จะคงอยู่ในความทรงจำไปอีกนานครับ”

ฉันไม่อยากเป็นแค่คนที่อยู่แต่ในความทรงจำ”

อย่างนั้นสินะครับ ผมเคยได้ยินมาว่าประธานคังมันซองความจำแย่ แถมยังใจแคบด้วย แต่คนรองเป็นผู้ชายที่ดีครับ”

อืม มีเหตุผลอะไรที่ฉันต้องฟังคำพูดนายด้วยเหรอ”

ยองฮุนฉีกยิ้ม

ลืมเรื่องที่ผมพูดเมื่อกี้ไปแล้วเหรอครับ ผมมาเพื่อช่วยท่านประธานแล้วผมก็ไม่ใช่คนใจกว้างพอจะยื่นมือออกไปหาคนที่ปฏิเสธความช่วยเหลือซํ้าสองนะครับ”

ท่าทีเยือกเย็นของยองฮุนทำให้ประธานพรรคมินกูซังที่เสียศักดิ์ศรีไปแล้วครั้งหนึ่งพยักหน้าอย่างไม่รู้ตัว

โอเค ฉันจะจำคำพูดของนายไว้”


 

บทที่ 280 โอกาสอันยุติธรรม (1)

 

ประธานชเวอิลกน ทีมสนับสนุนธุรกิจโกลบอลขึ้นไปที่ฝ่ายกลยุทธ์ทันทีหลังออกมาจากฝ่ายตรวจสอบโดยไม่พบปัญหาใดๆ

ถึงจะเชื่อว่าหัวหน้าฝ่ายคังแดซองจะช่วยแก้ปัญหาได้ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะจัดการได้เร็วขนาดนี้ จึงเกิดความสงสัยมากกว่าโล่งอกที่ได้รับการปล่อยตัวจากฝ่ายตรวจสอบ

ทว่าหัวหน้าฝ่ายคังแดซองกลับมีปฏิกิริยาคาดไม่ถึง

เคลียร์ได้จริงๆ เหรอเนี่ย”

หือ? หมายความว่ายังไง หัวหน้าฝ่ายคังไม่ได้เป็นคนจัดการหรอกเหรอ”

ครับ ก่อนผมจะได้ออกหน้า ดาอึนมาหาผมแล้วบอกว่าจะเคลียร์ให้เองน่ะครับ”

ดาอึนงั้นเหรอ”

ตอนแรกผมก็ไม่ไว้ใจ ไม่รู้ไปพูดอะไรกับพี่กันแน่ถึงได้ยอมปล่อย...”

ประธานชเวอิลกนนั่งลงด้วยสีหน้าสนอกสนใจ

นายสัญญาว่าจะยกโอซองจัดจำหน่ายให้ดาอึนใช่ไหม”

ครับ”

คิดวิธียกให้ไว้แล้วเหรอ”

ผมคิดว่าหลังจากได้รับการยอมรับจากพ่อแล้ว จะขอแยกโอซองจัดจำหน่ายออกมาตอนเคลียร์หุ้นครับ แล้วก็ตั้งใจว่าจะโอนหุ้นส่วนหนึ่งของพ่อให้ดาอึนด้วย”

คิดจะยกให้จริงๆ งั้นเหรอ”

นึกว่าผมโกหกเหรอครับ”

ประธานชเวตอบด้วยสีหน้าคลุมเครือ จะยิ้มก็ไม่ยิ้ม จะเครียดก็ไม่เครียด

เพราะฉันไม่เคยคิดว่าจะมีใครในครอบครัวนาย พูดออกมาจากใจจริงว่าจะยกบริษัทให้คนในครอบครัว”

ผมไม่ได้ทำแบบนั้นเพราะเป็นคนดีหรือมีเมตตาหรอก แต่พ่อสามีของดาอึนอาจจะได้เป็นประธานาธิบดี แล้วผมจะโกหกได้ยังไงล่ะครับ”

ถ้าคิดจะพูดส่งๆ ก็ทำได้ แค่สร้างสถานการณ์ขึ้นมาก็พอ”

แดซองชะงักไปชั่วขณะก่อนจะพูด

ไม่ครับ ผมไม่อยากทำถึงขนาดนั้น อีกอย่างครั้งนี้ดาอึนก็ยอมช่วยผมด้วย ผมแค่อยากแยกแล้วยกให้มันจบๆ ครับ”

โอเค เดี๋ยวฉันสืบเองว่าทำไมประธานคังมันซองถึงยอมปล่อยฉัน ส่วนนายไปเตรียมตัวสำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้ก่อนเถอะ ถึงจะบอกว่าทางฝ่ายเลือกตั้งจะเตรียมกันเอง แต่สำหรับการเลือกตั้งแล้ว ยิ่งได้เปรียบก็ยิ่งต้องระวัง เพราะบางทีฝ่ายค้านอาจจะเตรียมเปิดโปงอะไรบางอย่าง ฝ่ายกลยุทธ์ต้องทำงาน แล้วถ้าหากมีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ ก็ต้องแจ้งทางฝ่ายเลือกตั้งของพรรครัฐบาลทันที”

เข้าใจแล้วครับ”

ดาอึนคิดจะแต่งงานเมื่อไหร่ล่ะ”

ยังไงบรรยากาศก็ถูกควบคุมไว้แล้ว จะยกเรื่องนั้นมาพูดตอนนี้ก็ไม่แปลกอะไรครับ”

เรื่องราวความรักของดาอึนกับซึงโมถูกทำให้เป็นโรเมโอกับจูเลียตเวอร์ชันเกาหลีผ่านสื่อทุกแห่ง

หากสื่อไม่ยอมเล่นประเด็นการคบกันระหว่างนักการเมืองกับครอบครัวมหาเศรษฐีแม้เพียงชั่วขณะ ประชาชนทั้งประเทศคงจะรุมประณาม แต่พอปูทางมาดีแบบนี้ จึงกลายเป็นเพียงความรักระหว่างชายหญิงที่น่าเอ็นดูเท่านั้น

ถึงขั้นมีการกล่าวกันว่าสามารถนำความรักของทั้งสองคนไปสร้างเป็นละครได้อีกด้วย และดาอึนเองก็กำลังได้รับความสนใจมากกว่านักแสดงหญิงธรรมดาทั่วไป

ถ้ามีการประกาศแต่งงานในสถานการณ์นี้ คาดว่าน่าจะมีคนอวยพรให้เยอะมากทีเดียว

งั้นนายก็จัดการเลย ติดต่อทาง สส.ชอนโบยุน นัดมาหาฤกษ์ยาม”

ยังไงก็ต้องได้รับอนุญาตจากพ่อก่อนนะครับ”

ระหว่างคุย แค่แจ้งรองประธานใหญ่ด้วยก็เรียบร้อย พ่อนายรู้อยู่แล้วว่างานจะเป็นยังไง กลับกันแล้ว ท่านอาจจะชื่นชมด้วยซํ้าที่นายออกหน้าเอง”

โอเคครับ ถ้างั้นเดี๋ยวผมนัดเจอ สส.ชอน แล้วจะไปหาพ่อ”

ประธานชเวอิลกนเอ่ยเตือนแดซองที่ตั้งท่าจะลุก

การผลักดันงานด้วยความมั่นใจเป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องคอยสังเกตสีหน้ารองประธานใหญ่ให้ดีๆ เสมอ พ่อนายน่ะ ถึงจะออกคำสั่งแค่เรื่องเดียว แต่ในนั้นอาจจะมีอีกหลายเจตนาแอบแฝงอยู่”

ผมจะจำให้ขึ้นใจครับ”

แดซองสูดหายใจเข้าลึก

ทั้งตื่นเต้น ทั้งหวาดกลัว

แม้จะคิดว่าบางทีพี่ชายอาจจะไม่ใช่คนเก่งอย่างที่คิด แต่ก็ยังกังวลอยู่ดีว่าทุกอย่างอาจจะพังลงภายในชั่วพริบตา

รู้สึกเหมือนแต่ละย่างก้าวเต็มไปด้วยความเสี่ยง

ช่วงนี้รองประธานใหญ่คังแจชิกรู้สึกแน่นหน้าอก หลังจากตรวจสุขภาพเสร็จก็มานั่งอยู่ตรงหน้าแพทย์ประจำตัวที่ควบตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลโอซองอย่างจางมยองกยู

เป็นยังไงบ้าง”

จากผลการตรวจดูเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ก็ควรลดของมัน และออกกำลังกายเบาๆ ทุกวัน...”

ระหว่างที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจางมยองกยูกำลังพรรณนายืดยาวรองประธานใหญ่คังแจชิกก็โพล่งออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

ตอนไหนกันนะ...นายจำได้หรือเปล่าที่อยู่ๆ พ่อฉันก็บอกว่าจะสร้างโรงพยาบาลแทนบริษัท แล้วก็ไปหาพ่อนายน่ะ”

แน่นอนครับ ผมจำได้”

ตอนนั้นฉันกับนายก็นั่งอยู่ด้วยนี่ พ่อนายยืนกรานคัดค้านเรื่องที่บริษัทใหญ่จะซื้อกิจการโรงพยาบาลมาทำเป็นโรงพยาบาลสำหรับคนรวย ไม่ใช่เพื่อประชาชนทั่วไป”

ใช่ครับ”

บางทีนายอาจจะได้พ่อมา ฉันจำได้ว่านายปฏิเสธข้อเสนอของพ่อฉันยิ่งกว่าที่พ่อนายทำซะอีก ดูกล้ามากที่ชี้นิ้วใส่พวกพนักงานของเรา...”

ฮ่าๆๆ นั่นเป็นเรื่องสมัยยังเด็กครับ”

ตอนนั้นใช้เวลาเกือบสามเดือนในการโน้มน้าวพวกนาย ถ้าพิจารณาจากก่อนหน้านั้นที่พวกเราเคยใช้เวลาสองเดือน เทียวไล้เทียวขื่อเจ้าของเรือเพราะจะสั่งซื้อเรือแค่หนึ่งลำจนกระทั่งได้สัญญามา ฉันคิดว่านายน่าจะรู้ดีว่าพ่อฉันคิดยังไงกับนายแล้วก็พ่อนายนะ”

พูดตรงๆ ตอนนั้นผมไม่เข้าใจท่านประธานใหญ่เลยครับ ไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่ทำธุรกิจได้ดี อยู่ๆ ถึงอยากจะซื้อกิจการโรงพยาบาลแล้วเข้ามาดูแลผมกังวลมากว่าจะโดนสั่งให้ทำอะไรที่ขัดจรรยาบรรณของผมกับพ่อหรือเปล่า...ตอนนั้นผมคิดว่าท่านประธานใหญ่ไม่ต่างจากปีศาจที่มาขอซื้อวิญญาณผมเลยครับ”

หึๆๆ...อืม สายตาของนายตอนนั้นก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ แต่หลังจากนั้นก็เปลี่ยนไปเยอะเลยหนิ”

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจางมยองกยูตอบกลับพร้อมสีหน้ารู้สึกผิด

ครับ เพราะเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมาย ท่านประธานใหญ่ไม่ได้แทรกแซงงานโรงพยาบาลมากเกินความจำเป็น ถึงจะเหลือกำไรไม่เยอะก็ไม่ได้ละเว้นการสนับสนุน ด้วยเหตุนี้ โรงพยาบาลโอซองของเราจึงกลายเป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในเกาหลี และพูดได้อย่างภาคภูมิใจว่านอกเหนือจากด้านโรคมะเร็งแล้วเรายังเป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในทุกๆ ด้านด้วยครับ”

พ่อฉันก็ภูมิใจในโรงพยาบาลโอซองมากเหมือนกัน”

แต่ท่านประธานใหญ่มีเหตุผลส่วนตัวที่ซื้อโรงพยาบาลหรือเปล่าครับอันที่จริงผมยังไม่ทราบเหตุผลของท่านเลย”

ไม่รู้เหรอ หึ ป่านนี้แล้วยังเดาไม่ออกอีกหรือไง”

เรื่องพวกนี้ซับซ้อนมากนี่ครับ พอกุมวงการแพทย์ของเกาหลีไว้ในมือสุดท้ายผู้มีอำนาจกับคนรวยระดับต้นๆ ของเกาหลีคงจะเป็นหนี้บุญคุณโรงพยาบาลโอซองกันหมด จากนั้นก็จะพัฒนาเป็นเส้นสายและขุมกำลัง นั่นคงเป็นเหตุผลใหญ่ที่สุด แต่ผม...”

นายคิดต่างงั้นเหรอ”

ครับ เพราะทุ่มเงินกับเวลามากเกินไปสำหรับเรื่องแบบนั้นครับ”

รองประธานใหญ่คังแจชิกพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มบางๆ

อืม ถูกต้อง คนอื่นคงคิดว่าเรามาบริหารโรงพยาบาลเพราะหวังอำนาจกับเส้นสาย แต่เหตุผลจริงๆ ไม่ได้เป็นแบบนั้น ย่าฉันเสียเพราะปอดอักเสบพ่อยังแค้นฝังใจที่ตอนนั้นไม่มีเงินรักษาจนต้องปล่อยให้ย่าจากไปอย่างนั้น นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้พ่อฉันอยากสร้างโรงพยาบาลดีๆ ด้วยทรัพย์สินที่มี ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่มีความรู้ทางการแพทย์เลยสักนิด”

เหตุผลเป็นอย่างนี้นี่เอง แต่ท่านประธานใหญ่เองก็ล้มป่วยด้วยเช่นกัน...”

น่าเสียดายใช่ไหมล่ะ บางครั้งคำว่าพระเจ้าทรงยุติธรรมก็น่ากลัวนะ ทั้งย่าทั้งพ่อ รวมถึงฉัน...พอกำลังจะมีความสุขกับหลายสิ่งหลายอย่าง ต่างก็โดนพรากสุขภาพไปไม่ใช่เหรอ”

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจางมยองกยูทำตาโตแล้วหัวเราะเหมือนจะถามว่าพูดอะไร

ท่านรองประธานใหญ่ยังแข็งแรงอยู่เลยครับ เพราะฉะนั้นตั้งแต่นี้ไปต้องลดอาหารมันๆ แล้ว...”

แล้วออกกำลังกาย?”

ครับผม”

เขาแค่นหัวเราะ ก่อนจะเอียงศีรษะไปด้านหนึ่งแล้วพูด

ถ้าจะให้พูดต่อจากเมื่อกี้ ฉันนับถือพวกนายพ่อลูกมากนะ โดยเฉพาะนาย ในโลกที่เงินคืออำนาจ การชี้นิ้วใส่คนอื่นโดยไม่เกรงกลัวสักนิด ภาพนั้นติดตาตรึงใจฉันจริงๆ นายในตอนนั้นทำเอาฉันคิดขึ้นมาว่า ‘คนแบบนี้เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลจริงๆ เหรอ’ เลยละ”

ชมกันเกินไปแล้วครับ”

จังหวะที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจางมยองกยูเก้อเขินจนทำตัวไม่ถูกรองประธานใหญ่คังแจชิกก็พูดต่อด้วยนํ้าเสียงเยือกเย็น

แล้วทำไมนายถึงหักหลังฉันล่ะ”

ครับ? หมายความว่ายังไง...”

เดิมทีฉันอาจจะปล่อยผ่านไปเฉยๆ เพราะคิดว่าคงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรแต่มีคนเคยบอกไว้ว่าให้ระวังสุขภาพ ตอนนั้นฉันก็นึกว่าอาจจะมีความหมายอื่นแฝงอยู่”

“...”

คำพูดของรองประธานใหญ่คังแจชิกทำให้อีกฝ่ายกลืนนํ้าลายดังเอื๊อก

ไม่สิ พูดแบบนั้นถูกแล้ว เขาคงรู้อะไรบางอย่างมานั่นแหละ แต่คำพูดนั้นทำฉันคาใจแปลกๆ แถมช่วงนี้ฉันก็เครียดเรื่องอาการแน่นหน้าอกอยู่แล้วด้วยก็เลยแอบไปตรวจที่โรงพยาบาลอื่นโดยไม่บอกใคร”

ทำไมต้องทำแบบนั้น...”

ฉันนึกว่าหัวใจอาจจะมีปัญหา แต่ทางนั้นแนะนำให้ฉันตรวจอย่างละเอียดฉันคิดไว้แล้วว่าต้องมีอะไร แล้วผลก็ออกมาว่ามันคือมะเร็งกระดูกอ่อน ฮ่าๆ...มะเร็งกระดูกอ่อนเนี่ยนะ...คิดว่าปวดหลังมาตลอด นึกไม่ถึงว่าจะเป็นโรคแบบนั้นแต่ก็โชคดีที่ยังอยู่ในระยะแรก”

“...”

ฉันตรวจสอบบัญชีทุกคนที่มีความเกี่ยวข้องกับนายทันที แต่ไม่เจอเงินเลย ไม่มีประวัติการโยกย้ายอสังหาริมทรัพย์ด้วย...นายหักหลังฉันทำไม ฉันสงสัยจนนอนไม่หลับ”

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลลุกจากเก้าอี้ทั้งที่ร่างกายสั่นเทา ก่อนจะคุกเข่าลงเต็มแรง

ขอโทษครับ ได้โปรดไว้ชีวิตผมด้วย”

ฉันไม่ได้อยากฟังคำขอโทษ ฉันอยากฟังเหตุผลต่างหาก”

ท้ายที่สุดผู้อำนวยการโรงพยาบาลก็เริ่มสะอื้นไห้

ผมทำผิดไปแล้วครับ โลภจนตามืดบอด...”

รองประธานใหญ่คังแจชิกแหงนหน้ามองเพดาน

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนํ้าตาไหลอาบหน้า โขกศีรษะลงกับพื้นพร้อมตะโกนเสียงดัง

ขอโทษครับ ผมผิดไปแล้ว”

ทว่ารองประธานใหญ่คังแจชิกกลับไม่พูดไม่จา

หลังจากผ่านไปประมาณสิบนาทีเสียงร้องไห้ก็ค่อยๆ สงบลง รองประธานใหญ่คังแจชิกจึงเปิดปากพูดอีกครั้ง

บอกมาสิว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจางมยองกยูประเมินแล้วว่า หนทางการเอาตัวรอดมีเพียงการบอกความจริงทุกอย่างและร้องขอความเมตตาจากรองประธานใหญ่เท่านั้น

หลังจากตรวจอาการของท่านรองประธานใหญ่ครั้งแรก ผมเองก็ยังประเมินไม่ได้เหมือนกันครับ ตอนนั้นผมเลยแจ้งทางคุณชายใหญ่ เพราะตั้งใจจะทำการผ่าตัดชิ้นเนื้อเพื่อนำมาวินิจฉัย แต่คุณชายใหญ่...”

มันซองเหรอ”

เอ่อ...”

อย่าทำให้คนอื่นเขาเครียดสิ พูดออกมาให้ชัดถ้อยชัดคำ มันซองว่ายังไง”

บอกว่าจะยกโรงพยาบาลโอซองให้ครับ”

รองประธานใหญ่คังแจชิกฉีกยิ้ม

อืม อย่างนี้นี่เอง จะว่าไปแล้ว ต่อให้กำเงินเป็นพันเป็นหมื่นล้านสุดท้ายก็เป็นมนุษย์เงินเดือนที่ยังไม่หลุดพ้นจากตำแหน่งกรรมการบริษัทอยู่ดีไม่สิ...ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันคิดผิดไปสินะ นายคงคิดว่าโรงพยาบาลโอซองเป็นของตัวเองตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ใช่ไหมล่ะ”

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกัดริมฝีปากและก้มศีรษะลง

ขอโทษครับ”

เพราะพ่อเป็นคนก่อตั้ง ส่วนลูกชายเป็นคนมารับช่วงต่อ นายก็เลยคิดว่าโรงพยาบาลนี้จะต้องกลายเป็นของตัวเองละสิ ทีนี้พอมันซองบอกว่าถ้าฉันตายจะยกโรงพยาบาลโอซองให้ สุดท้ายนายเลยหักหลังฉันสินะ อืม ถ้าได้ขนาดนั้นก็สมควรจะทรยศ”

ผมผิดไปแล้วครับ”

รองประธานใหญ่คังแจชิกกล่าวสีหน้าเย็นชาเมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาศีรษะโขกพื้นอีกครั้ง

ถ้างั้นก็ไปตายสิ”

ท่านรองประธานใหญ่...”

ไปตายซะ ขนาดนี้แล้วยังจะมาบอกว่าไม่ได้ตั้งใจหักหลังฉันอีกหรือไง”

“...”

ตายสิ ถ้านายตาย ฉันจะช่วยเปิดทางทำมาหากินให้คนในครอบครัวนายเอง”

ฮึก...”

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเริ่มนํ้าตาไหลอีกครั้ง

รองประธานใหญ่คังแจชิกมองภาพนั้นเงียบๆ ก่อนจะกล่าว

ถ้านายช่วยฉันหนึ่งเรื่อง ฉันจะยกโทษให้ แลกกับการลาออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาล”

ครับ?”

ว่ายังไง”

เหมือนการรับข้อเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธได้เมื่อยืนอยู่ระหว่างความเป็นกับความตาย

ผมจะทำครับ ต้องการให้ผมช่วยอะไร...”

บอกแดซองเกี่ยวกับโรคของฉัน”

ฮะ?”

ไม่ใช่แค่ระยะแรก แต่บอกมันว่าฉันเป็นหนักจนใช้มือไม่ได้แล้ว คงจะไม่มีหวัง”

ทำไมถึงให้พูดอย่างนั้น...”

ความบ้าคลั่งฉายชัดอยู่ในแววตาของรองประธานใหญ่คังแจชิก

ก็ยุติธรรมดีไม่ใช่เหรอ ใช้โอกาสนี้ทำให้รู้กันไปเลยว่าใครเป็นลูกฉันจริงๆ ไง หึๆๆ...”

เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะอันคลุ้มคลั่งของรองประธานใหญ่คังแจชิกผู้อำนวยการโรงพยาบาลก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาเพราะความหวาดกลัวที่กดทับทั่วทั้งร่างกาย


 

บทที่ 281 โอกาสอันยุติธรรม (2)

 

หัวหน้าฝ่ายคังแดซองรู้สึกงงมาก ที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลโอซองโทร.มาหาตนอย่างกะทันหัน

สาเหตุที่ทำให้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลโอซองแอบติดต่อมาอย่างลับๆ นั้นเขาคิดเหตุผลอื่นไม่ออกเลย นอกจากปัญหาสุขภาพของคนในครอบครัว

สถานที่นัดพบไม่ใช่โรงพยาบาล แต่เป็นร้านนั่งดื่มเงียบๆ ในย่านซอโช

เนื่องจากเป็นร้านไก่ทอดที่พบเห็นได้ทั่วไปตามท้องถนน พอคำนึงถึงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลแล้วจึงคิดว่าดูไม่ค่อยเข้ากันเท่าไรนัก

เหนือความคาดหมายอยู่นะครับ สไตล์ของผู้อำนวยการนี่เรียบง่ายเกินคาดจริงๆ”

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจางมยองกยูฝืนยิ้มและตอบ

พูดตรงๆ ผมเองก็เพิ่งมาวันนี้เป็นครั้งแรกครับ พอดีเห็นว่าไม่มีลูกค้าเลยนัดมาเจอกันที่นี่”

อ๋อ...ถ้างั้นก็รับประกันรสชาติไก่ทอดร้านนี้ไม่ได้ใช่ไหมครับ”

น่าเสียดายที่ต้องบอกว่าใช่ครับ”

ไก่ทอดร้านไหนๆ ก็คงเหมือนกัน มีอะไรจะคุยเหรอครับ”

แม้ภายนอกจะแอบกัดเบาๆ แต่ความจริงในใจเขาปั่นป่วนมาก

ถ้าหากสาเหตุที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนัดเจอเป็นเพราะพ่อจริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยในการตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร

อืม...”

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจางไม่เปิดปากง่ายๆ และจิบเบียร์อีกอึกหนึ่ง

แดซองรออย่างเงียบๆ แม้จะอึดอัดกับท่าทางแบบนั้น

หลังจากทำใจอยู่สักพัก ผู้อำนวยการโรงพยาบาลก็อ้าปากพูด

สุขภาพของรองประธานใหญ่แย่มากครับ”

เรียกว่าไม่ผิดจากที่คิดได้ไหมนะ

แดซองรู้สึกเหมือนใจร่วงไปอยู่ตาตุ่ม

แย่...แย่มากขนาดไหนครับ”

มะเร็งกระดูกอ่อน เรียกง่ายๆ ก็มะเร็งกระดูกนั่นแหละครับ เราพบก้อนเนื้อตรงกระดูกสันหลัง ได้รับการยืนยันผลการวินิจฉัยจากการตรวจชิ้นเนื้อแล้วครับ”

ลามไปถึงระดับไหนแล้วครับ จากความสามารถของพวกคุณ ต่อให้เป็นมะเร็งก็ต้องรักษาได้ไม่ใช่เหรอครับ”

ผมเองก็ไม่คิดว่ามันจะลามเร็วขนาดนี้ครับ ท่านคงจะปวดหลังมาก...”

ไม่สิ พ่อไม่ได้เพิ่งปวดหลังแค่วันสองวันนะ...”

มันลามไปเยอะมาก ตำแหน่งก็ค่อนข้างแย่ด้วยครับ ผมคิดว่ายังไงก็ควรจะเตรียมใจไว้”

เฮ้อ...”

แดซองเอามือปิดหน้าตัวเอง

แต่อยู่ๆ ก็นึกขึ้นมาได้

แล้วพี่ชายผมล่ะครับ รู้หรือเปล่า”

ยังไม่รู้ครับ”

ควรจะดีใจไหม...

เขาตระหนักได้โดยสัญชาตญาณว่าสถานการณ์ตอนนี้อาจจะเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่สำหรับตัวเอง

ไม่สิ สถานการณ์ตอนนี้ทำให้อดคิดแบบนั้นไม่ได้ต่างหาก

พ่อผมล่ะครับ”

ท่านรองประธานใหญ่ขอไว้ว่าอย่าเพิ่งบอกใครครับ”

งั้นเพราะอะไรถึงมาบอกผมล่ะครับ แถมไม่บอกให้พี่ผมรู้ก่อนด้วย มีเหตุผลอะไรที่ทำให้ผมได้รู้ก่อนหรือเปล่าครับ”

จางมยองกยูกัดริมฝีปาก

แม้จะเตรียมตัวมาแล้ว แต่พอเป็นสถานการณ์ที่ถูกบังคับให้โกหกตามคำสั่งของรองประธานใหญ่ ไม่ใช่เพราะความตั้งใจของตัวเองแล้ว ก็ยิ่งรู้สึกโง่เขลาและเจ็บปวดกับการทรยศที่ตัวเองเคยทำมากยิ่งขึ้น

หัวหน้าฝ่ายคังรู้จักชื่อเดิมของโรงพยาบาลโอซองไหมครับ”

ผมเคยได้ยินเมื่อนานมากแล้ว แต่ตอนนี้จำไม่ได้แล้วครับ”

ชื่อเดิมของโรงพยาบาลโอซองคือคลินิกมันมินครับ ถึงจะไม่ใช่โรงพยาบาลใหญ่ แต่ในช่วงเวลานั้น ชื่อเสียงของพ่อผมที่ไปเล่าเรียนถึงต่างประเทศโด่งดังมากจนรับคนไข้ไม่ขาดสายเลยครับ ตอนนั้นพ่อผมเสียดายมากที่ไม่สามารถทำการผ่าตัดใหญ่ๆ ได้ เนื่องจากคลินิกมีขนาดเล็ก และไม่มีเงินนำเข้าเครื่องมือดีๆ จากต่างประเทศ แต่ท่านประธานใหญ่ที่กำลังนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลตอนนี้ก็มาหาพ่อผมครับ”

ผมเคยได้ยินอยู่ครับ”

ท่านประธานใหญ่สัญญาว่าจะช่วยลงทุนก้อนใหญ่ และแทบจะไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งกับการบริหารโรงพยาบาลของพ่อผมเลยครับ พ่อกังวลว่าท่านประธานใหญ่อาจจะเปลี่ยนใจทีหลัง แต่หลังจากนั้นพ่อก็มีความสุขมาก เพราะท่านแทบจะไม่มีส่วนร่วมในการบริหารจริงๆ ครับ”

แดซองขมวดคิ้ว

แค่ได้ยินว่าพ่อตัวเองเป็นมะเร็งก็ไม่มีสติแล้ว จึงไม่ชอบใจที่อีกฝ่ายพูดนั่นนี่ไปเรื่อยเปื่อย

อยากถามว่าต้องการอะไรด้วยความโกรธเคือง แต่สีหน้าเคร่งเครียดของผู้อำนวยการโรงพยาบาลก็ทำให้ใจเย็นลง

แล้วยังไงต่อครับ”

พ่อเสียชีวิตหลังจากได้รักษาผู้ป่วยมากมายตามที่เขาปรารถนาครับ แล้วผมก็เข้ามาสืบทอดตำแหน่งต่อจากพ่อ ชื่อเสียงของโรงพยาบาลโอซองยิ่งโด่งดังมากขึ้น จนพาคนเก่งๆ มารวมตัวกันนับไม่ถ้วน ยังไงก็ตาม พ่อผมนึกถึงแต่การดูแลคนป่วยจนหลงลืมสิ่งสำคัญไปครับ ว่าโรงพยาบาลโอซองที่ตัวเองอุตส่าห์ฟูมฟักมาเป็นอย่างดี สุดท้ายก็เป็นของคนอื่น”

แดซองแอบตกใจเพราะความตรงไปตรงมาโดยไม่อ้อมค้อม

“...”

แน่นอนว่าถ้าไม่มีการสนับสนุนของโอซอง โรงพยาบาลโอซองแห่งนี้ก็คงจะกลายเป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในเกาหลีไม่ได้ครับ ผมทราบดี แต่ถึงอย่างนั้นเราก็อุตส่าห์ฟูมฟักมาเป็นอย่างดีแล้ว จะให้ปิดปากเงียบรอคำชมว่าทำได้ดีมากเฉยๆ ก็คงไม่ได้ใช่ไหมล่ะครับ”

ข้อสรุปคืออะไรครับ”

ผมจะไม่บอกเรื่องนี้กับประธานคังมันซองครับ ถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับโอซองกรุ๊ป แล้วจำเป็นต้องเลือกหนึ่งในสอง ผมก็จะเลือกคุณชายรองครับ”

แลกกับโรงพยาบาลโอซองเหรอครับ”

ครับ พูดแบบนี้อาจจะเหมือนผมขอในสิ่งที่ไม่ได้อยู่ในมือผม แต่อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ ถึงโรงพยาบาลโอซองจะเป็นของโอซอง แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พวกเราสองพ่อลูกก็ทุ่มเทพยายามมาเยอะมากครับ เพราะฉะนั้น ถ้าจะว่ากันตามตรงแล้ว ครึ่งหนึ่งของโรงพยาบาลโอซองก็เป็นของพวกผมครับ”

แดซองคิดว่าคำพูดของอีกฝ่ายไม่ได้ผิด

แต่พูดไม่ผิดกับความเป็นจริงคือคนละเรื่องกัน

ต้องตอบตอนนี้เลยเหรอครับ”

คำตอบของแดซองครั้งนี้เป็นไปตามคาด

ในเมื่อได้ยินข่าวลือว่าชีวิตพี่ชายเริ่มสิ้นหวัง จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ยังไม่อาจตัดสินใจได้ง่ายๆ

ใช่ครับ”

ไม่คิดว่าผมอาจจะกลับบ้านไปเล่าเรื่องนี้ให้พ่อฟังเหรอครับ”

ถ้าอยากทำอย่างนั้นก็ตามสบายเลยครับ”

แดซองผงะไปชั่วขณะ

“...”

คิดว่าผมมาหาหัวหน้าฝ่ายด้วยความรู้สึกแบบไหนครับ คิดว่าผมรู้สึกสบายๆ แค่ลองทำดู ไม่ได้ก็ยอมแพ้งั้นเหรอ อย่างน้อยๆ ผมก็เอาชีวิตที่เหลือของตัวเองมาเสี่ยงกับหัวหน้าฝ่ายนะครับ”

ทำไมถึงไม่ใช่พี่ แต่เป็นผมล่ะครับ”

เพราะเขามีทุกอย่างหมดแล้วครับ แค่อยู่เฉยๆ ทุกอย่างก็ไม่ต่างกับของของตัวเอง แล้วจะมีเหตุผลให้มาทำข้อตกลงกับผมเหรอครับ”

แดซองจ้องผู้อำนวยการโรงพยาบาลอยู่ครู่หนึ่งก่อนกระดกเบียร์ที่วางอยู่ตรงหน้า

ความรู้สึกของเบียร์ซ่าๆ ที่ไหลผ่านลำคอทำให้สติกลับคืนมา

ผมจะติดต่อไปครับ”

ถ้าช้าจะแย่เอานะครับ”

ภายในพรุ่งนี้ครับ”

ผมจะรอครับ”

แดซองพูดแบบนั้นแล้วลุกขึ้นเดินออกจากร้าน

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจางมยองกยูมองประตูที่แดซองเดินออกไปสักพักก่อนจะกดโทร.ออก

ครับ ผมแจ้งตามที่บอกแล้วครับ ครับผม”

พอวางสายก็กระดกเบียร์ที่เหลือรวดเดียว

แม่งเอ๊ย...จบสิ้นแล้วเหรอ”

รู้สึกไม่ยุติธรรมแล้วไม่ยุติธรรมอีก

แต่ความโล่งใจที่ได้มีชีวิตรอดก็พอช่วยบรรเทาความโกรธลงได้บ้าง

หลังจากพบกับผู้อำนวยการโรงพยาบาล แดซองก็เดินเตร็ดเตร่ไปตามถนนอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง

เพราะต้องการเวลาคิด

ในช่วงเวลาสั้นๆ นั้น เขาต้องจัดการกับความตกตะลึงที่ถาโถมเข้ามาแบบไม่ให้พักหายใจและพยายามหาวิธีรับมือที่ดีที่สุด แต่ไม่ว่าจะขบคิดอย่างไร ก็มีแต่จะวนเวียนอยู่ที่เดิม

สุดท้ายก็เรียกแท็กซี่แล้วเดินทางไปที่ย่านจงโน

เพราะการหาคำตอบด้วยตัวเองคนเดียวนั้นยากเกินไป แต่เขารู้จักคนที่ให้คำแนะนำดีๆ ในสถานการณ์แบบนี้ได้อยู่หนึ่งคน

เขาจองโรงแรมในเครือของบริษัทอีกฝ่ายในย่านจงโนและรอจนมืดคํ่ากระทั่งได้ยินเสียงเคาะประตู

กำลังรออยู่เลยครับ”

แดซองเปิดประตูต้อนรับ

ยองฮุนเข้ามาข้างในพร้อมกับมองสำรวจก่อนจะถาม

ไม่สั่งรูมเซอร์วิสเหรอครับ”

ผมไม่มีสติพอที่จะทำอะไรแบบนั้นน่ะครับ”

ไม่มีสติจะทานมื้อเย็น...ท่าทางคงเป็นเรื่องสำคัญมากเลยนะครับ ผมทานมื้อเย็นมาแล้ว อย่างน้อยก็สั่งอาหารมาทานก่อนเถอะครับ”

ไม่ต้องหรอกครับ มันไม่ได้สำคัญ”

ตามใจ...”

ยองฮุนหย่อนก้นลงบนเตียงพลางกอดอกถาม

มีอะไรครับ อยู่ๆ ถึงมาหาโดยไม่นัดก่อน”

ผมเพิ่งไปพบผู้อำนวยการโรงพยาบาลมาครับ”

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเหรอครับ”

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลโอซองครับ”

อ๋อ...โรงพยาบาลโอซอง...เขาว่ายังไงครับ”

เขาบอกว่าพ่อผมเป็นมะเร็งครับ มะเร็งกระดูกอ่อน ตำแหน่งไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พลาดช่วงเวลารักษาไปแล้วด้วย ยังไงก็คงต้องเตรียมใจน่ะครับ”

แดซองสังเกตสีหน้าของยองฮุนอย่างละเอียดระหว่างพูดคำนี้

คิดว่าคงจะตกใจมาก หรือไม่ก็ชอบใจแล้วมองว่านี่เป็นโอกาส แต่ปฏิกิริยาตอบรับกลับแตกต่างจากที่คิดไว้มาก

งั้นเหรอครับ แล้วยังไงต่อ”

นัยน์ตาไม่สั่นไหวเลยสักนิด

แดซองรู้สึกอึ้ง เพราะไม่ใช่แค่พยายามไม่แสดงความตื่นตระหนก แต่เหมือนกำลังคิดจริงๆ ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไร

แล้วยังไงงั้นเหรอครับ พ่อผมเป็นมะเร็งนะ”

ถ้าสติหลุดเพราะเครียดกับมะเร็งจริงๆ คุณคงไม่มาหาผม แต่รีบไปหารองประธานใหญ่คังแจชิกแล้ว งั้นก็แปลว่าไม่ได้กังวลเรื่องพ่อ แต่มาหาผมเพราะมีเหตุผลอื่น ผมเลยถามถึงเรื่องนั้นครับ คุณมาหาผมทำไม”

“...”

แดซองพูดอะไรไม่ออก

ถึงจะเคยคิดมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว แต่เพื่อนคนนี้กลับมองกันได้อย่างทะลุปรุโปร่ง เหมือนตนเป็นซุนหงอคงที่ถูกวางไว้บนฝ่ามือของพระพุทธเจ้า

ถ้าคิดทบทวนดูก็เป็นเพียงหลักการง่ายๆ แต่การเข้าใจทุกอย่างอย่างถ่องแท้ภายในช่วงเวลาสั้นๆ ก็เป็นเรื่องชวนขนลุกจริงๆ

ยองฮุนหัวเราะเมื่อเห็นแดซองนั่งอึ้ง

แต่ก็ตลกดีนะครับ”

อะไรตลกครับ”

จังหวะไม่ดูบังเอิญเกินไปเหรอครับ ในช่วงเวลาที่ลูกชายทั้งสองคนกำลังแย่งชิงอำนาจกัน พ่อก็ดันมาเป็นมะเร็ง สถานการณ์ไม่ต่างจากราดนํ้ามันลงบนกองไฟ...ไม่รู้ว่าจงใจรอจังหวะนี้พอดี หรือแค่สถานการณ์ชวนให้เข้าใจผิดเฉยๆกันแน่ครับ”

เรื่องนั้น...”

ผมขอฟังเรื่องที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพูดก่อนแล้วกันครับ”

แดซองพยายามสงบความว้าวุ่นและเริ่มอธิบาย

พ่อผมขอไว้ว่าไม่ให้บอกใคร แต่เขามาบอกผมคนแรกครับ จุดประสงค์คือโรงพยาบาลโอซอง ถ้าผมยอมยกให้ เขาจะช่วยสนับสนุนผมเวลาต้องสู้กับพี่ชายครับ”

เขาไว้ใจได้ไหมครับ”

ประมาณหนึ่ง...เขาไม่ใช่คนปากพล่อย แล้วก็มีความน่าเชื่อถือครับ”

อืม...แล้วคุณอยากถามอะไรครับ”

สิ่งที่ผมสงสัย คุณเองก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ”

แววตาสงบนิ่งของแดซองทำให้รู้ว่าตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว

ยองฮุนหลับตาลงครู่หนึ่ง ถ้าคิดว่าคำพูดของผู้อำนวยการโรงพยาบาลเป็นความจริง ก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องถ่อมาหากัน แค่ปิดปากเงียบหลังจากตกลงกับฝ่ายนั้นและรออย่างเดียวก็พอแล้ว แต่ที่มาหาเพราะคิดเผื่อว่าความจริงอาจไม่ใช่แบบนั้น

ยองฮุนรู้ตั้งแต่จับมือของรองประธานใหญ่คังแจชิกแล้วว่าอาจจะมีปัญหาสุขภาพ ครึ่งหนึ่งของคำเตือนว่าให้ระวังสุขภาพ หมายถึงสุขภาพของอีกฝ่ายตรงตามตัวอักษรจริงๆ แต่ในสายตาของยองฮุน รองประธานใหญ่คังแจชิกไม่ใช่คนอายุสั้น ส่วนจะมีชีวิตยืนยาวหรือเปล่าเขาไม่รู้ แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้เสียชีวิตอย่างกะทันหันด้วยโรคร้ายในช่วงวัยที่ยังแข็งแรงอยู่

ยองฮุนมองแดซองด้วยสายตาเวทนาก่อนจะพูด

ฟังนะครับ คุณคังแดซอง ถึงผมจะเป็นนักธุรกิจ แต่ก็ไม่ใช่คนเลือดเย็นที่สนใจแต่เงินนะครับ ต่อให้ผมจะร่วมมือกับคุณ ผมก็ไม่มีทางสั่งให้คุณละทิ้งความเป็นมนุษย์เพียงเพื่อทำงานให้สำเร็จหรอกครับ”

ประชดผมอยู่เหรอครับ”

ผมไม่ได้ประชด แค่ให้คำแนะนำครับ ใช้สมองในเวลาที่สมควรใช้มันแต่สำหรับสถานการณ์แบบนี้ คุณควรใช้ความเป็นลูกครับ ไม่ใช่สมอง”

ใบหน้าของแดซองแดงกํ่าด้วยความอับอาย แต่ก็ไม่ได้มีจิตใจบริสุทธิ์จนยอมรับได้ง่ายๆ

มีสิ่งที่ต้องเดิมพันกับความกตัญญูเยอะมากเลยครับ บางทีถ้าพ่อเป็นผมพ่อก็คงจะคิดมากเหมือนกัน”

แน่นอนครับ บางทีรองประธานใหญ่คังแจชิกเองก็น่าจะรู้เรื่องนั้นเหมือนกันว่าถ้าเป็นตัวเองก็คงเลือกทำแบบนั้น”

ครับ?”

เขาจะไม่รู้จักลูกตัวเองเลยเหรอครับ เพราะรู้อยู่แล้ว เวลาแบบนี้คุณยิ่งควรเกาะติดให้มากขึ้นไงครับ”

หมายความว่ายังไงครับ เกาะติดให้มากขึ้นงั้นเหรอ”

ถึงบอกว่ากัดนิ้วสิบนิ้วก็เจ็บทุกนิ้ว แต่ไม่ใช่หรอกครับ มันมีนิ้วที่เจ็บมากกว่า ในบรรดาลูกๆ ก็ต้องมีลูกที่รักมากกว่า รู้ไหมครับว่าทำไมรูปลักษณ์ภายนอกถึงสำคัญ เพราะถ้าหน้าตาดี กำแพงที่ขวางกั้นก็จะพังลง ต่อให้พูดว่าภูมิหลังกับความสามารถสำคัญแค่ไหน แต่รูปลักษณ์ภายนอกก็สำคัญเหมือนกันเพราะเป็นสิ่งที่ช่วยลดความหวาดระแวง ทลายอคติที่มีต่อฝ่ายตรงข้าม เข้าใจความหมายของผมใช่ไหมครับ ยิ่งอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ก็ยิ่งควรจะเป็นลูกชายที่น่ารักสำหรับพ่อนะครับ”

เดี๋ยว หมายถึง...”

แดซองมาเพื่อขอคำแนะนำ แต่ไม่คาดคิดเลยว่าจะได้ยินคำพูดเช่นนี้

ยิ่งโหดเหี้ยมมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งโหยหาความรักที่คนอื่นมีต่อตัวเองมากขึ้นเท่านั้น เก็บกลโกงไปใช้กับพี่คุณเถอะครับ ส่วนคนที่อยู่เหนือคุณก็คือพ่อของคุณ”

ยองฮุนเดาะปากพลางโบกมือเหมือนสั่งให้รีบกลับไป


 

บทที่ 282 โอกาสอันยุติธรรม (3)

 

หลังจากได้สติเหมือนโดนนํ้าเย็นสาด เพราะคำเตือนของยองฮุนแดซองก็รีบขึ้นแท็กซี่กลับบ้าน

ทั้งหมดนี้อาจจะเป็นอุบายของพ่อ หรือถ้าไม่ใช่อย่างนั้น พ่อก็คงจะไม่รู้อะไรจริงๆ แต่พอได้คำชี้แนะจากยองฮุน เรื่องนั้นก็ไม่ได้สำคัญแล้ว

เพราะตระหนักได้ว่า บางทีคำสารภาพอันคลุมเครือของผู้อำนวยการโรงพยาบาล อาจจะกลายเป็นโอกาสทองสำหรับตัวเองก็ได้

ฮู่...”

เมื่อมาถึงหน้าบ้าน แดซองก็ยืนอยู่หน้าประตูและทำอารมณ์ราวกับเป็นนักแสดง ไหนๆ ตัดสินใจจะทำแล้วก็ต้องทำให้สมบทบาท พ่อของเขาไม่ใช่คนที่จะโดนหลอกได้ด้วยการแสดงแบบห่วยๆ ต้องใส่ความจริงใจลงไป ไม่ให้โดนจับได้แม้แต่จุดเดียว

อย่างที่กรรมการผู้จัดการชเวยองฮุนบอก ไม่ต้องใช้กลโกงโง่ๆ แต่ต้องเป็นลูกชายที่น่ารักและเป็นห่วงพ่อจริงๆ

เขาพยายามดึงอารมณ์ออกมาให้มากที่สุดโดยนึกถึงความทรงจำในวัยเด็กจากนั้นก็เปิดประตูใหญ่เต็มแรงแล้วก้าวเข้าไป

พ่อ! พ่อ!”

พอเปิดประตูเข้ามา แดซองก็เปล่งเสียงร้องเรียกรองประธานใหญ่คังแจชิกทันที

นํ้าเสียงร้อนใจและดังมากจนคนทั้งครอบครัวตกใจวิ่งออกมา

ทำไม มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น”

พ่อล่ะครับ”

เพราะดึงอารมณ์ออกมาเต็มที่หรือเปล่านะ ดวงตาของแดซองถึงมีนํ้าตาคลอหน่วย ส่วนนํ้าเสียงก็ยิ่งสั่นเครือ

เมื่อเห็นว่าลูกชายที่แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยเสียนํ้าตาให้เห็น ทว่าตอนนี้กลับมีนํ้าตาเอ่อคลอ แม่อย่างแจซุกจึงใจร่วงไปอยู่ตาตุ่ม

ทำไม มีอะไร บอกแม่สิ”

พ่ออยู่ไหนครับ”

อยู่ในห้องสมุด”

ความวุ่นวายนี้ทำให้รองประธานใหญ่คังแจชิกที่อยู่ในห้องสมุดปรากฏตัวด้วยเช่นกัน

คนเดียวที่ไม่อยู่ในที่นี้คือประธานคังมันซองผู้เป็นพี่ชาย

แดซองแทบจะร้องครํ่าครวญแล้ววิ่งไปกอดพ่อ

ฮือออ...พ่อ...”

อะไรของแก เกิดอะไรขึ้น”

รองประธานใหญ่คังแจชิกเองก็ตกใจ เพราะปกติพวกเขาเป็นพ่อลูกที่ไม่เคยหยอกล้อกันสักคำด้วยซํ้า

พ่อ ถ้าป่วยก็ควรบอกกันก่อนสิ...ทำแบบนี้ได้ยังไงครับ”

รองประธานใหญ่คังแจชิกตกตะลึงเมื่อรู้สึกถึงความเปียกชื้นบนไหล่

เหมือนจะเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่คาดคิดว่าลูกชายคนรองจะมีปฏิกิริยาอย่างนี้

ป่วยงั้นเหรอ พ่อแกป่วยตรงไหน”

พอลูกชายโวยวายเสียงดังว่าพ่อป่วย แจซุกก็หน้าซีดเป็นไก่ต้มวิ่งเข้ามาหา

คือ...”

รีบๆ พูดมาสิ!”

พ่อเป็นมะเร็งกระดูกอ่อนครับ”

ตายแล้ว...”

คุณแม่!”

แจซุกเอามือทาบหน้าอก ลูกสะใภ้คนรองอย่างแซรมจึงรีบวิ่งเข้ามาประคอง

หลังจากนั้นก็เปิดด้วยดาอึนที่ถามว่ารู้ได้อย่างไร มะเร็งลามไปมากแค่ไหนแล้ว มีใครรู้เรื่องนี้อีกบ้าง คำถามมากมายกระหนํ่าเข้ามาหาแดซองกับรองประธานใหญ่คังแจชิก

แม้จะได้รับคำถามมากมาย แต่สีหน้าของรองประธานใหญ่คังแจชิกกลับไม่เปลี่ยนเลยสักนิด ปิดปากเงียบเดินไปนั่งโซฟาในห้องนั่งเล่น

รอให้แดซองหยุดร้องไห้

คนในครอบครัวพาแดซองมานั่งที่โซฟาและป้อนนํ้าเย็นให้ใจสงบ ลูกสะใภ้คนโตก็ส่งข้อความบอกมันซองว่าที่บ้านกำลังวุ่นวาย

แดซองที่เคยร้องไห้อย่างเศร้าสร้อย ดูเหมือนจะสงบลงเล็กน้อยหลังจากผ่านไปประมาณสิบนาที เขาเอ่ยปากพูดด้วยดวงตาแดงกํ่า

ผมเพิ่งได้ยินมาจากผู้อำนวยการโรงพยาบาลโอซองครับ ว่าพ่อเป็นมะเร็งกระดูกอ่อน น่าจะรักษายากเพราะมันลามมานานแล้ว...”

คุณพระ...นี่มันอะไรกันเนี่ย...”

แจซุกกุมศีรษะเมื่อได้ยินคำพูดของลูกชายและโอบกอดลูกสาวไว้

เรื่องราวอันน่าเหลือเชื่อทำให้ดาอึนคว้าแขนของพ่อมาถาม

พ่อ เรื่องจริงเหรอคะ ที่พี่พูดเป็นความจริงเหรอ”

รองประธานใหญ่คังแจชิกเอาแต่จ้องหน้าลูกชายคนรองนิ่งๆ โดยไม่ตอบอะไร

เดาไม่ออกเลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แม้สมาชิกในครอบครัวจะอึดอัดแค่ไหนก็ไม่คิดจะเปิดปากพูด

พวกนั้นมันไม่มีปัญญาทำอะไรเลยหรือยังไง มัวทำอะไรกันอยู่ถึงปล่อยให้ลามขนาดนี้! กินเงินเดือนแล้วทำอะไรกันบ้าง! โทร.หาผู้อำนวยการโรงพยาบาลให้มาที่นี่เดี๋ยวนี้! ตอนนี้!”

แจซุกตวาดเสียงดัง

ทุกคนต่างเข้าใจว่าทำไมเธอถึงโกรธแบบนี้

แดซองนํ้าตาไหลอีกครั้ง

ระหว่างที่ร้องไห้ก็ยังรู้สึกประหลาดใจกับตัวเอง

เพราะนึกไม่ถึงว่าตัวเองจะแสดงได้ดีขนาดนี้

ผมตั้งใจว่าจะไปหาพรุ่งนี้อีกรอบแล้วคุยให้รู้เรื่องอยู่แล้วครับ”

จะไปหาพรุ่งนี้อะไร สั่งให้มาตอนนี้เลย สถานการณ์ตอนนี้มันสมเหตุสมผลเหรอ มะเร็งลุกลามขนาดนั้น เพิ่งจะมารู้เอาตอนนี้ได้ยังไง ทำไมถึงช้าขนาดนี้”

“...”

แดซองไม่มีทางรู้เรื่องนั้นอยู่แล้ว

เนื่องจากเป็นสถานการณ์ที่ยังยืนยันไม่ได้ว่า คำพูดของผู้อำนวยการโรงพยาบาลเป็นความจริงร้อยเปอร์เซ็นต์หรือไม่ ดังนั้นไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เขาก็ไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจน

แดซองเลยโฟกัสกับการแสดงสีหน้า แทนการระบุเหตุผลนั่นนี่ส่งเดช

แจซุกทุบหน้าอกตัวเองด้วยความอึดอัด ก่อนจะหันศรไปหาลูกสะใภ้คนโตที่กำลังทำตัวไม่ถูก

มันซองทำอะไรอยู่ถึงกลับช้า”

ยอจินเริ่มอยู่ไม่สุข

เขาอาจจะกำลังประชุมอยู่เลยยังไม่ตอบน่ะค่ะ เดี๋ยวหนูลองโทร.หาดูค่ะ”

ทั้งส่งข้อความทั้งแชตหาแล้วก็ไม่มีการตอบกลับ เธอจึงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอย่างอึดอัดใจ

แต่คาดไม่ถึงว่ามันซองจะไม่รับโทรศัพท์ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้

ทันทีที่ยอจินก้มหน้ากัดริมฝีปาก เพราะไม่ว่าจะโทร.กี่ครั้งก็ไม่มีการตอบรับแจซุกก็ทุบหน้าอกตัวเองอีกครั้ง

ให้ตายเถอะ...ไหนเธอพูดมาซิ เจ้ารองบอกว่าเพิ่งรู้เรื่อง แล้วมันซองไม่เคยรู้มาก่อนเลยหรือไง”

ยอจินรู้สึกเหมือนเหงื่อไหลซึมเต็มแผ่นหลัง

ไม่มีทางหรอกค่ะคุณแม่ ถ้ารู้ก่อนแล้ว เขาจะนิ่งเฉยได้เหรอคะ บางทีอาจจะพลิกโรงพยาบาลทั่วเกาหลีเพื่อหาหมอที่ดีที่สุดมานั่งตรงหน้าคุณพ่อแล้วละค่ะ”

ตอนนั้นรองประธานใหญ่คังแจชิกที่ปิดปากเงียบมานานก็อ้าปากพูด

ไม่ต้องตื่นตูม”

พ่อ!”

ฉันเป็นคนฝากความรับผิดชอบไว้ที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเอง คิดไว้เรียบร้อยแล้ว อีกอย่างฉันก็สั่งไปแล้วว่าให้จัดตั้งทีมแพทย์ที่ดีที่สุดขึ้นมา”

แจซุกจับมือสามีแล้วถาม

กลายเป็นแบบนี้ได้ยังไงกันคะ เจ็บตรงไหนยังไงกันแน่”

ปกติหลังฉันไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ตอนแรกนึกว่าเพราะนั่งผิดท่าเลยเป็นอย่างนั้น แต่กลายเป็นก้อนมะเร็งที่กระดูกสันหลัง”

เขาบอกว่ารักษาได้ไหมคะ”

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแกล้งแดซองแล้ว ถึงไม่ใช่ระยะแรก แต่ก็ใช่ว่าจะรักษาไม่ได้ เลิกโวยวายกันได้แล้ว”

มะเร็งเลยนะคะ จะไม่ให้โวยวายได้ยังไง!”

แจซุกขึ้นเสียง ก่อนจะขอโทษทันทีเมื่อคิดได้ว่าไม่ใช่พฤติกรรมที่พึงกระทำต่อหน้าคนป่วย

ขอโทษค่ะ พอดีฉันโมโห...ยังไงพรุ่งนี้ไปโรงพยาบาลพร้อมฉันเลยนะคะ”

เดี๋ยวฉันจัดการเอง...”

จะจัดการอะไรอีกคะ!”

คราวนี้รองประธานใหญ่คังแจชิกก็สะดุ้งเช่นกัน

สามีป่วยหนัก แต่กลับไม่ยอมไปโรงพยาบาลพร้อมกัน มันสมเหตุสมผลที่ไหน

เพราะรู้เรื่องนั้นจึงไม่สามารถห้ามภรรยาอย่างเด็ดขาดได้

อะแฮ่ม...”

เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เช้าไปโรงพยาบาลโอซองนะคะ พรุ่งนี้พวกเธอก็เตรียมตัวให้พร้อมด้วยล่ะ”

ค่ะ”

สถานการณ์ตอนนี้เป็นแบบไหน จะขัดขืนคำสั่งได้หรือไง

จังหวะนั้นประตูก็เปิดออกโดยมีมันซองก้าวเข้ามา

ยอจินรีบวิ่งเข้าไปหาแล้วถามตาเขียว

ทำไมเพิ่งมาคะ”

อะไร”

ไม่เห็นข้อความที่ฉันส่งไปเหรอคะ”

หือ? ฉันปิดเสียงไว้...มีเรื่องอะไร”

มันซองเดินเข้ามาด้วยท่าทีเหมือนถามว่าทำไมต้องตื่นตระหนกขนาดนั้นแต่พอเห็นทุกคนในครอบครัวกำลังรวมตัวกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียดก็หยุดเดินโดยอัตโนมัติ

แกมัวไปทำอะไรอยู่ที่ไหน ถึงเพิ่งกลับมาเอาป่านนี้”

ทันทีที่ได้ยินนํ้าเสียงเรียบนิ่งของแม่ มันซองก็รับรู้ได้ว่ามีสถานการณ์ร้ายแรงบางอย่างเกิดขึ้น

พอลองเปิดโทรศัพท์มือถือเช็กข้อความแล้วพบว่าพ่อเป็นมะเร็ง เขาจึงรีบวิ่งมานั่งรวมกับคนอื่นๆ

พ่อ เรื่องจริงหรือเปล่าครับ”

“...”

ไม่สิ นี่มัน...พ่อ ทำยังไงดี เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมพาไปโรงพยาบาลแล้วลองตรวจอีกรอบนะครับ ถ้าทีมแพทย์มีปัญหา ผมจะโละทิ้งให้หมด”

รองประธานใหญ่คังแจชิกพิจารณาใบหน้าของมันซองอย่างละเอียด

ใครมองมาคงเห็นว่าเป็นใบหน้าของลูกชายที่กำลังเป็นกังวล แต่ภาพนี้ดันเกิดขึ้นหลังจากได้เห็นลูกชายคนรองร้องไห้เมื่อครู่นี้

ยิ่งไปกว่านั้น แม้จะดูเหมือนเป็นกังวล แต่พอเห็นมุมปากของอีกฝ่ายกระตุกเล็กน้อยก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที

ไม่ต้อง ฉันตกลงกับแม่แกแล้วว่าจะไปโรงพยาบาลพรุ่งนี้เช้า”

หลังได้ยินความจริงจากผู้อำนวยการโรงพยาบาลจางมยองกยู รองประธานใหญ่คังก็เกลียดท่าทีแสร้งทำเป็นห่วงของลูกชายคนโตจนเลือดขึ้นหน้า

ใจจริงอยากจะตบหน้าแล้วตวาดใส่ให้สารภาพความจริง แต่ก็ทำอย่างนั้นไม่ได้

ลูกชายคิดจะปล่อยให้พ่อตาย

จากมุมมองของคนเป็นพ่อ การเปิดเผยความจริงคือเรื่องน่าอับอายและขายหน้า

โอซองกรุ๊ปไม่ใช่ร้านขายเครื่องเขียนแถวบ้าน แต่เป็นกลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ติดท็อปทรีของประเทศ ถ้าทำแบบนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับป่าวประกาศให้รู้กันทั่วประเทศว่า ผู้นำกลุ่มธุรกิจแนวหน้าเป็นพ่อที่อบรมสั่งสอนลูกไม่ได้เรื่อง

หากความจริงเรื่องนี้รั่วไหลออกไปสู่ภายนอก คงแบกหน้าออกไปไหนมาไหนไม่ได้แน่นอน

พ่อ ไม่ต้องกังวลนะครับ ผมจะหาทางรักษาให้ได้ครับ”

พอได้แล้ว แยกย้ายเถอะ”

รองประธานใหญ่คังแจชิกลุกขึ้นจากโซฟาเพราะไม่อาจทนดูการแสดงละครอันน่าสะอิดสะเอียนของลูกชายคนโตได้

พ่อครับ!”

ฉันบอกว่าพอได้แล้วไง!”

หลังจากตวาดเสียงดังจนทำให้ทั้งครอบครัวผวา ก็กวาดสายตาเย็นชามองทุกคนแล้วพูดต่อ

แค่นี้ฉันไม่ตายหรอก หยุดเอะอะโวยวายแล้วเตรียมตัวไปโรงพยาบาลพรุ่งนี้ซะ”

ครับ”

พูดแบบนั้นเสร็จก็เดินออกไปทันที แจซุกจึงทุบหน้าอกตัวเองพร้อมกับบ่น

ให้ตายเถอะ...จะตะโกนอะไรนักหนา...ฉันบอกตั้งหลายครั้งแล้วว่าให้ระวังสุขภาพ ทำไมถึงไม่ฟังกันเลยนะ ทั้งปู่ทั้งพ่อพวกแก ฉันแทบจะรับหน้าที่ดูแลคนป่วยแล้ว พวกแกล่ะ จะต้องให้ฉันคอยดูแลเฝ้าไข้ด้วยไหม”

ไม่ครับแม่”

แดซองพูดเหมือนมันเป็นเรื่องไร้สาระ แต่ก็เข้าใจว่าแม่ทุกข์ใจพอสมควร

พวกแกดูแลสุขภาพให้ดี แม่รับหน้าที่ดูแลคนป่วยในตระกูลคังสามรุ่นไม่ไหวหรอกนะ เดี๋ยวฉันก็ตายแล้ว”

แน่นอนครับ แม่ไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวพ่อก็หายดีครับ”

ลูกชายคนโตพยายามทำให้แม่สบายใจ แต่ตอนนี้ลูกชายทั้งสองคนไม่ได้อยู่ในสายตาแจซุกเลย

มะเร็งเป็นเรื่องตลกเหรอ ขนาดผู้อำนวยการโรงพยาบาลยังบอกว่ายากเลย”

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบอกเองเลยเหรอครับ”

มันซองตระหนักได้อีกครั้งว่าเรื่องนี้ไม่ง่าย

ใช่ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ไปโรงพยาบาลด้วยกันหมดนี่แหละ”

จากนั้นแจซุกก็เดินกลับเข้าห้องอย่างรวดเร็ว

มันซองถามด้วยสีหน้ายากจะเข้าใจ

เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบอกว่าพ่ออาการหนักเหรอ”

อืม เห็นว่าเป็นมะเร็งกระดูกอ่อน เขาบอกพี่รองว่ามันอยู่ตรงกระดูกสันหลัง แต่น่าจะรักษายากเพราะเจอช้าเกินไป”

มันซองหันมองแดซองด้วยความรู้สึกเหมือนโดนหักหลัง

แววตาสงบนิ่งของน้องชายทำให้มั่นใจว่าเบื้องหลังของเรื่องนี้ไม่ธรรมดา

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพูดอย่างนั้นเหรอ”

ทำไม ไม่เชื่อฉันหรือไง”

เมื่อไม่นานนี้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเพิ่งสาบานแทบเท้าตัวเองว่าจะจงรักภักดี

แต่ผ่านไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงดันกลับคำไปหาน้องชายงั้นเหรอ

มันซองว้าวุ่นใจ

ต้องรีบไปพบผู้อำนวยการโรงพยาบาล

ต้องได้รับคำอธิบายว่าเกิดอะไรกับอีกฝ่ายกันแน่

ฉันจะออกไปข้างนอก เดี๋ยวกลับมา”

พอมันซองลุกขึ้น ยอจินก็ลุกตามแล้วถาม

เวลาแบบนี้ยังจะออกไปไหนอีกคะ”

มีที่ที่ต้องแวะไป”

มันซองตั้งใจจะเดินออกไป แต่พอเห็นแดซองที่ตาแดงกํ่าเดินลงไปใต้ดินอย่างอิดโรยจึงรีบตามไปทันที

มันซองเอ่ยถามขณะมองน้องชายหยิบเหล้านอกออกมาจากตู้โชว์และเปิดฝา

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพูดอะไรกับนาย”

เมื่อกี้ก็ได้ยินแล้วนี่นา”

ก็เล่ามาให้ละเอียดๆ เขาว่ายังไงบ้าง”

แดซองจิบเหล้าดีกรีสูงจากขวดโดยตรงก่อนจะตอบ

เขาบอกว่าพ่อป่วย ควรจะเตรียมใจเอาไว้”

แค่นั้นเหรอ”

แค่นั้น”

หึ! ไร้สาระชะมัด พูดแค่นั้นเนี่ยนะ”

ทำไม กลัวฉันมีความลับหรือไง”

มันซองจ้องน้องชายด้วยแววตาถมึงทึง

แดซองไม่กะพริบตาแม้แต่ครั้งเดียวกับท่าทางน่าหวั่นกลัวนั้น

ถ้าเป็นปกติคงไม่กล้าสบตากับพี่ชายแล้วนิ่งเฉยขนาดนี้ แต่แดซองเพิ่งกระทำการใหญ่ด้วยการแสดงละครทั้งร่างกายและจิตวิญญาณต่อหน้าพ่อมา

ตอนนี้มือยังสั่นและใจเต้นรัวจนต้องกระดกขวดเหล้าให้ใจเย็นลง จะแววตาโหดร้ายของพี่หรืออะไรก็ช่าง เขาไม่สนใจทั้งนั้น

งั้นเหรอ โอเค”

อย่ามาสายล่ะ อย่าลืมว่าพรุ่งนี้ต้องพาพ่อไปโรงพยาบาล พี่ควรอยู่ข้างๆพ่อถึงจะอุ่นใจไม่ใช่เหรอ”

มันซองจ้องน้องชายแล้วตอบ

แน่นอนอยู่แล้ว ลูกชายคนโตต้องอยู่สิ”

แดซองกัดปากขวดเหล้าพลางสบตาพี่ชายแล้วยิ้มให้


 

บทที่ 283 โอกาสอันยุติธรรม (4)

 

ครอบครัวของรองประธานใหญ่คังแจชิก วุ่นวายกันตั้งแต่เช้ามืด

หลังจากศูนย์กลางของความวุ่นวายอย่างแจซุกโทร.แจ้งผู้อำนวยการโรงพยาบาลว่าจะเข้าไปหา เธอก็หันมาสั่งลูกสะใภ้ให้เก็บสัมภาระเตรียมพร้อมเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลทันที

ไม่มีใครกล้าขัดใจเธอตั้งแต่เช้า เพราะรู้ดีว่าความรู้สึกของคนที่ดูแลอาการป่วยของพ่อสามี แถมยังต้องมาดูแลอาการสามีต่ออีกไม่ใช่เรื่องเล่นๆ

หนึ่งในนั้นก็มีรองประธานใหญ่คังแจชิกอยู่ด้วย

ถึงจะรู้อยู่แก่ใจว่ามีโอกาสหายสูงเพราะยังอยู่ในระยะแรก แต่ไม่สามารถเปิดเผยความจริงตอนนี้ได้ และต่อให้เป็นระยะแรก มะเร็งก็คือมะเร็งอยู่ดีดังนั้นจึงอดรู้สึกผิดต่อภรรยาไม่ได้

เพราะฉะนั้นพอเห็นเธอสั่งงานลูกกับลูกสะใภ้ตั้งแต่เช้า ตนจึงเตรียมตัวอย่างเงียบๆ

จากนั้นทั้งครอบครัวก็มาถึงโรงพยาบาลโอซองตอนเจ็ดโมงห้าสิบนาที

ถึงจะเป็นเวลาที่เช้าเกินไปหน่อย แต่ผู้อำนวยการโรงพยาบาล รวมถึงเจ้าหน้าที่จำนวนมากก็มาตั้งแถวรอที่โรงพยาบาลแล้ว

หลังจากแจ้งผู้อำนวยการโรงพยาบาลตอนเช้ามืด อีกฝ่ายคงจะเรียกรวมตัวอย่างเร่งด่วน หัวหน้าแผนกหลายๆ คนยังไม่ได้สวมเสื้อกาวน์ด้วยซํ้า

มาแล้วเหรอครับ”

จะเรียกมาเยอะแยะอะไรขนาดนี้”

เมื่อได้ยินคำพูดของรองประธานใหญ่คัง แจซุกที่ลงจากรถมากล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา

สมควรเรียกมาแล้วค่ะ ไม่มีใครทำงานคุ้มเงินเดือนสักคน อย่างน้อยก็ควรจะโผล่หน้ามาขอโทษไม่ใช่เหรอคะ”

คำตำหนิอย่างรุนแรงของเธอทำให้แพทย์ส่วนใหญ่ไม่อาจซ่อนสีหน้างุนงงไว้ได้

เพราะความจริงแล้วมีเพียงไม่กี่คนในนั้นที่รู้ว่าทำไมครอบครัวเจ้าของกรุ๊ปถึงมาเยือนโรงพยาบาลกะทันหัน

ยิ่งเห็นอย่างนั้น แจซุกก็ชี้นิ้วใส่แพทย์กลุ่มนั้นพร้อมแววตาโกรธเคือง

ดูสิ พวกเขาไม่รู้ด้วยซํ้าว่าตัวเองทำอะไรผิด โอ๊ย อกฉันจะแตก...”

ทันทีที่เห็นคุณผู้หญิงทุบหน้าอก อย่างน้อยพวกเขาก็เข้าใจเรื่องหนึ่ง

ถึงจะไม่รู้ว่าเรื่องอะไร แต่ฉิบหายแล้วแน่นอน

ทุกคนต่างรู้สึกตึงเครียด แต่คังแดซองกลับเป็นคนที่รู้สึกสบายใจ ตรงข้ามกับสีหน้าเคร่งเครียดที่แสดงออกภายนอก

เพราะคิดว่าบอลถูกส่งกลับไปหาผู้อำนวยการโรงพยาบาล ส่วนจะปิดบังความจริงอย่างไรก็เป็นเรื่องของอีกฝ่ายแล้ว

เดิมทีเขากังวลมากว่าจะปฏิบัติตามคำแนะนำของชเวยองฮุนดีหรือไม่แต่เอาเข้าจริงๆ หลังจากร้องไห้และแสดงความกตัญญู (?) กับพ่อก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมา

หากเกิดเรื่องผิดพลาดคงจะกระสับกระส่ายด้วยความหวั่นใจ แต่พอไม่ได้ทำอะไรผิดก็แค่ยืนรอชุบมือเปิบ

ผู้อำนวยการจางอยู่คนเดียวก็พอ ที่เหลือกลับไปกันได้แล้ว”

เมื่อรองประธานใหญ่คังแจชิกพูดตรงหน้าห้องผู้อำนวยการโรงพยาบาลแจซุกก็เบิกตากว้างแล้วแย้งทันที

ทำไมล่ะคะ ทุกคนต้องอยู่ฟังสิ!”

ขอคุยกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลก่อน จะดุด่าอะไรค่อยว่ากันทีหลัง”

นํ้าเสียงเด็ดขาดของรองประธานใหญ่คังทำให้แจซุกไม่กล้าท้วงอีก

ก็ได้ค่ะ”

กลุ่มแพทย์ที่ตามมาจนถึงห้องผู้อำนวยการโรงพยาบาลต่างหนักใจมากยิ่งขึ้น

เพราะแสดงว่าต้องมีเรื่องให้โดนตำหนิแน่นอน

พอแจซุกพยักหน้าอย่างปฏิเสธไม่ได้ แพทย์กลุ่มนั้นก็หายตัวไปพร้อมความหนักใจ ในห้องจึงเหลือเพียงครอบครัวและผู้อำนวยการโรงพยาบาลเท่านั้น

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลโค้งศีรษะด้วยสีหน้ารู้สึกผิด

ผมขอโทษครับ”

ราวกับกำลังรอคำขอโทษอยู่ คำตำหนิมากมายเลยกระหนํ่าเข้าใส่ ทำไมไม่เคยรู้มาก่อน ปล่อยให้กลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร มัวทำอะไรอยู่กันแน่ และอีกสารพัดคำถาม

สำหรับรองประธานใหญ่คังแจชิก คำตำหนิที่พุ่งไปหาผู้อำนวยการโรงพยาบาลไม่ใช่เรื่องน่าสนใจ

เพราะเป็นเรื่องที่ตั้งใจทำให้เกิดขึ้นอยู่แล้ว

เขาเพียงแค่จับตามองมันซองและแดซองอย่างระแวดระวังมาตั้งแต่เมื่อวาน

มันซองจ้องผู้อำนวยการโรงพยาบาลเขม็ง ส่วนแดซองเอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

พอมองแบบนี้ ลูกชายคนโตดูมีความกตัญญูลึกซึ้งกว่าลูกชายคนรองแต่เขารู้อยู่แล้วว่าลูกชายคนโตคิดจะทำอะไร

นอกจากนั้น เมื่อลองคิดว่าบทสนทนาเมื่อวานระหว่างลูกชายคนรองกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลเป็นแบบไหน ก็เข้าใจได้ว่าทำไมลูกชายถึงไม่เข้าร่วมการรุมวิพากษ์วิจารณ์นั่น

เพราะบางทีการตำหนิที่คนอื่นกำลังทำอยู่ตอนนี้ เจ้าตัวอาจจะทำไปตั้งแต่วันก่อนแล้วก็ได้

ถึงอย่างนั้นก็มีหนึ่งสาเหตุที่ทำให้รองประธานใหญ่คังแจชิกยังไม่เอนเอียงไปหาลูกชายคนรองอย่างเต็มที่

นั่นเป็นเพราะตอนที่แดซองกลับมาถึงบ้านแล้วร้องไห้โวยวาย มันเกิดขึ้นหลังจากผู้อำนวยการโรงพยาบาลติดต่อมาว่าคุยกับแดซองแล้วถึงสามชั่วโมง

ในช่วงระหว่างสามชั่วโมงนั้น ลูกชายคนรองไปพบใครมาหรือเปล่า

ถ้าไม่ได้เจอใครแล้วคิดอะไรอยู่คนเดียวตลอดช่วงเวลานั้น

รองประธานใหญ่คังแจชิกสงสัยเรื่องนั้น

ขอโทษครับ ทั้งหมดเป็นเพราะผมขาดความสามารถเองครับ”

ฉันรู้แล้วว่าขาดความสามารถ แล้วรักษาได้ไหมคะ หรือว่าไม่ได้”

เมื่อแจซุกถามเสียงดัง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจางมยองกยูก็เหลือบมองไปทางรองประธานใหญ่

เป็นการหาคำตอบว่าควรจะตอบอย่างไรดี รองประธานใหญ่คังจึงพยักหน้าให้เล็กน้อย

ทันใดนั้นผู้อำนวยการโรงพยาบาลจางก็กล่าวด้วยนํ้าเสียงหนักแน่น

ผมบอกหัวหน้าฝ่ายคังว่าอาจจะยากนิดหน่อยจริงๆ แต่ไม่ได้หมายความว่ารุนแรงจนรักษาไม่ได้นะครับ”

ไหนว่ามะเร็งลุกลามไปเยอะแล้วไงคะ”

ไม่ใช่ครับ ผมหมายถึงว่ามันลามเกินกว่าระยะแรก แต่ไม่ได้อยู่ในระยะที่อาการแย่จนไม่มีทางรักษาครับ”

แจซุกหันขวับไปหาแดซองด้วยความสับสน

แดซองย้อนถามอย่างตกใจ

ผมเข้าใจผิดเหรอครับ จะบอกว่าอาการป่วยของพ่อรักษาได้งั้นเหรอ”

แดซองสงสัยตั้งแต่ตอนที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมาหาแล้วบอกว่าพ่อกำลังจะตายแล้ว

เขาจำคำพูดของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน ที่บอกว่าตำแหน่งของมะเร็งไม่ค่อยดีและช้าเกินไปจนต้องเตรียมใจ แต่ตอนนี้กลับมาบอกว่าแค่อาการแย่ลงเฉยๆงั้นเหรอ

อาการแย่ลงก็จริง แต่ไม่ได้ถึงขั้นจะรักษาไม่ได้เลยครับ”

เขารู้สึกไม่สบายใจแปลกๆ เลยสังเกตแววตาของพ่อ

แดซองมั่นใจในจังหวะนั้นเอง

ว่านี่เป็นไปตามความต้องการของพ่อตั้งแต่แรก

เห็นพ่อปิดปากเงียบไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่เมื่อวานก็แอบคิดอยู่เหมือนกันว่ามีบางอย่างแปลกๆ สุดท้ายก็มีสาเหตุจริงๆ ด้วย

ไม่สิ...”

แต่ถึงอย่างนั้นก็แสดงออกไม่ได้ แดซองเลยพูดอะไรไม่ออก มันซองจึงเดาะปากแล้วพูดแทรกขึ้นมา

จิ๊ๆๆ...นายเอาเรื่องสำคัญแบบนี้มาล้อเล่นได้ยังไง คิดจะฆ่าพ่อหรือไง”

คุณพี่ก็พูดแรงเกินไปนะคะ พอได้ยินว่าคุณพ่อป่วยหนัก สามีฉันอาจจะรับสารคลาดเคลื่อนเพราะสติหลุดก็ได้นี่นา กล่าวหาว่าคิดจะฆ่าคุณพ่อเลยเหรอคะ”

เมื่อแซรมแย้งขึ้นมา ครั้งนี้ยอจินจึงออกหน้า

คุณน้อง ก็แค่พี่ชายตำหนิน้องชายที่ใจร้อน นี่ใช่เรื่องทั่วไปงั้นเหรอเรื่องสุขภาพของคุณพ่อเลยนะ แถมยังเกี่ยวข้องถึงชีวิตอีก ยิ่งไม่ควรทำอะไรหุนหันพลันแล่น เขาก็เลยเตือนในฐานะพี่เฉยๆ”

ท่าทางพี่น้องสมัยนี้เขาจะเตือนกันด้วยการข่มขู่สินะคะ”

หยุดได้แล้ว!”

แจซุกตะโกนออกมาอย่างเหลืออด ลูกสะใภ้ทั้งสองคนเลยก้มศีรษะลง

แดซองไม่ได้สนใจว่าภรรยาและพี่สะใภ้จะทะเลาะกันหรือไม่

เขาแค่จับตามองสีหน้าพ่อกับผู้อำนวยการโรงพยาบาล แต่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลไม่แสดงพิรุธเลยสักนิด

แดซองจึงวางใจเมื่ออีกฝ่ายทำตัวหน้าไม่อายแบบนั้น ทั้งๆ ที่เพิ่งกลับคำที่เคยพูดเอาไว้เมื่อวาน

เขาพยายามอดกลั้นไม่ให้เผลอส่งเสียงโห่ร้องเพราะโล่งใจที่หลบหลุมพรางของพ่อได้อย่างปลอดภัย

ตรงกันข้ามกับแดซอง กลับเป็นมันซองที่รู้สึกกระสับกระส่าย

เพราะทันทีที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลปากสว่าง ตนอาจจะต้องบอกลาโอซองกรุ๊ปตลอดกาล

ถ้างั้นแปลว่ารักษาได้แน่นอนใช่ไหมคะ”

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพยักหน้าอย่างแรงเพื่อยืนยันกับแจซุกซํ้าๆ

แน่นอนครับ ด้วยทีมแพทย์ที่ดีที่สุดในประเทศ ผมพร้อมอุทิศชีวิตรักษาท่านรองประธานใหญ่ให้หายเป็นปกติครับ”

ถึงอย่างไรชีวิตก็แขวนอยู่บนเส้นด้ายมาเป็นสิบๆ รอบแล้วเลยพูดเสียงดังฟังชัด

แจซุกใจชื้นขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินนํ้าเสียงที่ดังและมั่นใจ

ฉันเชื่อใจผู้อำนวยการโรงพยาบาลนะคะ”

เธอรู้ดีว่าในบรรดาผู้คนที่นั่งอยู่ในตำแหน่งสูงๆ หายากมากที่จะไม่ห่วงชีวิตตัวเองเป็นอันดับแรก

เมื่อคำว่าจะยอมอุทิศชีวิตออกมาจากปากของคนที่เป็นถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาลจึงอดยอมรับไม่ได้

ถ้างั้นก็ออกไปกันได้แล้ว”

จะให้ไปไหนคะ”

ฉันมีเรื่องจะคุยกับผู้อำนวยการจาง ทุกคนออกไปก่อน จบเรื่องแล้วนี่”

จะคุยความลับอะไรกันคะ ขอฉันฟังด้วยสิ”

แจซุกทำตาเขียวปั้ดเหมือนไม่ยอมออกไปง่ายๆ แต่คราวนี้รองประธานใหญ่คังไม่อ่อนข้อให้แล้ว

เธอก็ได้ยินสิ่งที่อยากได้ยินแล้วนี่นา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบอกว่ารักษาฉันได้แล้วไง จะเอาอะไรอีก”

ก็ใช่ แต่ว่า...”

ฉันจะคุยงาน! เสียงดังหนวกหู ออกไปให้พ้น!”

สมาชิกครอบครัวถึงกับสะดุ้งเพราะเสียงตวาดของรองประธานใหญ่คังแจชิกจึงเดินออกมาจากห้องผู้อำนวยการโรงพยาบาลเมื่อถูกไล่โดยไม่สามารถต่อต้านอะไรได้เลย

ทันทีที่เหลือกันแค่สองคน รองประธานใหญ่ก็กล่าว

ทำดีมาก”

ทุกอย่างเป็นความผิดของผมเองครับ”

ก็รู้ดีนี่ มันเป็นความผิดของนาย แต่ฉันก็ทำผิด ลูกชายฉันก็ผิดเหมือนกันถ้าไม่เจ็บป่วยตั้งแต่แรกก็ไม่มีปัญหา ถ้าลูกชายคนโตมีความคิด ก็คงไม่มีทางเป็นถึงขนาดนี้หรอก”

“...”

จบเรื่องนี้แล้วก็ยื่นใบลาออกซะ แล้วไปต่างจังหวัด เปิดโรงพยาบาลเล็กๆอย่าให้ฉันได้ยินข่าวของนายอีก”

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลคุกเข่า

ถึงตายผมก็จะไม่ลืมบุญคุณของท่านรองประธานใหญ่เลยครับ”

การบอกว่าให้ยื่นใบลาออกเองและให้ไปอยู่ต่างจังหวัด หมายความว่าจะให้เงินบำเหน็จบำนาญด้วย

มีใครที่ไหนจะใจกว้างได้ขนาดนี้อีก

ช่างเถอะ ลุกขึ้นมาได้แล้ว รำคาญลูกตา แล้วนายพูดกับแดซองว่ายังไง”

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเล่าบทสนทนาระหว่างตัวเองกับแดซองอย่างไม่มีหมกเม็ด

รองประธานใหญ่คังแจชิกฟังคำพูดของผู้อำนวยการโรงพยาบาลแล้วครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง

ผมคิดว่าหัวหน้าฝ่ายคังกตัญญูมากเลยนะครับ เพราะถ้าเป็นผมอย่างน้อยๆ ก็คงต้องใช้เวลาคิดหลายวัน”

หลังแยกกับนาย มันหายไปตั้งสามชั่วโมงกว่าจะกลับถึงบ้าน ถ้ามันคิดอย่างนั้นจริงๆ ก็ควรจะกลับบ้านทันทีสิ”

ท่านรองประธานใหญ่ครับ ขนาดผมอายุปูนนี้แล้ว ยังเอาชนะสิ่งล่อใจไม่ได้เลยนะครับ ถ้าเด็กอายุสามสิบกว่าๆ อย่างหัวหน้าฝ่ายคังเอาชนะสิ่งล่อใจได้แล้วกลับบ้านภายในสามชั่วโมง เพราะเป็นห่วงท่านรองประธานใหญ่ นั่นก็เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากไม่ใช่เหรอครับ”

งั้นเหรอ...”

พอลองฟังแล้ว คำพูดของผู้อำนวยการโรงพยาบาลก็ไม่ได้ไร้เหตุผล

ผมคิดว่าทำแบบนั้นยิ่งน่าชื่นชมมากกว่าอีกครับ ถ้าวิ่งมาแบบไม่ใช้เวลาคิดอาจดูกตัญญูมากกว่าก็จริง แต่ผลลัพธ์อาจทำให้พ่อไม่พอใจก็ได้นะครับ”

นั่นสินะ คิดแล้วค่อยวิ่งมายังดีกว่าวิ่งมาแบบไม่คิด...”

ใช่ครับ เพราะแปลว่าหลังจากคิดอย่างหนัก เขาก็ยังเลือกพ่อมากกว่าทรัพย์สินของโอซองกรุ๊ป”

รองประธานใหญ่คังแจชิกพยักหน้ากับคำพูดที่มีพลังโน้มน้าวใจอย่างน่าประหลาดของผู้อำนวยการโรงพยาบาล เนื่องจากตนก็กำลังหาเหตุผลรองรับในการเชื่อใจลูกชายคนรองอยู่พอดี

เมื่อผู้อำนวยการโรงพยาบาลให้ความเห็นเกี่ยวกับช่องว่างระหว่างสามชั่วโมงนั้น และมองว่าสมเหตุสมผล รองประธานใหญ่คังแจชิกก็ตัดสินใจได้แล้ว

ฉันเข้าใจแล้ว”

ถ้างั้นแล้วผมควรเตรียมตัวเมื่อไหร่ครับ”

เมื่อไหร่อะไรล่ะ จนกว่าฉันจะหายขาดจากโรคเฮงซวยนี่น่ะสิ นายบอกว่าจะอุทิศชีวิตไม่ใช่เหรอ งั้นก็ทำให้มันดีๆ”

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลก้มศีรษะลงพร้อมคิดว่าไม่ง่ายเลยจริงๆ

ต้องรักษาอีกฝ่ายให้หายสนิท ถึงจะยื่นใบลาออกและไปอยู่ต่างจังหวัดอย่างสงบสุขได้

พอออกมาจากห้องผู้อำนวยการโรงพยาบาล รองประธานใหญ่คังแจชิกมองคนในครอบครัวที่รออยู่ข้างนอกทีละคนก่อนจะพูด

ไปกันเถอะ”

ครับ”

จากนั้นรองประธานใหญ่คังแจชิกก็เดินนำหน้า แล้วอยู่ๆ ก็อ้าปากทักเหมือนเพิ่งคิดอะไรออก

อ้อ ลูกสะใภ้รอง”

แซรมตกใจมาก

ค่ะ คุณพ่อ”

เห็นข่าวออกว่าโอซองจะซื้อกิจการสตรีมมิ่งไซต์ที่ชื่อบลูออนอะไรสักอย่างนั่นมันธุรกิจที่บ้านเธอเล็งไว้ไม่ใช่เหรอ”

พ่อสามีถามเหมือนไม่รู้อะไรเลย ทั้งๆ ที่อ่านรายงานหลายสิบแผ่นด้วยตัวเองอย่างละเอียด

แซรมรู้ดีว่าเรื่องนั้นทำให้สามีเธอโดนดูหมิ่นแค่ไหน และรู้ว่าเกิดความขัดแย้งภายในโอซองกรุ๊ป แต่เธอก็ไม่กล้าแสดงออกมา

ไม่สิ เธอไม่ได้โง่ถึงขั้นแสดงความรู้สึกออกมาตรงนี้

ค่ะ ใช่ค่ะ”

จิ๊ๆ...ที่บ้านคงเครียดเพราะข่าวลือไร้สาระละสิ”

“...”

ฝากบอกครอบครัวว่าไม่ต้องกังวลนะ”

สามีถอนตัวออกมาแล้วเลยไม่รู้ว่าหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไรต่อ แต่พอพ่อสามีให้สัญญาแบบนี้ เธอก็รู้สึกเหมือนก้อนหินที่เคยทับอยู่บนหน้าอกร่วงหล่นไปแล้ว

ขอบคุณค่ะ”

ไม่มีอะไรต้องขอบคุณหรอก”

การหยิบเรื่องที่จบไปแล้วขึ้นมาพูดใหม่ ถึงจะดูเหมือนไม่มีอะไรนอกจากอยากเอาใจลูกสะใภ้คนรอง แต่สถานการณ์นี้กลับทำมันซองเหงื่อตก

ข่าวลือไร้สาระ

พ่อมองคำยืนกรานของเขาเป็นข่าวลือไร้สาระ

แถมยังเหมือนจงใจพูดให้ได้ยินต่อหน้า...

มีบางอย่างไม่ปกติ

ต้องมีอะไรบางอย่างกำลังรัดคอตัวเองอยู่แน่นอน


 

บทที่ 284 โอกาสอันยุติธรรม (5)

 

หลังจากครอบครัวของผู้นำโอซองกรุ๊ป สร้างความวุ่นวายเสร็จแล้วก็แยกย้ายกันกลับ โดยทิ้งอาฟเตอร์ช็อกครั้งใหญ่ไว้ที่โรงพยาบาล

พวกเขาแยกออกเป็นสามคู่ แต่ละคู่นั่งรถยนต์คนละคันและมุ่งหน้าไปในทิศทางแตกต่างกัน

รู้ไหมคะว่าทำไมบรรยากาศรอบตัวคุณพ่อถึงเปลี่ยนไปแบบนั้น”

ยอจินถามทั้งสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ภายในรถที่กำลังส่งเธอกลับบ้าน

เธอเองก็รู้สึกเหมือนกันว่าท่าทางของรองประธานใหญ่คังแจชิกเปลี่ยนไปมาก

ไม่มีอะไรหรอก”

มันซองไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด

ไม่ใช่แค่คิดว่าภรรยารู้ไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่ในหัวยังสับสนและมีแต่ความเหนื่อยล้าด้วย

ไม่มีอะไรงั้นเหรอคะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ บอกกันมาตรงๆ สิคะ”

ก็บอกว่าไม่มีอะไรไง”

ถึงมันซองจะหงุดหงิด แต่ยอจินก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

เธอแต่งเข้าครอบครัวโอซองกรุ๊ปมาเจ็ดปีแล้ว แค่เห็นสายตากับนํ้าเสียงของพ่อแม่สามี เธอก็เข้าใจระดับหนึ่งแล้วว่าพวกเขารู้สึกอย่างไร

สามีไม่มีทางรู้ว่าบรรยากาศเย็นยะเยือกเมื่อครู่นี้ทำให้จิตใจของเธอหวาดหวั่นแค่ไหน

จะไม่มีอะไรได้ยังไงคะ”

โธ่เว้ย!”

ทันทีที่มันซองขึ้นเสียง เธอก็คว้าแขนสามีแล้วโต้กลับ

อย่าเข้าใจผิดสิคะ ฉันเป็นภรรยาคุณนะ มีสิทธิ์จะรู้ว่าคุณพ่อจะเลือกใครเป็นผู้สืบทอด คิดว่าฉันแต่งงานมาเป็นเครื่องประดับให้คุณเฉยๆ หรือไงคะ”

“...”

รู้ใช่ไหมคะว่าช่วงนี้คุณชายรองที่หงอกับคุณมาตลอดก็เปลี่ยนไปแล้วน้องสะใภ้คุณก็เหมือนกัน น้องสะใภ้ที่แต่งงานมาแล้วไม่เคยสนใจอะไรเลยนอกจากการช็อปปิ้ง เดี๋ยวนี้ก็ไม่ไปห้างเลยค่ะ”

ไม่ไปห้างงั้นเหรอ”

เรื่องนี้เหนือความคาดหมายของมันซองเหมือนกัน

เพราะเป็นที่รู้ดีกันว่าแซรมเป็นผู้หญิงที่เสพติดการช็อปปิ้งมาตั้งแต่ก่อนแต่งงาน

บอกว่าเบื่อการช็อปปิ้ง แล้วก็ไปร่วมงานสังคมทุกงานเลยค่ะ อาทิตย์ก่อนเพิ่งนัดรวมกลุ่มภรรยาของพนักงานในสถาบันเศรษฐศาสตร์โอซองมาดูนิทรรศการ...ตลกชะมัด”

พูดอะไร สถาบันวิจัยเศรษฐศาสตร์โอซอง ไม่ใช่ห้องทดลองของมหา’ลัยนะมีพนักงานตั้งกี่คน”

ได้ยินว่ามากันประมาณสิบคนค่ะ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครมาบ้าง ปกติยายนั่นเป็นแบบนั้นที่ไหน ผู้หญิงที่เอาแต่เที่ยวเล่นคนเดียว ทำไมถึงออกมาทำอะไรแบบนั้นล่ะคะ”

มันซองที่ไม่สบายใจอยู่แล้วยิ่งรู้สึกร้อนใจมากขึ้น

ประสาททั้งผัวทั้งเมีย”

มีเรื่องอะไรกันคะ รีบบอกมาสิ เกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ ทำไมคุณพ่อถึงเย็นชาแบบนั้น”

มันซองครุ่นคิดพร้อมกับทำหน้าบูดบึ้ง ก่อนจะพูดกับคนขับรถ

จอดข้างหน้านั่น แล้วนั่งแท็กซี่กลับไปสำนักงานใหญ่ เดี๋ยวฉันขับเอง”

ครับ”

เพราะต้องคุยเรื่องสำคัญเลยบอกให้คนขับจอดรถ คนขับรถจึงจอดริมถนนและก้าวลงจากที่นั่งคนขับ มันซองเองก็ลงจากเบาะหลังแล้วเปลี่ยนมานั่งประจำที่นั่งคนขับ

ระหว่างที่กำลังโค้งอำลา รถยนต์ก็พุ่งทะยานออกไปทันที คนขับรถค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาสบถ

แม่งเอ๊ย...ไอ้คนแล้งนํ้าใจ คนอื่นเขายังให้ค่าแท็กซี่กันห้าหมื่นวอน แต่หมอนั่นไม่เคยหยิบเงินออกมาจากกระเป๋าเลย เวรจริงๆ...”

ค่าแท็กซี่สามารถใช้ใบเสร็จเบิกคืนทีหลังได้ก็จริง แต่ปกติสถานการณ์แบบนี้จะเตรียมให้กันไว้ต่างหาก คนขับรถจึงสบถเสียงดังแล้วเดินขึ้นแท็กซี่อย่างอิดโรย

[(ข่าวด่วน) อูมยองโซลาร์เซลล์จะเข้าร่วมโปรเจกต์ผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ของประเทศไทยงั้นเหรอ]

แม้จะเป็นข่าวบรรทัดเดียวที่ไม่มีเนื้อหาสำคัญ แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นภายในอูมยองกรุ๊ปค่อนข้างใหญ่ทีเดียว

ฝ่ายประชาสัมพันธ์เห็นข่าวดังกล่าวครั้งแรกก็ปฏิเสธทันทีว่าไม่เป็นความจริง

ตลอดหลายชั่วโมงที่ข่าวถูกเผยแพร่และอูมยองโซลาร์เซลล์ออกมาปฏิเสธราคาหุ้นผันผวนมากกว่าสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ภายในบริษัทกลับไม่ได้ให้ความสนใจมากนักเนื่องจากเป็นข่าวปลอม

อย่างไรก็ตาม นักข่าวที่เป็นคนเขียนข่าวด่วนในตอนแรกกลับทำให้ตลาดปั่นป่วน ด้วยการลงข่าวที่ขัดแย้งกับคำปฏิเสธของอูมยองโซลาร์เซลล์

ปิยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของไทย กล่าวถึงอูมยองโซลาร์เซลล์ของเกาหลีใต้และเสินฮว่าอิเล็กทริกของจีน ระหว่างการประชุมเพื่อคัดเลือกผู้ประกอบการพลังงานแสงอาทิตย์เมื่อบ่ายวานนี้ ถ้าหากอูมยองโซลาร์เซลล์ได้รับคัดเลือกในโครงการขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าโครงการรวมสองหมื่นล้านบาท[1]คาดว่าจะกลายเป็นฝนยามแล้งสำหรับเหล่าผู้ประกอบการพลังงานแสงอาทิตย์ของเกาหลีที่กำลังเผชิญความลำบาก นอกจากนี้ รัฐมนตรีปิยะยังกล่าวว่าจะเริ่มก่อสร้างอย่างช้าสุดเดือนมีนาคมปีหน้าที่จังหวัดชัยภูมิ และคัดเลือกผู้ประกอบการภายในเดือนนี้...นี่เป็นเรื่องที่นักข่าวนั่งเทียนเขียนขึ้นมาเองได้หรือไง”

ไม่มีใครกล้าตอบคำถามของประธานใหญ่คิมแทฮยอน

ถึงจะไม่สมเหตุสมผลที่การเรียกประชุมคณะผู้บริหารเพราะนักข่าวเพียงคนเดียว แต่เนื้อหาของข่าวก็ทำให้พวกเขาไม่อาจทำเพียงหัวเราะแล้วปล่อยผ่านไปได้

ประธานใหญ่คิมแทฮยอนจึงถามลูกชายคนโตและประธานบริษัทอูมยองโซลาร์เซลล์อย่างโดฮุน

แกไม่รู้อะไรเลยเหรอ”

ผมคิดว่านักข่าวอาจจะเข้าใจผิด หรือจงใจทำให้ราคาหุ้นผันผวนครับพนักงานของเราไม่เคยมีใครติดต่อกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของไทย ไม่เคยนึกถึงประเทศไทยเลยด้วยซํ้าครับ”

มูลค่าโครงการรวมเจ็ดแสนล้านเลยนะ”

ประเทศไทยมีการล็อบบี้หนักมาก ระหว่างการเจรจาคงจะเรียกร้องจากพวกเราเยอะแน่นอน พวกเขาพูดว่าจะทำธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์มาหกปีกว่าแล้ว แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าให้เห็นครับ การนำเสนอครั้งนี้ก็มีโอกาสสูงว่าจะเป็นแค่ข่าวโคมลอยครับ”

ประธานใหญ่คิมแทฮยอนพยักหน้า

เป็นคำตอบที่มีเหตุผลและน่าเชื่อถือ

อย่างไรก็ตาม ประธานใหญ่คิมแทฮยอนก็เบนสายตากลับมามองแท็บเล็ตในมืออีกครั้ง

เพราะรู้สึกเสียดายเกินกว่าจะมองว่าเป็นแค่เรื่องไร้สาระแล้วปล่อยผ่าน

ประธานคิมโดฮุนพูดเหมือนเข้าใจความรู้สึกนั้น

ไม่จำเป็นต้องเสียดายหรอกครับ พอลองกลับมาคิดอีกที ก็มีความเป็นไปได้ว่าทางประเทศไทยจงใจปล่อยข่าวนี้”

ทางประเทศไทยเหรอ”

ครับ มีความเป็นไปได้สูงว่าประเทศไทยกำลังเจรจากับเสินฮว่าอิเล็กทริกเลยคิดจะดึงเราเข้าไปเพื่อกดราคาครับ”

อืม...อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้”

ทันทีที่ประธานใหญ่ทำหน้าเหมือนจะบอกว่าสมเหตุสมผล โดฮุนก็ยิ่งมั่นใจในความคิดของตัวเองมากขึ้นจึงพูดเสียงดังกว่าเดิม

ในสถานการณ์ที่ให้สื่อเคลื่อนไหวเพื่อกดดันเสินฮว่าอิเล็กทริก ถ้าเราเคลื่อนไหวตามก็อาจจะหลงกลลูกไม้ตื้นๆ ของทางนั้นครับ เวลาแบบนี้ผมคิดว่าถ้าเราปฏิเสธเนื้อหาข่าวเงียบๆ ฆ่าเวลาไป เดี๋ยวเรื่องราวก็จะคลี่คลายเองครับ”

คนอื่นๆ ที่เข้าร่วมการประชุมต่างสนับสนุนและบอกว่าความคิดเห็นของประธานคิมโดฮุนสมเหตุสมผล

งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นนักข่าวคนนี้ก็กินเงินไปแล้วน่ะสิ...แสดงว่าฮเยซองอิลโบกล้าดูถูกพวกเราสินะ”

ถ้าเดิมพันด้วยเงินก้อนโต แม้แต่พวกพนักงานธนาคารก็ยังยอมก่อเหตุทุจริตทางการเงินเลยไม่ใช่เหรอครับ”

อืม...”

ถึงขั้นเรียกประชุมคณะผู้บริหารเพราะข่าวนี้เพียงข่าวเดียว ถ้าจบการประชุมอย่างไร้ค่าแบบนี้ ประธานใหญ่ก็มีแต่ต้องเสียหน้าไปด้วย

ดังนั้นระหว่างที่กำลังครุ่นคิดว่าต้องปิดการประชุม หรือมีพลาดอะไรไปหรือไม่ กรรมการผู้จัดการคิมชางฮุนกลับเปิดประตูเดินเข้ามาพอดี

ขอโทษครับ ผมขอเข้าร่วมการประชุมด้วยได้ไหมครับ”

เมื่ออยู่ดีๆ กรรมการผู้จัดการคิมชางฮุนจากฝ่ายขายที่พักอาศัยกล่าวว่าจะเข้าร่วมประชุมคณะผู้บริหาร จึงทำให้อดสงสัยไม่ได้

โดฮุนชักสีหน้าแล้วกล่าว

กรรมการผู้จัดการคิมชางฮุนมาทำอะไรครับ ไม่รู้เหรอครับว่านี่เป็นการประชุมผู้บริหาร”

ครับ ผมทราบ แต่ถ้าเนื้อหาของการประชุมเป็นเรื่องโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย ก็ต้องมีผมถึงจะดำเนินต่อได้ ผมถึงเข้ามาไงครับ”

อะไรของนาย”

ทั้งๆ ที่ต้องใช้ภาษาสุภาพ แต่โดฮุนสับสนมากจนเผลอพูดแบบกันเองออกมาไม่รู้ตัว

ไม่ใช่แค่โดฮุนคนเดียวที่คิดแบบนั้น

ประธานใหญ่คิมแทฮยอนเองก็ย้อนถามด้วยความสงสัยเช่นกัน

ต้องมีแกอยู่ด้วย ถึงจะดำเนินเรื่องต่อได้งั้นเหรอ”

ครับ เพราะมีคนเกาหลีที่รู้สตอรี่ของโครงการนี้แค่ไม่กี่คน แล้วผมก็เป็นหนึ่งในไม่กี่คนนั้นครับ”

แม้จะเป็นคำพูดที่โอ้อวดเกินควร แต่พอพูดด้วยความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมก็ทำเอาอยากรู้ขึ้นมาเหมือนกัน

นั่งลงก่อน”

ครับ”

ชางฮุนมั่นใจมาก

เพราะเมื่อกี้เพิ่งพบกรรมการผู้จัดการชเวยองฮุนกับพนักงานฝ่ายวางแผนและประสานงานของเอชเอสการผลิตมา แถมยังได้รับบรีฟเกี่ยวกับความคืบหน้าของโครงการดังกล่าวมาแล้ว

ถ้างั้นแปลว่าข่าวนี้มีมูลเหรอ”

ครับ เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังก่อนนะครับว่าโครงการนี้เกิดขึ้นได้ยังไง”

เอาสิ”

ชางฮุนลุกขึ้นเงียบๆ วอร์มคอด้วยการกระแอมไอก่อนจะเริ่มเกริ่นเข้าเรื่อง

อะแฮ่ม...ก่อนอื่น การอภิปรายเกี่ยวกับโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย เป็นโครงการที่เอชเอสการผลิตเสนอมานานแล้วครับ”

บริษัทนั้นมาเกี่ยวอะไร”

ท่านประธานใหญ่คงจะทราบแล้ว เอชเอสกรุ๊ปเพิ่งคว้าโครงการพัฒนาแหล่งก๊าซธรรมชาติของประเทศไทยมาได้สำเร็จครับ ถึงจะมีเป้าหมายเป็นการดำเนินธุรกิจอย่างมั่นคงในสถานที่ที่ได้รับการพัฒนาแล้ว แต่เนื่องจากได้ติดต่ออย่างใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของไทยค่อนข้างเยอะในระหว่างกระบวนการนั้นเอชเอสกรุ๊ปจึงตัดสินใจดำเนินธุรกิจเพิ่มเติม นอกเหนือจากแหล่งก๊าซธรรมชาติครับ”

เพิ่งจับแหล่งก๊าซธรรมชาติได้ไม่กี่เดือนเองหนิ แสดงว่าเสนอไปก่อนจะจับแหล่งก๊าซธรรมชาติแล้วสิ”

ครับ เอชเอสกรุ๊ปมั่นใจอยู่แล้วตั้งแต่ก่อนจะประกาศผู้ประกอบการแหล่งก๊าซธรรมชาติ ว่าตัวเองมีข้อได้เปรียบในการคัดเลือกผู้ประกอบการครับ”

ประธานใหญ่คิมแทฮยอนแสร้งหัวเราะเสียงดัง

เหอะๆ...ตับใหญ่นักหรือไง ต่อให้เขียนจำนวนเงินเกินไปเยอะในการประมูลแบบเปิด ก็ไม่น่าจะมั่นใจได้ขนาดนั้นนะ ใช้วิธีแบบนั้นงั้นเหรอ”

ผมก็สงสัยเหมือนกัน ยังไงก็ตาม พอประกาศผู้ประกอบการแล้วเห็นว่าเอชเอสการผลิตกับบริษัทนํ้ามันแห่งชาติของเกาหลีตัดสินใจร่วมมือกันทำกิจการค้าร่วม ความมั่นใจนั้นก็ดูเหมือนจะสมเหตุสมผลจริงๆ นะครับ”

แล้วยังไงต่อ”

ธุรกิจเพิ่มเติมแรกที่เข้าตาคือพลังงานแสงอาทิตย์ครับ เพราะเป็นโครงการที่ทางประเทศไทยเฝ้ารอมานาน และขนาดโครงการก็ค่อนข้างใหญ่มากด้วยอีกอย่างเอชเอสคอนสตรัคชั่นก็คิดจะใช้โครงการพลังงานแสงอาทิตย์เป็นหัวสะพานสำหรับการขยายธุรกิจต่อไปในประเทศไทยครับ”

หัวสะพาน?”

ครับ พวกเขามีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะรับผิดชอบธุรกิจหลักด้านพลังงานของประเทศไทย ทั้งไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ พลังงานนํ้า รวมถึงพลังงานแสงอาทิตย์ครับ”

หมดนั่นเลยเหรอ จะกินรวบหรือไง”

ครับ”

รอยยิ้มเลือนหายจากใบหน้าของประธานใหญ่คิมแทฮยอน

ว่าต่อสิ”

ระหว่างดำเนินการโครงการสนามบินใหม่ของอินเดีย ผมได้เจอกรรมการผู้จัดการชเวยองฮุนแล้วคุยกันเรื่องอูมยองโซลาร์เซลล์ครับ เขาบอกว่าเป็นจังหวะที่ดีถ้าจะเข้าสู่ธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ และไม่จำเป็นต้องอาศัยความช่วยเหลือของอูมยองโซลาร์เซลล์มากนักในกระบวนการคัดเลือกผู้ประกอบการครับ”

ผลออกมาแล้วเหรอ”

ครับ มีการหารือคร่าวๆ กับกระทรวงพลังงานของไทยแล้ว หลังจากนี้ก็เหลือแค่ปรึกษาหารือกับกลุ่มคณะทำงานครับ เนื่องจากเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ถ้ายอมเสียสละซึ่งกันและกันอย่างเหมาะสม งานก็จะดำเนินไปได้อย่างราบรื่นครับ”

เอชเอสจะกินอะไรในกระบวนการนั้น”

เขาบอกว่าเอชเอสคอนสตรัคชั่นจะรับผิดชอบ PM ของโครงการพลังงานแสงอาทิตย์โดยรวมครับ”

สรุปก็คือ จะให้เราเข้าไปเป็นตัวประกอบในการต่อสู้ของพวกนั้นเหรอ”

นี่คือการเฟ้นหาโมดูล[2] ที่สำคัญที่สุดในธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ จะบอกว่าให้เป็นตัวประกอบได้อย่างไร แต่ประธานใหญ่คิมแทฮยอนเหมือนจะเข้าใจอย่างนั้น

ใช่ครับ”

แล้วแกยังยิ้มได้อีกเหรอ”

เมื่อประธานใหญ่คิมแทฮยอนบ่น ชางฮุนก็ค่อยๆ แย้มยิ้ม

ถึงจะเป็นโอกาสที่คนอื่นสร้างให้ แต่ก็เป็นโอกาสใหญ่ที่อูมยองโซลาร์เซลล์จะทำกำไรได้นะครับ”

สำหรับอูมยองโซลาร์เซลล์ แค่ระบายสินค้าคงคลังออกให้หมด และเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงานก็จะเป็นประโยชน์อย่างมากแน่นอน

เอาเป็นว่าฉันเข้าใจแล้ว ทุกคนออกไปได้แล้ว ส่วนกรรมการผู้จัดการคิมชางฮุนตามฉันขึ้นมา”

แม้ประธานใหญ่คิมแทฮยอนจะได้ฟังข่าวดีว่าเนื้อหาข่าวไม่ใช่เรื่องโกหกแต่เจ้าตัวก็ลุกเดินออกมาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

เห็นได้ชัดว่าอารมณ์เสียมาก

เมื่อบรรยากาศในห้องประชุมเริ่มยํ่าแย่ลง ผู้เข้าร่วมประชุมจึงรีบพากันลุกออกมา เหลือเพียงแค่สองพี่น้องในห้องประชุม

นายคิดจะทำอะไร เห็นฉันเป็นหมาหัวเน่าหรือไง นายเป็นประธานอูมยองโซลาร์เซลล์งั้นเหรอ”

ถ้าบริษัทมีปัญหาก็ควรทำอะไรสักอย่างสิ พ่อเรียกฉัน ขอตัวก่อน”

ชางฮุนเดินผ่านพี่ชายที่ตัวสั่นเทาด้วยความโกรธ

พอขึ้นไปที่ห้องประธานใหญ่ ประธานใหญ่คิมแทฮยอนที่ยังทำหน้าเครียดก็ชี้นิ้วไปทางโซฟาแล้วพูด

นั่งลง”

ครับ”

พี่ชายแกพูดอะไรล่ะ”

ครับ? เปล่าครับ ไม่ได้พูดอะไรมาก”

ประธานใหญ่คิมแทฮยอนมองชางฮุนด้วยแววตาเดาไม่ออก ก่อนจะเดินมานั่งประจำที่พร้อมกับเอ่ยถาม

ชเวยองฮุนวางแผนงั้นเหรอ”

ครับ”

ฝากบอกหมอนั่นว่าให้มาเจอกัน”

รับทราบครับ”

ชางฮุน”

ครับ?”

ได้ยินเรื่องโอซองกรุ๊ปใช่ไหม”

ชางฮุนเหมือนจะรู้ว่าพ่อคิดจะพูดอะไร

ครับ”

แกอยากให้มันเป็นอย่างนั้นเหรอ”

“...”

ประธานใหญ่คิมแทฮยอนจ้องชางฮุนที่ไม่อาจให้คำตอบได้นิ่งๆ

ฉันไม่อยากให้เป็นแบบนั้น โบราณว่าไว้ คนไม่เจียมตัวมักจะเผากระท่อมฟาง[3]

ชางฮุนกำหมัดโดยไม่รู้ตัว


[1]  เจ็ดแสนห้าหมื่นล้านวอน

[2]  ส่วนจำเพาะ เป็นส่วนประกอบของระบบที่ใช้ในการเชื่อมต่อกับระบบอื่น

[3]  ทำอะไรเกินตัวจนไม่คำนึงถึงสิ่งที่ตัวเองต้องสูญเสีย


 

บทที่ 285 ค่านายหน้า (1)

 

ไม่มีใครไม่รู้ว่า สถานการณ์ของโอซองกรุ๊ปตอนนี้เป็นอย่างไร

แม้จะเป็นการต่อสู้ระหว่างคนในครอบครัว แต่ผู้บริหารและพนักงานของโอซองกรุ๊ปก็รู้กันหมด แล้วภายนอกจะไม่รับรู้งั้นเหรอ

วงการธุรกิจต่างจับตามองอย่างระมัดระวังว่าบรรยากาศที่ไม่ปกติระหว่างพี่น้องครั้งนี้จะมีบทสรุปแบบไหน

เพราะเห็นได้ชัดว่าผลลัพธ์จะนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงในวงการธุรกิจแน่นอน

ในขณะเดียวกัน ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนจะกังวลว่า การต่อสู้ระหว่างพี่น้องนั้นจะเกิดขึ้นกับครอบครัวตัวเอง

นั่นคือสิ่งที่ประธานใหญ่คิมแทฮยอนกังวลมากที่สุด

ถึงอย่างไรระดับความสามารถของสองพี่น้องก็ไม่ได้แตกต่างกันมากขนาดนั้นอยู่แล้ว และไม่อยากให้กรุ๊ปแตกแยกเพราะการต่อสู้ที่ไม่จำเป็น

ด้วยเหตุนั้น เขาจึงไม่รู้สึกดีใจกับการก้าวเข้าสู่ประเทศไทยของอูมยองโซลาร์เซลล์คราวนี้

และไม่ใช่แค่ประธานใหญ่คิมแทฮยอนคนเดียวที่รู้สึกแบบนั้น

พ่อ เราจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไม่ได้นะครับ ต่อให้บอกว่าทำข้อตกลงแต่ราคาค้าปลีกจะตกฮวบจนไม่เหลืออะไรเลย พวกนั้นต้องใช้มีเดียเพลย์โอ้อวดว่าตัวเองช่วยประสานโครงการหลายแสนล้านเข้าด้วยกันแน่นอน อีกอย่างประธานอูมยองโซลาร์เซลล์คือผมครับ ถ้าปล่อยให้คนที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาฮุบกินไปดื้อๆ โดยไม่ผ่านมือผม เวลาเกิดเรื่องขึ้นภายหลังจะไม่มีวิธีรับมือนะครับ”

หลังจากชางฮุนออกไปได้ไม่นาน ลูกชายคนโตอย่างโดฮุนก็เข้ามาในห้องประธานใหญ่แล้วพูดรัวราวกับปืนกล

ฉันรู้”

โดฮุนมีสีหน้าโล่งใจขึ้นเล็กน้อย

ใช่ไหมล่ะครับ ไอ้เด็กบ้านี่จะก่อเรื่องก็ควรมีขอบเขตหน่อยสิ นึกว่าบริษัทเป็นสนามเด็กเล่นของตัวเองหรือไง อีกอย่างผมว่ามันมีอะไรแปลกๆ ครับ”

อะไรแปลก”

ถ้าชางฮุนไม่เป็นบ้าจะกล้ามายุ่งกับอูมยองโซลาร์เซลล์เหรอครับ เด็กนี่มันเห็นพี่ชายเป็นตัวอะไรถึงทำแบบนั้น ถ้าได้ยินเรื่องธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ก็ควรมาคอนเฟิร์มกับผมก่อนนี่ครับ”

ใช่”

แต่นี่ปิดปากเงียบสนิทแล้วโผล่มาตอนนี้...ถ้าข่าวออกประมาณนี้ก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าจะเปิดประชุมผู้บริหารบริษัท ชางฮุนน่าจะวางแผนมาตั้งแต่แรกแล้วเพื่อให้ตัวเองดูดีต่อหน้าคณะประธานบริษัทครับ”

“...”

ถ้าเตรียมตัวโผล่มาแบบนั้น แสดงว่าตั้งใจจะให้พวกประธานบริษัทในเครือคิดว่าตัวเองคืออัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยอูมยองกรุ๊ปแน่นอนครับ หารือกับคณะทำงานของไทยงั้นเหรอ เหอะ...เพ้อเจ้อชะมัด ถ้าเจอกันจริงๆ คณะทำงานพวกนั้นคงรีบรับข้อเสนอทันทีครับ และคงจะพยายามเรียกเงินใต้โต๊ะอย่างน้อยหลายหมื่นล้าน โดยการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างและกดราคาค้าปลีก ถ้าหากพลาดขึ้นมาก็มีแค่พวกเราที่โดนใส่ร้ายครับ”

ถ้างั้นยอมแพ้แค่นี้ดีไหม”

โดฮุนหวั่นใจชั่วขณะเมื่อเห็นพ่อถามด้วยสีหน้าเฉยเมย

ดูจากการทำแบบนั้นโดยไม่บอกกล่าวแล้ว พวกนั้นอาจจะวางแผนอะไรไว้ก็ได้นะครับ”

งั้นเหรอ”

โดฮุนกัดริมฝีปากก่อนจะพูด

ถ้ารู้ว่าโครงการดำเนินการยังไง...”

ฉันเข้าใจความคิดแกแล้ว ออกไปก่อน”

พ่อ...”

ออกไปได้แล้ว”

ฮู่...โอเคครับ”

การฝืนใจอดกลั้นความโกรธต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันอยู่ในสายตาของพ่อทั้งหมด

หลังจากใช้เวลาหนึ่งวันอยู่กับความคิดที่สลับซับซ้อนแบบนั้น ตอนช่วงเย็นประธานใหญ่คิมแทฮยอนก็ขึ้นรถมุ่งหน้าไปที่คังบุก

ระหว่างรออยู่ที่ร้านมักกอลลีเก่าๆ ในซอยแถวจงโน ประธานใหญ่คิมแทฮยอนก็ทำมือบอกให้ยองฮุนที่โค้งศีรษะทักทายนั่งลง

นายอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้สินะ”

ยองฮุนนั่งลงแล้วหยิบกามักกอลลีจากโต๊ะวางเหล้าที่จัดเตรียมไว้ใหญ่โตมารินอย่างระมัดระวัง

ผมมาช้าใช่ไหมครับ”

มาเร็วกว่าเวลานัดอยู่”

ผมควรจะแจ้งก่อนล่วงหน้าแล้วค่อยดำเนินการ มาทราบหลังจากออกข่าวคงจะงงมากสินะครับ”

ประธานใหญ่คิมแทฮยอนตอบพร้อมสีหน้าไม่พอใจ

ก็รู้ตัวนี่ โครงการคอนโดที่กวางจูคราวก่อนก็ครั้งหนึ่งแล้ว”

ตอนนั้นพวกผมยุ่งกับการเอาตัวรอด ไม่มีเวลาพอจะมองรอบตัวครับ”

แล้วครั้งนี้ล่ะ”

ชีวิตก็เป็นอย่างนั้นครับ ความช่วยเหลือที่ได้รับยามลำบาก ต่อให้ตั้งใจเป็นมั่นเหมาะว่าจะชดใช้คืน แต่พอยุ่งกับการใช้ชีวิต ก็หลงลืมกันได้ง่ายๆใช่ไหมล่ะครับ ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไร แค่กำลังยุ่งกับชีวิตตัวเองเฉยๆตอนแข่งกับอูมยองคอนสตรัคชั่นเรื่องเขตบงซอนที่กวางจูตอนนั้น ผมก็รู้สึกผิดนิดหน่อยนะครับ แถมตอนสร้างสนามบินใหม่ของอินเดียก็ได้รับนํ้าใจมาเล็กน้อยด้วย...”

พูดดีเหลือเกิน”

ฮ่าๆ...ดังนั้นพอได้ยินว่าอูมยองโซลาร์เซลล์กำลังลำบาก ผมเลยตั้งใจเข้ามาช่วยครับ”

อูมยองโซลาร์เซลล์กำลังลำบาก? หึ! นักบุญของวงการธุรกิจเกาหลีมาเกิดแล้วสินะ”

ประธานใหญ่คิมแทฮยอนกระดกมักกอลลีรวดเดียวแล้วใช้มือเช็ดปากอย่างแรง

ฉันไม่ชอบการพูดอ้อมค้อม”

อย่างนั้นสินะครับ”

เพราะฉะนั้นไม่ต้องมาเล่นลิ้นต่อหน้าฉัน แล้วตอบมาตามตรง นายต้องการอะไร”

ยองฮุนมองอีกฝ่ายนิ่งๆ พร้อมกับรินมักกอลลีใส่ถ้วยตัวเอง

จากนั้นก็ยกดื่มเกือบครึ่งถ้วยแล้วคีบพิซซ่าเกาหลีเข้าปากหนึ่งชิ้น ก่อนจะกอดอกจมอยู่กับความคิด

พฤติกรรมที่กล้านั่งกอดอกแล้วปิดปากเงียบต่อหน้าผู้นำอูมยองกรุ๊ปทำเอาเหล่าเลขานุการของอูมยองที่คอยสังเกตการณ์อยู่ไกลๆ แอบตะลึง รวมถึงรู้สึกเหนือความคาดหมายที่ประธานใหญ่คิมแทฮยอนไม่ขึ้นเสียงใส่

เนื่องจากรับรู้กันดีถึงความสำเร็จที่เกิดขึ้นหลังจากผู้ชายที่ชื่อชเวยองฮุนปรากฏตัวในวงการธุรกิจ และสถานการณ์ตอนนี้ก็ชัดเจนมากว่าใครเป็นต่อใครเป็นรอง

ยองฮุนจมอยู่กับความคิดครู่หนึ่งถึงค่อยๆ อ้าปากพูด

เอชเอสกรุ๊ปกับอูมยองคอนสตรัคชั่นเป็นพาร์ตเนอร์ที่ดีต่อกันมากในอินเดียครับ เราดำเนินธุรกิจกันอย่างวินวิน ผ่านโครงการสนามบินใหม่ของอินเดีย ดังนั้นระหว่างกำลังดำเนินโครงการพัฒนาแหล่งก๊าซธรรมชาติในประเทศไทย จึงเป็นเรื่องปกติที่ผมจะนึกถึงอูมยองกรุ๊ปครับ นี่เป็นเพียงการช่วยประสานระหว่างประเทศไทยที่กำลังมองหาบริษัทดีๆ กับบริษัทที่มีความสามารถแต่ตอนนี้กำลังเผชิญความลำบากเพื่อให้ได้ผลประโยชน์เพิ่มเติมจากกระบวนการนั้น ถ้ามองให้กว้างๆ จะมองว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของ PM ก็ได้ครับ”

ไร้สาระ ฉันไม่ได้ถ่อมาถึงที่นี่เพื่อฟังเรื่องเพ้อเจ้อแบบนั้นนะ”

กำลังสงสัยว่าผมใช้กรรมการผู้จัดการคิมชางฮุนเพื่อสั่นคลอนอูมยองกรุ๊ปหรือเปล่าใช่ไหมครับ”

นํ้าเสียงราบเรียบจนน่าประหลาดใจ

หรือจะบอกว่าไม่ใช่ล่ะ”

ผมไม่ได้คิดจะสั่นคลอน แต่โดยส่วนตัวแล้ว ผมอยากให้กรรมการผู้จัดการคิมชางฮุนเป็นผู้สืบทอดอูมยองกรุ๊ปจริงๆ ครับ”

หว่างคิ้วของประธานใหญ่คิมแทฮยอนขมวดหนักมาก

แม้จะสั่งไว้ว่าให้ตอบตามความจริง แต่ไม่นึกว่าจะพูดออกมาชัดเจนขนาดนี้

คิดว่าฉันจะยอมปล่อยให้มันเกิดขึ้นเหรอ ประธานใหญ่ซงอึนแชรู้หรือเปล่าว่านายกำลังทำเรื่องแบบนี้อยู่”

ยองฮุนตอบอย่างใจเย็นเมื่อเห็นอีกฝ่ายเริ่มหงุดหงิด

ท่านประธานใหญ่คิดว่าเพราะผมอยากให้กรรมการผู้จัดการคิมชางฮุนเป็นผู้สืบทอดกรุ๊ป เลยป้อนยาพิษให้ประธานคิมโดฮุนเหรอครับ หรือว่าขุดคุ้ยเรื่องขายหน้าให้ประธานคิมโดฮุนเสียเปรียบงั้นเหรอ กลับกันแล้ว ผมตั้งใจจะยกโครงการพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งหมดให้อูมยองโซลาร์เซลล์ที่กำลังจะตายด้วยซํ้า”

เรื่องนั้น...”

จะบอกว่าผมทำด้วยเจตนาไม่บริสุทธิ์เหรอครับ ถ้าดูจากมุมมองของท่านประธานใหญ่ก็อาจจะเป็นแบบนั้นสินะ งั้นถอยดีไหมครับ”

อะไรนะ”

ถ้าบอกให้ถอย ผมก็จะถอยครับ ยังไม่ได้เซ็นสัญญา เปลี่ยนตัวผู้ประกอบการตอนนี้ก็ไม่ได้ทำให้คนกลางทำงานลำบาก อาจจะมีหงุดหงิดบ้างแต่ให้เงินนิดหน่อยก็ยิ้มแล้วเปลี่ยนเอกสารเป็นบริษัทอื่นแทนครับ”

“...”

อย่าเสียดายเลยครับ โครงการมูลค่าหลายแสนล้านเพียงโครงการเดียวทำให้เราเปลี่ยนตัวผู้สืบทอดกรุ๊ปไม่ได้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ”

นายกำลังล้อฉันเล่นอยู่หรือไง”

ยองฮุนเกาศีรษะด้วยท่าทางลำบากใจแล้วพูด

ท่านประธานใหญ่ พูดตรงๆ ผมสับสนนะครับ สิ่งที่ท่านประธานใหญ่ต้องการคืออะไรเหรอครับ ถ้าพูดกับผมให้ชัดเจนว่าห้ามช่วยกรรมการผู้จัดการคิมชางฮุน ผมจะปล่อยมือแล้วถอยออกมาครับ”

ไม่มีทางไม่เข้าใจว่าการปล่อยมือแล้วถอยออกมา คือการลบชื่อบริษัทอูมยองโซลาร์เซลล์ออกจากโครงการพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย

“...”

ไม่ใช่อย่างนั้นใช่ไหมครับ ผมขอแจ้งเอาไว้หนึ่งเรื่องก่อนนะครับ ผมเลือกอูมยองโซลาร์เซลล์เพราะเห็นแก่กรรมการผู้จัดการคิมชางฮุน เพราะพวกเราคุยกันเยอะมาก แล้วผมคิดว่ากรรมการผู้จัดการคิมชางฮุนเป็นพาร์ตเนอร์ที่ใช้ได้เลย แต่ทันทีที่พาร์ตเนอร์โครงการนั้นกลายเป็นประธานคิมโดฮุน อูมยองกรุ๊ปก็ไม่ใช่พาร์ตเนอร์ที่น่าสนใจสำหรับผมขนาดนั้นครับ”

เพราะอะไร”

เขาเป็นคนไม่เจียมตัวครับ”

ประธานใหญ่คิมแทฮยอนคาดไม่ถึงว่าสิ่งที่ตัวเองพูดใส่ชางฮุนว่าไม่เจียมตัวจะย้อนคืนกลับมาตรงนี้

สายตาของประธานใหญ่คิมแทฮยอนจึงแฝงความเกรี้ยวกราด

ปากดีนะ”

ถ้าทำให้รู้สึกไม่ดีก็ขอโทษด้วยนะครับ แต่ท่านประธานใหญ่บอกให้พูดตามตรง ผมเลยไม่อ้อมค้อมครับ”

นายมองว่าอูมยองกรุ๊ปจะแย่กว่าลูกนอกคอกของฮยอนจินงั้นเหรอ”

ถึงอูมยองจะเป็นบริษัทที่ดีกว่าหรือใหญ่กว่าเอชเอสก็ไม่มีความหมายหรอกครับ เวลาที่ทั้งสองบริษัททำงานร่วมกัน ความเสียสละกับความไว้วางใจซึ่งกันและกันคือสิ่งสำคัญ แต่ผมไม่สามารถคาดหวังสิ่งเหล่านั้นจากประธานคิมโดฮุนได้ครับ”

“...”

เพราะไม่เจียมตัวเลยลืมตำแหน่งของตัวเองแล้วดูถูกคนอื่น บางทีเห็นโครงการนี้แล้วอาจจะไม่ได้รู้สึกขอบคุณด้วยซํ้าครับ คงบ่นตั้งแต่ก่อนเจรจากับคณะทำงานของไทยว่าราคาค้าปลีกไม่เหมาะสมใช่ไหมล่ะครับ หรือไม่ใช่”

ประธานใหญ่คิมแทฮยอนไม่รู้ว่าควรจะโต้แย้งอย่างไรกับการประเมินที่ถูกต้องจนน่าขนลุก

ฉันคิดว่าเป็นการตัดสินใจที่ด่วนสรุปเกินไปนะ”

ผมไม่ได้ด่วนสรุปครับ เพราะผมดูคนเก่งอยู่แล้ว”

ถึงนั่นจะไม่ใช่เรื่องจริง แต่ถ้าสมมติว่าจริง”

ก็น่าจะจริงนะ...”

ยังไงก็ตาม! สมมติว่าเป็นอย่างนั้น ถ้าเกิดชางฮุนไม่ได้ถูกรับรองว่าจะได้เป็นผู้สืบทอด นายจะตัดชื่ออูมยองโซลาร์เซลล์ออกจากโครงการนี้งั้นเหรอ”

ยองฮุนส่ายหน้า

เปล่าครับ ไม่จำเป็นต้องคิดไกลถึงขนาดนั้น พวกผมมองว่ากรรมการผู้จัดการคิมชางฮุนเป็นพาร์ตเนอร์ที่ดี เลยชวนมาร่วมมือทำธุรกิจในประเทศไทยด้วยกัน แต่ไม่ได้คิดจะชักนำการตัดสินใจของท่านประธานใหญ่ครับ”

พูดไม่เหมือนเมื่อกี้เลยนะ”

ไม่ใช่ครับ เมื่อกี้ท่านประธานใหญ่เป็นคนพูดเรื่องตัดชื่อออกเอง ผมก็แค่พูดตามนั้นครับ กรรมการผู้จัดการคิมชางฮุนเป็นพาร์ตเนอร์ที่ดีก็จริงแต่เอกสารถูกส่งมาแล้ว ผมคิดว่าตลกดีถ้าจะตัดชื่อออกเพราะอูมยองกำหนดผู้สืบทอดเป็นคนอื่นนะครับ”

แล้วถ้าฉันไม่สนสาระสำคัญของโครงการนี้แล้วสนับสนุนโดฮุน นายจะทำยังไง”

ยองฮุนยักไหล่

นั่นเป็นการตัดสินใจของท่านประธานใหญ่ จะให้ทำยังไงได้ล่ะครับ แค่คงกังวลว่าอนาคตอาจจะเกิดปัญหาในพาร์ตเนอร์ชิประหว่างเอชเอสกับอูมยองกรุ๊ป แต่เรื่องนั้นเป็นปัญหาของอูมยอง ไม่ใช่ปัญหาของผมครับ”

“...”

อย่าคิดอะไรซับซ้อนเลยครับ ผมแค่เห็นแก่กรรมการผู้จัดการคิมชางฮุนเลยดึงอูมยองโซลาร์เซลล์เข้ามาในโครงการนี้ ถ้าเกิดไม่พอใจก็ถอนตัวได้ครับแต่ถ้าหากไม่อยากถอนตัว ผมก็คงไม่ดันทุรังตัดชื่ออูมยองโซลาร์เซลล์ออกหรอกครับ”

แล้วนายจะผูกขาดผลกำไรจากธุรกิจพลังงานของไทยงั้นเหรอ”

ถ้านิยามว่าเป็นการผูกขาด แสดงว่าคิดไกลเกินไปเยอะเลย แต่จะคิดแบบนั้นก็ไม่เป็นไรครับ เพราะผมคิดจะมีส่วนร่วมกับโครงการส่วนใหญ่จริงๆ”

ประธานใหญ่คิมแทฮยอนสับสน

แม้จะพูดอย่างไม่ปิดบังว่าสนับสนุนลูกชายคนรอง แต่ก็ไม่ได้วางเงื่อนไขใดๆ ในการทำสัญญานายหน้ามูลค่าหลายแสนล้านวอน

ทั้งๆ ที่เปิดเผยอย่างชัดเจนแล้วว่าต้องการอะไร แต่พอไม่ได้บอกว่าให้เอาอะไรมาวาง จึงอดสงสัยไม่ได้ว่ามีอะไรอยู่ในหัวเด็กคนนี้กันแน่

โอเค ตามนั้น แล้วเงื่อนไขสัญญาเป็นยังไงล่ะ”

ส่วนนั้นอูมยองโซลาร์เซลล์ต้องหารือกับทางประเทศไทยเองครับ สิ่งที่ผมบอกได้ก็คือ ทางนั้นค่อนข้างสนใจมากว่าโมดูลพลังงานแสงอาทิตย์จะมีประสิทธิภาพแค่ไหน”

ทำสัญญากับภาครัฐคงต้องเสียเงินเพิ่มอีกใช่ไหม”

แน่นอนครับ แต่พวกผมจ่ายไปหมดแล้ว”

คราวนี้ประธานใหญ่คิมแทฮยอนขมวดคิ้วเหมือนไม่เข้าใจ

แปลว่าให้พวกเราไปนั่งมองโต๊ะอาหารที่จัดวางช้อนไว้เรียบร้อยแล้วงั้นเหรอ”

ไม่จำเป็นต้องสงสัยหรอกครับ ผมเองก็เป็นนักธุรกิจและไม่ทำธุรกิจที่ขาดทุนครับ”

แล้วนายคิดจะขออะไร”

ยองฮุนเอ่ยเบาๆ หลังจากดื่มมักกอลลีให้ชุ่มคอ

ผมอยากให้ท่านประธานใหญ่ถอนตัวจากอินเดียครับ”

ว่าไงนะ”

เอชเอสคอนสตรัคชั่นจะรับผิดชอบคำสั่งสร้างสนามบินใหม่เพิ่มเติมในอนาคตเองครับ หวังว่าอูมยองกรุ๊ปจะยอมเบนความสนใจไปที่อื่นแทน”

ไอ้...”

ประธานใหญ่คิมแทฮยอนเกือบจะสบถออกมา แต่ยั้งไว้ทันอย่างหวุดหวิด


 

บทที่ 286 ค่านายหน้า (2)

 

โครงการสนามบินใหม่ของอินเดีย กำลังดำเนินการอยู่เหมือนเดิมและโครงการทั้งหมดยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น

เนื่องจากก้าวเข้าไปตั้งแต่ช่วงแรกเริ่ม จึงมีความสนิทสนมกับรัฐบาลอินเดียระดับหนึ่ง แต่ในสถานการณ์ที่กำลังจะก้าวเข้าไปยังขอบเขตอื่นได้ อีกฝ่ายกลับบอกให้ถอนตัว...

หากเจ้าหน้าที่รัฐบาลอินเดียเป็นคนพูดเรื่องนี้คงจะเข้าใจได้ แต่พอได้ยินจากปากเด็กอายุแค่สามสิบต้นๆ ถ้าไม่โมโหก็แปลกแล้ว

ถึงอย่างนั้นประธานใหญ่คิมแทฮยอนก็ข่มความโกรธเอาไว้

แม้จะมีความขัดแย้งกับรัฐบาลอินเดียหลายครั้ง ระหว่างดำเนินโครงการสนามบินใหม่ของอินเดีย แต่ก็เห็นว่าเอชเอสคอนสตรัคชั่นจัดการตรงกลางได้อย่างราบรื่น จึงรับรู้ได้ว่าเอชเอสกรุ๊ปมีอำนาจขนาดไหนในโครงการของอินเดีย

ผมทราบครับว่าท่านประธานใหญ่คงจะไม่พอใจ แต่ถ้าลองหารือกับรัฐบาลไทยก็จะทราบครับ พวกเขาจะไม่ผลักดันด้วยการบีบบังคับจนทำให้อูมยองโซลาร์เซลล์ไม่พอใจ อีกอย่างก็ยังไม่มีการพูดคุยเกี่ยวกับการประกาศเขตพื้นที่เพิ่มเติมจากทางรัฐบาลอินเดีย ไม่รู้ว่าจะมีคำสั่งก่อสร้างเพิ่มเติมเมื่อไหร่ด้วยครับ”

“...”

อูมยองคอนสตรัคชั่นไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องอาหารการกินไปอีกราวๆสามปีเลยไม่ใช่เหรอครับ ถ้าคิดว่าช่วยเหลืออูมยองโซลาร์เซลล์ที่กำลังลำบากในช่วงเวลาแบบนี้ ผมว่าก็ไม่ได้ขาดทุนอะไรมากนะครับ”

นายมีความสามารถในการพูดเรื่องไร้สาระให้มีเหตุผลนะ”

ยองฮุนแย้มยิ้ม

ถ้าจะว่ากันตามตรง ผมเองก็กังวลว่าหน้าจะแดงระหว่างพูดหรือเปล่าเพราะผมก็คิดว่ามันไม่เมกเซนส์เหมือนกัน แต่ก็นั่นแหละครับ ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย”

หมายถึงอะไร”

ต่อให้รัฐบาลอินเดียจะประกาศโครงการสนามบินเพิ่มเติม ก็เป็นเรื่องยากที่อูมยองคอนสตรัคชั่นจะได้รับคำสั่งก่อสร้างสนามบินใหม่แต่เพียงผู้เดียวโดยปราศจากความช่วยเหลือจากพวกผมครับ ดังนั้น ไม่ว่าเหตุผลจะเป็นอะไรก็ตาม ผมคิดว่าคงจะดีไม่น้อย ถ้าหากอูมยองคอนสตรัคชั่นถอยออกจากอินเดีย ในขณะที่อูมยองโซลาร์เซลล์ก้าวเข้าสู่ไทยครับ”

ประธานใหญ่คิมแทฮยอนรินมักกอลลีใส่ถ้วยตัวเองอีกครั้งแล้วกระดกดื่ม

ยองฮุนรู้สึกไม่สบายใจ เพราะดูเหมือนอีกฝ่ายจะพยายามใช้มักกอลลีระบายความโกรธ กลัวว่าถ้าทำให้คนอายุมากโมโหแล้วเสียสุขภาพ จะรู้สึกผิดขึ้นมาโดยเปล่าประโยชน์

ถ้าดื่มเยอะ ผมก็เป็นห่วงนะครับ”

ฉันไม่ควรดื่มตามใจตัวเอง เพราะกลัวนายจะเป็นห่วงงั้นเหรอ”

“...”

จบแล้วหรือไง”

ครับ?”

ฉันถามว่าพูดจบหรือยัง”

ใช่ครับ”

ไม่ต้องการอะไรเพิ่มแล้วเหรอ”

ครับ”

ฉันยังเหลือเรื่องคุยอยู่เลย เอาละ งั้นพวกเราย้อนกลับไปตอนแรกมีแผนอะไรถึงตีสนิทชางฮุน”

ยองฮุนยิ้มกว้าง

พอเห็นว่าจ้องกันด้วยแววตาสงบ ก็รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะพูดคุยอย่างจริงจังแล้ว

เหตุผลตามที่ผมบอกเลยครับ”

ตั้งแต่ใช้ชีวิตมาจนถึงตอนนี้ ฉันรู้ว่าพาร์ตเนอร์ที่ดีไม่ใช่พาร์ตเนอร์ที่ทำให้วินวินกันทั้งคู่เสมอไป แต่คือพาร์ตเนอร์ที่ถึงจะดูเหมือนวินวิน แต่จริงๆกลับไม่รู้ตัวว่าฉันเป็นฝ่ายได้กำไรมากกว่าต่างหาก ไม่ว่าภูมิหลังจะยากจนหรือฉลาดน้อยกว่า พาร์ตเนอร์แบบนั้น คือพาร์ตเนอร์ที่ดีที่สุดสำหรับฉัน ชางฮุนเป็นยังไงล่ะ เหมาะกับการเผากินหรือเปล่า”

แม้จะจ้องกันด้วยแววตารุนแรงจนคนธรรมดาไม่กล้าสบตา แต่ยองฮุนกลับหัวเราะคิกคัก

ฮ่าๆๆ! สำหรับท่านประธานใหญ่แล้ว พาร์ตเนอร์แบบนั้นคือพาร์ตเนอร์ที่ดีสินะครับ สมเหตุสมผลดี ฮ่าๆๆ!”

สมเหตุสมผลงั้นเหรอ”

ครับ ฟังแล้วมีเหตุผล แต่ท่านประธานใหญ่น่าจะเข้าใจผิดนิดหน่อยเพราะสำหรับผมแล้ว ผมไม่เห็นว่ากรรมการผู้จัดการคิมชางฮุนโง่กว่า หรือประธานคิมโดฮุนฉลาดกว่าเลยครับ”

คราวนี้ดูถูกความสามารถของลูกชายคนโต

แน่นอนว่าสีหน้าของประธานใหญ่คิมแทฮยอนยิ่งแย่ลง

หมายความว่าโดฮุนของพวกเราไม่มีอะไรแตกต่างงั้นเหรอ”

พูดตรงๆ ก็ใช่ครับ ไม่สิ...ถ้าจะพูดให้ชัดกว่านี้...ไม่ดีกว่า พอเท่านี้แล้วกันครับ”

ไหนๆ พูดออกมาแล้วก็พูดให้จบสิ”

ไม่ครับ นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ เอาเป็นว่าผมเข้าใจว่าท่านประธานใหญ่กำลังสงสัยอะไร แต่สำหรับผมมันเป็นอย่างนั้น...”

ถึงยองฮุนจะปิดปากสนิท แต่ประธานใหญ่คิมแทฮยอนก็เดาออกว่าคำพูดหลังจากนั้นคืออะไร

ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลคิมเท่านั้น แม้แต่ตัวประธานใหญ่คิมแทฮยอนเองก็ไม่มีอะไรแตกต่าง

ทำเป็นปิดปากเงียบไม่กล้าพูดต่อ แต่ก็เหมือนพูดออกมาแล้ว ยิ่งยองฮุนไม่พูดก็ยิ่งทำให้โมโหกว่าเดิม

แล้วเหตุผลจริงๆ ที่เลือกชางฮุนคืออะไร”

ยังไม่เชื่อคำพูดของผมทั้งหมดสินะครับ ท่านประธานใหญ่ชอบเบสบอลไหมครับ”

เคยดูมาบ้าง”

เขาว่ากันว่าเบสบอลเป็นกีฬาแห่งความน่าจะเป็นใช่ไหมครับ คุณสมบัติข้อแรกของพิชเชอร์ที่ดี คือเป็นนักกีฬารักษาคุณภาพตั้งแต่เริ่มเกมได้อย่างสมํ่าเสมอ ในกีฬาเบสบอลจะเรียกว่านักกีฬาที่เป็นตัวตั้งเกมครับ ตั้งเกมว่าวันนี้ทีมอาจจะชนะ รวมถึงคาดการณ์ได้ว่าจะใช้พิชเชอร์ลงมาเล่นกลางเกมกับตัวปิดเกมกี่คนครับ”

แล้วยังไง”

สำหรับผมแล้ว กรรมการผู้จัดการคิมชางฮุนเป็นตัวตั้งเกมครับ เพราะเขารู้จักโลภแต่พอดีแล้วเอาไปแต่สิ่งที่จำเป็น ทำให้ผมค่อนข้างคาดเดาอะไรได้ง่ายครับ แต่ประธานคิมโดฮุนไม่เหมือนกัน คนที่ไม่รู้จักเจียมตัวมักคาดเดาไม่ได้ครับ”

ประธานใหญ่คิมแทฮยอนพูดไม่ออก เด็กนี่ไม่คิดว่าตัวเองกำลังตกที่นั่งลำบากแม้แต่น้อย

ถ้าไม่อย่างนั้นจะกล้าพูดคำนั้นออกมาโดยไม่สนสายตาใครเลยได้อย่างไร

ทั้งๆ ที่แสดงออกชัดเจนว่าอารมณ์เสียทุกครั้งที่คำนั้นโผล่มา แต่เด็กนี่ก็ไม่สนใจเลยสักนิด

จนนึกสงสัยว่าบางทีอาจจะลืมแล้วด้วยซํ้าว่าเขาอารมณ์เสีย

ในเมื่อตอนนี้รู้แล้วว่าการชักสีหน้าไม่ได้ผล เขาจึงข่มความโกรธที่พลุ่งพล่านแล้วอ้าปากพูด

ให้เป็นตัวตั้งเกมเพราะดูถูกชางฮุนของพวกเราไม่ใช่หรือไง”

จะให้ใครเป็นตัวตั้งเกมระหว่างพิชเชอร์ที่ขว้างลูกแม่น กับพิชเชอร์ที่ขว้างไปร้อยห้าสิบครั้งก็โดนหัวผู้ตีเป็นเรื่องปกติล่ะครับ ไม่ใช่เพราะผมดูถูกแต่เพราะเขาฉลาดต่างหาก ถ้าโง่จนแยกแยะหนักเบาไม่ได้ก็เป็นตัวตั้งเกมไม่ได้ครับ”

“...”

หลังจากพูดไม่ออกจนดื่มมักกอลลีประโลมใจ ประธานใหญ่คิมแทฮยอนก็กล่าว

พวกเราถอยจากอินเดียเพราะโครงการพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์ของไทยโครงการเดียวไม่ได้หรอก ตลาดอินเดียกับไทยเทียบกันไม่ได้เลย ความเป็นไปได้ของการพัฒนาในอนาคตก็แตกต่างกันมากด้วย”

อย่างที่ผมบอกไปนั่นแหละครับ ยากที่จะได้คำสั่งก่อสร้างโดยปราศจากความช่วยเหลือของพวกผม”

พูดตรงๆ คำนั้นมันเชื่อยาก แต่ถึงจะเป็นความจริง ยังไงพวกนายก็คงลำบากเหมือนกัน ถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากพวกฉัน”

งั้นเหรอครับ”

ในเมื่อฉันไม่ได้ก็เอาให้มันไม่ได้ด้วยกันทั้งหมดนี่นั่นแหละ พวกฉันเก่งเรื่องนั้นอยู่แล้ว”

ยองฮุนเอียงศีรษะไปด้านข้างแล้วฉีกยิ้ม

ไม่ได้จริงจังใช่ไหมครับ ท่านประธานใหญ่เองก็ไม่ต้องอ้อมค้อมแล้วพูดมาตรงๆ เถอะครับ อยากกินอะไรก็แค่บอก ทำไมต้องขู่กันด้วยล่ะครับ”

ประธานใหญ่คิมแทฮยอนรู้สึกอึดอัด

ทำไมดื่มมักกอลลีที่ใส่นํ้าแข็งเย็นๆ แล้วยังไม่หายโมโหอีกนะ...

เพราะสถานการณ์ตกเป็นรองจึงยากจะเจรจา แต่เด็กนี่ดันไม่หลงกลเลยสักนิด

หากขึ้นมาถึงตำแหน่งนั้นด้วยอายุเพียงแค่นี้ ก็สมควรจะถือดีจนโดนปั่นหัวง่ายๆ ทว่าเขากลับรู้สึกว่าตัวเองเหมือนเป็นฝ่ายที่โดนอ่านความคิดได้อย่างทะลุปรุโปร่ง

ประธานใหญ่คิมแทฮยอนเทมักกอลลีใส่ถ้วยใบใหญ่จนเต็มอีกครั้งก่อนจะเปิดปากพูด

อย่างที่ฉันบอก แค่นั้นไม่พอ”

แล้วยังไงครับ”

ได้ยินมาว่านายวางแผนจะดำเนินธุรกิจหลายๆ อย่างในประเทศไทยมากขึ้น”

ผมเข้าใจว่าท่านประธานใหญ่หมายถึงอะไร...ไม่ทราบว่าเคยมีประสบการณ์ทางด้านโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ไหมครับ”

ประธานใหญ่คิมแทฮยอนพยักหน้าอย่างไม่รีรอ

มีสิ มีอยู่แล้ว รู้ไหมว่าใครเป็นคนสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งแรกของยูเออี พวกฉันไงล่ะ”

สีหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ

อ๋อ...อย่างนั้นสินะครับ ถ้างั้นเราจะทำกิจการค้าร่วมกับอูมยองคอนสตรัคชั่นในการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของไทย เหมือนโปรเจกต์สนามบินใหม่ของอินเดียครับ”

ต่อให้โดฮุนได้อูมยองคอนสตรัคชั่น ข้อตกลงนี้ก็จะไม่เปลี่ยนแปลงใช่ไหม”

แน่นอนครับ นี่เป็นข้อตกลงที่ผมทำกับท่านประธานใหญ่ ไม่ใช่ประธานคิมโดฮุนไม่ใช่เหรอครับ”

โอเค”

ประธานใหญ่คิมแทฮยอนพยักหน้าก่อนจะลุกขึ้นยืน

ดูจากหน้าแดงๆ เพราะดื่มมักกอลลีมากเกินควรแล้ว สมควรจะเมาจนพูดจาไร้สาระหรือร่างกายโงนเงน แต่ก็ไม่ได้แสดงภาพลักษณ์ยํ่าแย่ให้เห็นเลย

วันนี้ผมดื่มอย่างเต็มที่เลยครับ”

ดื่มบ้าดื่มบออะไร...จิบไปกี่อึกเอง...อย่าไปบอกใครเขาว่าดื่มมาเลย”

พูดอย่างนั้นแล้วก็เดินออกจากร้านอย่างมั่นคง โดยไม่ซวนเซแม้แต่น้อย

เฮ้อ ให้ตายเถอะ...”

ประธานใหญ่คิมแทฮยอนกุมขมับหลังจากขึ้นมาบนรถ

เขาไม่อยากทำตัวอ่อนแอต่อหน้าเด็กเลยเกร็งขาเดินออกมา ตอนนี้ถึงได้รู้สึกหมดแรง

กลับบ้านเลยไหมครับ”

หัวหน้าฝ่ายเลขาฯที่นั่งอยู่ข้างคนขับเอ่ยถาม

ตอนแรกประธานใหญ่คิมแทฮยอนตั้งใจจะบอกว่าเอาตามนั้น แต่ก็หยุดคิดครู่หนึ่ง

การเจรจากับเด็กคนนั้นไม่ง่ายเลย แถมยังโยนเรื่องมาให้คิดเยอะแยะ

สู้บอกมาเลยว่าถ้าไม่ยกหุ้นให้ชางฮุน จะตัดสัมพันธ์กับอูมยอง เขายังตัดสินใจง่ายกว่า

พอคิดว่าถ้าชางฮุนมีข้อตกลงลับๆ กับเอชเอสกรุ๊ปก็จะตัดออกอย่างเด็ดขาด แต่เด็กนั่นกลับพูดออกมาอย่างเปิดเผยว่าอยากให้ชางฮุนเป็นผู้สืบทอดแถมยังไม่ได้บีบบังคับเลยสักนิด

ตรงกันข้ามแล้ว อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะแสดงออกด้วยซํ้าว่า ถ้ายกหุ้นให้โดฮุนแล้วอูมยองจะเสียหายครั้งใหญ่

ไปนนฮยอนดีกว่า”

รับทราบครับ”

นนฮยอนมีบาร์ที่เขามักจะแวะไปเวลาเหงาหรือวุ่นวายใจ

เจ้าของบาร์เคยเป็นคนรักของเขา และบาร์นั้นก็เป็นร้านที่เขาทำให้เอง

ดูเหมือนว่าวันนี้จะไม่ง่วงง่ายๆ เสียแล้ว

เป็นยังไงบ้างครับ”

กรรมการผู้จัดการคิมชางฮุนรอยองฮุนอยู่ที่ร้านปลาหมึกผัดเผ็ดแห่งหนึ่งในอึลจีโร หลังจากยองฮุนไปพบกับพ่อของตนมา

ทันทีที่นั่งลง ยองฮุนก็คีบปลาหมึกชิ้นหนึ่งที่กำลังสุกพอดีเข้าปากก่อนจะตอบ

พ่อคุณมีความคิดแน่วแน่มากเลยนะครับ”

ชางฮุนกระดกโซจูเข้าปากด้วยสีหน้าอึมครึม

ฮ้า...พ่อเป็นอย่างนั้นแหละครับ ค่อนข้างหัวโบราณด้วย ชอบพูดมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วว่า ถ้าคิดจะให้ประเทศล่มจม ให้เอาลูกอีกคนมานั่งบัลลังก์แทนลูกชายคนโตครับ พูดตามตรงแล้ว ผมก็ไม่ได้แสดงความสามารถพิเศษโดดเด่นมากกว่าพี่ชายหรอก...”

อืม ก็จริงครับ”

ชางฮุนทำหน้าไม่พอใจกับการเออออของยองฮุนครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถามขณะมองยองฮุนคีบปลาหมึกกินอย่างรีบร้อน

แปลว่าจบแค่นี้เหรอครับ”

ยองฮุนเคี้ยวปลาหมึกหงุบหงับแล้วค่อยพูด

เอาจริงๆ ผมผิดหวังนิดหน่อยครับ”

ครับ?”

ยังซื้อกิจการฮยอนจินเฮฟวี่อินดัสทรีส์ไม่เสร็จเรียบร้อยใช่ไหมครับ”

เรื่องนั้น...คุณก็รู้ไม่ใช่เหรอครับว่าการเจรจาซื้อกิจการใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว ที่ยากเพราะได้รับออร์เดอร์เรือ LNG จนราคาหุ้นเพิ่มขึ้นในช่วงท้าย แต่ก็เกือบจะเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ”

ปากบอกว่าเสร็จเรียบร้อย แต่ยังไม่ได้ประทับสัญญาเลยไม่ใช่เหรอครับถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพวกผมซื้อเอง...”

ขนาดตอนมูจินซื้อแฮจูชิปบิลดิ้งแอนด์มารีน อียูยังอนุมัติยากเลยแล้วในสถานการณ์ที่แฮจูกินรวบยันอู่ต่อเรือกุนซาน เขาจะอนุมัติให้ซื้อฮยอนจินเฮฟวี่อินดัสทรีส์ง่ายๆ งั้นเหรอครับ อย่าเพิ่งทำอย่างนั้นแล้วรออีกสักพักเถอะนะครับ”

อืม...”

ชางฮุนก้มศีรษะลงเล็กน้อยพร้อมกับสังเกตท่าที จากนั้นก็รินเหล้าให้แล้วถามอีกครั้ง

แล้วคุณตกลงกับพ่อว่ายังไงครับ”

เราตกลงกันได้ดีพอสมควรครับ”

พอสมควรเหรอครับ”

อูมยองจะถอยจากอินเดีย แล้วร่วมมือกันทำโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของไทยครับ”

เยส!”

ชางฮุนตบมือเสียงดังก่อนจะรีบหันมองรอบตัว

พอเช็กแล้วว่ารอบข้างไม่มีใครเพราะค่อนข้างดึกแล้วก็กล่าวด้วยความตื่นเต้นดีใจ

ขอบคุณครับ”

การตัดสินใจดำเนินโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยต่อแปลว่าความพยายามของตนไม่ได้ถูกมองข้าม ประการที่สองคือ การเข้าร่วมโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อาจจะทำให้จุดยืนภายในกรุ๊ปของอูมยองคอนสตรัคชั่นใหญ่ขึ้นด้วย

ขอบคุณอะไรกันครับ”

ฮู่...ขอบคุณคุณยองฮุนจริงๆ ที่ทำให้เรื่องดำเนินมาถึงจุดนี้ได้ครับเพราะการปล่อยให้คนเฮงซวยนั่นขึ้นเป็นประธานใหญ่ของอูมยองกรุ๊ปเป็นโศกนาฏกรรมของเกาหลีและขัดกับความยุติธรรมทางสังคม ขอบคุณมากๆ ครับ”

“...”

ยองฮุนไม่ได้ถามว่าทำไมต้องพูดถึงความยุติธรรมทางสังคม

ชางฮุนยิ้มกว้างพลางกระดกแก้วโซจู ก่อนจะยืดหลังตรงแล้วถามอย่างจริงจัง

ตอนนี้ควรทำยังไงต่อดีครับ”

ไม่รู้สิครับ”

อย่าพูดแบบนั้นสิ...ถึงพ่อคิดจะสนับสนุนพี่ต่อ แต่ไม่มีวิธีทำให้หันมามองผมได้เลยเหรอครับ”

อยากจะชนะพี่ชายขนาดนั้นเลยเหรอครับ”

ไอ้เวรนั่นน่ะ ปล่อยให้ขึ้นเป็นประธานใหญ่ไม่ได้เด็ดขาดครับ รู้จักไซโคพาธ[1] ใช่ไหมครับ ถ้าเป็นคนธรรมดาอาจจะฆ่าคนสักสองสามคน แต่ถ้าคนแบบนั้นได้เป็นประธานใหญ่ คนนับแสนต้องทุกข์ทรมานครับ”

อืม...ถึงเป็นผมก็ไม่มีวิธีที่ได้ผลหรอกครับ พ่อคุณใช้ชีวิตแบบนั้นมาตลอดคงจะไม่เปลี่ยนใจง่ายๆ หรอก...”

นั่นสิครับ”

ถ้างั้นลองใช้คนอื่นช่วยเปลี่ยนใจแทนคุณไหมล่ะครับ”

ครับ?”

อย่างเช่น ลูกสะใภ้ที่มีภูมิหลังดีๆ สักคน...”

ชางฮุนเบิกตากว้าง

แต่งงานเหรอครับ”


[1]  ความผิดปกติทางจิตใจ มีพฤติกรรมต่อต้านสังคมอย่างสุดโต่ง ไร้ซึ่งความเห็นใจผู้อื่น อาจทำร้ายจิตใจผู้อื่นผ่านทางคำพูดหรือการด่าทอหยาบคายโดยไม่ตระหนักถึงความผิดของตัวเอง ซึ่งมีความเสี่ยงที่อาจนำไปสู่การเกิดอาชญากรรม


 

บทที่ 287 ค่านายหน้า (3)

 

ตอนนี้มีแฟนหรือยังครับ”

ไม่มีครับ”

อีกฝ่ายส่ายหน้าอย่างแรง

ถ้างั้นหาคู่ชีวิตดีๆ มาไว้ข้างตัวสิครับ”

กรรมการผู้จัดการคิมชางฮุนกัดริมฝีปากพร้อมจมอยู่กับความคิด

คู่ชีวิตดีๆ งั้นเหรอ

พูดกันตามตรง ชายหญิงที่กำลังมองหาคู่แต่งงานดีๆ ในประเทศนี้มีเยอะแยะจนนับไม่ถ้วน

ถ้าไปหาแม่สื่อสักคนที่จัดหาคู่ดูตัวให้แต่เฉพาะพวกมหาเศรษฐี ภายในหนึ่งสัปดาห์คงจะมีผู้หญิงเป็นสิบเรียงแถวมาให้เลือก

แต่การนัดดูตัวกับผู้หญิงพวกนั้นที่ต้องคัดเลือกตั้งแต่อายุจนถึงรูปลักษณ์อาจจะใช้เวลามากกว่าหนึ่งปีด้วยซํ้า

ไม่สิ อาจจะลดเวลาได้

ถ้าปรับลดเงื่อนไขลงให้แค่พอเปลี่ยนความคิดของพ่อได้...

เฮ้อ...มีแนะนำไหมครับ”

คู่แต่งงานที่ดี หาผ่านแม่สื่อได้ก็จริง แต่มหาเศรษฐีที่มีอำนาจจนสั่นคลอนจิตใจของพ่อได้มีไม่มาก

ในบรรดาไม่กี่ตระกูลนั้น ไม่ง่ายเลยที่จะหาผู้หญิงที่ถึงวัยแต่งงานพอดีและถูกใจลูกชายคนรองของอูมยองกรุ๊ป

ผู้หญิงคนเดียวที่นึกออกก็คือลูกสาวคนเล็กของโอซองกรุ๊ป แต่เธอกลายเป็นดาราดังที่ผู้คนทั้งประเทศอยากแต่งงานด้วยไปแล้ว

ไม่รู้สิครับ ผมไม่ได้รู้ดีหรอก แต่ดูจากเงื่อนไขแล้วมันก็มีคนที่ใช้ได้อยู่...”

ฮะ? มีเหรอครับ”

แต่เป็นต่างชาตินะ จะโอเคเหรอครับ”

ต่างชาติเหรอ คนประเทศไหนครับ”

ญี่ปุ่น”

ไม่ทราบว่ามีรูปถ่ายไหมครับ”

จิ๊...”

ทันทีที่ยองฮุนชักสีหน้าไม่พอใจ ชางฮุนก็รีบเปลี่ยนคำพูด

ไม่ใช่นะครับ ผมแค่อยากเห็นเฉยๆ ว่าหน้าตาเป็นยังไง เรื่องรูปลักษณ์ไม่ได้สำคัญอะไรหรอกครับ ไม่ได้ใช้หน้าตาทำมาหากินสักหน่อย แต่ปกติก็ไม่มีใครแต่งงานโดยที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อนนะครับ เวลาไปนัดดูตัวก็ต้องรู้ก่อนว่าอีกฝ่ายหน้าตาเป็นยังไงถึงจะหาตัวเจอ...จะให้ข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ส่วนอีกข้างยกมือทักทายก็ไม่ได้นี่นา แถมยังเป็นคนญี่ปุ่นอีก...”

ตอนนี้ไม่มีรูป แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่คนไม่มีฐานะครับ”

อ๋อ...งั้นเหรอครับ”

แม้จะพยายามควบคุมสีหน้า แต่ก็เห็นได้ชัดว่าโล่งอก

อย่างที่บอก คนตัดสินใจคือคุณ คุณก็ต้องรับผิดชอบเองนะครับ เพราะฉะนั้นตัดสินใจให้รอบคอบ...เข้าใจไหมครับ”

แน่นอนครับ แน่นอน ว่าแต่คนคนนั้นทำงานอะไรเหรอครับ”

ประธานกรรมการบริษัทรอยัลเมเจอร์ครับ”

ชางฮุนเอียงศีรษะ

รอยัลเมเจอร์? เหมือนเคยได้ยิน...”

เป็นบริษัทที่มีทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลเลยครับ หุ้นส่วนใหญ่ของชินยองไฟแนนเชียลกรุ๊ป...”

ก่อนยองฮุนจะพูดจบ ชางฮุนก็ตบมือพร้อมทำตาโต

โคอิเกะ ยูริโกะ? คุณจะแนะนำโคอิเกะ ยูริโกะ ให้ผมเหรอครับ”

รู้จักเหรอครับ”

ฮ่าๆ ถามว่ารู้จักโคอิเกะ ยูริโกะ ไหมงั้นเหรอ...ผมได้ยินมาว่าพวกเจ้าหนี้นอกระบบของเกาหลีส่วนใหญ่ชอบเอาเงินเธอมาทำธุรกิจปล่อยกู้ครับ”

อ๋อ...ถ้างั้นก็คงเคยเห็นหน้าแล้วใช่ไหมครับ”

แน่นอนครับ เคยเห็นแล้ว”

ชางฮุนกลืนนํ้าลายดังเอื๊อกก่อนจะพยักหน้า

เนื่องจากโคอิเกะ ยูริโกะ เป็นสาวสวยและเป็นคนใหญ่คนโตเกินกว่าที่จินตนาการเอาไว้ จึงตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด

คงไม่จำเป็นต้องพูดถึงฐานะต่อแล้วสินะครับ”

อย่างที่ผมบอก ถึงไม่ได้ใช้หน้าตาทำมาหากิน แต่ฐานะทางสังคมก็สำคัญสำหรับผมเหมือนกัน...แถมเธอยังเป็นคนสวยด้วย ผมก็ยิ่งถูกใจครับ ว่าแต่สนิทกับโคอิเกะ ยูริโกะ เหรอครับ ผมรู้มาว่าปกติเธอไม่ค่อยสนทนากับใครนานๆ”

ใช่ครับ เธอดูขี้ระแวง แล้วก็ไม่ค่อยไว้ใจใคร”

งั้นถ้าได้ยินใครบอกว่าจะแนะนำสามีให้ จะไม่ฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาเหรอครับ”

บางทีเธออาจจะฟังนะครับ”

แม้จะรู้สึกมาตลอด แต่กรรมการผู้จัดการคิมชางฮุนก็ยังอยากรู้ที่มาของความมั่นใจอันน่าเหลือเชื่อของยองฮุน

ไม่ได้พูดจาโอ้อวด แค่พูดธรรมดาๆ เหมือนพูดถึงเมนูอาหารเย็นที่กินเมื่อวาน แต่ดันมีความน่าเชื่อถือซะงั้น

ต้องเรียกว่าพอทำตัวสุขุมแล้วยิ่งน่าเชื่อถือมากขึ้นหรือเปล่านะ

ต่อให้พูดนิ่งๆ แต่รายละเอียดก็สุดยอดมาก

ถึงโลกภายนอกจะไม่รู้ว่ารอยัลเมเจอร์ครอบครองทรัพย์สินจำนวนเท่าไรแต่คาดการณ์ไว้ว่าอย่างน้อยน่าจะมากกว่ามูลค่าตลาดรวมของอูมยองกรุ๊ป

ถ้าเป็นผู้หญิงที่คิดจะแต่งงานผ่านการดูตัว ก็คงจะแต่งงานกับอภิมหาเศรษฐีของเอเชียไปตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนแล้ว

จริงเหรอครับ”

จะถามอะไรบ่อยๆ ครับ ไม่ชอบก็ไม่ต้องเอา”

เปล่าครับ เอาสิครับ ผมถึงวัยแต่งงานแล้ว อายุก็เยอะขึ้น ถ้าช้ากว่านี้ต่อให้คบกับผู้หญิงที่โอเคแค่ไหน ทุกคนก็จะชี้นิ้วนินทาว่าเธอแต่งงานเพราะเงินของผู้ชายครับ ต้องรีบแต่งงานให้เร็วหน่อย ผู้หญิงที่แต่งงานกับผมจะได้ไม่โดนนินทาครับ”

แม้ว่าเหตุผลจะแปลกๆ ไปหน่อย แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ยองฮุนจึงรับฟังแล้วปล่อยผ่าน

งั้นเดี๋ยวผมจะติดต่อฝ่ายนั้น รอก่อนนะครับ”

ครับ”

พอเห็นสีหน้าคาดหวังอย่างแรง ยองฮุนก็แอบสงสารอยู่ในใจ

โคอิเกะ ยูริโกะ เป็นผู้หญิงที่อ่อนไหวและละเอียดอ่อน

ถ้าคิดจะใช้ชีวิตร่วมกับผู้หญิงแบบนั้น อีกฝ่ายต้องปรับตัวเข้าหา เพราะโคอิเกะ ยูริโกะ ไม่มีทางกดนิสัยของตัวเองลงได้

หากจะกดนิสัยนั้นไว้ก็ต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่บีบให้ต้องจำยอม เพราะความรํ่ารวยและอำนาจของเธอทำให้เธอไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นเลย

สุดท้ายชางฮุนก็มีโชคชะตาที่ต้องดูแลภรรยาของตัวเองดุจเจ้าหญิงไปตลอดชีวิต

สี่วันผ่านไป หลังจากพูดคุยกับกรรมการผู้จัดการคิมชางฮุนจากอูมยองคอนสตรัคชั่น

ระหว่างนั้นกรรมการผู้จัดการคิมชางฮุนโทรศัพท์มาบ่นกับยองฮุนวันละครั้ง

เพราะผู้เป็นพ่ออย่างประธานใหญ่คิมแทฮยอน ยังไม่ได้เพิ่มประเด็นการถอนตัวจากอินเดียและการก้าวเข้าสู่โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ของไทยเข้าวาระการประชุมคณะผู้บริหาร

นั่นหมายความว่ายังไม่ได้จัดการความคิด รวมถึงยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะดำเนินการอย่างไรกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้

เมื่อสถานการณ์เป็นอย่างนั้น ยองฮุนก็เข้าใจว่าจะรู้สึกอึดอัดใจเวลาอยู่บ้านมากแค่ไหน

อย่างไรก็ตาม ต่อให้อีกฝ่ายจะบอกว่าอึดอัด แต่การพาผู้หญิงคนหนึ่งขึ้นเครื่องบินข้ามนํ้าข้ามทะเลมาเป็นเรื่องง่ายนักหรือไง

ไม่นึกว่าคุณจะมาเร็วขนาดนี้ ท่าทางจะแวะเข้าช็อปตั้งแต่เช้าเลยนะครับเนี่ย”

ทว่าดันมาเร็วกว่าที่คิด

โคอิเกะ ยูริโกะ รีบนัดหมายทันทีที่ยองฮุนติดต่อหา ก่อนจะเดินทางมาถึงสนามบินกิมโปเมื่อวาน

หลังจากมาถึงแล้ว เธอขอเวลาประมาณหนึ่งวัน พอได้เจอกันวันนี้ก็เหมือนจะรู้เหตุผล

ตอนเจอกันคราวก่อนเขาก็รู้อยู่แล้วว่าเธอเป็นคนสวย แต่วันนี้แต่งหน้าทำผมออกมาเหมือนดารามาก

ถึงไฟลต์จะสั้น แต่ก็เป็นการพบกันครั้งแรกนะคะ จะโชว์ภาพลักษณ์แย่ๆ ไม่ได้นี่นา”

เธอนั่งลงด้วยท่าทางสง่างามตรงกลางล็อบบี้ของโรงแรมพร้อมกับแสดงท่าทีสงสัยใคร่รู้

ก็จริง...”

เขาเป็นผู้ชายแบบไหนคะ”

ผมขอเตือนก่อนจะเล่าให้ฟังนะครับ ความสัมพันธ์ของมนุษย์ ไม่ใช่ว่าคนสองคนนั่งด้วยกันแล้วจะต่อกันติดเลย ไม่ใช่เพราะไม่ดีพอ แต่เป็นเพราะทุกคนล้วนแตกต่างกันครับ สภาพแวดล้อมที่โตมาต่างกัน รสนิยมต่างกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่างประเทศ วัฒนธรรมก็ยิ่งต่างกัน เพราะฉะนั้นถ้าลองเจอแล้วไม่ถูกใจ คุณก็ไม่จำเป็นต้องฝืนใจนะครับ”

คำว่าไม่ถูกใจให้บอกตรงๆ นี่ยาวจังเลยนะคะเนี่ย ฉันรู้แล้วค่ะ”

แม้จะพูดอย่างนั้น แต่แววตาของเธอกลับเต็มไปด้วยความคาดหวัง

เขาเข้าใจแล้ว

เพราะก่อนหน้านั้นคิดว่าไม่มีใครไว้ใจได้ ดังนั้นต่อให้เป็นผู้ชายดีๆ ก็เข้าหาเธอยากมาก

เป็นผู้หญิงทำไมจะไม่อยากมีแฟนล่ะ

เธอคงอยากมีแฟน อยากแต่งงานอย่างคนอื่นเขา แต่ไม่กล้าวางใจเพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะโดนหักหลังเมื่อไร

ผู้ชายที่กำลังจะได้เจอวันนี้ชื่อคิมชางฮุน ทำงานตำแหน่งกรรมการผู้จัดการฝ่ายขายที่อยู่อาศัยของอูมยองคอนสตรัคชั่นครับ เขาเป็นลูกชายคนรองของประธานใหญ่คิมแทฮยอน อูมยองกรุ๊ป แล้วก็ค่อนข้างหล่อครับ”

โคอิเกะ ยูริโกะ ทำตาเป็นประกายเมื่อได้ยินคำว่าหล่อ

โอ้~ เยี่ยมเลยค่ะ”

ถ้าเป็นผู้ชายที่มีเงินเยอะและไม่โลภก็คงจะดี แต่ความจริงไม่ใช่อย่างนั้นครับ เพราะเขาอยากรับช่วงต่ออูมยองกรุ๊ป ทั้งๆ ที่เป็นลูกชายคนรอง”

โคอิเกะ ยูริโกะ เอียงศีรษะ

ก่อนหน้านี้ฉันเคยบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ ถ้าเป็นคนรวยและไม่หวังมรดกของฉัน ฉันถึงจะยอมรับเป็นสามี”

ใช่ครับ กรรมการผู้จัดการคิมชางฮุนจะไม่หวังมรดกของคุณ เพราะขอแค่ได้รับช่วงต่ออูมยอง เขาก็พอใจแล้วครับ”

ฉันเชื่อคำพูดนั้นได้หรือเปล่าคะ”

ถ้าไม่เชื่อจะลุกตอนนี้เลยก็ได้นะครับ คิดซะว่ามาเที่ยวเกาหลี”

เธอขมวดคิ้วเหมือนไม่พอใจมองยองฮุนแล้วพูด

ไม่หรอกค่ะ ฉันเชื่อคุณ”

จริงเหรอครับ”

ใช่ค่ะ ฉันจะลองเชื่อดู”

ยองฮุนเลิกคิ้วด้วยสีหน้าไม่สบายใจ

ท่าทางแบบนั้นทำให้โคอิเกะ ยูริโกะ ย้อนถาม

ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะคะ”

ผมไม่มั่นใจว่าจะทำได้ดีหรือเปล่าครับ เหมือนที่เคยบอกก่อนหน้านี้ถ้าแม่สื่อดี ยกเหล้าสามจอก ถ้าแม่สื่อแย่ ตบแก้มสามที...”

ฉันเคยบอกไปแล้ว ถ้าคิดว่านี่เป็นความสัมพันธ์ที่ผลลัพธ์จะออกมาดีมันจะไม่จบด้วยเหล้าแค่สามจอกค่ะ”

จริงๆ ที่ยองฮุนพยายามจับคู่ชางฮุนกับโคอิเกะ ยูริโกะ เพราะอยากรับผิดชอบต่อคำพูดที่เคยพูดกับเธอไว้ก่อนหน้านี้

นั่นไม่ใช่การยื่นข้อเสนอที่อาศัยกลยุทธ์โดยคาดการณ์จำนวนเงินที่เหมาะสมไว้แล้ว แต่เป็นการให้คำตอบไปโดยไม่ได้คิดอะไร ดังนั้นเธอจะตั้งคำถามก็ถูกต้องแล้ว

เมื่อเวลาผ่านไปจนค่อยๆ ลืมเรื่องเกี่ยวกับโคอิเกะ ยูริโกะ ส่วนธุรกิจของอูมยองโซลาร์เซลล์ก็ก้าวหน้าเร็วกว่าที่คิด จนในที่สุดก็มีจังหวะให้พูดถึงคู่ครองของชางฮุน

ดูจากดวงชะตาของโคอิเกะ ยูริโกะ แล้ว เธอเกิดมาพร้อมกับดวงดอกท้อซึ่งดอกท้อนั้นยังสอดคล้องกับดาวคุ้มครอง ถึงได้มีเกียรติยศและความรํ่ารวย

เพียงแต่ดวงสามีอ่อนจึงต่อต้านผู้ชาย ส่วนช่วงบั้นปลายชีวิตไม่ค่อยดีถ้าไม่มีคู่ครองอาจจะสูญเสียทรัพย์สมบัติ หรือประสบอุบัติเหตุอย่างไม่คาดคิด

ถึงได้บอกว่าเธอต้องหาคู่ครองดีๆ แต่ดูเหมือนแนวโน้มต่อต้านผู้ชายตามดวงชะตาจะค่อนข้างแข็งแกร่ง ต่อให้แนะนำไปก็มีโอกาสจะเข้ากันไม่ได้

นี่จึงเป็นสถานการณ์ที่แนะนำไปแล้วอาจจะโดนต่อว่ากลับมา เขาเลยไม่ค่อยสบายใจนัก

เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอกครับ”

ไม่เป็นไรค่ะ กรรมการผู้จัดการชเวยองฮุนเป็นนักธุรกิจนี่นา ฉันจะให้สิ่งตอบแทนอย่างเหมาะสมค่ะ”

เอ่อ ครับ...”

อันที่จริงยองฮุนไม่ได้หวังเรื่องนั้นเลย

ถึงอย่างไรก็คงจะเป็นแบรนด์เนมสักสองสามชิ้น ยองฮุนไม่ได้สนใจอะไรแบบนั้นอยู่แล้ว

เอาเป็นว่า ฉันสามารถเชื่อใจผู้ชายคนนั้นได้ใช่ไหมคะ”

เขาเป็นคนสุภาพและอดทนครับ พวกมหาเศรษฐีก็เป็นอย่างนั้นกันหมดถึงแม้จะขี้อวดบ้าง แต่ก็ไม่ใช่คนไม่ดี ถ้าถูกใจจะทุ่มให้หมดหน้าตัก เขาสามารถยอมรับความละเอียดอ่อนและความแปรปรวนของคุณได้ครับ”

ฉันละเอียดอ่อนและแปรปรวนเหรอคะ”

ยองฮุนชะงักไปชั่วขณะและรีบพูดทันที

อะแฮ่ม...สงสัยผมจะมองผิดน่ะครับ ลืมไปเถอะ”

โคอิเกะ ยูริโกะ พูดไม่ออก

เป็นเรื่องน่ากลัวมากที่เขาพูดถึงนิสัยของเธอได้เหมือนคนเคยใช้ชีวิตร่วมกัน

คุณรู้อะไรเกี่ยวกับฉันอีกไหมคะ”

ไม่ครับ ผมแค่มองจากภาพลักษณ์แล้วคิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้นเฉยๆ”

เธอสบตากับยองฮุนสักพักก่อนจะอ้าปากพูด

คุณแปลกมากนะคะ พูดเรื่องที่ไม่มีใครรู้นอกจากปู่ฉัน เหมือนกับเป็นเพื่อนฉันเลย ถึงจะน่ากลัวแปลกๆ แต่ฉันจะลองเชื่อดูแล้วกันค่ะ ว่าแต่เรื่องชินยองประกันภัยเป็นยังไงบ้างคะ”

ประธานกรรมการอีฮยองจุนกำลังเตรียมจัดการหุ้นอยู่ครับ อีกไม่นานประธานอีเซมยองจะลงจากตำแหน่งประธานบริษัท”

การต่อต้านไม่รุนแรงเหรอคะ”

อาจจะมีการต่อต้านบ้าง แต่เรื่องแค่นั้นเขาคงจัดการเองได้ครับ ขึ้นไปนั่งตำแหน่งประธานกรรมการก็เพื่อจัดการเรื่องนั้นอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ”

บอกว่าสนิทกันเหมือนเพื่อน แต่ไม่ยอมอ่อนข้อเลยสินะคะ”

ต่อให้เป็นเพื่อนก็คงพูดแบบนั้นอยู่ดีครับ เพราะจุดประสงค์ของการลงคะแนนเสียงของคุณ ไม่ใช่เพื่อประธานกรรมการอีฮยองจุนนี่ครับ”

ขอบคุณค่ะ ถ้าคุณพูดแบบนั้น ฉันก็สบายใจขึ้นเปราะหนึ่งค่ะ”

จังหวะนั้นมีใครบางคนตบไหล่ของยองฮุน

พอหันไปมองว่าใครก็เห็นกรรมการผู้จัดการคิมชางฮุนอมยิ้มมองโคอิเกะยูริโกะ

มาแล้วเหรอครับ”

ครับ กำลังคุยเรื่องอื่นกันอยู่สินะ คุยอะไรกันครับเนี่ย...”

สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยว่ากำลังพูดถึงตัวเองอยู่หรือเปล่า

ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรหรอก เชิญนั่งครับ”

ทันทีที่กรรมการผู้จัดการคิมชางฮุนนั่งลง ยองฮุนจึงพูดกับโคอิเกะ ยูริโกะที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

เรื่องที่เล่าให้ฟังเมื่อกี้ยังดำเนินการอยู่ครับ เพราะฉะนั้น...”

ยองฮุนชะงักคำพูด

เพราะโคอิเกะ ยูริโกะ มองกรรมการผู้จัดการคิมชางฮุนตาเป็นประกาย

ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ผมคิมชางฮุน ได้ยินมาว่าพูดเกาหลีเก่งมากครับ”

นิดหน่อยค่ะ ฉันโคอิเกะ ยูริโกะ คุณหล่อกว่าที่คิดนะคะเนี่ย”

งั้นเหรอครับ ฮ่าๆๆๆ!”

โฮ่ๆๆ!”

กังวลอะไรไร้สาระจริงๆ


 

บทที่ 288 ค่านายหน้า (4)

 

ต่อให้เย็นวันนั้น จะไม่ได้รับโทรศัพท์ของชายหญิงคู่นั้น แต่ยองฮุนก็รู้อยู่แล้วว่ากรรมการผู้จัดการคิมชางฮุนกับโคอิเกะ ยูริโกะ ที่เคยต่อต้านผู้ชายสุดๆต้องไปกันได้ดี

ถึงจะตกลงคุยกันต่อหลังจากเจอหน้า ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะแต่งงานกันทันทีอยู่แล้ว ดังนั้นยองฮุนจึงไม่ได้รู้สึกดีอะไรมากมายกับปฏิกิริยาเชิงบวกของสองคนนั้น

เพราะคิดว่าคงต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามเดือนถึงจะได้ข้อสรุป...

แต่ผ่านไปสามวันหลังจากดูตัว โคอิเกะ ยูริโกะ ก็มาหาแล้วพูดเรื่องที่น่าตกใจ

ฉันตัดสินใจจะแต่งงานกับคุณคิมชางฮุนค่ะ”

พวกคุณเพิ่งเดตกันมาแค่สามวันนะ...”

แม้จะมีดวงแต่งงานเข้ามาในปีนี้ แต่ก็ยังเร็วเกินคาด

เพราะแบบนี้เขาถึงว่ากันว่าชีวิตมนุษย์ไม่อาจคาดเดาได้งั้นเหรอ

โคอิเกะ ยูริโกะ ที่มาหาเพื่อแจ้งว่าตัดสินใจจะแต่งงานภายในสามวัน ดูแตกต่างจากเมื่อไม่กี่วันก่อนอย่างเห็นได้ชัด

ถึงจะมีทีท่าสง่างามเหมือนปกติ ไม่ได้ยิ้มหรือตื่นเต้นอย่างเปิดเผย แต่เขารู้สึกได้ว่าความตึงเครียดที่มักวนเวียนอยู่รอบตัวเธอดูผ่อนคลายลงมาก

อยู่กันคนละบ้านคนละเมือง มีหลายอย่างที่ต้องเรียนรู้กันค่ะ”

ไม่คิดว่ารีบร้อนเกินไปเหรอครับ”

ใช่ค่ะ เร็วไปจริงๆ แต่...ไม่รู้สิคะ ฉันชอบความรู้สึกตอนนี้มากเลยค่ะเราสามารถพูดคุย ระบายเรื่องเล็กๆ น้อยๆ กันได้โดยไม่ต้องระแวงใคร และคงจะหยุดไม่ได้แล้ว คุณบอกว่าเขาเป็นผู้ชายที่ไว้ใจได้ใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้นฉันจะลองคบต่อแล้วค่อยเรียนรู้ให้มากกว่านี้ค่ะ”

เธอหลีกเลี่ยงผู้ชายมาตลอดจนถึงตอนนี้ พอเจอคู่ครองก็อายุเกินสามสิบแล้ว เขาจึงเข้าใจความร้อนใจนั้น

ถ้างั้นตอนนี้จะทำยังไงต่อครับ”

ฉันคิดว่าจะมาอยู่เกาหลีค่ะ”

อยู่เกาหลีเหรอครับ”

กรรมการผู้จัดการคิมชางฮุนน่าจะอยากให้ฉันคอยอยู่ข้างๆ นะคะ ถึงเขาจะไม่ได้แสดงออกชัดเจนก็เถอะ...”

คุณเลยจะย้ายมางั้นเหรอครับ”

มีเหตุผลอีกสองสามข้อค่ะ หลังจากปู่ฉันเสียก็มีหลายเรื่องเกิดขึ้นเคยเกือบโดนโกง เคยโดนลักพาตัวด้วยค่ะ ทุกอย่างเป็นฝีมือของพวกยากูซ่าที่หวังเงินฉันทั้งนั้น ใช้คนหล่อๆ มาล่อลวง หนึ่งในผู้ชายที่เคยพยายามหลอกล่อฉันเป็นถึงดาราด้วยนะ มานึกย้อนเอาตอนนี้ก็ยังขยาดอยู่เลยค่ะ”

“...”

คุณรู้จักฉันดียิ่งกว่าปู่ซะอีก...ถือเป็นคนแปลกหน้าที่น่าทึ่งมากเลยค่ะ เพราะฉะนั้นถึงฉันจะไม่ไว้ใจคนอื่น แต่กลับไว้ใจคุณ ปกติฉันคงไม่เชื่อผู้ชายคนนั้น แต่ครั้งนี้ก็อยากจะลองเชื่อดูเหมือนกันค่ะ และถ้าอยู่ห่างจากเขานิสัยส่วนตัวของฉันน่าจะกำเริบขึ้นมาอีก อาจจะไม่สบายใจเอาแต่ระแวงว่าเขาจะวางแผนฮุบมรดกของฉันหรือเปล่า ไม่สู้คอยจับตามองอยู่ข้างๆ เลย คงจะสบายใจมากกว่าค่ะ”

เป็นความคิดที่ดีนะครับ สำนวนเกาหลีเรียกว่าห่างตาห่างใจ ต่อให้เกาหลีกับญี่ปุ่นจะนั่งเครื่องแค่สองชั่วโมง แต่ก็ไม่เหมือนคอยดูอยู่ข้างๆ ถ้างั้นจะพักที่ไหนครับ”

โคอิเกะ ยูริโกะ หันมองรอบๆ โรงแรมก่อนจะตอบ

ฉันชอบที่นี่ค่ะ แถมยังเป็นโรงแรมของบริษัทคุณด้วย”

เลือกได้ดีครับ”

มาบอกว่าจะเข้าพักระยะยาวในโรงแรมระดับห้าดาวของเอชเอสการท่องเที่ยวเขาไม่มีทางปฏิเสธอยู่แล้ว

เธอคงจะเข้าพักในห้องหรูที่มีราคาคืนละหลายร้อยล้านวอนอย่างน้อยสามเดือนขึ้นไป ซึ่งนั่นไม่ต่างอะไรกับการรับลูกค้าจำนวนมหาศาล

ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ถึงแม้จะมีความต้องการใช้โรงแรมเนื่องจาก MICE[1]จนอัตราการเข้าพักเพิ่มสูงขึ้น แต่ก็มักจะจองห้องพักราคาย่อมเยามากกว่า

ด้วยเหตุนี้ แขกที่เข้าพักในห้องที่มีราคาสูงกว่าล้านวอนต่อคืน จึงเปรียบเสมือนพระราชาที่ควรจะได้รับการปฏิบัติราวกับพระเจ้าอย่างไม่มีข้อแม้ โดยไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงฤดูกาล

พอเห็นคุณชอบใจแล้ว ฉันยิ่งถูกใจค่ะ”

วางแผนจะเข้าพักเมื่อไหร่ครับ”

ถ้าคิดจะอยู่เกาหลียาว ฉันต้องจัดการหลายๆ อย่างที่ญี่ปุ่นก่อนค่ะ น่าจะใช้เวลาประมาณหนึ่งอาทิตย์”

ผมจะบอกพนักงานโรงแรมให้เตรียมพร้อม ไม่ให้มีอะไรขาดตกบกพร่องครับ”

เดี๋ยวตอนกลับมา ฉันจะเอาของขวัญมาให้ด้วยนะคะ จะได้ไม่น้อยหน้า”

เรื่องนั้นแล้วแต่คุณเถอะครับ...เอาเป็นว่า ไหนๆ ก็สั่งมาให้แล้ว แค่อย่าให้ผมโดนตบก็พอครับ ถ้าคุณช่วยสนับสนุนชินยองไฟแนนเชียลแบบนี้ต่อไปผมจะขอบคุณมากเลยครับ”

ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นค่ะ คะแนนเสียงที่ฉันมีจะเป็นของประธานกรรมการอีฮยองจุนเสมอ”

ดีใจที่ได้ยินอย่างนั้นนะครับ”

ยองฮุนยิ้มกว้าง

เมื่อนึกถึงพ่อของประธานกรรมการอีฮยองจุนที่ไม่รู้ว่าจะปรากฏตัวเมื่อไรคำประกาศของเธอก็เป็นเหมือนพลังอันยิ่งใหญ่

ประธานใหญ่คิมแทฮยอนของอูมยองกรุ๊ปเผชิญหน้ากับลูกชายคนโตอย่างประธานคิมโดฮุนด้วยสีหน้าหนักใจ

พ่อคงไม่ได้ยอมรับข้อเสนอนั้นใช่ไหมครับ”

ถึงตอนคุยกับกรรมการผู้จัดการชเวยองฮุนจะคิดในแง่บวก แต่พอกลับมาคิดเท่าไร ประธานใหญ่คิมก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่ใช่

เพราะค้างคาใจกับปัญหาเรื่องผู้สืบทอดที่สั่นคลอนจากข้อตกลงนั้น มากกว่าจะมีปัญหาที่ตัวข้อตกลงเอง

ประธานใหญ่คิมแทฮยอนพิจารณาซํ้าแล้วซํ้าเล่าก็ไม่สามารถลงข้อสรุปได้สุดท้ายจึงต้องเล่าข้อเสนอของเอชเอสกรุ๊ปให้ลูกชายคนโตฟัง

แน่นอนว่าไม่ได้กล่าวถึงประเด็นเรื่องผู้สืบทอด ที่แฝงอยู่ในนั้นมีเพียงรายละเอียดของการทำข้อตกลงระหว่างบริษัทเท่านั้น

ต่อให้ตัวเองจะเป็นผู้นำกรุ๊ป แต่การดำเนินการโดยไม่แจ้งประธานอูมยองโซลาร์เซลล์อย่างโดฮุน ก็ถือเป็นการข้ามหน้าและทำลายอำนาจของลูกชายคนโต

ไม่โอเคเหรอ”

เรื่องนั้น...”

โดฮุนตั้งใจจะตอบว่าไม่โอเคแน่นอน แต่ไม่นานก็เปลี่ยนใจปิดปากเงียบ

ตอนแรกคิดว่าจะเป็นความเสียหายโดยภาพรวมสำหรับกรุ๊ป เพราะไม่เชื่อว่าถ้าไม่มีความช่วยเหลือของเอชเอสกรุ๊ป พวกเราจะไม่ได้รับคำสั่งก่อสร้างสนามบินแห่งใหม่เพิ่มเติมของอินเดีย

แผนการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ของไทยมีมานานหลายปีแล้วแต่ไม่มีการยืนยันว่ามันจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ต่อให้ได้คำสั่งก่อสร้างมาก็ไม่มีอะไรรับประกันว่าจะมีกำไรเหลือกลับมาเยอะ

อะไรคือสาเหตุที่บริษัทก่อสร้างในประเทศหลายๆ บริษัทไม่สามารถทำเงินได้ ทั้งๆ ที่คว้าโครงการก่อสร้างที่มีมูลค่าหลายแสนล้าน หลายล้านล้านของต่างประเทศมาได้นับไม่ถ้วน

เพราะถึงแม้ว่าภายนอกจะดูน่าเชื่อถือ แต่พอมองลึกเข้าไปข้างในจริงๆแล้วกลับไม่มีอะไรเหลือเลย เนื่องจากเป็นออร์เดอร์ราคาถูก

แม้ว่าความเสี่ยงแบบนั้นอาจจะทำให้ขาดทุน แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า ต่อให้อยู่ในอินเดียต่อและได้รับคำสั่งก่อสร้างสนามบินแห่งใหม่เพิ่มเติม นั่นก็เป็นผลงานของอูมยองคอนสตรัคชั่น ไม่ใช่อูมยองโซลาร์เซลล์

ผลงานคือสิ่งที่ภายนอกมองเห็น และหากปล่อยเวลาผ่านไปเช่นนี้จนพลาดโครงการพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์ของไทย สุดท้ายก็ต้องมานั่งเครียด เพราะประธานอูมยองโซลาร์เซลล์อย่างตนต้องเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนั้น

สรุปสั้นๆ คือเหมือนโดนต้อนจนมุม

ถ้าปฏิเสธข้อเสนอก็ต้องปวดหัวกับคำวิพากษ์วิจารณ์ภายนอกจากการละทิ้งโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ แต่ถ้ายอมรับ ก็เหมือนเป็นการช่วยสนับสนุนน้องชายที่เพิ่งสร้างความสามารถโดดเด่นไว้ในการประชุมคณะผู้บริหาร

แกเองก็รู้ว่าตอนนี้อูมยองโซลาร์เซลล์ต้องการจุดพลิกผัน อัตราการทำงานของโรงงานลดลง ราคาแผงโซลาร์เซลล์ก็ยังตํ่ามาก ถึงกรุ๊ปจะช่วยสนับสนุนอย่างต่อเนื่องเพื่ออนาคต แต่เรื่องนั้นก็มีขีดจำกัด แล้วแกก็ต้องแสดงภาพลักษณ์ที่พัฒนาขึ้นระดับหนึ่งให้เห็น พวกผู้บริหารของกรุ๊ปถึงจะยอมรับแก ฉันรู้ว่าแกไม่พอใจ แต่ถ้าไม่พอใจก็ต้องมีแผนอื่นเตรียมไว้รองรับ ฉันจะได้มีข้ออ้างปฏิเสธข้อเสนอนี้”

ในสถานการณ์ที่ลูกชายคนรองได้รับความสนใจนั้น ประธานใหญ่คิมแทฮยอนเองก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน

เพราะเห็นราชวงศ์และหลายๆ ตระกูลแต่งตั้งผู้สืบทอดผิดจนล่มจมมาเยอะเขาจึงตัดสินใจเลือกโดฮุนไว้เรียบร้อย และให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่มาจนถึงตอนนี้

แต่ตอนนี้เมื่อลูกๆ เติบโตจนเข้ามารับผิดชอบงานเต็มตัว อยู่ๆ ลูกชายคนรองกลับเริ่มได้รับความสนใจ และโดฮุนก็กำลังสั่นคลอนเพราะภาพนั้น บางทีประธานใหญ่คิมแทฮยอนเองอาจจะไม่พอใจข้อเสนอของเอชเอสกรุ๊ปพอๆ กับลูกชายคนโตด้วยซํ้า...

จำเป็นต้องมีข้ออ้าง

เพราะถ้าคิดจะปฏิเสธข้อเสนอของเอชเอสกรุ๊ปก็ต้องมีแผนอื่นที่สามารถแสดงจุดยืนของตัวเองได้ก่อน ถึงจะปฏิเสธทางนั้นได้

“...”

น่าเสียดายที่ลูกชายคนโตปิดปากเงียบและโยนการตัดสินใจมาให้พ่อ

ประธานใหญ่คิมแทฮยอนถอนหายใจก่อนจะพยักหน้า

ฮู่...โอเค”

ถึงจะไม่มีข้ออ้าง แต่เขาก็ตัดสินใจแล้ว เพราะมองว่าถึงเวลาต้องทำ

จะทำยังไงครับ”

ปฏิเสธ...”

ตอนที่กำลังจะตอบว่าปฏิเสธ ประตูก็เปิดออกพร้อมกับเสียง ‘ก๊อกๆ’

กรรมการผู้จัดการคิมชางฮุนมาถึงแล้ว ให้เชิญเข้ามาเลยไหมครับ”

ประธานใหญ่คิมแทฮยอนชะงักไปชั่วขณะและพยักหน้า

บอกให้เข้ามาเลย”

ถึงอย่างไรก็ตัดสินใจจะปฏิเสธข้อเสนอของเอชเอสกรุ๊ปอยู่แล้ว เขาจึงมองว่าไหนๆ ตัดสินใจแล้วก็ควรพูดตอนที่ทั้งสองคนอยู่กันพร้อมหน้าดีกว่า

ไม่นานหลังจากนั้นชางฮุนก็เดินเข้ามา โดฮุนเลยชักสีหน้าใส่ทันที

นายมัวทำอะไรอยู่ รู้หรือเปล่าพ่อเพิ่งได้ยินข้อเสนออะไรมา”

หือ? ข้อเสนออะไร”

พวกอันธพาลเอชเอสนั่นมันสั่งให้พวกเราถอยออกจากอินเดีย นายไม่รู้งั้นเหรอ”

อ๋อ...ฉันรู้แล้ว”

รู้แล้ว? แล้วยังไงต่อ รู้แล้วยังอยู่เฉยๆ ได้อีกหรือไง”

ชางฮุนรู้สึกหมดคำจะพูด

ก็ตกลงกันแล้วว่าจะเอาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มาแทน ถ้าไม่อยู่เฉยๆ แล้วจะให้ทำอะไร จะลงแข่งให้รัฐบาลอินเดียเห็นว่าใครล็อบบี้เก่งกว่ากันงั้นเหรอ พี่ไม่ได้รู้เรื่องไงถึงคิดแบบนั้น คนที่จับมือกับเอชเอสกรุ๊ปอยู่คือนายกรัฐมนตรีของอินเดียนะ เขาจับนายกรัฐมนตรีอินเดียไว้แน่น แล้วเราจะล็อบบี้ได้ยังไง”

ถ้างั้นเราก็ต้องจับนายกรัฐมนตรีคนนั้นให้ได้สิ!”

ถ้าเก่งขนาดนั้นก็คงทำโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ของไทยได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีเอชเอสกรุ๊ปแล้วเหมือนกันน่ะสิ โอเค ดีจัง ไม่ต้องถอนตัวจากอินเดียแล้ว”

พอได้แล้ว ที่นี่บริษัท ถ้าจะทะเลาะกันก็ไปทะเลาะที่บ้าน”

ประธานใหญ่คิมแทฮยอนทนดูไม่ได้จนต้องเข้ามาแทรกตรงกลาง

เขาถอนหายใจเบาๆ เมื่อเห็นโดฮุนจ้องเขม็งเหมือนจะฆ่าน้องชายทิ้ง

ใช่ว่าไม่มีความสามารถถึงโดนไล่ต้อนแบบนั้น

ไม่ใช่แค่เพียงโดฮุน แต่ไม่ว่าใครเข้ามาเป็นประธานบริษัทอูมยองโซลาร์เซลล์ก็แก้ไขสถานการณ์ตอนนี้ลำบากกันทั้งนั้น เขารู้ดีว่าถ้าเกิดไม่มีไอ้เด็กชื่อชเวยองฮุนดึงโครงการของไทยเข้ามากะทันหัน ลูกชายคนรองก็ไม่มีทางฮึกเหิมได้ถึงขนาดนั้น

ครับ ขอโทษครับ”

แล้วแกมาทำไม”

นัดหารือกับเจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงานของไทยเรียบร้อยแล้วครับ”

คิ้วของประธานใหญ่คิมแทฮยอนกับโดฮุนขมวดพร้อมกัน

ไม่รีบเกินไปงั้นเหรอ”

รีบเหรอครับ”

ถ้าทำข้อตกลงกับประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ขึ้นชื่อเรื่องทำงานช้า ส่วนใหญ่จะค่อนข้างเครียดหนักเพราะความเร็วในการดำเนินงาน

ดังนั้นพอเห็นพ่อแสดงท่าทีไม่สบายใจกับการจัดการงานอย่างรวดเร็วชางฮุนจึงมีสีหน้าไม่เข้าใจ

ประธานใหญ่คิมแทฮยอนยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง ก่อนจะถามอย่างตรงไปตรงมา

ฉันถามว่าแกไม่ใจร้อนเกินไปหน่อยเหรอ นี่อาจจะเข้าแผนของทางนั้นก็ได้ ควรจะระวังตัวอยู่เสมอ ไม่รู้ว่าพวกนั้นคิดราคาโมดูลต่อหน่วยยังไงถ้าผลีผลามวิ่งเข้าไป สื่อคงเข้ามารุมทึ้งพอดี”

ผมได้ยินราคาโมดูลคร่าวๆ มาแล้วครับ”

ได้ยินมาแล้วงั้นเหรอ”

ครับ เขาจะให้กำไรเราอย่างน้อยสิบห้าเปอร์เซ็นต์ แต่ไว้เจอกันก่อน ผมจะลองขอเพิ่มเป็นยี่สิบเปอร์เซ็นต์ครับ”

ประธานใหญ่คิมแทฮยอนยิ่งรู้สึกลำบากใจมากขึ้น

สีหน้าที่ตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ ของโดฮุนกับจิตใจที่คำนึงถึงผลประโยชน์อันแท้จริงของกรุ๊ปนั้นขัดแย้งกันจนกลายเป็นความลังเล แต่อยู่ๆ ชางฮุนก็พูดออกมาโดยไม่ทันให้ตั้งตัว

อ้อ พ่อครับ ผมอาจจะแต่งงานนะครับ”

แต่งงาน? อยู่ดีๆ เนี่ยนะ”

ครับ”

ฝ่ายหญิงล่ะ แกไม่มีแฟนหนิ ตอนแม่แกบอกว่าจะแนะนำผู้หญิงให้ก็ปฏิเสธ อย่าบอกนะว่าแอบคบกันน่ะ”

เราเพิ่งเจอกันได้ไม่นานครับ”

เพิ่งเจอกันไม่นาน จะแต่งงานกันแล้วงั้นเหรอ”

เพราะถึงจะเจอกันแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่เธอเป็นผู้หญิงที่ผมไม่อยากปล่อยมือครับ”

โดฮุนสวนขึ้นมาเพราะหงุดหงิดน้องชาย

เฮ้ย ที่นี่บริษัทนะ เรื่องส่วนตัวไว้คุยที่บ้านสิ”

ก็ใช่...แต่เธอไม่ใช่คนเกาหลี บางทีอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับงานก็ได้นะ”

มีส่วนเกี่ยวข้องกับงาน?”

ทันทีที่พ่อย้อนถาม ชางฮุนก็ตอบเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

แน่นอนว่าในใจคาดหวังให้พ่อตกตะลึง

รู้จักรอยัลเมเจอร์ของญี่ปุ่นไหมครับ เธอชื่อโคอิเกะ ยูริโกะ เป็นประธานกรรมการบริษัทนั้น อายุมากกว่าผมสามปี แต่คุยกันถูกคอมาก...”

ประธานใหญ่คิมแทฮยอนรู้สึกเหมือนโดนค้อนทุบศีรษะ

เพราะสมัยยังหนุ่มๆ นักธุรกิจหลายคนพากันก่อตั้งบริษัทด้วยเงินทุนจากญี่ปุ่น ดังนั้นจึงรู้ดีว่ารอยัลเมเจอร์มีอำนาจมากแค่ไหน

โดยเฉพาะ อดีตประธานใหญ่ของรอยัลเมเจอร์ที่เสียชีวิตไปแล้ว เขาเคยเจออยู่หลายครั้ง อิทธิพลของอีกฝ่ายแข็งแกร่งมาก ขนาดตอนนั้นเวลาเจอกัน เขายังต้องเป็นฝ่ายก้มศีรษะทักทายก่อนด้วยซํ้า

จีบผู้หญิงตระกูลนั้น แถมยังเป็นประธานกรรมการของบริษัทอีกด้วยงั้นเหรอ

ผู้หญิงคนนั้นบอกว่าจะแต่งงานกับแกเหรอ”

เธอกลับไปจัดการเรื่องต่างๆ ที่ญี่ปุ่นสักพัก แล้วจะกลับเกาหลีมาเตรียมงานแต่ง...พ่ออนุญาตใช่ไหมครับ”

แน่นอน!”

แน่นอนอยู่แล้ว

ประธานใหญ่คิมแทฮยอนรีบลุกขึ้นถามด้วยความร้อนใจ

จะกลับมาเมื่อไหร่”

เธอบอกว่าใช้เวลาประมาณหนึ่งอาทิตย์ครับ”

แล้วแกไปเจอผู้หญิงคนนั้นได้ยังไง”

ชางฮุนตอบอย่างตรงไปตรงมา

กรรมการผู้จัดการชเวยองฮุนแนะนำให้ครับ”

ตอนนั้นนั่นเอง ประธานใหญ่คิมแทฮยอนถึงรู้เหตุผลที่กรรมการผู้จัดการชเวยองฮุนไม่ได้บังคับให้ต้องผลักดันชางฮุน

เพราะไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น

คงจะมั่นใจว่าเมื่อเวลาผ่านพ้นไป เขาต้องสนับสนุนลูกชายคนรองด้วยตัวเองอยู่แล้ว

แผ่นหลังเย็นวาบจนขนลุกไปทั้งตัว แต่เขาก็กัดริมฝีปากเพื่อตั้งสติแล้วกล่าว

เรียกประชุมคณะผู้บริหาร”

ครับ? พ่อ...”

ประธานใหญ่คิมแทฮยอนพูดกับโดฮุนที่กำลังสับสน

หัดมองกว้างๆ เข้าไว้ ตอนนี้ถึงเวลาคิดให้กว้างแล้ว”

แม้โดฮุนจะไม่เข้าใจทั้งหมดว่าคำนั้นหมายความว่าอย่างไร แต่ก็รู้ว่ามีบางอย่างผิดคาดอย่างแรง


[1]  ย่อมาจาก Meeting (การประชุมองค์กร) Incentives (การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล) Convention(การประชุมวิชาชีพ) และ Exhibition (นิทรรศการนานาชาติ)


 

บทที่ 289 ค่านายหน้า (5)

 

บริษัทในเครือของอูมยองกรุ๊ป ไม่ได้อยู่รวมกันในโซลทั้งหมด

สำนักงานใหญ่ของอูมยองโซลาร์เซลล์ก็อยู่ที่ชองจู ทุกคนจึงไม่สามารถมารวมตัวกันได้ทันทีที่เรียกประชุม

ดังนั้นเลยต้องรอประมาณสามชั่วโมงหลังจากประธานใหญ่คิมแทฮยอนออกคำสั่ง ถึงจะเปิดประชุมคณะผู้บริหารได้

คนที่กังวลที่สุดตลอดช่วงเวลานั้นก็คือโดฮุนนั่นเอง

เมื่อสั่งให้เรียกประชุมคณะผู้บริหารแล้ว ประธานใหญ่คิมแทฮยอนก็ไล่ลูกชายทั้งสองคนออกจากห้องประธานใหญ่ ก่อนจะออกมาจากบริษัท

อยู่ๆ มีเรื่องอะไรครับ...”

ชเวยองฮุนคือคนที่ประธานใหญ่คิมแทฮยอนรีบเดินทางมาพบ

ถึงจะกำลังทำงานอยู่ แต่ยองฮุนก็ไม่กล้าปฏิเสธและเชิญอีกฝ่ายมาที่โรงแรมในเครือบริษัท เพราะประธานใหญ่ของอูมยองกรุ๊ปเป็นคนขอร้องให้ออกมาเจอกันอย่างเร่งด่วน

พอเจอกันที่โรงแรม ประธานใหญ่คิมแทฮยอนก็รีบถามด้วยใบหน้าแดงระเรื่อโดยที่ยังไม่ทันได้นั่งลงด้วยซํ้า

ทุกอย่างเป็นแผนของนายเหรอ”

หมายถึงอะไรครับ”

โคอิเกะ ยูริโกะ ได้ยินว่านายเป็นคนแนะนำให้นี่ วางแผนจะทำอะไรกันแน่ นายจะร่วมมือกับโคอิเกะ ยูริโกะ แล้วคิดจะฮุบอูมยองของพวกเรางั้นเหรอ”

ไม่ใช่คนง่ายจริงๆ

แม้จะทำแค่เพียงอ้าปากค้าง เมื่อกรรมการผู้จัดการคิมชางฮุนพูดว่าโคอิเกะ ยูริโกะ แต่ประธานใหญ่คิมแทฮยอนกลับพิจารณาถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด

ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ล่ะครับ”

หว่างคิ้วของประธานใหญ่คิมแทฮยอนขมวดเข้าหากัน

เรื่องจริงเหรอ หรือแค่ลองเชิง”

ท่านประธานใหญ่คิดว่ายังไงครับ”

“...”

อาจจะคิดว่าเป็นเรื่องจริงใช่ไหมครับ ผมเข้าใจครับ เรื่องที่ท่านประธานใหญ่เป็นกังวล เชิญนั่งก่อนสิครับ ดื่มชาไหม”

ไม่ต้อง”

ไม่ว่าผมจะพูดยังไง ท่านประธานใหญ่ก็ไม่วางใจหรอกครับ ถึงบอกว่าไม่ใช่ก็คงไม่เชื่อ...”

แม้ใบหน้าของประธานใหญ่คิมแทฮยอนจะยับยู่ยี่อย่างแรง แต่ก็ไม่ได้ระบายความโกรธเคืองออกมา

ยองฮุนพูดต่อเมื่อเห็นภาพนั้น

ท่านประธานใหญ่ไม่ได้คัดค้านการแต่งงานของลูกชายคนรองไม่ใช่เหรอครับ”

“...”

ดูเหมือนว่าท่านประธานใหญ่จะพยายามลองใจผมทุกครั้งที่มาหาเลยนะครับถึงผมจะเข้าใจสถานการณ์ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกดีอะไรขนาดนั้นครับ”

ไม่คิดเลยว่าฉันต้องคอยห่วงความรู้สึกนายด้วย”

นั่นน่ะสิครับ แต่ในเมื่อไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น งั้นเอาแบบนี้ไหมครับเราเลิกลองใจกันแบบไร้สาระ แล้วมาคุยกันบนความเป็นจริงที่เกี่ยวพันถึงอนาคตดีกว่าครับ”

“...”

ถ้าอย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องถามว่าทำไมผมถึงร่วมมือกับโคอิเกะ ยูริโกะมาฮุบอูมยองกรุ๊ปหรอกครับ ลองถามแบบนี้ก็ได้ ทำยังไงความสัมพันธ์ของเราถึงจะใกล้ชิดกันมากขึ้น หรือไม่ก็ขอความช่วยเหลือ ท่านประธานใหญ่คิดว่าแบบไหนดีกว่ากันล่ะครับ”

พอเห็นยองฮุนพูดด้วยแววตาเรียบนิ่ง ประธานใหญ่คิมแทฮยอนก็รู้สึกว่าหัวใจที่เคยร้อนรุ่มพลันเย็นยะเยือก

และมั่นใจได้ทันที

ชเวยองฮุนไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จะขึ้นเสียงใส่ได้ และตอนนี้ตนก็ไม่อยู่ในฐานะที่ขึ้นเสียงใส่ได้ด้วย

ฉันเข้าใจผิดเอง ขอโทษด้วย”

ตอนนั้นยองฮุนค่อยๆ แย้มยิ้ม

ท่านประธานใหญ่ขอโทษ...ถ้าคนอื่นมาได้ยินคงตกใจมากเลยครับ”

ไม่ว่าตำแหน่งฉันจะเป็นยังไง แต่ถ้าทำผิดก็ต้องขอโทษ”

อาจจะตัดสินใจยอมจำนนแล้ว ถึงได้ยิ้มบางๆ เหมือนไม่เคยชักสีหน้าใส่กันมาก่อน

พวกผู้อาวุโสที่มีคนเคารพนับถือนี่แตกต่างจริงๆ ด้วยนะครับ”

ฉันไม่ใช่คนยึดติดขนาดนั้น คำโบราณว่าไว้ว่าบนแปดล่างแปดหรือเปล่านะคนอายุมากกว่าแปดปีกับคนอายุน้อยกว่าแปดปีเป็นเพื่อนกันได้ ก็หมายความว่าอายุไม่ได้มีผลอะไรกับคนเรามากนัก”

ฮ่าๆ แต่ผมคงเป็นเพื่อนกับท่านประธานใหญ่ไม่ได้นะครับ”

ถ้าเราคุยกันอย่างตรงไปตรงมาได้ ก็นับว่าเป็นเพื่อนแล้ว”

แปลได้ว่าอยากจะพูดคุยกับเขาอย่างไม่อ้อมค้อม

ยองฮุนจึงหยุดแกล้งและรับคำ

อยากทราบว่าผมสนิทกับโคอิเกะ ยูริโกะ แค่ไหนใช่ไหมครับ”

ถูกต้อง”

อืม...ก็สนิทอยู่นะครับ ก่อนหน้านี้ผมเคยสัญญาว่าถ้าเจอผู้ชายดีๆจะแนะนำให้ พอบอกว่าเจอผู้ชายที่โอเคจริงๆ แล้ว ไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์เธอก็บินมาเกาหลีแล้วนัดดูตัวเลยครับ”

มีความสัมพันธ์ยังไงกัน”

อาจจะสงสัยว่าความสัมพันธ์ของเราเป็นยังไง เรื่องนั้นก็น่าตลกเหมือนกันครับ เพราะผมกับเธอเพิ่งเคยเจอกันแค่สองครั้งเองครับ แถมการเจอกันครั้งที่สองก็คือ ตอนเธอบินมาดูตัวที่โซลครับ”

งั้นแปลว่านายสัญญาว่าจะแนะนำผู้ชายตอนเจอกันครั้งแรก เธอเลยเชื่อเรื่องนั้นแล้วบินจากญี่ปุ่นมาเกาหลีเหรอ”

ประธานใหญ่คิมแทฮยอนคิดว่าน่าเหลือเชื่อมาก

ไม่ใช่แค่การจัดนัดบอดระหว่างเพื่อนๆ ที่เจอกันในมหาวิทยาลัย แต่คือการนัดดูตัวให้ประธานกรรมการรอยัลเมเจอร์ที่อยู่ต่างประเทศ แค่นั้นก็ตลกแล้วยังมาบอกว่าเพิ่งเคยเจอกันแค่ครั้งเดียว แถมฝ่ายนั้นรีบตกลงบินมาหาอีก...

ทรัพย์สินในครอบครองของรอยัลเมเจอร์ อย่างน้อยๆ ก็เทียบเท่ากับอูมยองทั้งกรุ๊ป แล้วประธานกรรมการของบริษัทแบบนั้นขาดแคลนอะไร ถึงต้องบินมาเกาหลีเพื่อนัดเจอผู้ชายด้วย

ไม่ว่าจะคิดอย่างไร ก็เป็นสถานการณ์ที่อดสงสัยเจตนาของยองฮุนไม่ได้แต่ประธานใหญ่คิมแทฮยอนก็ต้องกลืนคำถามที่พุ่งขึ้นมาถึงคออย่างลำบาก เพราะรู้ว่าถ้าสงสัยอีก ฝ่ายนั้นคงจะไม่ให้อะไรแล้ว

ท่านประธานใหญ่จะเชื่อหรือไม่ มันก็ไม่สำคัญอะไรหรอกครับ เพราะผมกำลังพูดความจริงตามที่ท่านประธานใหญ่ต้องการอยู่ ผมไม่อยากเสียเวลาเสียพลังงานกับการต่อสู้ที่ไร้ความหมายครับ พวกเรากำลังจะมีโปรเจกต์สำคัญกับอูมยองกรุ๊ป ในสถานการณ์สำคัญที่ทั้งสองบริษัทต้องร่วมมือกันเอาชนะอุปสรรคมากมายในอนาคต ผมไม่ต้องการเสียกำลังใจด้วยเหตุผลเล็กๆ น้อยๆ ครับ”

ก็จริง ฉันก็คิดเหมือนกัน”

ถึงจะพูดไม่ออกที่อีกฝ่ายมองปัญหาเรื่องผู้สืบทอดอูมยองกรุ๊ปเป็นแค่เหตุผลเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็เห็นด้วยกับคำพูดของยองฮุน

ที่ผมแนะนำโคอิเกะ ยูริโกะ ให้กรรมการผู้จัดการคิมชางฮุน ถ้าจะพูดให้ชัดๆ คือไม่ใช่เพื่ออูมยองกรุ๊ป แต่เพื่อโคอิเกะ ยูริโกะ ต่างหากครับ ผมทำเพราะเป็นสถานการณ์ที่ต้องแนะนำผู้ชายดีๆ ให้เธอพอดี ดังนั้นถ้าถามว่ามีเจตนาอะไรต่ออูมยองกรุ๊ป ผมก็คงได้แต่สับสนนิดหน่อย เพราะไม่ได้คิดอะไรเลยครับ”

กล่าวสั้นๆ คืออย่าเอาปัญหาเรื่องการสืบทอดบริษัทที่ไม่ได้อยู่ในสายตามาทำให้รำคาญใจ

สำหรับประธานใหญ่คิมแทฮยอนที่รีบวิ่งมาหาด้วยความเครียดและกระวนกระวายใจนั้น แง่หนึ่งก็รู้สึกโล่งอก แต่อีกแง่หนึ่งก็รู้สึกว่านั่นเป็นคำตอบที่น่าเหลือเชื่อเหมือนกัน

อย่างนี้นี่เอง ฉันเข้าใจผิดจริงๆ ด้วย ขอโทษที”

ขอบคุณสำหรับคำขอโทษอย่างตรงไปตรงมานะครับ ยังไงก็ตาม ดูเหมือนโคอิเกะ ยูริโกะ จะชอบกรรมการผู้จัดการคิมชางฮุนจริงๆ ครับ ผมยืนยันไม่ได้ว่าทั้งสองคนสานต่อจนถึงขั้นแต่งงานกันเลยหรือเปล่า”

ใช่...เฮ้อ...ชางฮุนบอกว่าจะแต่งงานกับประธานกรรมการรอยัลเมเจอร์...”

ลูกสะใภ้อาจจะรวยกว่าพ่อสามีสินะครับ”

ต่อไปเวลาอยู่บ้าน ฉันคงต้องคอยเกรงใจลูกสะใภ้แล้วสินะ”

ถึงอย่างนั้นก็ดีใช่ไหมล่ะครับ”

แน่นอนอยู่แล้ว เกรงใจแค่นั้นจะเป็นอะไร”

ถ้างั้นก็คงทราบว่าต้องถอยออกจากอินเดีย หลังการก่อสร้างที่ดำเนินการอยู่ตอนนี้เสร็จสิ้นนะครับ”

ประธานใหญ่คิมแทฮยอนชะงักไปชั่วขณะ แต่ไม่นานก็พยักหน้ารับ

ก็คงต้องตามนั้น”

เยี่ยมครับ ถ้างั้นก็วางใจแล้วแจ้งรายละเอียดกับทางฝั่งก่อสร้างได้เลยสินะครับ”

นายชักจะเสียมารยาทเกินไปแล้ว พอแค่นี้แหละ”

เมื่อประธานใหญ่คิมแทฮยอนทำท่าจะลุก ยองฮุนก็กล่าว

จะว่าไปแล้ว”

หือ?”

ที่บอกเมื่อกี้ว่าไม่ได้คิดอะไรตอนแนะนำโคอิเกะ ยูริโกะ ให้กรรมการผู้จัดการคิมชางฮุน แต่ตอนนี้คงไม่ใช่แล้วครับ”

หมายความว่ายังไงอีก”

ถึงจะเป็นเรื่องธรรมดาที่ชายหญิงสองคนมาเจอกัน คบกันแล้วก็เลิกกันแต่ถ้าได้แต่งงานรวมสองตระกูล เรื่องราวก็จะต่างกันมากไม่ใช่เหรอครับ”

แล้วยังไง”

ท่านประธานใหญ่คงไม่คิดจะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปเฉยๆ ใช่ไหมครับ”

จังหวะนั้นประธานใหญ่คิมแทฮยอนได้แต่กะพริบตามองยองฮุน

ใช่ว่าไม่เข้าใจคำพูดของยองฮุน แต่เพราะไม่รู้ว่าต้องตอบอะไร

หลังจากเงียบอยู่สักพักถึงถามกลับ

ตอนนี้นายกำลังขอค่านายหน้า...อะไรแบบนั้นเหรอ”

ถึงผมจะไม่ใช่นายหน้าซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ แต่จะมองแบบนั้นก็ได้ครับ”

ฟังนะ ฉันอยู่มาจนป่านนี้ ยังไม่เคยได้ยินว่ามีใครมาเรียกร้องขออะไรจากการผูกดวงให้ชายหญิงสองคนแบบนี้มาก่อนเลย แนะนำคู่แต่งงานที่ดีให้แน่นอนว่าต้องอยากให้ของขวัญอะไรตอบแทนอยู่แล้ว แต่นั่นคงไม่ใช่สิ่งที่นายกำลังขออยู่ใช่ไหม”

ยังไม่เข้าใจสินะครับ เท่าที่ผมได้ยินมา เดี๋ยวนี้พวกแม่สื่อมหาเศรษฐีได้เงินเยอะมากหลังจากทำงานสำเร็จนี่นา...เอาเป็นว่า ดีใจนะครับที่ท่านประธานใหญ่ไม่ได้มองผมอย่างนั้น”

หากเป็นแม่สื่อที่ช่วยจับคู่โคอิเกะ ยูริโกะ แล้วขออะไรบางอย่าง คงจะให้เงินหลายร้อยล้านวอนได้สบายๆ

แต่คนเรียกร้องกลับเป็นผู้กุมอำนาจสูงสุดของเอชเอสกรุ๊ป ประธานใหญ่คิมแทฮยอนรู้ว่าการจ่ายเงินหลายร้อยล้านวอนปิดปาก มีแต่จะทำให้ฝ่ายตรงข้ามโกรธเคืองเท่านั้น

นายก็ไม่ได้ดูเป็นคนไร้นํ้าใจนะ ปกติคิดเล็กคิดน้อยขนาดนั้นเลยเหรอ”

ผมช่วยสานสัมพันธ์ระหว่างบริษัทกับบริษัทนะครับ ท่านประธานเองก็ยังไม่กล้าขัดขวางการแต่งงานที่น่าสงสัยนี้เลยไม่ใช่เหรอครับ เพราะการรับโคอิเกะ ยูริโกะ เป็นลูกสะใภ้ ก็คือการดึงกองทุนขนาดใหญ่ที่ชื่อรอยัลเมเจอร์เข้ามาเป็นพันธมิตร”

“...”

คิดจะเอาไปฟรีๆ มันไม่เกินไปหน่อยเหรอครับ ว่ากันว่าคนหัวล้านชอบของฟรี...”

ยองฮุนรีบปิดปากเมื่อมองศีรษะของประธานใหญ่คิมแทฮยอน

ถึงจะแค่พูดไปอย่างนั้น แต่สายตากลับเห็นแสงแดดส่องผ่านเส้นผมบางๆตรงกลางกระหม่อมของประธานใหญ่คิมแทฮยอนพอดี

ยองฮุนกระแอมไอเมื่อเห็นอีกฝ่ายสะดุ้ง

อะแฮ่ม...ผมไม่ใช่ผู้ดูแลของอูมยองกรุ๊ป ไม่ใช่ญาติผู้ใหญ่ของกรรมการผู้จัดการคิมชางฮุนด้วย ผมไม่คิดจะแนะนำคู่ครองให้แล้วแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้หรอกนะครับ”

นายไม่ได้นึกถึงชางฮุนจากใจจริงสินะ”

ต่อให้พูดแบบนั้น แต่ความหมายที่ซ่อนอยู่ก็คืออยากผลักดันให้ชางฮุนเป็นผู้สืบทอดไม่ใช่เหรอ

ดูเหมือนท่านประธานใหญ่จะเข้าใจอะไรผิดนะครับ ถึงผมจะคิดว่ากรรมการผู้จัดการคิมชางฮุนเป็นพาร์ตเนอร์ที่ดี แต่ในเกาหลีไม่ได้มีแค่อูมยองกรุ๊ปสักหน่อย ผมรู้ว่าความรักที่มีต่อลูกชายคนโตของท่านประธานใหญ่นั้นมากมายมหาศาล ผมเลยไม่คิดจะพยายามทำเรื่องที่ไม่เกิดผลครับ”

ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะคิดอย่างรอบคอบเกี่ยวกับของขวัญสำหรับนายแล้วจะบอกอีกที”

ผมจะรอนะครับ”

หลังมองหน้ายองฮุนที่พูดจาน่าหมั่นไส้จนจบ ประธานใหญ่คิมแทฮยอนก็ทิ้งรอยยิ้มฝืนๆ ไว้แล้วออกมาจากโรงแรม

คังแดซอง หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ของโอซองอิเล็กทรอนิกส์ รีบมุ่งหน้าไปที่ห้องรองประธานใหญ่

แม้จะยังเป็นความลับสุดยอดภายในกรุ๊ป แต่ข่าวการป่วยของรองประธานใหญ่คังแจชิกก็กำลังรั่วไหลอย่างลับๆ ในหมู่ประธานบริษัท ดังนั้นจึงต้องระมัดระวังราวกับเดินอยู่บนแผ่นนํ้าแข็งบางๆ ทุกวัน

พอถูกเรียกตัวไปที่ห้องรองประธานใหญ่ ท่ามกลางสถานการณ์ที่พายุอาจจะพัดบุคลากรหายไปยกแผงเมื่อไรก็ได้ หัวหน้าฝ่ายคังแดซองจึงต้องพยายามสงบจิตใจที่กระสับกระส่ายด้วยความวิตกกังวลของตัวเอง

เรียกผมเหรอครับ”

รองประธานใหญ่คังแจชิกที่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหงาๆเหลือบมองแดซองก่อนจะชี้นิ้ว

นั่งลงตรงนั้น”

ครับ”

เป็นยังไงบ้าง”

ภายในสามปี สาขาเอไอ...”

ไม่ใช่ เรื่องนั้นฟังจากรองประธานเอาก็ได้ ฉันหมายถึงสิ่งที่แกทำอยู่น่ะ”

ผมคิดว่า สส.ชอนโบยุนอาจจะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้ได้อย่างง่ายดายครับ เรากำลังตรวจสอบตัวแปรที่อาจจะโผล่มาอย่างรอบคอบแต่ระยะห่างของอัตราผู้สนับสนุนทิ้งห่างกันมาก เหนือสิ่งอื่นใดคือฝ่ายค้านไม่มีแรงพอจะพลิกกระดานกลับครับ”

อย่างนั้นสินะ สุดท้ายก็เป็นอย่างที่ชเวยองฮุนบอก”

ครับ”

ดีเหลือเกิน ชเวยองฮุนคนนั้นอยู่ข้างแก”

จะเรียกว่าอยู่ข้างผมก็ไม่ใช่...”

ช่างเถอะ มีคนเก่งอยู่ข้างๆ ถือเป็นความสามารถอย่างหนึ่ง สิ่งสำคัญคือผู้บริหารต้องดูแลคนที่มีความสามารถให้ดีแล้วจับนั่งในตำแหน่งที่เหมาะสม”

เขาหยุดพูดสักพักก่อนจะค่อยๆ เดินมานั่งด้วยแล้วพูดต่อ

ฉันคงต้องปล่อยตำแหน่งว่างสักพัก”

ถึงจะเป็นแค่ระยะแรก แต่มะเร็งก็คือมะเร็ง

รองประธานใหญ่คังแจชิกรู้ว่า การทำงานพร้อมๆ กับรักษาตัวคือความโลภ

เป็นความคิดที่ดีครับ พักผ่อนให้สบาย จะได้หายทีเดียวเลยครับ”

แกคิดยังไง”

ครับ? หมายถึงเรื่องไหนครับ”

คิดว่าควรทำยังไงถ้าฉันไม่อยู่”

อาจจะต้องให้ประธานโจยงซอกฝ่ายอะไหล่ มารักษาการแทนหรือเปล่าครับ”

โจยงซอกทำงานโปร่งใสก็จริง แต่อ่อนเรื่องการปกครอง เวลาตัดสินใจก็ไม่เด็ดขาด ถ้าฉันไม่ช่วยให้มีสมาธิจดจ่อกับงาน มักจะทำพลาดในจุดที่ไม่คาดคิด เหมาะกับตำแหน่งรองนะ แต่จะดึงมานั่งตำแหน่งฉันสักพักคงไม่ไหว”

ถ้าอย่างนั้น...”

ชเวอิลกนล่ะ เป็นยังไง”

แดซองกลืนนํ้าลายดังเอื๊อก

เนื่องจากพ่อเป็นคนส่งประธานชเวอิลกนมาเป็นคนของคังแดซอง จึงนับว่าเป็นการแสดงเจตนาอย่างชัดเจนว่าจะช่วยสนับสนุน

เมื่อเห็นว่าแดซองไม่กล้าตอบจึงพูดต่อ

แกมองว่าไม่เลวสินะ โอเค”

พ่อ...พี่คงไม่ยอมง่ายๆ หรอกครับ”

เรื่องนั้นฉันจัดการเอง”

รองประธานใหญ่คังแจชิกลูบหลังมือแดซองเหมือนบอกว่ารู้ไว้แค่นั้นก็พอจากนั้นก็เดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง

ในขณะเดียวกัน แดซองรู้สึกแปลกๆ กับภาพของพ่อที่ดูอ้างว้างจนเผลอแสดงความรักออกมาโดยไม่รู้ตัว

แดซองออกมาจากห้องรองประธานใหญ่ด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก แต่อย่างน้อยก็มั่นใจได้หนึ่งอย่าง

ว่าพ่อย้ายมาอยู่ข้างตัวเองอย่างเป็นทางการแล้ว


 

บทที่ 290 โต้กลับ (1)

 

[อูมยองโซลาร์เซลล์เผยว่า การเข้าร่วมโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยเป็นความจริง]

อูมยองกรุ๊ปยอมรับอย่างเป็นทางการว่า ข้อสงสัยเกี่ยวกับข่าวการเข้าร่วมโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยเป็นความจริง

หุ้นของอูมยองโซลาร์เซลล์ที่ผันผวนตั้งแต่ก่อนจะยอมรับอย่างเป็นทางการดีดตัวขึ้นอย่างฉับพลันถึงสิบเปอร์เซ็นต์ภายในสิบนาทีหลังจากข่าวออก

แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องดีสำหรับบริษัทเมื่อหุ้นขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ประธานอูมยองโซลาร์เซลล์อย่างคิมโดฮุนกลับกัดเล็บอย่างหมดอาลัยตายอยากขณะมองราคาหุ้นพุ่งขึ้น

ก๊อก ก๊อก...

เข้ามา”

ประตูเปิดออกโดยมีเลขาฯเดินเข้ามาแจ้งอย่างสุภาพ

ผู้จัดการฝ่ายคิมซอนกีมาแล้วค่ะ”

บอกให้เข้ามาเลย”

ค่ะ”

เมื่อเลขาฯเดินออกไปแล้ว ชายอายุประมาณห้าสิบกลางๆ ก็เข้ามาทันที

อีกฝ่ายสูงประมาณหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรและมีรูปร่างหน้าตาที่ดีเมื่อเดินเข้ามาใกล้ก็ก้มศีรษะลงเล็กน้อยและพูดพร้อมแววตาเฉียบคม

ผมทราบเรื่องมาแล้วครับ”

เป็นยังไงบ้าง”

ก่อนหน้านี้ไม่นานโคอิเกะ ยูริโกะ เพิ่งมาเกาหลี พักอยู่ในโซลหลายวันก่อนเดินทางกลับจริงๆ ครับ ยืนยันว่าเข้าพักที่โรงแรมริทซ์-คาร์ลตันของเอชเอสกรุ๊ปตลอดช่วงเวลานั้น”

ระหว่างนั้นชางฮุนนัดดูตัวกับยายนั่นจริงหรือเปล่า”

ยังสืบไม่ถึงเรื่องนั้นครับ”

โธ่โว้ย มัวทำอะไรอยู่ถึงสืบเรื่องนั้นไม่ได้”

แม้ประธานคิมโดฮุนจะสบถ แต่สีหน้าของผู้จัดการฝ่ายคิมซอนกีไม่เปลี่ยนแปลง

ใจเย็นๆ ก่อนครับ พนักงานของเราไม่ใช่ตำรวจจึงมีข้อจำกัดในการสืบครับ”

ผู้จัดการฝ่ายคิมซอนกีติดตามโดฮุนมาตั้งแต่ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานบริษัทอูมยองโซลาร์เซลล์แห่งนี้

นับว่าเป็นคนใกล้ชิดที่เชื่อถือได้มากที่สุดสำหรับโดฮุน ในทางกลับกันก็เป็นคนที่โดฮุนไม่อยากมีปัญหาด้วยที่สุด

ถ้างั้นมีความเป็นไปได้สูงที่โคอิเกะ ยูริโกะ กับชางฮุนจะนัดดูตัวกันจริงๆใช่ไหม”

ไม่อย่างนั้นท่านประธานใหญ่คงไม่มีทางเปลี่ยนใจง่ายๆ หรอกครับถ้าโคอิเกะ ยูริโกะ แต่งงานกับคุณชายรองจริงๆ อย่างน้อยตอนนี้เงินทุนที่ดึงออกมาจากไตรมาสหน้าได้ก็เกินสามล้านล้าน ถ้าเป็นอย่างนั้น ท่านประธานใหญ่จะสามารถเข้าซื้อสายการบินโคกรูยอที่หวังไว้ได้ครับ”

ทำได้ขนาดนั้นเลยเหรอ”

มากกว่านั้นก็เป็นไปได้ครับ ถ้าประเมินมูลค่าหลักประกันอย่างเหมาะสมอีกรอบ คิดว่าอาจจะดึงมาได้อย่างตํ่าห้าล้านล้านด้วยซํ้า แค่ขนาดของกองทุนหมุนเวียนที่อยู่ในหลักทรัพย์จัดการกองทุนโมริโตะของรอยัลเมเจอร์ก็มีมูลค่าสิบล้านล้านแล้ว ถึงดึงออกมาประมาณห้าล้านล้านก็คงจะไม่ได้กระทบอะไรมากครับ”

บ้าน่า...”

ท่านประธานเองก็ทราบว่าเศรษฐกิจของญี่ปุ่นแย่มาก แต่หลายๆ ส่วนก็ยังไม่สูญเสียตำแหน่งในระดับโลก หนึ่งในนั้นคือการเงินที่เกาหลีไม่อาจก้าวข้ามได้ครับ หน่วยเงินทุนที่ใช้หมุนเวียนแตกต่างกัน”

ล้อฉันเล่นอยู่หรือไง”

“...”

ไม่สิ พอแล้ว ช่างมันเถอะ ลองบอกแผนรับมือมาซิ คงไม่ได้ให้ฉันมองชางฮุนมันเอากรุ๊ปไปเฉยๆ แบบนี้ใช่ไหม”

ถ้าโคอิเกะ ยูริโกะ กลายเป็นภรรยาของคุณชายรอง นับจากนั้นไม่ว่าจะใช้วิธีไหน ท่านประธานก็จะกลับไปอยู่ในสายตาของท่านประธานใหญ่ยากขึ้นครับ”

ถ้าอย่างนั้น…”

ไม่มีวิธีอื่นนอกจากขัดขวางการแต่งงาน...”

โดฮุนเคาะนิ้วคิดสักพักก่อนจะถาม

ขัดขวางการแต่งงาน? ขวางการแต่งงาน...”

โดฮุนนึกอะไรบางอย่างออกจากคำพูดของผู้จัดการฝ่ายคิมซอนกี จึงยกมุมปากขึ้นข้างหนึ่ง

มีวิธีแล้วเหรอครับ...”

แล้วทำไมต้องดั้นด้นมาแต่งงานประเทศอื่นด้วยนะ...โชคร้ายจริงๆ...ผู้จัดการฝ่ายคิมจัดการเองเลยแล้วกัน”

ตอนนั้นผู้จัดการฝ่ายคิมซอนกีเพิ่งเข้าใจความคิดของโดฮุน

ควรทราบนะครับว่าเรื่องอาจจะใหญ่ขึ้น”

จัดการให้เงียบที่สุด สะอาดที่สุด ผู้จัดการฝ่ายคิมเก่งเรื่องนั้นอยู่แล้วหนิ”

“...”

ทำได้ใช่ไหม”

ผมจะพยายามอย่างสุดความสามารถครับ”

คุณไม่จำเป็นต้องพยายามสุดความสามารถ แค่ทำให้ดีก็พอ ต้องทำให้ดีถึงจะรักษาตำแหน่งตอนนี้ไว้ได้ แล้วก็รับเงินเดือนมหาศาลนั่นไปเต็มๆ ไง ใช่ไหม”

ครับ”

ถ้างั้นฉันเชื่อผู้จัดการฝ่ายนะ”

โดฮุนหันกลับมามองหน้าจออีกรอบ

ราคาหุ้นของอูมยองโซลาร์เซลล์ที่ผ่านการปรับตัวมาสักพัก เริ่มปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้งด้วยการขายกินกำไร

เหล่าแมลงเม่ากำลังวิ่งเข้ากองไฟ

เขาหัวเราะเยาะความคิดของนักลงทุนรายย่อยที่วิ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง

ถ้างั้นไม่ว่าจะบ้านนี้หรือบ้านนั้น ลูกคนรองก็ได้สืบทอดกรุ๊ปหมดเลยเหรอ”

ประธานใหญ่ซงอึนแชถามด้วยสีหน้าตื่นเต้น

ว่ากันว่าตำแหน่งสร้างคน อาจจะเป็นเพราะนั่งตำแหน่งประธานใหญ่มานานแล้ว ตอนนี้เธอถึงได้มีออร่าของผู้นำบริษัทยักษ์ใหญ่แผ่ออกมาจริงๆ

ถึงจะฝากฝังปัญหาภายนอกกรุ๊ปไว้กับลูกเขยเกือบทั้งหมด แต่อีกฝ่ายก็ยังทำได้ดีจนได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากผู้บริหารของกรุ๊ป

ผมหวังให้เป็นอย่างนั้น แต่ก็ยังยืนยันไม่ได้ครับ”

ถ้าเกิดมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ล่ะ”

ยอดขายของเอเอ็มเอซิสเต็มในไตรมาสที่สองเกินสองแสนล้านแล้วครับช่วงนี้เทคโนโลยีของเอเอ็มเอซิสเต็มกำลังได้รับการยอมรับมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าได้รับการยอมรับว่าเป็นพาร์ตเนอร์ธุรกิจระยะยาว ผ่านการร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับโอซองอิเล็กทรอนิกส์ ก็จะเป็นการผนึกกำลังที่ยิ่งใหญ่มากครับ อืม นี่เป็นเรื่องทางฝั่งเอเอ็มเอซิสเต็มครับ”

ประธานใหญ่ซงอึนแชแย้มยิ้ม

รู้แล้ว ทั้งฉันทั้งลูกเขยชเวก็ไม่ค่อยรู้เรื่องทางด้านนี้เหมือนกันนี่นา”

ไม่รู้เรื่องแค่ด้านเซมิคอนดักเตอร์งั้นเหรอ

ในความเป็นจริง แม้แต่งานในบริษัทก็ยังไม่ค่อยรู้ด้วยซํ้า

เขาเรียนรู้งานบริษัทและภาษาอังกฤษผ่านการอบรมส่วนตัวทุกครั้งที่มีเวลาว่าง แต่ยุ่งมากจนไม่อาจเรียนต่อเนื่องได้ทุกวัน

ขนาดยองฮุนยังรู้สึกเสียดายที่ตัวเองได้รับการเลื่อนตำแหน่งเร็วเกินไปจนขาดความรู้ด้านรายละเอียดในการทำงาน

ถึงเจาะลึกด้านเทคนิคไม่ได้ แต่แค่ดูจากยอดขายเชิงประจักษ์ก็เห็นถึงการเติบโตอย่างชัดเจนแล้วครับ ถ้าได้ร่วมมือกับโอซองอิเล็กทรอนิกส์ คงจะเป็นประโยชน์มากครับ”

ถ้าทำแบบนั้นแล้วเสนอขายหุ้นบริษัทครั้งแรก คงจะวุ่นวายน่าดูเลยนะ”

ควรค่าแก่การคาดหวังนะครับ”

ถ้าได้เป็นพาร์ตเนอร์เชิงกลยุทธ์กับโอซองอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงลงนามในสัญญาสนับสนุนและจัดหาตลอดช่วงหลายปีหลังจากนี้ จินตนาการไม่ออกเลยว่าอัตราการแข่งขันสำหรับการเสนอขายหุ้นจะเป็นอย่างไร

บางทีอาจจะมีขนาดใหญ่พอจะเทียบเท่ากับราคาตลาดของเอชเอสทั้งกรุ๊ป

ตอนนี้เราลงทุนไปในเอเอ็มเอซิสเต็มเท่าไหร่แล้ว”

ผมรู้มาว่าเกือบๆ เจ็ดหมื่นล้านครับ”

สุดยอดเลย ใช้เงินแค่เจ็ดหมื่นล้านสร้างบริษัทที่มีมูลค่าเกินแสนล้าน...ไม่สิ เกินล้านล้านได้ในครั้งเดียว...ประธานกรรมการล่ะ”

เขาทุ่มเทให้กับการพัฒนาเทคโนโลยีมากกว่าการบริหารบริษัทครับ บางทีถ้าได้เปิดเสนอขายหุ้นบริษัทครั้งแรก คงไม่โลภหวังตำแหน่งในการบริหารครับ”

แปลว่าถ้าเอาบุคลากรของเราลงไป ก็ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่ใช่ไหม”

ถ้ายอมรับในสิ่งที่เขาเป็นได้ เขาก็ไม่ใช่คนโลภมากหรอกครับ แต่ก็ไม่ใช่คนที่จะยอมนิ่งเฉยถ้าตัวเองไม่ได้ถูกประเมินค่าอย่างเหมาะสมครับ”

ต้องยอมรับอยู่แล้วสิ เราทำสัญญาแบบนั้นไปตั้งแต่แรกแล้วนี่นา สมมติโอซองเป็นอย่างนั้น แล้วอูมยองล่ะ ถ้าเกิดลูกคนโตของทางนั้นยึดอำนาจต่อจะเป็นยังไง”

จริงๆ ก็ไม่ได้แตกต่างกันมากครับ ผมทำงานกับกรรมการผู้จัดการคิมชางฮุนมาหลายครั้งแล้ว เพราะฉะนั้นเลยคิดจะช่วยสนับสนุนเขา ถ้ามองแต่เอชเอสกรุ๊ป ไม่ว่าใครจะได้เป็น ก็ไม่ได้มีผลอะไรมากหรอกครับ”

ถ้าเทียบกับเรื่องนั้นแล้ว ไม่ได้ให้การสนับสนุนดีเกินไปเหรอ ได้ยินว่าแนะนำผู้หญิงให้แล้วด้วย โคอิเกะ ยูริโกะ ใช่ไหม”

ครับ”

ฉันเคยได้ยินชื่อรอยัลเมเจอร์เหมือนกัน บริษัทที่ครอบครองทรัพย์สินมหาศาล มีเหตุผลอะไรถึงได้เสริมอำนาจให้ขนาดนั้น”

ถึงภายนอกจะดูเหมือนเป็นการเสริมอำนาจให้กรรมการผู้จัดการคิมชางฮุนแต่จริงๆ แล้วนี่คือการแสดงความจริงใจของพวกเราต่อโคอิเกะ ยูริโกะ ต่างหากครับ”

ความจริงใจ? อ๋อ...เพราะประธานกรรมการอีฮยองจุนเหรอ”

ถูกต้องครับ โคอิเกะ ยูริโกะ มีอิทธิพลภายในชินยองไฟแนนเชียลพอสมควร คิดซะว่าเป็นการสร้างความสัมพันธ์ไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้อำนาจเบนไปทิศทางอื่นก็ได้ครับ”

แม้กระทั่งตอนนี้ ยองฮุนก็ยังคิดว่าคนที่ไว้ใจได้มากที่สุดและเหมาะสมจะเป็นพาร์ตเนอร์ของตัวเองคือประธานกรรมการอีฮยองจุน

เขาใส่ใจกับภัยคุกคามที่มองไม่เห็นต่อประธานกรรมการอีฮยองจุน มากกว่าจะแนะนำเธอให้กรรมการผู้จัดการคิมชางฮุนเพราะเอ็นดู หรือตั้งใจจะสร้างพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจเพิ่ม

สร้างความสัมพันธ์ไว้...คำพูดคำจาของลูกเขยชเวมีเอกลักษณ์มากสร้างความสัมพันธ์เอาไว้งั้นเหรอ ฟังแล้วเข้าท่าดีนะ ถ้ากรรมการผู้จัดการคิมชางฮุนสืบทอดอูมยองกรุ๊ปก็ไม่มีทางลืมลูกเขยชเวของเรา ถ้าเป็นอย่างนั้นภรรยาก็ย่อมทำตามความประสงค์ของสามี เสริมอำนาจให้กรรมการผู้จัดการคิมชางฮุนครั้งเดียว และลดความเสี่ยงของประธานกรรมการอีฮยองจุนลง...ตั้งใจแต่แรกหรือเปล่า”

ผมไม่ได้คิดไปไกลถึงขนาดนั้นครับ”

โชคชะตางั้นเหรอ”

ถึงผมจะแนะนำให้ แต่ไม่คิดว่าสองคนนั้นจะชอบพอกันจริงๆ ครับ”

ฮ่าๆๆ! ลูกเขยชเวของเรามองคนอื่นเก่งขนาดนั้น แต่ไม่ประสาเรื่องชายหญิงสินะ”

เรื่องนั้นผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ โคอิเกะ ยูริโกะ ที่ผมรู้จักเป็นผู้หญิงที่ระแวงผู้ชายมาก ดังนั้นจึงไม่ค่อยได้คบหากับผู้ชาย แต่นึกไม่ถึงว่าจะตัดสินใจแต่งงานง่ายขนาดนั้นครับ”

ยังไงผลลัพธ์มันก็กลายเป็นแบบนั้นแล้วหนิ ทำได้ดีมาก ว่าแต่...”

สายตาของประธานใหญ่ซงอึนแชฉายแววคิดไม่ตก

ครับ?”

อืม...คิดจะมีลูกตอนไหนล่ะ”

ยองฮุนพูดตะกุกตะกักเมื่อได้ยินคำถามไม่คาดคิด

ฮ่าๆ...เอ่อ...”

กะทันหันเกินไปใช่ไหม ฉันรู้อยู่...แค่ถามเพราะสงสัยเฉยๆ พวกเพื่อนฉันตอนนี้ก็กลายเป็นคุณยายกันหมดแล้ว ดูรูปโปรไฟล์แชตเพื่อนฉันแล้วมีแต่รูปหลานทั้งนั้น โอเค ฉันแค่ถามเฉยๆ ไม่ต้องกดดันล่ะ”

ครับ”

แม่ยายบอกว่าไม่ต้องกดดันทั้งๆ ที่เพิ่งพูดกดดันกันไปหยกๆ

แจซุก คุณผู้หญิงของครอบครัวรองประธานใหญ่คังแจชิก โอซองกรุ๊ป ฟังผลการตรวจจากผู้อำนวยการโรงพยาบาลหลังจากเสร็จสิ้นการตรวจโรคของสามี

ผมจะพยายามอย่างสุดความสามารถครับ”

ฟังคำอธิบายที่แทรกคำศัพท์เฉพาะทางมาประมาณสิบนาที สุดท้ายสรุปจบด้วยคำว่าจะพยายามอย่างเต็มที่

รักษาได้ใช่ไหมคะ”

ครับ”

โอเคค่ะ”

แจซุกลุกขึ้นจ้องหน้าผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่ทำสีหน้ารู้สึกผิดอย่างเย็นชา ก่อนจะออกมาจากห้อง

ยอจินที่รออยู่ข้างนอกจึงรีบเข้ามาถาม

เขาบอกว่าคุณพ่อไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ”

ใช่”

โล่งอกไปทีนะคะ”

กลับกันเถอะ”

แจซุกมองลูกสะใภ้ที่ยกมือลูบหน้าอกอย่างเฉยเมย และก้าวเดินออกมาโดยไม่พูดอะไรมาก

ไม่คิดว่าลูกสะใภ้จะมาเพราะเป็นห่วงสุขภาพของพ่อสามีจากใจจริง ดังนั้นจึงไม่ได้มองยอจินที่ตามมาถึงโรงพยาบาลด้วยความเอ็นดูขนาดนั้น

แล้วบอกไหมคะว่าจะกลับเข้าบริษัทได้เมื่อไหร่”

พ่อสามีจะกลับเข้าบริษัทเมื่อไหร่ใช่เรื่องสำคัญหรือไง”

แจซุกที่หงุดหงิดอยู่แล้วสวนกลับทันที

หนูขอโทษค่ะ แค่...”

ทำไม กลัวว่าพ่อสามีตายแล้วมันซองจะไม่ได้หุ้นบริษัทงั้นเหรอ”

พูดอะไรแบบนั้นล่ะคะ ไม่มีทางอยู่แล้วค่ะ”

พูดตามตรงว่าถ้าพ่อสามีเสียชีวิตจริงๆ ยอจินอาจจะสบายใจขึ้นนิดหน่อยด้วยซํ้า

แม้จะไม่ได้ทำงานที่บริษัท แต่เธอก็รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้กำลังดำเนินไปอย่างไม่ปกติ

ตำแหน่งรักษาการของประธานชเวอิลกน...

หลังจากสามีรู้ข่าวนั้นก็ออกมาทำงานโดยที่ยังไม่ได้นอนสักงีบ

ไม่ต้องถามว่าเธอทุกข์ใจแค่ไหนที่เห็นแววตาไร้ชีวิตชีวาของสามีตอนนั้น

ไม่ได้ทุกข์ใจเพราะความรักที่มีต่อสามี แต่เป็นเพราะรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ร้ายแรงถึงขนาดนั้น

ถ้าไม่ใช่ก็ช่างเถอะ”

พอกลับบ้านมาพร้อมแม่สามีที่มีท่าทีเย็นชา ยอจินไม่อาจอยู่เฉยได้และเดินวนไปวนมาอยู่สักพัก จากนั้นก็เดินออกจากห้องพลางเหลือบมองชั้นบนก่อนจะถามป้าที่ทำงานในครัว

คุณหนูเล็กล่ะคะ”

เพิ่งออกไปเมื่อกี้เองค่ะ”

โอเคค่ะ ทำงานเถอะ”

ยอจินกัดริมฝีปากแล้วรีบเปลี่ยนชุดเพื่อออกจากบ้านอีกครั้ง

ไปซัมซองค่ะ”

เนื่องจากบ้านเดิมของยอจินอยู่ที่ย่านซัมซอง คนขับรถจึงเข้าใจทันทีและออกรถ

เธอเป็นถึงลูกสะใภ้คนแรกของโอซองกรุ๊ป ครอบครัวของเธอจะธรรมดาได้อย่างไร

ยอจินเข้าไปในบ้านอย่างกะทันหัน โดยไม่สนใจสมาชิกในครอบครัวที่กำลังตกใจ และเปิดประตูห้องน้องชายอายุสามสิบที่ขี้เกียจสันหลังยาวเอาแต่นั่งๆ นอนๆ อยู่ที่บ้าน

เฮ้ย อะไรเนี่ย! อ้าว พี่?”

น้องชายที่กำลังตั้งใจเซตผมเพื่อออกไปข้างนอกพอดี ตกใจกับการมาเยือนอย่างกะทันหันของพี่สาวที่แต่งงานไปแล้ว

ดาราชายที่เคยคบกับดาอึน...หมอนั่นชื่ออะไรนะ”

คังดาอึน? หมายถึงน้องสามีพี่เหรอ”

ใช่”

ทำไม จะให้แฉเหรอ ไม่ใช่อย่างนั้นใช่ไหม”

นายคิดถูกแล้ว”

ไม่เอาน่า ฉันไม่อยากโดนโอซองหมายหัว”

จะโดนหมายหัวจากฉัน ก่อนจะโดนจากโอซองน่ะสิ รู้ไหมว่าตอนนี้สถานการณ์ของพี่เขยนายเป็นยังไง”

สถานการณ์อะไร”

เธอเสยผมด้วยความอึดอัดใจแล้วปิดประตูดังปัง

ช่างเถอะ เอาเรื่องดาราชายคนนั้นที่เคยคบกับดาอึนมาเขียน แล้วปล่อยข่าวลือสักข่าว”

เพื่อให้คังดาอึนยกเลิกการแต่งงานงั้นเหรอ”

ใช่ ถ้าไม่ทำแบบนั้น พี่เขยนายไม่มีทางได้สืบทอดโอซองกรุ๊ป แล้วรู้ใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

ตอนนั้นน้องชายตระหนักได้ว่าสถานการณ์กำลังตึงเครียดจึงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

ให้ปล่อยถึงไหน พี่กำกับเองเลยสิ”

ไม่ต้องลงลึกมาก บอกว่าทุกอย่างตอนนี้เป็นแค่การแสดง คังดาอึนมีแฟนมาตลอดตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ เพิ่งคบกับลูกชายของ สส.ชอนโบยุนเมื่อไม่นานนี้เอง โอเคไหม”

ถ้าเรื่องนี้ผิดพลาด พี่ต้องช่วยปกป้องฉันนะ”

นี่! พวกเราใช้ชีวิตแบบต้องเกรงใจคนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่ได้เรื่องแบบนี้ คิดว่าโอซองจะแตะต้องนายได้หรือไง”

ฉันขอให้ช่วยปกป้องฉันจากพ่อ ไม่ใช่โอซองสักหน่อย พ่อต้องมาฆ่าฉันแน่”

ฮู่...เรื่องนั้นเดี๋ยวฉันจัดการเอง”

แม้ตอนนี้จะนั่งๆ นอนๆ อยู่ที่บ้าน แต่นั่นเป็นเพราะเขาแค่ไม่จำเป็นต้องออกไปทำงานก็เท่านั้น เนื่องจากน้องชายของยอจินเป็นถึงผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของสามค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของเกาหลี

แค่การสร้างและกระจายข่าวลือสักข่าวไม่ใช่เรื่องยาก


 

บทที่ 291 โต้กลับ (2)

 

ข่าวลือเกี่ยวกับคังดาอึน เริ่มแพร่ไปทั่วอินเทอร์เน็ต ไม่ใช่ในตลาดหลักทรัพย์

ตอนแรกนึกว่าเป็นแค่ข่าวโคมลอยธรรมดาๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เมื่อมีคำให้การ (?) ของบางกลุ่มเพิ่มเข้ามาเลยยิ่งแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว

นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่เหรอครับ”

ซึงโม ลูกชายของ สส.ชอนโบยุนกำโทรศัพท์มือถือแน่นจนสั่นระริก

ทั้งที่ตอนนี้แต่ละวันกำลังผ่านไปอย่างมีความสุขแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนแล้วแท้ๆ แต่อยู่ดีๆ ก็มีข่าวลือโผล่มาทำลายความสุขของเขา ซึงโมจึงอดหวาดกลัวไม่ได้

ไม่ต้องห่วงค่ะ ข่าวลือแบบนี้ ฉันจัดการได้อยู่แล้วค่ะ”

คนอายุน้อยกว่าอย่างดาอึนกลับเป็นฝ่ายปลอบโยนซึงโมที่เป็นกังวล

เธอเองก็สับสนและโกรธจนเลือดขึ้นหน้า

แม้จะเครียดมากเพราะกลัวว่าทุกอย่างจะผิดพลาด แต่ภาพซึงโมถือโทรศัพท์มือถือด้วยท่าทีกระวนกระวายก็ยิ่งทำให้เครียดกว่าเดิม

ดาราชาย อิมพิล

อีกฝ่ายเพิ่งก้าวขึ้นมาเป็นดาราระดับแนวหน้า ได้รับการสนับสนุนอย่างล้นหลามจากแฟนคลับผู้หญิง ด้วยรอยยิ้มที่เหมือนกับเทวดา

เธอเครียดเพราะไม่รู้ว่าเรื่องที่เธอเคยคบกับผู้ชายคนนั้นจะทำให้ซึงโมรู้สึกอย่างไร

ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเคยคบกันมานานจริงๆ เธอก็คงไม่รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรมแบบนี้ เนื่องจากผู้ชายที่ชื่ออิมพิลเป็นคนหัวสูงตามแบบฉบับของพวกผู้ชายหน้าตาดี

ถึงรูปร่างหน้าตาของดาอึนจะค่อนข้างสวยมากเมื่อเทียบกับผู้หญิงธรรมดาทั่วไปก็จริง แต่จะเทียบกับพวกดาราได้ที่ไหนกัน

จากมุมมองของอิมพิลที่รายล้อมด้วยไอดอลและนักแสดงหญิงทุกวันไม่ว่าจะมีเงินมากแค่ไหน ดาอึนก็ยังไม่ดีพอในฐานะคนรักของอีกฝ่าย เวลาเจอกันจึงมักจะแสดงสีหน้าเฉยเมยเสมอ

ดาอึนรังเกียจพฤติกรรมนั้นเลยไม่ติดต่อหาอีกและเลิกรากันโดยปริยายแต่หนึ่งในไม่กี่รูปที่เคยถ่ายไว้ตอนคบกันกลับหลุดออกมา

“...”

ซึงโมเอาแต่กัดริมฝีปากจ้องหน้าจอโทรศัพท์มือถือโดยไม่ตอบรับ

ภาพนั้นยิ่งทำให้ดาอึนรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง

กังวลว่าเขาอาจรู้สึกเหมือนโดนหักหลัง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังกล้าถามกันมาตรงๆ

พูดกันตามตรงแล้วนี่ก็ไม่ยุติธรรมเลยสักนิด

อายุเท่านี้จะมีประสบการณ์ความรักสักครั้งสองครั้งก็เป็นเรื่องธรรมดาซึงโมแค่พิเศษตรงที่ไม่เคยมีความรักมาก่อนก็เท่านั้น

แต่ดาอึนไม่ได้ไร้สมองถึงขั้นเปิดเผยความรู้สึกนั้นออกมาโต้งๆ เธอสังเกตท่าทีของซึงโมและขอความช่วยเหลือจากพี่ชายคนรองเพื่อแก้ไขสถานการณ์นี้ทันที

ระหว่างที่กำลังรอคำตอบอย่างกระวนกระวาย ซึงโมก็ลุกพรวดพราดแล้วพูดกับดาอึนที่กำลังตกใจ

ยังไงก็ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้ครับ”

คะ? คุณจะทำอะไร”

กลับบ้านครับ ผมจะพยายามหาคำตอบตามแบบของผม”

ท่าทีเด็ดขาดของซึงโมที่เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกทำเอาดาอึนใจตกไปที่ตาตุ่ม

กลัวว่าระหว่างหาคำตอบ เขาจะเข้าใจอะไรผิดยิ่งกว่าเดิมจนการแต่งงานครั้งนี้ต้องพังลง

ไม่เอา...”

ไม่ครับ เดี๋ยวผมหาทางเอง กลับบ้านก่อนนะครับ”

ดาอึนกัดริมฝีปากเมื่อเห็นเขาตัดบท

โอเคค่ะ”

ดาอึนรู้สึกได้อย่างชัดเจน

สายตาของซึงโมเย็นชาขึ้นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว

แน่นอนว่าผิดหวัง

ถึงจะรู้สึกเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่ดาอึนก็แยกกับเขาโดยที่ไม่ได้เซ้าซี้อะไรมากกว่านั้น และมุ่งหน้าไปที่โอซองอิเล็กทรอนิกส์ทันที

เนื่องจากเดินทางด้วยรถยนต์ของตัวเองจึงไม่เป็นที่สังเกตของใครอยู่แล้ว

ทันทีที่รถของเธอเคลื่อนเข้ามาในลานจอดรถของบริษัทโอซองอิเล็กทรอนิกส์แดซองที่กำลังรออยู่ก็สังเกตรอบตัว ก่อนจะก้าวขึ้นรถอย่างรวดเร็ว

เป็นยังไงบ้าง”

แดซองหนักใจเมื่อเห็นน้องสาวมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

กำลังสืบอยู่”

จนป่านนี้ยังสืบไม่ได้อีกเหรอ มัวทำอะไรอยู่!”

อย่ามาขึ้นเสียง คิดว่าคนของฉันเล่นขายของอยู่หรือไง ไล่ตามข่าวที่แพร่ในอินเทอร์เน็ต มันไม่ได้ใช้เวลาแค่ชั่วโมงสองชั่วโมงเสร็จนะ อีกอย่างเรื่องนี้ก็ดูแปลกๆ”

อะไรแปลก”

เราพยายามติดต่อเพื่อยัดเงินให้จบเรื่อง แต่ไม่มีใครต้องการเงินเลยเห็นว่าถึงขั้นพยายามไม่รับโทรศัพท์ด้วยซํ้า”

เฮ้อ...”

ดาอึนรู้ว่าเรื่องนั้นหมายถึงอะไร

นี่คือแผนการที่สร้างขึ้นมาเพื่อทำลายการแต่งงานของเธอตั้งแต่แรก

แดซองพยายามทำให้เธอใจเย็นลง

นี่ ไม่ต้องสนใจเรื่องบ้าๆ นั่น เราไม่เห็นต้องกลัวเลย อาจจะวุ่นวายสักสองสามวัน แต่เดี๋ยวก็เงียบเอง ไม่มีปัญหาอะไรกับการแต่งงานของเธอหรอก”

แม้สถานการณ์จะวุ่นวาย แต่แดซองก็ไม่คิดว่าการแต่งงานของดาอึนจะพังจริงๆ

อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย ถึงอย่างไรก็ไม่มีสื่อกับนักการเมืองคนไหนกล้าข้ามหัวโอซองอยู่แล้ว

ถึงฝ่ายค้านจะพยายามใช้คำกล่าวอ้างนี้ลดความน่าเชื่อถือของ สส.ชอนโบยุนแต่ก็ไม่สามารถลํ้าเส้นไปได้มากกว่านี้ เพราะนี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับลูกสาวของโอซอง

นี่คืออิทธิพลของโอซองกรุ๊ปในประเทศเกาหลี

แต่ดาอึนคิดต่างจากแดซอง

การแต่งงานจะไม่มีปัญหาได้ยังไง! คุณซึงโมเขาผิดหวังนะ”

หา? ยายบ้า เรื่องนั้นสำคัญตรงไหน อายุเท่านั้นแล้วใครบ้างไม่เคยมีแฟนเลยสักครั้ง”

ฉันรู้น่า แต่ใจคนเราเหมือนกันที่ไหน ถ้าฉันรู้ว่ากระเป๋าที่ตัวเองคิดว่าเป็นของใหม่ดันผ่านมือคนมาแล้ว ฉันยังไม่อยากใช้เลย แถมยิ่งกว่านั้นยังเป็นการซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมครั้งแรกด้วย พอรู้ว่าเป็นของมือสอง ก็ต้องผิดหวังแน่นอนอยู่แล้ว”

เรื่องนี้มันเอาไปเทียบกับกระเป๋าแบรนด์เนมได้หรือไง”

ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นคงไม่มาสนใจเรื่องพวกนี้หรอก ถ้าเป็นลูกชายครอบครัวมหาเศรษฐี ยังไงก็หย่ากลางคันได้ เพราะคงไม่มีใครนินทา ไม่มีใครมาสนใจฉันแต่นี่มันไม่ใช่ไง ถ้าแต่งงานกันแล้ว จะคิดเรื่องการหย่าร้างไม่ได้อีกอย่างน้อยๆก็ห้าปี แถมผ่านห้าปีไปแล้วก็ยังไม่จบด้วย ผู้คนจะให้ความสนใจต่อว่าเราแต่งงานเพราะเรารักกันจริงๆ หรือเปล่า ถ้าหย่าก็คงเป็นขี้ปากชาวบ้านไปจนตาย”

เรื่องนั้นมันก็จริง...”

ฉันอยากมีความสุขกับชีวิตแต่งงาน เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยากให้ฉันใช้ชีวิตเหมือนอยู่ในคุก พี่ต้องรีบจัดการเดี๋ยวนี้”

โอเค เดี๋ยวฉันจัดการให้ ใจเย็นๆ”

แดซองตกตะลึงกับท่าทีของน้องสาวที่จ้องกันตาเขม็ง และตระหนักได้ว่าสถานการณ์มันร้ายแรงกว่าที่คิด

น่าอายจังที่ช่วงนี้ต้องมาหาบ่อยๆ เห็นข่าวแล้วใช่ไหมครับ”

แม้จะขายหน้าที่วิ่งมาหาเฉพาะเวลามีปัญหา แต่แดซองก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว

ยองฮุนหยิบขนมชิ้นหนึ่งเข้าปากและย้อนถามแดซองที่กำลังร้อนใจด้วยสีหน้าไม่ยินดียินร้าย

เรื่องแค่นั้นจัดการเองได้ไม่ใช่เหรอครับ”

ถามเพราะคิดแบบนั้นจริงๆ ไม่ได้ดูถูกหรือเหน็บแนม

อำนาจโอซองกรุ๊ปทำอะไรไม่ได้เลยเหรอ

ยองฮุนไม่เข้าใจแดซองที่มาหาด้วยเรื่องแค่นี้

ต่อให้ขี้ขลาดไปบ้าง แต่ก็ไม่ใช่คนโง่เขลาหรือลำดับความสำคัญไม่เป็น

จัดการเองได้ครับ ถึงตอนนี้อาจจะวุ่นวายบ้าง แต่ด้วยความสามารถของพนักงานเรา ไม่ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหน สองวันก็หาตัวคนทำเรื่องแบบนั้นเจอแล้ว แต่ว่าถึงหาเจอก็ไม่มีประโยชน์เลยครับ”

ทำไมล่ะครับ”

เพราะรู้ว่าเป็นฝีมือใครครับ พี่ชายผมเป็นคนทำแน่ๆ คงจะยัดเงินแล้วตัดหางทิ้งเรียบร้อย อืม ถ้าไม่ใช่พี่ชายผม ก็อาจจะเป็นพี่สะใภ้ครับ ซึ่งไม่ได้สำคัญว่าใครเป็นคนทำ”

ใช่ครับ การจัดการให้เรียบร้อยสำคัญกว่าการสิ้นเปลืองพลังงานโดยใช่เหตุ”

ถูกต้องครับ แต่ในความคิดผม วิธีที่ดีที่สุดในการจัดการเรื่องนี้คือไล่พี่ออกครับ”

ครั้งนี้เขาตื่นเต้นมาก

ตอนนี้เลยเหรอครับ”

ด้วยอาการป่วย พ่อผมเลยฝากฝังตำแหน่งรักษาการให้ประธานชเวอิลกนครับ อย่างที่ทราบ ประธานชเวอิลกนคือคนที่ร่วมมือกับผม ในความเป็นจริงจึงเหมือนกรุ๊ปอยู่ในมือผมแล้วครับ”

ถึงอย่างนั้น...การโยกย้ายหุ้นบริษัทในเครือโอซองกรุ๊ป โดยไม่ผ่านการอนุมัติของรองประธานใหญ่ ก็เป็นเรื่องยากไม่ใช่เหรอครับ”

ดังนั้นผมถึงมาที่นี่ไงครับ เพราะจำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากพ่อก่อนจริงๆ แต่พอเห็นพ่อมอบตำแหน่งรักษาการให้ประธานชเวอิลกน ต่อให้พ่อไม่พูดผมก็รู้สึกเหมือนพ่อบอกนัยๆ ว่าอยากให้ผมจัดการเรื่องต่างๆ ด้วยตัวเองครับและในทางกลับกัน การที่ผมไม่เคลื่อนไหว ก็อาจแปลว่าผมอ่านเจตนาของพ่อไม่ออกหรือเปล่าครับ”

มุมปากของยองฮุนวาดเป็นรอยยิ้ม

ถึงจะยังขาดสายตาในการมองคนอยู่ แต่อ่านความคิดของพ่อออกได้ดีทีเดียว

แล้วยังไงต่อครับ”

ถึงผมจะคิดว่าตัวเองคิดถูก แต่นี่เป็นเรื่องธรรมดาที่ไหนล่ะครับ ถ้าเคลื่อนไหวแล้วก็ย้อนกลับลำบากนะ แต่ถ้านี่เป็นความตั้งใจของพ่อจริงๆ ผมคิดว่าจะใช้คณะประธานบริษัทของกรุ๊ปกับฝ่ายกลยุทธ์เพื่อโยกย้ายหุ้นครับ”

ถึงเจตนาของพ่อคุณจะเป็นอย่างนั้น แต่อาจจะไม่สามารถผลักดันลูกชายคนรองอย่างเปิดเผยได้นะครับ”

ใช่ครับ ผมไม่แน่ใจว่าพี่หรือพี่สะใภ้เป็นคนทำ แต่ผมจะจัดการสองคนนั้นเอง”

หัวหน้าฝ่ายคังเพิ่งพูดเองไม่ใช่เหรอครับ ว่าเขาคงจะไม่ได้ทิ้งร่องรอยไว้”

ผมไม่ได้จะขึ้นศาลครับ เพราะพวกเราเป็นบริษัทเอกชน ถึงจะขึ้นศาลไม่ได้ แต่หลักฐานแวดล้อมอย่างเดียวก็มากพอให้ผู้คนย้ายข้างได้แล้วครับการขัดขวางการแต่งงานของดาอึนจะส่งผลให้อนาคตของกรุ๊ปหยุดชะงัก รวมถึงทำลายอนาคตของน้องด้วย นี่เป็นการกระทำที่ไม่น่าให้อภัย เราสามารถใช้เรื่องนี้เปลี่ยนใจคณะผู้บริหารได้ครับ”

สุดท้ายก็ต้องใช้คำอนุมัติของพ่ออยู่ดี...จะขอให้ผมลองคุยให้เหรอครับ”

ครับ”

ถามเองสิครับ”

ผมกลัวครับ”

ยองฮุนหัวเราะเสียงดัง

ฮ่าๆๆ!”

ผมยอมรับว่ามันตลก แต่ผมกลัวจริงๆ นะครับ พ่อเป็นผู้นำของโอซองกรุ๊ป ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยยิ้มอ่อนโยนให้ผมเห็นสักครั้งเลยครับ แต่กลับหักหลังลูกชายคนโตที่ตัวเองรักและทะนุถนอมมาตลอด แล้วบอกให้ผมสืบทอดกรุ๊ปต่อ ถ้าผมไม่กลัวก็ไม่ใช่คนแล้วละครับ”

อืม เป็นไปได้ครับ”

เพราะฉะนั้นขอร้องเถอะครับ บางทีเรื่องนี้อาจจะราบรื่นก็ได้ เพราะถึงจะมองว่าใช้เวลานาน แต่ก็จัดการได้อย่างรวดเร็วครับ ตามที่คุณคิดไว้ตอนแรก...”

นั่นสินะ โอเคครับ ตอนนี้ท่านอยู่ที่โรงพยาบาลโอซองหรือเปล่าครับ”

ครับ”

ผมจะหาเวลาไปเยี่ยมสักครั้งแล้วกันครับ แต่ระหว่างนั้นคงจะเคลียร์ให้เรียบร้อยได้ใช่ไหมครับ น้องคุณน่าจะหนักใจมากนะ”

ผมจะพยายามอย่างเต็มที่ครับ”

แดซองยิ้มกว้างพร้อมกับลุกขึ้น

พอเห็นสภาพน่าสงสารของน้องสาวแล้วก็คิดว่าเหตุการณ์ครั้งนี้อาจจะเป็นโอกาส

และแน่นอนว่าเขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับอนาคตของน้องสาวจากใจจริง

ซึงโมมาถึงหน้าบริษัทรับออกแบบแห่งหนึ่งในย่านชองดัม แต่กลับเอาแต่ยืนละล้าละลังอยู่หน้าอาคารโดยไม่ยอมเดินเข้าไป

อีกฝ่ายเคยเป็นพลังชีวิตให้เขาตลอดการใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัย

ไม่กล้าเอ่ยปากบอกชอบสักครั้ง กระทั่งตอนนี้เธอก็ยังคงเป็นเรื่องยากสำหรับซึงโมอยู่

หลังจากปรับลมหายใจได้สักพักก็ตัดสินใจอย่างแน่วแน่เดินเข้าไปในตัวอาคาร

ยูมิ”

มาแล้วเหรอ”

เธอส่งยิ้มสดใสให้เหมือนทุกครั้ง แต่น่าแปลกที่ไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวเหมือนเมื่อก่อนแล้ว อาจเป็นเพราะแบบนั้น ซึงโมถึงเล่าเรื่องราวด้วยความรู้สึกที่ผ่อนคลายลงเล็กน้อย

ความตื่นเต้นในตอนแรกสงบลงตลอดการพูดคุย และไม่ได้หวั่นไหวมากนักแม้จะสบตากับเธอ

เธอจะช่วยฉันไหม”

ซงยูมิ เพื่อนของซึงโมที่เรียนจบดีไซน์จากมหาวิทยาลัยเดียวกันตบไหล่เขาแล้วตอบกลับ

ไม่ต้องห่วง เรื่องที่ให้ฉันทำน่ะไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้ามีหลักฐานอื่นออกมาอีก จะไม่แย่เอาเหรอ”

แค่ถ่วงเวลาเอาไว้ก็พอ เดี๋ยวคนของโอซองจะจัดการเอง”

งั้นก็โอเค...เอายูเอสบีมาสิ”

อันนี้”

ยูมิเลือกรูปที่ตัวเองเคยถ่ายกับซึงโมเมื่อก่อนออกมาจากรูปทั้งหมด

ภาพถ่ายคู่กับเธอแค่สองคนที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยแห่งชาติ

อันนี้น่าจะโอเค ตอนนั้นพวกเราไปกันแค่สองคนนี่นา ไม่มีใครรู้นอกจากฉัน เดี๋ยวฉันจะลบตัวเองออก แล้วเปลี่ยนเป็นหน้าของว่าที่ภรรยานายแทน”

ตั๋วที่หามาเพราะรู้ว่าเธอชอบพิพิธภัณฑ์ศิลปะ

ขนาดตอนนี้ก็ยังจำความตื่นเต้นตอนนั้นได้อยู่เลย ว่าต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหนกับการเอ่ยชวนเธอไปด้วยกัน

โอเค”

ยูมิใช้โฟโต้ช็อปเพื่อเปลี่ยนหน้าตัวเองเป็นหน้าของดาอึนอย่างชำนาญ

เธอหันมามองข้างหลังระหว่างทำงาน พอเห็นซึงโมกระสับกระส่ายเลยชวนคุย

แต่เหนือความคาดหมายมากเลยนะ”

หือ? ทำไม”

ฉันไม่นึกว่านายจะแต่งงานเร็วขนาดนี้น่ะสิ”

อ๋อ...”

รักแฟนมากเลยเหรอ”

หา?”

ยูมิฉีกยิ้มเมื่อเห็นซึงโมทำหน้างง

งงอะไรเนี่ย หมายถึงผู้หญิงที่นายจะแต่งงานด้วยไง”

รักสิ”

สมัยเรียนนายเอาแต่เรียนอย่างเดียว เล่นเกมบ้างเป็นบางครั้ง นึกว่าจะแต่งงานหลังจากนี้อีกสักพัก แต่คิดไม่ถึงเลยว่านายจะแต่งงานก่อนพวกเราอีกใครขอคบก่อนเหรอ”

เอ่อ เรื่องนั้น...”

เป็นแค่เรื่องระหว่างครอบครัวเหรอ อย่างนี้นี่เอง ถ้างั้นเห็นข่าวแล้วคงไม่ผิดหวังเท่าไหร่สินะ เรียกว่าโชคดีได้หรือเปล่า”

ซึงโมรีบพูดแย้งทันที

เปล่า ฉันเป็นคนขอคบก่อนเอง”

จริงเหรอ นายรักผู้หญิงคนนี้จริงๆ งั้นเหรอ”

ซึงโมกล่าวกับยูมิที่กำลังตกใจ

อืม รักมาก แล้วก็ไม่ผิดหวังด้วย เพราะตอนนี้เธอชอบฉันแล้ว ที่ฉันพยายามจะลบข่าวนี้ ไม่ใช่เพราะกลัวการแต่งงานจะล่ม แต่กลัวแฟนเสียใจต่างหาก เลยอยากลบออกเร็วๆ”

อย่างนี้นี่เอง โอเค ดีแล้ว”

จังหวะที่ยูมิตอบกลับ ซึงโมสัมผัสได้ว่าความรู้สึกที่หลงเหลืออยู่ในมุมหนึ่งของหัวใจได้หายไปแล้ว

เพราะแบบนั้นหรือเปล่านะ ซึงโมถึงยิ้มออกมาอย่างเป็นธรรมชาติต่อหน้ายูมิเป็นครั้งแรก

ขอบคุณมาก ยังไงก็ฝากทำออกมาให้สวยๆ ด้วยนะ”


 

บทที่ 292 โต้กลับ (3)

 

ทางโอซองว่ายังไงบ้างครับ”

ผู้ช่วยชเวซึงฮวานที่เรียกได้ว่าเป็นคนใกล้ชิดที่สุดของ สส.ชอนโบยุนถามด้วยสีหน้ากังวล

บอกว่าจะรีบจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด...”

การเคลื่อนไหวของฝ่ายค้านไม่ปกติครับ พวกเขาเริ่มวิพากษ์วิจารณ์ท่าน สส.แล้ว โดยบอกว่าควรตัดรากถอนโคนจุดเชื่อมโยงระหว่างนักการเมืองกับนักธุรกิจทิ้ง ต่อให้สื่อจะเกรงใจโอซองมากแค่ไหน แต่ถ้าบรรยากาศนี้ยังดำเนินต่อ สุดท้ายสื่อจะเริ่มเขียนข่าวเกี่ยวกับข้อโต้แย้งของฝ่ายค้านอยู่ดีครับ”

ฉันรู้แล้ว”

เรารอได้นานสุดแค่หนึ่งวันครับ ยังไม่เคยมีสื่อเจ้าไหนทิ้งหัวข้อข่าวที่เป็นประเด็นร้อนในอินเทอร์เน็ตไว้เกินสามวันมาก่อนเลยครับ”

สส.ชอนโบยุนเอียงศีรษะไปข้างๆ แล้วย้อนถามแทนคำตอบ

ใครเป็นคนทำเรื่องแบบนั้น”

ครับ?”

ตับใหญ่มาจากไหน ถึงกล้าแตะต้องลูกชายคนรองของโอซอง พวกฝ่ายค้านงั้นเหรอ”

น่าจะมีความเป็นไปได้มากที่สุดไม่ใช่เหรอครับ ถ้าเป็นฝ่ายที่ไม่ค่อยเกรงกลัวโอซอง และอยากเห็นการแต่งงานของลูกชายท่าน สส.ล่มมากที่สุดในตอนนี้ ผมก็นึกถึงแค่พรรคสันติภาพเป็นหนึ่งครับ”

ก็จริง...แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ถือว่าตอบสนองช้าเกินไปนะ ควรจะวางแผนกับสื่อและเคลื่อนไหวทันที หลังจากข่าวเริ่มแพร่ไปทั่วอินเทอร์เน็ต แต่นี่ช้ามาก”

ผู้ช่วยชเวซึงฮวานขมวดคิ้ว

จะว่าไปแล้วก็เห็นได้ชัดว่าการโต้กลับของฝ่ายค้านค่อนข้างวกไปวนมาครับ ตอนแรกมี สส.ไม่กี่คนเท่านั้นที่โพสต์ข้อความน่าสงสัยบนอินเทอร์เน็ตแต่ สส.มุนซูกวังออกมาตำหนิอย่างเปิดเผย แล้ว สส.มุนซูกวังก็เปลี่ยนจุดยืนภายในวันเดียว มาวิจารณ์ข้อกังขาเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างนักการเมืองกับนักธุรกิจของท่าน สส. ดูเหมือนว่าภายในเองก็น่าจะมีความคิดเห็นไม่ตรงกันครับ”

“...”

ถ้าเกิดไม่ใช่ฝ่ายค้าน แล้วสงสัยที่ไหน...”

ไม่หรอก ถ้าไม่ใช่ฝ่ายค้าน เราก็ไม่จำเป็นต้องเครียด”

ครับ? ทำไมถึงไม่จำเป็นต้องเครียดล่ะครับ”

ถ้าไม่ใช่ปัญหาทางการเมือง เดี๋ยวโอซองก็จัดการเองไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวจับตาดูการเคลื่อนไหวของฝ่ายค้านไปเรื่อยๆ ก่อน แล้วเรียกนักข่าวการเมืองมาปลอบใจสักสองสามคน”

รับทราบครับ”

แล้วทางโอซอง...”

ในตอนนั้นเลขาฯก็เปิดประตูเข้ามาแจ้งข่าวด่วน

ท่าน สส.ครับ ลูกชายท่านโพสต์ข้อความลงในอินเทอร์เน็ต ควรจะลองอ่านครับ”

ลูกชายฉันเหรอ ไหน”

นี่ครับ...”

เลขาฯกดหน้าจอและเปิดโซเชียลมีเดียของลูกชายให้ดู

นี่มันอะไรกัน”

สส.ชอนโบยุนทำหน้านิ่วคิ้วขมวดพร้อมกับพิจารณาภาพในจออย่างละเอียด

โพสต์รูปภาพเหมือนถ่ายที่พิพิธภัณฑ์กับลูกสาวคนเล็กของโอซองกรุ๊ปโดยด้านล่างนั้นมีการเขียนข้อความยาวๆ ไว้

จากที่อ่านคร่าวๆ เนื้อหาคือการบอกกล่าวว่าข่าวลือตอนนี้เป็นเรื่องโกหกทั้งหมด และในช่วงเวลาดังกล่าวคังดาอึนกำลังคบกับตัวเองอยู่

ถ้าโพสต์แต่ข้อความเฉยๆ คงจะมีหลายคนสงสัยรายละเอียด แต่รูปภาพที่ถ่ายโดยมีพื้นหลังเป็นภาพวาดยิ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือมากขึ้น

สส.ชอนโบยุนกล่าวขณะดูคอมเมนต์ให้กำลังใจนับไม่ถ้วนใต้ข้อความของซึงโม

สองคนนี้ถ่ายรูปด้วยกันจริงๆ เหรอ”

ผู้ช่วยชเวซึงฮวานเอียงศีรษะมองจากด้านข้าง

แปลกนะครับ ดูจากชุดกับการสะพายกระเป๋าของคุณซึงโมแล้ว น่าจะถ่ายช่วงเรียนมหา’ลัย แต่ตอนนั้นเขายังไม่รู้จักคุณดาอึนเลย ดูยังไงก็น่าจะใช้โฟโต้ช็อปทำครับ”

เฮ้อ...ถ้ามันพลาดขึ้นมาจะทำยังไง...ถ้าโดนจับได้คิดว่าตัวเองจะรับมือกับผลกระทบที่ตามมาไหวงั้นเหรอ”

คงคิดว่าต้องหยุดข่าวลือที่แพร่กระจายออกไปก่อนน่ะครับ ถ้าไม่มองในแง่ลบเกินไป นี่อาจจะเป็นวิธีที่ดีก็ได้ครับ ฝ่ายค้านคงจะมัวแต่ตรวจสอบว่าข่าวลือดังกล่าวเป็นความจริงหรือไม่ และระหว่างนั้นโอซองกรุ๊ปอาจจะเคลียร์สถานการณ์ได้ครับ”

นี่ก็แค่การซื้อเวลา...ถ้ามีรูปอื่นปล่อยออกมาอีกล่ะ”

แบบนั้นถือเป็นการลองดีกับโอซองกรุ๊ปนะครับ ในประเทศเรามีคนกล้าทำแบบนั้นด้วยเหรอ ต่อให้เป็นประธานาธิบดีก็อาจจะไม่ง่ายครับ”

ถ้าเป็นคนที่มีสามัญสำนึกก็คงใช่”

สส.ชอนโบยุนหวังว่าคนที่เผยแพร่ข่าวลือดังกล่าวจะมีสามัญสำนึกเหมือนคนอื่นเขาบ้าง

 ชั้นบนสุดของตึกวีวีไอพี โรงพยาบาลโอซอง

คนที่กำลังยึดครองห้องพักผู้ป่วยที่ใกล้เคียงกับห้องพักสุดหรูในโรงแรมซึ่งมีราคาสูงถึงแปดล้านวอนต่อวัน ก็คือผู้นำของโอซองกรุ๊ปอย่างรองประธานใหญ่คังแจชิกนั่นเอง

ดีจังครับ อำนาจของเงินนี่สุดยอดจริงๆ”

นั่นคือคำที่ยองฮุนพูดขณะมองรอบๆ ห้องพักผู้ป่วยอันหรูหราและกว้างขวาง

รองประธานใหญ่คังแจชิกดันตัวขึ้นและตอบห้วนๆ

ถึงจะดูเหมือนใช้ชีวิตอย่างพระราชา แต่กลับไม่มีอะไรเป็นดั่งใจฉันสักอย่างกินสิ่งที่อยากกินได้ไหม ขยับร่างกายตามใจชอบได้หรือเปล่า ข้างนอกสุกใสข้างในเป็นโพรงนั่นแหละ อย่ามัวยืนเหม่อ นั่งสิ”

ยองฮุนฉีกยิ้มและนั่งลงบนโซฟาสุดหรู

สัมผัสความนุ่มนวลของโซฟาพร้อมกับเอ่ยถาม

ถ้าคิดแบบนั้น ทำไมไม่ใช้แค่ห้องเดี่ยวล่ะครับ”

คิดถึงแต่ตัวเองได้ที่ไหน ถ้าอยู่ที่ที่มีคนเข้าๆ ออกๆ เยอะ เจ้าหน้าที่ก็ทำงานไม่สะดวก พวกคนป่วยก็ไม่สะดวกด้วย อีกอย่างผู้อำนวยการโรงพยาบาลก็ชอบให้ใช้ห้องนี้ด้วย เพราะอยากเพิ่มยอดขายน่ะสิ”

มีข่าวลือว่าผู้อำนวยการโรงพยาบาลกำลังจะโดนไล่ออกนี่ครับ”

ใช่ ฉันตัดสินใจปลดออกเอง แต่ตอนนี้เขายังอยู่ในตำแหน่ง คนไข้อย่างฉันก็ควรเกรงใจผู้อำนวยการโรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ”

ยึดมั่นในหลักการดีนะครับ”

เพราะเงินมันออกมาจากหลักการไง”

ยองฮุนหัวเราะ

อย่างนี้นี่เอง”

หัวเราะเยาะฉันเหรอ”

เปล่าครับ”

ช่างเถอะ ฉันรู้ว่านายหัวเราะเยาะฉัน กำลังด่าฉันว่ายึดมั่นในหลักการแต่ลับหลังกลับสร้างเงินทุนซุกซ่อนอย่างผิดกฎหมายละสิ”

ผมไม่ยักรู้ว่าท่านรองประธานใหญ่มีความสามารถในการอ่านใจคนด้วยครับ”

เหอะ...ไม่ปฏิเสธด้วยสินะ”

ใครๆ เขาก็นินทาลับหลังคนอื่นกันทั้งนั้นไม่ใช่เหรอครับ”

ตอนนี้นายอยู่ตรงหน้าฉันนี่”

แม้รองประธานใหญ่คังแจชิกจะจ้องตาเขม็ง แต่ยองฮุนกลับยักไหล่

ดังนั้นผมเลยไม่พูดอะไรไงครับ”

หึ! นายทำตัวเหมือนไม่กลัวอะไรเลยสินะ ขนาดนักการเมืองผู้เก่งกาจยังต้องโค้งคำนับให้ฉันเลย แต่นายเข้ามาแล้วผงกหัวเฉยๆ เลยรู้หรือเปล่า”

มันเป็นพิธีการที่ไร้สาระนะครับ คนที่โค้งเก้าสิบองศาต่อหน้าท่านรองประธานใหญ่ก็คงด่าในใจกันทุกคนแหละครับ”

รองประธานใหญ่คังแจชิกตะโกนออกไปข้างนอกอย่างไม่สบอารมณ์

เข้ามาซิ!”

เรียกผมเหรอครับ”

เลขาฯรีบเข้ามาแล้วก้มศีรษะลง

เอาชาร้อนมาสองแก้ว แล้วก็ขนมสองสามอย่างมาล้างปากหน่อย”

รับทราบครับ”

รองประธานใหญ่คังแจชิกหันกลับมาหายองฮุน

มองหน้านายแล้วรู้สึกเหมือนจะไม่สบาย”

ไม่อยากให้ผมมาเหรอครับ”

รองประธานใหญ่คังแจชิกจ้องยองฮุนด้วยสีหน้าไม่พอใจก่อนจะอ้าปากพูด

ทุกอย่างกำลังราบรื่นจนกระทั่งนายโผล่มา เพราะถึงจะไม่ค่อยพอใจแต่ก็คิดว่าเลี้ยงดูลูกๆ ได้ดีประมาณหนึ่งแล้ว ยังคิดอยู่ว่าถ้าฉันพูดคำเดียวประเทศเกาหลีก็แทบหยุดหายใจ แต่หลังจากเจอนาย ทุกอย่างก็ผิดพลาดไปหมด”

ผมได้ยินมาว่า ท่านรองประธานใหญ่ตัดสินใจมอบอำนาจให้ลูกชายคนรองนี่ครับ แสดงว่าคงจะผิดหวังกับลูกชายคนโตมาก เพราะแอบเห็นธาตุแท้ของลูกชายคนโตที่ท่านรองประธานใหญ่ไม่เคยรู้มาก่อน ใช่ไหมครับ”

รองประธานใหญ่คังแจชิกส่ายศีรษะไปมา

ฉันไม่ชอบนายเลย ไม่ชอบจริงๆ”

ผมเดาถูกสินะครับ”

“...”

ถึงอย่างนั้นก็ไม่คิดเหรอครับว่าโชคดีแล้ว”

ไม่รู้สิ บางทีการไม่รู้ไม่เห็นอาจจะเป็นยาก็ได้ เรื่องมีแค่นั้นที่ไหน แถมยังเป็นมะเร็งตอนอายุเท่านี้อีก...พูดอยู่นั่นว่าระยะแรก ทำอย่างกับรักษาหายได้ทันทีแต่อัตราการหายขาดก็ไม่ใช่ร้อยเปอร์เซ็นต์ พูดง่ายๆ ว่าถ้าซวยก็ตายฟรี”

อย่าบอกนะครับว่า เรื่องนั้นเป็นความรับผิดชอบของผมด้วย”

ไม่ใช่ความรับผิดชอบของนาย แต่ฉันลบความรู้สึกว่าหลังจากเจอนายก็มีแต่ข่าวร้ายรุมเร้าออกไปไม่ได้”

ลองคิดให้ดีๆ เถอะครับ ผมปรากฏตัวแล้วบอกให้เตรียมพร้อมสำหรับอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นนะ อีกอย่างท่านรองประธานใหญ่ก็ทำงานโดยไม่พักมาจนถึงตอนนี้ คิดซะว่านานๆ ทีได้พักผ่อนแบบไม่ต้องกังวลดีกว่าไหมครับเพราะบางครั้งคนเราก็ต้องการเวลาชาร์จแบตบ้าง”

นายเรียนรู้คำพูดคำจากับความกล้ามาจากใคร หรือว่าฝึกเอง”

ผลของการบำเพ็ญเพียรครับ”

บำเพ็ญเพียร?”

ครับ หมากล้อมมีคำกล่าวว่าหน้ากระดานไร้มนุษย์ หมายความว่าหน้ากระดานหมากล้อมไม่มีใครอยู่ครับ อย่าหวั่นกลัวชื่อเสียงของฝ่ายตรงข้ามและจดจ่ออยู่กับหมากล้อมเท่านั้น ที่ผมพูดทุกอย่างออกมาต่อหน้าท่านรองประธานใหญ่ได้แตกต่างจากคนอื่นๆ เพราะผมโฟกัสกับสถานการณ์เท่านั้นครับ”

พอฟังแล้วยิ่งรู้สึกไม่ดีกว่าเดิม พูดเหมือนที่มาหาฉันวันนี้ เพราะจะมารีดไถอะไรฉันอีกเลย”

วันนี้ไม่ใช่ครับ”

งั้นเหรอ โล่งอกขึ้นมาหน่อย”

รองประธานใหญ่คังแจชิกจิบชาร้อนที่เลขาฯนำมาเสิร์ฟ ก่อนจะกล่าวด้วยสีหน้าพึงพอใจ

แล้วมาหาฉันทำไม”

ทราบเรื่องนั้นหรือเปล่าครับ มีใครบางคนทำเรื่องแย่ๆ ใส่ลูกสาวคนเล็กของท่านรองประธานใหญ่”

อ๋อ...ฉันได้รับรายงานแล้ว”

คิดว่ายังไงครับ”

คิดว่ายังไงงั้นเหรอ...นายรู้ว่าใครเป็นคนทำสินะ”

ท่านรองประธานใหญ่ล่ะครับ”

ฉันไม่แน่ใจ”

ยองฮุนส่ายศีรษะทั้งสีหน้าเวทนา

อย่าทำแบบนั้นสิครับ ลูกชายคนรองของท่านรองประธานใหญ่กำลังลำบากนะครับ”

อีกฝ่ายทำหน้าประหลาดใจ

แดซองกำลังลำบากเหรอ”

เขาเข้าใจเจตนาของพ่อ แต่ลังเลไม่กล้าเคลื่อนไหว เพราะพ่อไม่ได้แสดงออกให้ชัดเจนครับ ถ้าชอบก็ต้องบอกว่าชอบสิ มัวแต่ส่งช็อกโกแลตกับนมมาให้บ่อยๆ โดยไม่พูดอะไรสักที ไม่อึดอัดเหรอครับ”

ท่าทางนายจะเคยทำสินะ”

เห็นจากในละครบ่อยๆ ครับ”

รองประธานใหญ่คังแจชิกหันหน้าหนีด้วยสีหน้าไม่พอใจ หยิบขนมมากินหนึ่งชิ้นก่อนจะพูด

จะบอกว่ามันซองเป็นคนทำเรื่องนั้นเหรอ”

คิดว่าฝ่ายค้านจะทำหรือเปล่าครับ”

ใครมันจะกล้าแตะต้องลูกสาวฉัน”

นั่นน่ะสิครับ ใครจะกล้าแตะต้องลูกสาวสุดที่รักของโอซอง โดยไม่เกรงกลัวสายตาของโอซองกรุ๊ปล่ะครับ ถ้าไม่ใช่คนของโอซองเอง”

มันกล้าดียังไง...”

มอบอำนาจให้ลูกชายคนรองสิครับ บางทีตอนที่ท่านรองประธานใหญ่ไม่อยู่นี่อาจเป็นจะข้ออ้างที่ดีสำหรับการจัดการหุ้นแล้วเริ่มต้นใหม่ครับ”

รองประธานใหญ่คังครุ่นคิดเกี่ยวกับคำพูดของยองฮุนแล้วถาม

แล้วนายจะได้อะไร”

วันนี้ผมไม่ได้มาเอาอะไรครับ”

ไม่สิ ไม่ใช่...ขนาดแม่สื่อธรรมดาๆ พอช่วยประสานสองตระกูลเข้าด้วยกันแล้วยังมาขออะไรกินเลย แต่นายมาหาฉันเพื่อทำให้แดซองกลายเป็นผู้สืบทอดโอซองของเรา แล้วจะมาบอกว่าไม่อยากได้อะไรงั้นเหรอ ฉันจะเชื่อคำพูดของนายได้หรือไง”

ฮ่าๆ นั่นสินะ เป็นคำพูดที่มีเหตุผลครับ อืม...ถ้ารวมหุ้นให้หัวหน้าฝ่ายคังแดซอง ผมจะค่อยๆ ดูแล้ววางแผนผลักดันบริษัทออกแบบเซมิคอนดักเตอร์ที่ชื่อว่าเอเอ็มเอซิสเต็มครับ เทคโนโลยีของที่นั่นกำลังได้รับการยอมรับ ถ้ารวมการสนับสนุนของโอซองเข้ามาด้วย น่าจะดีพอสมควรเลยครับ”

คงไม่ใช่แค่ดีพอสมควรหรอก หมดแล้วเหรอ”

แค่นั้นก็พอใจแล้วครับ”

แม้จะพูดเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่รองประธานใหญ่คังแจชิกก็คาดเดาได้ว่า ยองฮุนจะได้กำไรเยอะมากแค่ไหนหากแผนประสบความสำเร็จ

ดังนั้นจึงพยักหน้ารับ

ถ้าระบุถึงผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ คงจะสงสัยต่อแน่นอน

เข้าใจแล้ว ฉันจะลองคิดดู”

บอกว่าจะลองคิดดู

บางสถานการณ์คำนี้อาจจะแปรเปลี่ยนเป็นคำปฏิเสธ แต่ยองฮุนกลับลุกขึ้นพร้อมรอยยิ้ม

เพราะความหมายของคำว่า ‘จะลองคิดดู’ ที่อีกฝ่ายพูด คือการพูดอ้อมๆเพราะไม่อาจเสียศักดิ์ศรียอมรับคำตักเตือนของคนอายุน้อยกว่าได้ในทันที

ถ้างั้นพักผ่อนให้สบายและหายเป็นปกติในเร็ววันนะครับ”

ไม่ได้พูดจากใจก็ไม่ต้องพูด รีบไปเถอะ มองหน้านายต่อแล้วท้องไส้ปั่นป่วน”

อย่าเกลียดผมเลยครับ”

รีบไป”

รองประธานใหญ่คังแจชิกโบกมือ ยองฮุนจึงผงกศีรษะให้เหมือนตอนเข้ามาก่อนจะเดินออกจากห้องพักผู้ป่วย

หลังจากยองฮุนออกไปแล้ว รองประธานใหญ่คังแจชิกก็ตะโกนออกไปข้างนอกอีกครั้ง

เข้ามาซิ!”

เรียกผมเหรอครับ”

ใบหน้าบูดบึ้งอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อครู่นี้หายไปแล้ว

แจ้งประธานบริษัทในเครือทุกคนให้มารวมตัวกันที่นี่ตอนหกโมง ติดต่อโดยตรงและดำเนินการอย่างเป็นความลับสุดยอด ถ้าเรื่องนี้เข้าหูมันซองเมื่อไหร่มันคงจับนายถอดจนไม่เหลือแม้แต่ชุดชั้นในแล้วไล่ออกทันที เพราะฉะนั้นจัดการให้ดี”

รับทราบครับ”

รองประธานใหญ่คังแจชิกหันมองนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจนน่าหวาดหวั่น


 

บทที่ 293 โต้กลับ (4)

 

 ตึกวีวีไอพี โรงพยาบาลโอซอง เวลาหกโมงเย็น

ผู้คนนับสิบคนยืนกุมมืออย่างสุภาพในห้องพิเศษหมายเลขหนึ่งที่รองประธานใหญ่คังแจชิกพักฟื้นอยู่

เนื่องจากบุคลากรระดับประธานของแต่ละบริษัทในเครือโอซองกรุ๊ปทุกคนมารวมตัวกัน ห้องพักผู้ป่วยที่กว้างขวางจึงแคบขึ้นทันตา

รองประธานใหญ่คังแจชิกกวาดสายตามองผู้คนที่ยืนรวมตัวกันช้าๆก่อนจะเปิดปากพูด

ประธานคิมแดซึง”

ครับ”

ประธานคิมแดซึงจากโอซองเคมิคอลก้าวออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว

ดูจากเหงื่อที่ไหลผ่านจอนผมเป็นสาย เห็นได้ชัดว่ากำลังประหม่ามาก

ตอนฉันเข้าทำงานครั้งแรกในเฮฟวี่อินดัสทรีส์ ประธานคิมแดซึงก็เข้ามาพร้อมกันใช่ไหม”

ครับ ใช่ครับ”

ตอนนั้น เมื่อไหร่นะ...มันนานมากแล้ว ตอนนั้นฉันนึกไม่ถึงว่าโอซองของพวกเราจะกลายเป็นบริษัทระดับโลกขนาดนี้ด้วยซํ้า ทุกคนรู้หรือเปล่า ตอนฉันเข้าบริษัทครั้งแรกแล้วทำงานชุ่ยๆ เที่ยวอวดเก่งไปทั่วว่าเป็นลูกชายประธานบริษัทประธานคิมแดซึงเคยด่าฉันหนึ่งครั้งในฐานะเพื่อนร่วมรุ่นด้วย”

ด่าอะไรกันครับ ไม่เคยเลย”

ประธานคิมแดซึงโบกมือทั้งใบหน้าแดงกํ่า แต่รองประธานใหญ่คังแจชิกยิ้มแล้วพูดต่อโดยไม่ได้สนใจ

พูดว่าถึงนายจะเป็นลูกชายประธานบริษัท แต่ถ้าทำตัวไร้สติแล้วปล่อยให้เวลาผ่านไป บริษัทนี้ก็ไม่มีทางเป็นของนายหรอกหรือเปล่านะ บอกว่าอย่าอวดเก่งแล้วตั้งใจทำงานด้วย คำตักเตือนตอนนั้นช่วยไว้ได้มากจริงๆ ถ้าไม่มีคำนั้น ฉันคงเอาแต่ตามตื๊อผู้หญิงอยู่สักพักจนโดนพี่ชายแย่งบริษัทนี้ไป แล้วตอนนี้ก็อาจจะย้ายเข้าไปอยู่บ้านพักคนชรานู้น~”

ไม่ครับ ไม่มีทางเป็นแบบนั้นหรอก”

ไม่หรอก เคยเห็นฉันพูดจาไร้สาระหรือไง ตอนนั้นฉันไม่ทันได้พูดขอบคุณแต่ตอนนี้คงต้องพูดแล้วละ ขอบคุณมากสำหรับตอนนั้น”

ประธานคิมแดซึงโค้งตัวลงตํ่า

แก้มสั่นระริก แผ่นหลังเปียกชื้น ขณะกำลังเดาว่ารองประธานใหญ่คังแจชิกตั้งใจจะทำอะไร

อย่าพูดแบบนั้นเลยครับ”

เพราะฉะนั้นฉันเลยผิดหวังในตัวนายมาก”

ประธานคิมแดซึงหลับตาลงราวกับรู้ว่าถึงเวลาแล้ว

“...”

ช่วยเหลือมันซองมันก็ดี แต่ไม่ควรไปหาเรื่องครอบครัวสะใภ้ฉัน เพราะนั่นคือการลํ้าเส้น”

คิดไว้แล้วว่าคงจะรู้เรื่องการนัดพบกับประธานคังมันซอง แต่ไม่นึกว่าจะรู้กระทั่งเรื่องที่ไอเดียนั้นมาจากสมองของตน

คำพูดจากปากของใครบางคนที่อยู่ด้วยกันตอนนั้นต้องรั่วไหลไปถึงอีกฝ่ายแน่นอน

ขอโทษครับ”

ถ้าเป็นความจริงใจต่อบริษัท ฉันยอมรับได้นะ ถ้าเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการพัฒนาบริษัท ต่อให้เป็นบริษัทที่บ้านสะใภ้กำลังเล็งอยู่ พวกเราก็ต้องเอามา แต่จุดประสงค์ไม่ใช่แบบนั้นนี่ ฉันช็อกมากที่ได้ยินว่าทำเพื่อไล่แดซองออกจากฝ่ายกลยุทธ์”

ประธานคิมแดซึงคิดว่ามีบางอย่างแปลกๆ

เพราะนี่คือการเพ่งเล็งตนพร้อมกับโจมตีประธานคังมันซองอย่างเปิดเผย

ตอนพูดถึงประธานคังมันซองครั้งแรกก็ยังไม่รู้ตัวเพราะมันกะทันหันมากแต่การตำหนิอย่างต่อเนื่องของรองประธานใหญ่คังแจชิก ทำให้รู้สึกว่าในการตัดสินของรองประธานใหญ่ที่มีต่อประธานคังมันซองมีบางอย่างต่างออกไป

ถ้าอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะไม่เหลือหนทางรอดชีวิต

ประธานคิมแดซึงรีบเงยหน้าขึ้น หลังประเมินอย่างรวดเร็วว่าหากเหยื่อไม่ใช่ตัวเอง ก็ควรหาทางถอยห่างจากเป้าเท่าที่จะทำได้

ขอโทษครับ ผมไม่ควรทำแบบนั้น แต่พอประธานคังมันซองพูดถึงสิ่งที่ตัวเองต้องการ ผลก็เลยกลายเป็นอย่างนั้นครับ ผมควรคิดถึงแต่บริษัทแต่กลับเลือกข้างทางการเมือง ทั้งหมดเป็นความผิดของผมเองครับ”

มันซองพูดถึงสิ่งที่ต้องการเหรอ...มันซองต้องการอะไร”

แน่นอนว่าต้องรู้อยู่แล้วว่าสถานการณ์ของลูกชายคนโตเป็นอย่างไร เมื่อกี้ก็เพิ่งพูดเหมือนรู้ว่าเขาพยายามจะช่วยมันซอง แต่ตอนนี้กลับถามซํ้าอีกครั้ง

ประธานคิมแดซึงมั่นใจในส่วนนี้

ท่าทีเกี่ยวกับลูกชายคนโตของรองประธานใหญ่คังแจชิกเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

ไม่ว่ายังไงก็ดูเหมือนจะกังวลเรื่องหัวหน้าฝ่ายคังแดซองมากครับ”

เรื่องนั้นมันก็ปกติไม่ใช่เหรอ”

รองประธานใหญ่คังแจชิกขมวดคิ้ว

ต้องการอะไรที่แรงกว่านี้

เขารู้สึกว่าขอแค่ไล่หัวหน้าฝ่ายคังแดซองออกได้ จะใช้วิธีไหนก็ไม่เกี่ยงทั้งนั้นครับ”

อาจจะคิดว่าตำแหน่งของตัวเองไม่มั่นคง”

นอกจากนี้ยังคิดว่า ทำแบบนั้นแล้วจะเสียบคนของตัวเองเข้าไปแทนคนของหัวหน้าฝ่ายคังแดซอง เพื่อสร้างฐานอำนาจของตัวเองในโอซองอิเล็กทรอนิกส์ได้ครับ”

เหอะ...แค่ไล่แดซองออกก็พอแล้วหนิ ทำไมต้องสร้างฐานอำนาจด้วย”

แล้วเมื่อไหร่...”

ประธานคิมแดซึงหยุดคำพูดไว้แค่นั้น

ความเงียบอันน่าอึดอัดโรยตัวลงปกคลุม

คำที่โพล่งออกมาอย่างเหนือความคาดหมาย ทำให้ประธานบริษัทในเครือที่รวมตัวกันอยู่ตรงนี้ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ

อืม...งั้นเหรอ มันซองพูดอย่างนั้นเหรอ”

ในความคิดของผมเป็นอย่างนั้นครับ ทั้งหมดเป็นความผิดของผมเองผมควรจะช่วยดูแลให้ดี...”

จิ๊ๆๆ...ถ้ามีเรื่องแบบนั้นก็ต้องมาถามฉันสิ ควรจะมาหาคำตอบก่อน!ทำอย่างกับไม่มีสมอง...”

ขอโทษครับ”

รองประธานใหญ่คังแจชิกละสายตาจากประธานคิมแดซึงและกล่าวกับคณะประธาน

ฉันปวดใจมาก อุตส่าห์สร้างโอซองให้เป็นบริษัทระดับโลก แต่กลับไม่มีอะไรเป็นดั่งใจให้สมกับที่เลี้ยงมาเลย ใครจะรู้ว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับฉันพวกนายก็กลับบ้านไปเอาใจใส่ลูกๆ ด้วยล่ะ อย่าเป็นแบบฉัน”

พูดอะไรแบบนั้นล่ะครับ”

อย่าเครียดเกินไปเลยครับ”

ถึงพวกประธานบริษัทในเครือจะพูดปลอบใจ แต่รองประธานใหญ่คังแจชิกก็ส่ายหน้าก่อนจะชี้ไปที่ประธานคิมแดซึง

เพื่อนคนนี้ทำงานหนักเลยใจร้อน พูดอะไรไร้สาระ เพราะฉะนั้นทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดเมื่อกี้แล้วกันนะ”

รับทราบครับ”

ฉันน่ะ ลองไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนระหว่างนอนอยู่ที่นี่ แต่ปวดหัวเพราะลูกๆ ตัวเองนี่แหละ เฮ้อ แค่จะให้ดาอึนแต่งงาน ทำไมถึงมีเรื่องวุ่นวายเต็มไปหมด อ้อ ประธานโจ”

ประธานโจนัมฮยอก คนสนิทที่สุดของรองประธานใหญ่คังแจชิกก้มศีรษะลง

ครับ ท่านรองประธานใหญ่”

งานแต่งงานของดาอึนอยู่ตรงหน้าแท้ๆ ยังมีใครกล้ามาเล่นตลกอะไรสืบมาหรือยัง”

คือว่า...”

ดูเอาสิ เดี๋ยวนี้ไม่มีใครทำงานได้ดั่งใจฉันสักคน ถามอะไรไปก็พูดไร้สาระหรือไม่ก็ไม่มีคำตอบที่ชัดเจนให้ เป็นแบบนี้แล้วฉันจะรักษาอาการป่วยอยู่ที่นี่ได้อย่างสบายใจไหม”

“...”

ไม่เข้าใจสถานการณ์สักนิดเลยเหรอว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น พวกฝ่ายค้านใช่ไหม ฉันต้องไปถล่มยออีโดหรือเปล่า”

ประธานโจนัมฮยอกกัดริมฝีปาก ก่อนจะอ้าปากพูดอย่างลำบากใจ

ความจริง...”

ความจริง? จะอํ้าอึ้งทำไม อยากเห็นฉันท้องไส้ปั่นป่วนจนตายหรือไง!”

เอ่อ...ดูเหมือนจะเป็นการเคลื่อนไหวจากทางสะใภ้ใหญ่ครับ”

ใบหน้าของรองประธานใหญ่คังแจชิกแข็งค้าง

สองรอบติด

ฉากที่เหมือนเตี๊ยมเอาไว้นำพาความเงียบกลับมาอีกครั้ง

ยอจินเป็นคนทำงั้นเหรอ”

นักข่าวที่ใกล้ชิดกับบริษัทบันเทิงของน้องชายสะใภ้ใหญ่เป็นตัวตั้งตัวตีเรื่องนี้ครับ”

ถ้ามีข่าว นักข่าวก็ต้องขยับปากกาก่อนอยู่แล้ว แปลกตรงไหน”

สื่อแรกที่นำเสนอข่าวเป็นสำนักข่าวออนไลน์เลยไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนักแต่นั่นเป็นหลุมพรางครับ พอลองตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง สำนักข่าวดังกล่าวสามารถโพสต์ข่าวด้วยนามแฝงได้ และนักข่าวคนนั้นก็นำข่าวมาเขียนอีกรอบครับ จงใจทำเหมือนเขียนข่าวตามเนื้อหาที่มีใครบางคนโพสต์ไว้ แต่จริงๆ แล้วเขาเป็นคนเขียนข่าวทั้งสองข่าวเอง การกระทำแบบนั้นมองได้แค่อย่างเดียวครับ คือทำเพื่อสร้างสถานการณ์”

รองประธานใหญ่คังแจชิกถามด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ

ทำไมลูกสะใภ้ฉันถึงต้องทำแบบนั้น”

คงจะคิดว่าคุณดาอึนกับหัวหน้าฝ่ายคังแดซองร่วมมือกัน เลยพยายามล่มการแต่งงาน...”

คิดจะล่มการแต่งงาน! มันสมเหตุสมผลหรือไง!”

แค่เรื่องราวที่เกิดขึ้นก็ไม่ธรรมดาจนต้องกลั้นหายใจแล้ว แต่พอตวาดเสียงดังด้วย ประธานบริษัทหลายๆ คนถึงกับหลับตาลงเหมือนไม่กล้ารับรู้อะไรทั้งนั้น

ขอโทษครับ”

ประธานโจขอโทษเรื่องอะไร แล้วจะทำยังไงต่อ การแต่งงานของดาอึนจะพังเหรอ จะให้ลูกสาวฉันขายหน้างั้นเหรอ”

โชคดีอย่างหนึ่งครับ คุณชอนซึงโม ว่าที่สามีของคุณดาอึนแต่งภาพขึ้นมา แล้วโพสต์รูปถ่ายของตัวเองกับคุณดาอึนตอนคบกัน รวมถึงเขียนข้อความว่าข่าวลือดังกล่าวเป็นเรื่องโกหกครับ ความคิดเห็นของทุกคนเลยพลิกกลับเพราะเรื่องนั้น แต่มีข่าวตอบโต้...”

ออกมาอีกงั้นเหรอ”

“...ขอโทษครับ”

รองประธานใหญ่คังแจชิกทุบหน้าอกด้วยความอึดอัดใจก่อนจะถาม

ทางแก้ล่ะ”

เรากำลังไล่กวดนักข่าวอยู่ครับ ข่าวตอบโต้เพิ่งถูกโพสต์เมื่อครู่นี้ แต่พอรู้ว่าพวกเรากำลังไล่ตามก็รีบลบทิ้งทันที ผมคิดว่าน่าจะจัดการได้ก่อนเที่ยงคืนครับ”

ข่าวตอบโต้จะทำให้ซึงโมลำบากหรือเปล่า”

ข่าวตอบโต้นั่นไม่ใช่หลักฐานที่พลิกหลักฐานของคุณซึงโมได้อย่างสมบูรณ์ครับ แค่เพิ่มความน่าสงสัยไม่กี่อย่าง แต่ข่าวถูกลบไปแล้ว ความน่าเชื่อถือของเนื้อหาจึงลดลงเยอะเช่นกัน ถ้าจัดการได้ตามนี้ ภาพลักษณ์ของคุณดาอึนก็คงจะไม่เสียหายอะไรมากครับ”

รองประธานใหญ่คังแจชิกหลับตาลง

ฉันเลี้ยงลูกมาผิดจริงๆ ผิดมาก...”

“...”

ทุกคนคิดว่ายังไง ประธานยุน ประธานโกคิดยังไง คิมแจจินล่ะ”

ประธานบริษัทเฮฟวี่อินดัสทรีส์ การค้า และประกันชีวิต ตามลำดับ

ก่อนหน้านี้พวกเขาเป็นคนใกล้ชิดของประธานคังมันซอง เช่นเดียวกับประธานคิมแดซึง

เหล่าประธานที่โดนเรียกชื่อต่างใจตกไปที่ตาตุ่มและรีบโค้งศีรษะ

ประธานคังมันซองทำผิดพลาดครับ”

คงปล่อยไว้ไม่ได้ครับ”

นึกไม่ถึงว่าประธานคังมันซองจะโลภขนาดนั้น...”

ทุกคนพูดกันคนละประโยค แต่ไม่มีประโยคไหนเข้าข้างประธานคังมันซองเลย

ประธานโจคิดว่ายังไง”

ตอนเรียกรวมตัวประธานบริษัท ประธานโจนัมฮยอกก็รู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ ตั้งแต่ได้รับคำสั่งให้จับตามองลูกชายคนโตเป็นพิเศษ

ปัจจุบันท่านประธานใหญ่ล้มป่วยจนต้องนอนพักรักษาตัวมาเป็นเวลานานท่านรองประธานใหญ่ก็ยังได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง แน่นอน ถึงผมจะรู้ว่ามันรักษาได้ แต่ก็อดคิดถึงสถานการณ์เลวร้ายที่สุดไม่ได้ครับ”

ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วก็ยังรู้สึกขมขื่นอยู่ดี”

ขอโทษครับ”

ไม่หรอก นายพูดถูกแล้ว ว่าต่อสิ”

ท่ามกลางสถานการณ์นี้ ถ้าแม้กระทั่งท่านรองประธานใหญ่ยังมีปัญหาสุขภาพ มีความเป็นไปได้ว่าสถานการณ์โดยรวมของกรุ๊ปจะสั่นคลอนครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพวกนายทุนต่างประเทศเล็งจังหวะที่โอซองสั่นคลอน บริษัทในเครือหลายๆ แห่งอาจจะล้ม...ถ้าพิจารณาจากแนวโน้มที่เลวร้ายที่สุด ก็อาจจะเป็นอย่างนั้นครับ”

ถูกต้อง”

ถ้าดูจากการกระทำที่ไร้ความคิดและประมาทของประธานคังมันซองในช่วงเวลาแบบนี้แล้ว ยังทำให้มองว่าไม่อาจฝากอนาคตของกรุ๊ปไว้ได้ด้วยครับผมคิดว่าการโอนหุ้นให้หัวหน้าฝ่ายคังแดซองแทนประธานคังมันซอง เพื่อทำให้สิทธิ์การบริหารของผู้สืบทอดมั่นคงขึ้น และเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์เลวร้ายที่อาจจะเกิดขึ้น คือสิ่งที่ถูกต้องครับ”

รองประธานใหญ่คังแจชิกขมวดคิ้ว

ให้แดซอง? ไม่เร็วเกินไปเหรอ อีกอย่างแดซองมันมีแววหรือไง”

ทั้งๆ ที่จับมือจนแทบจะจูบปากกันแล้วด้วยซํ้า

การกลับคำตรงนี้นั้น ถ้าไม่บ้าก็คงเสียสติ

เขาเหมือนท่านรองประธานใหญ่อย่างกับพิมพ์เดียวกัน ความสามารถสุดยอดมากครับ”

ปฏิกิริยาโต้ตอบกับความใจกล้าของหัวหน้าฝ่ายคังแดซอง ก็ไม่ธรรมดาเลยนะครับ”

จนถึงตอนนี้ยังไม่เคยเห็นหัวหน้าฝ่ายคังแดซองก่อเรื่องเลยสักครั้งครับไม่จำเป็นต้องพูดถึงความสามารถอยู่แล้ว แต่บุคลิกภาพก็ยังยอดเยี่ยม พวกพนักงานวัยรุ่นๆ ชอบเขาเยอะนะครับ”

ทุกคนชื่นชมหัวหน้าฝ่ายคังแดซองเป็นเสียงเดียวกัน

รองประธานใหญ่คังแจชิกทำสีหน้าไม่สบอารมณ์เหมือนไม่ค่อยพอใจ

ชมเกินเหตุจนเหมือนคำโกหก ยังไงก็ตาม ทุกคนมองว่าแดซองสมควรรับช่วงต่อจากฉันใช่ไหม”

ใช่ครับ”

อืม...โอเค ประธานคิมแดซึง?”

ครับ?”

เอาสมุดบัญชีออกมา แล้วยื่นใบลาออกซะ”

สมุดบัญชีที่รองประธานใหญ่คังแจชิกพูดถึงคือ สมุดบัญชีที่มีเงินทุนลับของเขา

การฝากฝังสิ่งนั้นไว้ ถือเป็นสัญลักษณ์ของความไว้ใจ

แต่นี่คือช่วงเวลาใจสลายสำหรับประธานคิมแดซึงที่นึกว่าตัวเองผ่านวิกฤตมาได้แล้ว

ท่านรองประธานใหญ่...”

นายทำดีมาตลอดนะ แต่ฉันจะปล่อยคนที่เคยเอามีดจ่อคอแดซองไว้ได้ยังไง”

ผมไม่มีทางทำแบบนั้นเด็ดขาดครับ”

ฉันรู้ แต่ก็อดคิดเผื่อไว้ไม่ได้ เอาสมุดบัญชีออกมาแล้วยื่นใบลาออกถ้าคิดจะเปิดบริษัทเล็กๆ ฉันจะช่วยให้นายตั้งตัวได้แทน แค่นั้นคงพอ”

ประธานคิมแดซึงโค้งคำนับทั้งนํ้าตาพร้อมกับคิดว่าแค่นั้นก็โชคดีแล้ว

ขอบคุณครับ ผมจะไม่ลืมบุญคุณนี้ไปจนตาย”

รองประธานใหญ่คังแจชิกหันไปหาประธานโจนัมฮยอก เหมือนไม่อยากเห็นนํ้าตาของอีกฝ่าย

ต้องวางแผนโอนหุ้นใหม่หรือเปล่า”

มีแผนเตรียมไว้เผื่อสถานการณ์แบบนี้แล้วครับ ถ้าจัดการสำเร็จตามแผน ต่อจากนี้หัวหน้าฝ่ายคังแดซองจะไม่มีปัญหากับการบริหารในกรณีที่ท่านรองประธานใหญ่ไม่อยู่ครับ”

เขาพยักหน้าอย่างพอใจในคำตอบ ก่อนจะกวาดสายตามองรอบตัว

โอนหุ้นทั้งหมดให้เรียบร้อยภายในวันพรุ่งนี้”

รับทราบครับ”

เมื่อพูดคุยเสร็จสิ้นแล้ว รองประธานใหญ่คังแจชิกก็มองเหล่าประธานบริษัทที่พากันโค้งคำนับทั้งสีหน้าโล่งใจและขมขื่นในเวลาเดียวกัน


 

บทที่ 294 ผลของความโลภ (1)

 

ต่อให้เรียกตัวเหล่าประธานบริษัท อย่างลับสุดยอดแค่ไหน แต่ผู้บริหารโอซองอิเล็กทรอนิกส์และประธานบริษัทในเครือต่างๆ ก็มีกันตั้งหลายคนจึงไม่มีทางปกปิดความลับนั้นได้มิดอยู่แล้ว

แม้เหล่าประธานบริษัทจะปิดปากเงียบ แต่จำนวนพนักงานฝ่ายเลขานุการที่อยู่ใต้สังกัดพวกเขาก็มีมากกว่าหนึ่งร้อยคนแล้ว จะปิดปากคนจำนวนมากขนาดนั้นหมดได้อย่างไร

ข่าวการประชุมที่โรงพยาบาลโอซองจึงมาถึงหูของประธานคังมันซองจนได้

แน่นอนว่าเขาได้ยินในเช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากการประชุมที่โรงพยาบาลจบลง

ว่าไงนะ”

เมื่อวานมีการประชุมผู้บริหารที่โรงพยาบาลโอซองครับ”

รายงานด่วนของหัวหน้าเลขาฯทำเอามันซองตกตะลึงอย่างหนักเหมือนโดนค้อนทุบศีรษะ

สติพร่าเลือน ภาพตรงหน้ามืดสนิท จนถึงกับเข้าใจผิดว่ากำลังฝันอยู่

ดังนั้นสิ่งที่พูดออกมาเลยมีแค่นี้

ยกเว้นฉันคนเดียว?”

ครับ บุคลากรระดับประธานบริษัทในเครือเข้าร่วมทั้งหมด ได้ยินว่าคำสั่งดังกล่าวถูกส่งต่ออย่างลับสุดยอดครับ”

เขาหายใจออกช้าๆ และพยายามตั้งสติ

เนื้อหาการประชุมล่ะ”

ไม่มีใครทราบครับ”

เรียกประธานบริษัททุกคนไปที่โรงพยาบาล มันต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นไม่ใช่หรือไง”

ประธานคังมันซองไม่อาจซ่อนความวิตกกังวลไว้ได้ ถึงมะเร็งกระดูกอ่อนระยะแรกจะสามารถรักษาได้ แต่ก็เข้าโรงพยาบาลเพราะมะเร็งจริงๆ ท่ามกลางสถานการณ์แบบนั้น กลับเรียกประธานบริษัททุกคนไปที่ห้องพักผู้ป่วยงั้นเหรอแถมยังเว้นลูกชายคนโตที่เป็นถึงประธานบริษัทโอซองดิจิทัลอย่างตัวเองอีก

ถ้ายังรู้สึกสบายใจอยู่ก็คงแปลกเต็มที

ยังไม่มีการเคลื่อนไหวที่เห็นได้ชัดครับ”

แดซองล่ะ”

วันนี้หัวหน้าฝ่ายคังแดซองมาทำงานตอนเช้าตามปกติ ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เป็นพิเศษครับ”

แค่ตอบว่าไม่รู้ก็จบแล้วหรือไง อย่างน้อยก็ควรจะรู้อะไรบ้างไม่ใช่เหรอ!”

สุดท้ายมันซองก็ทนฟังคำตอบอันน่าอึดอัดของหัวหน้าเลขาฯไม่ไหวและตะโกนออกมา

เวลานั้นพนักงานคนหนึ่งของฝ่ายเลขานุการรีบเปิดประตูเข้ามาพูดเสียงดัง

ท่านประธาน! มีรายงานว่าหัวหน้าฝ่ายคังแดซองได้รับหุ้นห้าเปอร์เซ็นต์จากโอซองการผลิตค่ะ นอกเหนือจากนั้น โอซองไมโครที่หัวหน้าฝ่ายคังแดซองเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ยังทำการซื้อหุ้นของโอซองประกันชีวิตในการซื้อขายนอกเวลาเมื่อวันก่อนเป็นจำนวนมากด้วยค่ะ”

อะไรนะ”

บริษัทในเครือทั้งหมดกำลังทำการซื้อขายหุ้นของโอซองประกันชีวิตโอซองการผลิตและโอซองอิเล็กทรอนิกส์ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันนี้ ดูเหมือนเริ่มมีการโอนหุ้นครั้งใหญ่แล้วค่ะ”

โอซองการผลิตและโอซองประกันชีวิตคือบริษัทในเครือที่ถือหุ้นของโอซองอิเล็กทรอนิกส์มากที่สุด

การที่ได้รับหุ้นของบริษัทเหล่านั้น จึงไม่ต่างอะไรกับการยกโอซองอิเล็กทรอนิกส์ให้แดซอง

แม่งเอ๊ย!”

เขาทุบโต๊ะดังปังเพราะไม่อาจระงับความโกรธเอาไว้ได้ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วหยิบเสื้อ

เตรียมรถ!”

รับทราบครับ”

มันซองรีบเดินไปที่ลิฟต์พร้อมกับครุ่นคิด

การไปโรงพยาบาลเพื่อพบพ่อในสถานการณ์นี้ ยังจะมีความหมายหรือเปล่า

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม หากพ่อตัดสินใจแล้ว ต่อให้ทำอย่างไรก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจ

แต่เหตุผลคืออะไรกันแน่นะ

แม้จะรู้สึกไม่ยุติธรรมและโกรธเคือง แต่ต้องรีบหยุดการโอนหุ้นที่กำลังเกิดขึ้นก่อนสิ่งอื่นใด

มันซองก้าวขึ้นรถ ก่อนจะตัดสินใจและพูดกับคนขับรถอายุคราวพ่อ

กลับบ้าน”

รับทราบครับ”

ตลอดสามสิบนาทีจากระยะทางตั้งแต่บริษัทจนกลับถึงบ้าน ในสมองของมันซองแทบไม่ต่างจากอยู่ท่ามกลางสนามรบ

คิดหัวแทบแตกว่ามันผิดพลาดตั้งแต่ตรงไหน กระทั่งหัวหน้าเลขาฯที่นั่งอยู่ข้างคนขับเหลียวหลังมาพูด

ท่านประธาน ได้รับแจ้งว่ามีการกล่าวถึงเรื่องของคุณหนูเล็ก ในการประชุมที่โรงพยาบาลโอซองเมื่อวานครับ”

ดาอึนเหรอ”

มันซองรู้สึกเหมือนใจตกไปที่ตาตุ่มอีกครั้ง

หลังจากบอกภรรยาว่าแดซองกับดาอึนมีข้อตกลงร่วมกัน เขาก็ได้ยินเธอบอกว่าเดี๋ยวจะพยายามหาทางล่มการแต่งงาน

ตอนฟังก็คิดว่านั่นเป็นความคิดที่ไม่เลว และเหนือสิ่งอื่นใด ครอบครัวของยอจินเองก็ไม่ธรรมดา จึงไม่คิดว่าจะมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นได้

ครับ”

ดาอึนทำไม”

ว่ากันว่าภรรยาท่านประธานอาจจะเป็นคนสร้างข่าวลือของคุณหนูเล็กครับ”

มันซองเอนศีรษะไปด้านหลัง หลับตาลงแล้วถามออกมา

ใครเป็นคนบอก”

มาจากทางประธานคิมแดซึงครับ”

ไม่ติดต่อหาฉัน แต่ติดต่อหานายงั้นเหรอ”

เขาไม่ได้ติดต่อผม แต่ถูกส่งต่อมาอ้อมๆ ผ่านพนักงานฝ่ายเลขาฯครับดูจากการหลีกเลี่ยงที่จะติดต่อกับท่านประธานโดยตรงแล้ว แสดงว่าท่านรองประธานใหญ่...”

เวรเอ๊ย...เพราะแบบนี้ไงเขาถึงบอกว่าคนมันเลี้ยงไม่เชื่อง แกว่งหางเป็นหมาเหมือนจะจงรักภักดีไปตลอดชีวิต...”

ทันทีที่มันซองสบถ หัวหน้าเลขาฯจึงลังเลก่อนจะพูด

คือว่า...ประธานคิมแดซึงยื่นใบลาออกเมื่อเช้านี้ครับ”

ใบลาออก?”

ครับ”

ถ้าเปลี่ยนใจคงจะด่าให้เต็มปากเต็มคำ แต่มันซองกลับมือสั่นเมื่อได้ยินว่ายื่นใบลาออก

เพราะใครเห็นก็รู้ว่านี่คือการตัดมือตัดเท้าของเขา

คิดไม่ถึงว่าการตัดสินใจของพ่อจะรุนแรงขนาดนี้ เขาหันหน้าออกนอกหน้าต่างและกลั้นนํ้าตาไว้ได้อย่างหวุดหวิด

ด้วยศักดิ์ศรีของเขาทำให้ไม่อาจหลั่งนํ้าตาต่อหน้าพนักงานได้ แต่การกระทำนี้แปรเปลี่ยนทันทีที่มาถึงบ้านแล้วเห็นหน้าแม่

แม่! แม่! ช่วยผมด้วยครับ แม่!”

มันซองคว้ามือแจซุกพร้อมกับปล่อยโฮ

ทำไม เกิดอะไรขึ้น”

พ่อ...พ่อจะไล่ผมออกครับ”

เมื่อได้รับรู้สถานการณ์แล้ว แจซุกก็นั่งลงบนโซฟาพลางถอนหายใจ

ฮู่...นี่มันเรื่องอะไรเนี่ย...มีเรื่องอะไรกัน...”

แม่ช่วยโน้มน้าวพ่อหน่อยนะครับ แม่จะไม่ปล่อยให้พ่อไล่ผมออกจากบริษัทแบบนี้ใช่ไหม”

ทำไมพ่อเขาถึงต้องคิดจะไล่แกออก”

ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ทุกอย่างมันเป็นเพราะแดซอง ไอ้เด็กเวรนั่นมันหลอกล่อพ่อจนกลายเป็นแบบนี้ครับ”

แดซองทำอะไร แดซองยอมเสียสละทุกอย่างให้แกมาตลอด คนแบบนั้นจะพยายามไล่แกออกแล้วยึดตำแหน่งแทนได้ยังไง”

คงจะอิจฉาผมครับ ที่ต้องยอมเสียสละเพราะความสามารถมันไม่ถึงเองต่างหาก แต่พอใช้ชีวิตแบบนั้นมาตลอด มันจะแค้นผมมากแค่ไหนล่ะครับ คงใส่ร้ายผมให้พ่อฟัง...”

ถ้างั้นก็ไปบอกพ่อแกสิ อย่ามากวนฉัน”

คำพูดเย็นชาของแม่ทำให้มันซองอึ้งจนหลงลืมคำพูดไปชั่วขณะ

แม่...”

แกไม่รู้เหรอว่าพ่อแกได้โอซองมายังไง ถ้าฉันออกหน้าแล้วพยายามเปลี่ยนใจพ่อแก เขาจะมองแกยังไง นี่เป็นหน้าที่ของแก ถ้าอยากได้ก็ไปแย่งมา แกได้ยินคำนี้จากพ่ออยู่บ่อยๆ ไม่ใช่เหรอ”

“...”

มันซอง แม่เหนื่อยแล้ว ตั้งแต่แต่งเข้าตระกูลคังก็ไม่เคยได้ผ่อนคลายความเครียดเลยสักวินาทีเดียว แถมยังต้องเฝ้าไข้พ่อสามีจนมาถึงพ่อแกอีก ถึงคนอื่นเขาจะอิจฉาเรียกฉันว่าคุณผู้หญิงตระกูลมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของประเทศเกาหลี แต่แม่เหนื่อยมาก อายุปูนนี้ก็ไม่เหลือเรี่ยวแรงจะไปสู้กับพ่อแกแล้ว”

แม่...ถึงอย่างนั้น...”

ขอโทษนะ”

แจซุกสะบัดมือลูกชายทิ้งอย่างเย็นชาแล้วเดินเข้าห้อง

เสียงล็อกประตูห้องนอนที่ดังขึ้นเปรียบเสมือนการตัดความหวังที่เหลืออยู่ของมันซอง

หัวหน้าฝ่ายคังแดซองมาทำงานตามปกติเหมือนทุกครั้ง และไม่สามารถซ่อนความสุขจากข่าวที่ได้ยินตั้งแต่เช้าได้

ยินดีด้วยนะครับ”

อย่าลืมผมนะครับ”

ระหว่างทางที่ได้ยินลูกน้องและเพื่อนร่วมงานจากฝ่ายกลยุทธ์เข้ามาพูดคุยด้วย เขาก็ยังไม่รู้สึกว่านี่เป็นความจริงเลย

ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ แต่พอกลายเป็นความจริงขึ้นมากลับรู้สึกทำตัวไม่ถูก

ตอนแรกพวกพนักงานฝ่ายกลยุทธ์ค่อยๆ เข้ามาแสดงความยินดี หลังจากเวลาผ่านไปพวกผู้บริหารก็เข้ามา สุดท้ายคือบุคลากรระดับประธานและรองประธาน

แดซองคิดว่าขืนเป็นแบบนี้แล้วพลาดท่าพูดจาอวดดีขึ้นมาจะทำอย่างไรจึงรีบออกมาจากบริษัทเพื่อไปอึลจีโรที่ยองฮุนกำลังทำงานอยู่

เขารออยู่ในร้านกาแฟแฟรนไชส์ขนาดใหญ่ใกล้กับเอชเอสการผลิต ก่อนจะโบกมือเมื่อยองฮุนปรากฏตัว

ทำไมไม่ไปที่โรงแรมล่ะครับ ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องสนใจสายตาคนอื่นแล้วเหรอ”

ถ้าไปโรงแรมบ่อยเกินไปก็ยังไงๆ อยู่นะครับ ต่อให้บอกว่าไปมีตติ้งเรื่องงานบริษัท แต่ก็อาจจะมีข่าวลือแปลกๆ เกิดขึ้นได้...แล้วก็เหมือนที่กรรมการผู้จัดการชเวยองฮุนบอก ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องสนใจสายตาใครแล้วครับ”

ผมได้ยินมาว่าเริ่มโอนหุ้นแล้วเหรอครับ”

ครับ ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณกรรมการผู้จัดการชเว”

ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร...”

ยองฮุนยักไหล่ด้วยสีหน้าเฉยเมยเหมือนมันเป็นเรื่องธรรมดาแล้วเอ่ยถาม

ประธานคังมันซองไม่น่าจะยอมอยู่เฉย เตรียมตัวไว้หรือยังครับ”

ฮ่าๆ คนในฝ่ายกลยุทธ์ของเราไม่ธรรมดานะครับ เตรียมการเผื่อไว้เรียบร้อยแล้ว”

ถ้างั้นก็โล่งอกไปทีครับ”

เพราะพ่อของผมป่วย ดังนั้นต่อให้เรื่องนี้จะเป็นไปได้ก็ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้...คุณโน้มน้าวพ่อยังไงกันแน่ครับ ถึงยอมลงข้อสรุปเลย”

ผมเองก็ลืมไปแล้วครับ พูดว่าอะไรนะ”

ครับ?”

ช่างเรื่องนั้นแล้วมาจัดการเรื่องนี้ดีไหมครับ”

จัดการอะไร...”

ยองฮุนหยิบแฟ้มออกมาจากกระเป๋าที่ถือมาด้วย

แดซองถามหลังจากเห็นแฟ้มสีดำที่ไม่มีชื่อ

นี่คืออะไรครับ”

ข้อมูลครับ เอเอ็มเอซิสเต็ม”

อ๋อ...”

ผมไม่ค่อยแน่ใจ แต่ดูเหมือนเอเอ็มเอซิสเต็มต้องการเงินลงทุนจำนวนมากครับ เขาบอกว่าควรทำสัญญาก่อนให้เร็วที่สุดเพื่อกำหนด IPO[1]

ฮ่าๆ...รีบจังเลยนะครับ เดี๋ยวผมจะลองเอาไปปรึกษาดูก่อนครับ”

ตอนหัวหน้าฝ่ายคังแดซองหยิบแฟ้มแล้วตอบกลับ ยองฮุนก็จับข้อมือเขาไว้

ผมไม่ได้เอามาเพื่อขอแค่ให้ลองพิจารณานะครับ รู้ใช่ไหม”

ครับ? อ๋อ แน่นอนครับ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่สามารถโยนแฟ้มนี้แล้วสั่งว่าต้องทำให้ได้อย่างไม่มีข้อแม้นี่ครับ”

ผมไม่สนใจว่าหัวหน้าฝ่ายคังแดซองจะบอกพนักงานยังไงครับ ผมไม่ได้ผลักดันบริษัทที่มีเทคโนโลยีห่วยๆ อยู่แล้ว คุณจะจัดการยังไงก็ตามใจ แต่อย่างช้าภายในเดือนหน้า เอเอ็มเอซิสเต็มกับโอซองอิเล็กทรอนิกส์จะต้องลงนามในสัญญาจัดหาพิมพ์เขียว และสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในระยะยาวครับ สองอย่างนี้ไม่ใช่ประเด็นที่ต้องปรึกษา แต่ต้องรักษาไว้ครับ เข้าใจใช่ไหมครับว่าผมหมายถึงอะไร”

คังแดซองกลืนนํ้าลายดังเอื๊อกเมื่อถูกแววตาเรียบนิ่งของยองฮุนกดดัน

ครับ ทุกอย่างจะเป็นไปตามนั้น”

มุมปากของยองฮุนจึงวาดเป็นรอยยิ้ม

เยี่ยมเลยครับ”

หลังจากพูดอย่างนั้นจบก็ลุกขึ้นเหมือนเสร็จธุระแล้ว

จะกลับแล้วเหรอครับ”

ครับ รู้ไหมครับว่าทำไมผมถึงผลักดันคุณ ไม่ใช่ประธานคังมันซอง”

“...”

เพราะคุณเป็นคนที่รู้จักขอบคุณครับ แล้วก็ทำได้ดีอย่างที่คิดจริงๆ พอดีผมมีธุระด่วน คงต้องขอตัวก่อนนะครับ”

อย่างนี้นี่เอง โอเคครับ”

ยินดีด้วยนะครับ”

ขอบคุณครับ”

ยองฮุนทิ้งหัวหน้าฝ่ายคังแดซองที่ขอบคุณกันอย่างจริงใจไว้ แล้วรีบออกมาจากร้านกาแฟ

เหตุผลที่ทำให้ยองฮุนรีบขนาดนี้เป็นเพราะภรรยาเรียกตัวให้มาที่โรงแรมบอกว่ามีเรื่องด่วนจะคุยด้วย ระหว่างออกไปทำงานนอกสถานที่

ยองฮุนเดินไปที่โรงแรมริทซ์-คาร์ลตันด้วยความสงสัยและกังวล เนื่องจากเธอไม่เคยตามตัวเขาอย่างเร่งด่วนมาก่อน

พอเข้ามาในร้านอาหารชั้นสองของโรงแรม ก็พบว่ายอนฮีกำลังนั่งอวดความงดงามด้วยออร่าที่ไม่แพ้นักแสดงหญิงอยู่ตรงริมหน้าต่าง เขาจึงรีบเดินเข้าไปหา

รอนานแล้วเหรอ”

เปล่า ฉันเพิ่งมาเมื่อกี้เหมือนกัน”

อาหารล่ะ”

ยัง...”

ร่างกายเป็นยังไงบ้าง”

เธอบอกว่าช่วงนี้เหนื่อยมาก วันนี้ตอนออกมาทำงานก็อ้อยอิ่งแทบจะไม่ยอมลุกด้วยซํ้า

สุดท้ายก็ถึงขั้นกดลาแล้วบอกว่าจะพักหนึ่งวัน

โอเคแล้ว”

ว่าแต่มีเรื่องอะไรเหรอ”

อยู่ๆ ยอนฮีก็ก้มหน้าลงก่อนจะเงยขึ้นมา

ดูจากหน้าแดงๆ แล้วเหมือนขวยเขินอะไรสักอย่าง

คือว่า...”

หือ?”

ฉันท้อง”

ท้อง? จริงเหรอ”

อื้อ!”

ท้องงั้นเหรอ...

ตอนอยู่บนภูเขาเขาเคยกังวลว่าตัวเองจะใช้ชีวิตแบบมนุษย์ได้หรือเปล่า...

ยองฮุนย้ายตำแหน่งไปอยู่ข้างๆ แล้วกอดยอนฮีแน่น

ขอบคุณมาก รักเธอนะ”

ฉันก็รักพี่เหมือนกัน”

เขาว่ากันว่าถ้ามีความรักแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกจะดูสวยงามหรือเปล่านะ

วิวทิวทัศน์ที่ยองฮุนมองเห็นจากหน้าต่างร้านอาหาร ถึงได้ดูงดงามและมีความสุขอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

 


[1]  ย่อมาจาก Initial Public Offering หุ้นที่มีการซื้อขายเป็นครั้งแรกให้แก่ประชาชนโดยทั่วไปเพื่อมาจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์


 

บทที่ 295 ผลของความโลภ (2)

 

เมื่อกลับมาถึงบ้าน ยองฮุนจ้องมองหน้าของยอนฮีที่นอนหลับอยู่ข้างๆ

ทุกครั้งที่มองใบหน้าที่งดงามเกินจริงของเธอ เขามักจะคิดเสมอว่านี่ใช่ความจริงหรือเปล่า แต่วันนี้กลับสงสัยว่าตัวเองสมควรมีความสุขแบบนี้จริงๆหรือไม่

หลังจากมองหน้าเธอนิ่งๆ ยองฮุนก็ออกมาที่ห้องนั่งเล่นอย่างเงียบๆ โดยไม่ทำให้เธอตื่น และเปิดขวดไวน์ที่ปกติไม่ค่อยชอบเท่าไร

เขาไม่ได้รู้จักรสชาติของไวน์ดีหรือชื่นชอบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่น่าแปลกที่วันนี้กลับรู้สึกถึงกลิ่นหอมของไวน์

ยองฮุนยืนถือแก้วไวน์อยู่ตรงหน้าต่างที่มองเห็นวิวแม่นํ้าฮันได้ครอบคลุมพร้อมกับพิจารณาวันและเวลา

พอบอกว่าท้องก็คำนวณโดยอัตโนมัติว่าควรจะเกิดเมื่อไร

แล้วอยู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าที่ทำอยู่นี่ถูกต้องแล้วหรือเปล่า

ยากจัง...”

ยากมาก

เหตุผลที่พยายามลืมดวงชะตาของตัวเอง

เพราะพยายามจะไม่เอาชีวิตไปผูกกับชะตากรรมที่ได้รับ แต่พอบอกว่ามีลูกเขากลับลืมความตั้งใจนั้นพร้อมกับคำนวณหาวันและเวลาที่ดีที่สุด

ตอนนั้นเองก็ได้ยินเสียงก๊อกแก๊ก และเป็นยอนฮีที่เดินออกมา

ทำอะไรอยู่ นั่นไวน์นี่นา อะไรเนี่ย...ตั้งใจจะออกมาดื่มไวน์คนเดียวเหรอพอฉันบอกว่าดื่มไม่ได้เลยทำแบบนี้ใช่ไหม”

เธอนอนอยู่ ฉันเลยไม่ได้ปลุก”

ยอนฮีเข้ามาเกาะข้างๆ แล้วถาม

กำลังคิดอะไรอยู่”

กำลังคิดว่าการให้ลูกเกิดมาตรงกับดวงชะตาที่ดีเป็นสิ่งถูกต้องไหม”

ทำไมล่ะ ฉันว่ามันก็ดีนะ”

ฉัน...ไม่แน่ใจ”

การรับรู้ความลำบากและความโชคดีที่กำลังเกิดขึ้นในอนาคตล่วงหน้า

ตอนได้รู้เรื่องพวกนั้น สุดท้ายแล้วจะมีความสุขจริงๆ หรือเปล่า

ยองฮุนไม่แน่ใจเลย

ตอนลูกไม่ได้ใช้ชีวิตตามที่ตัวเองหวัง เขาจะทนมองดูเฉยๆ ได้หรือไม่และถ้าดวงชะตาเป็นอันตรายกับนํ้า จะให้ลูกเล่นสระว่ายนํ้าได้อย่างสบายใจหรือเปล่า...

ถ้าไม่รู้อะไรเลยแล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา จะรับมือกับความเสียใจนั้นได้อย่างไร

ยอนฮีตบแก้มยองฮุนที่กำลังเครียดไปเองล่วงหน้าเบาๆ

หือ?”

พวกเราแค่ใช้ชีวิตให้ดีที่สุดกันเถอะ ถึงไม่ได้คิดว่าการรู้ทุกอย่างจะเป็นเรื่องดีเสมอไปอย่างที่พี่บอก แต่ทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็พอแล้วนี่นา”

อยากให้ฉันกำหนดวันเวลาที่ดีที่สุดให้ไหม”

ไม่เอา ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอก แค่รู้ว่าลูกเราเก่งอะไร ต้องหลีกเลี่ยงอะไรก็พอ...เนอะ”

ยองฮุนพยักหน้าเงียบๆ

โอเค ใช้ชีวิตให้ดีที่สุดกันเถอะ”

ไม่รู้ว่าอนาคตจะราบรื่นหรือเปล่า แต่ยองฮุนสัญญากับตัวเองว่าจะพยายามทำให้ดีที่สุด

 ตึกวีวีไอพี โรงพยาบาลโอซอง ช่วงกลางดึก

ท่านประธาน?”

บอดี้การ์ดและพนักงานที่ยืนอยู่หน้าทางเข้าห้องพักผู้ป่วยของรองประธานใหญ่คังแจชิกตกใจมาก

ภาพของประธานคังมันซองที่เนกไทหลุดลุ่ย เดินเข้ามาพร้อมกับกลิ่นเหล้าเหม็นคลุ้ง ทำให้พวกพนักงานรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก และรีบเข้าไปขวางหน้า

ออกไป”

วันนี้กลับไปก่อนแล้วพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่นะครับ ท่านรองประธานใหญ่เพิ่งหลับเมื่อกี้ครับ”

ฉันมีเรื่องจะคุยกับพ่อ เพราะฉะนั้นหลีกไป”

ขอโทษครับ วันนี้กลับไปก่อนเถอะครับ”

พนักงานที่ขวางอยู่หน้าทางเข้าเป็นหัวหน้าทีมบอดี้การ์ดที่ดูแลรองประธานใหญ่คังแจชิกมาเป็นเวลานาน

ต่อให้ประธานคังมันซองจะเป็นลูกชายของรองประธานใหญ่ หัวหน้าทีมบอดี้การ์ดก็ไม่ได้หวั่นกลัวอำนาจนั้น

ปัญหาคือ วันนี้ประธานคังมันซองไม่ได้อยู่ในสภาพปกติ

เพียะ!

มันซองตบบ้องหูหัวหน้าทีมบอดี้การ์ด ก่อนจะพูดทั้งดวงตาแดงกํ่า

ไอ้เวรนี่กล้าขวางทางฉันเหรอ ฉันไล่แกออก เขียนใบลาออกแล้วไสหัวไปซะ”

ขอโทษครับ รบกวนมาพรุ่งนี้นะครับ แล้วพรุ่งนี้เช้าผมจะยื่นใบลาออกกับท่านรองประธานใหญ่เองครับ”

เหอะ ไอ้เวรเอ๊ย...”

มันซองตบหน้าอีกฝ่ายอีกครั้งแล้วพยายามออกแรงผลักเพื่อผ่านเข้าไปแต่หัวหน้าทีมบอดี้การ์ดรักษาตำแหน่งอย่างมั่นคง โดยไม่ถอยหลบแม้แต่ก้าวเดียว

เมื่อใช้แรงผลักแล้วไม่ยอมถอย สุดท้ายจึงชกเข้าที่ท้องของหัวหน้าทีมบอดี้การ์ด

ทั้งๆ ที่โดนทำร้ายร่างกายอยู่ฝ่ายเดียว เหมือนนักมวยที่ฝึกกล้ามท้องแต่ไม่มีใครกล้าห้ามปราม รวมถึงตัวหัวหน้าทีมบอดี้การ์ดเองด้วย

นี่คืออำนาจของผู้สืบทอดโอซองกรุ๊ป

คิดว่าทำสักสองสามทีก็คงหยุดเอง แต่พอความรุนแรงดำเนินต่อไปเรื่อยๆใบหน้าของหัวหน้าทีมบอดี้การ์ดที่ยอมโดนทำร้ายอย่างสบายๆ ในตอนแรกจึงเริ่มบึ้งตึง

ตอนที่ทุกคนกำลังกังวลว่าขืนปล่อยไว้แบบนี้อาจจะเป็นเรื่อง ประตูที่ปิดอยู่ก็ค่อยๆ เปิดออก

ทำบ้าอะไร”

รองประธานใหญ่คังแจชิกปรากฏตัวด้วยท่าทางเหนื่อยล้า

เจ้าตัวมีสีหน้าหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด เหลือบมองหัวหน้าทีมบอดี้การ์ดที่ยืนเอามือไพล่หลังยอมโดนต่อยท้อง ก่อนจะเอ่ยกับลูกชายที่เมาเหล้า

โง่เง่า”

แม้จะเป็นคำสั้นๆ แต่มันซองรู้สึกได้ถึงการดูแคลนที่ฝังอยู่ในคำนั้น

ทุกอย่างผิดพลาดตั้งแต่ตรงไหนกันนะ

ตอนนี้มันซองสงสัยจนแทบบ้า

ไม่...ไอ้เวรพวกนี้มันขวางทางผม...”

พรุ่งนี้ค่อยมา”

เมื่อรองประธานใหญ่คังแจชิกปิดประตู มันซองก็รีบสอดมือผ่านระหว่างประตูที่กำลังจะปิด

พ่อ!”

แม้จะเจ็บมือมากเพราะโดนหนีบ แต่ก็อ้อนวอนพ่อด้วยมือที่สั่นระริก

คุยกับผมหน่อยนะครับ คุยกับผมหน่อย”

“...”

พอมองหน้าเศร้าๆ ของลูกชายคนโตแล้ว น่าแปลกที่รองประธานใหญ่คังแจชิกกลับยิ่งรู้สึกเกลียดมากขึ้น

ทั้งๆ ที่เคยเป็นลูกชายคนโปรดขนาดนั้น...

ไม่เคยเสียดายเลยสักนิดที่จะยกกรุ๊ปอันยอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่อย่างโอซองให้ แต่รองประธานใหญ่คังแจชิกเองก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกเกลียดมากขึ้นได้ขนาดนี้

บางทีอาจจะเป็นเพราะรักมาก จึงยิ่งรู้สึกว่าตัวเองถูกหักหลังหนักกว่าเดิม

พ่อ...”

เข้ามา”

รองประธานใหญ่คังแจชิกเปิดประตูทิ้งไว้ แล้วเดินไปนั่งบนโซฟาในห้องพักผู้ป่วยด้วยสีหน้าหงุดหงิด

มันซองจ้องหัวหน้าทีมบอดี้การ์ดที่เคยขวางตัวเอง ก่อนจะกระซิบข้างหูอีกฝ่าย

พรุ่งนี้วางใบลาออกไว้บนโต๊ะฉันด้วย พร้อมใบตรวจสุขภาพ”

หลังจากคลายความโกรธก็ก้าวเข้าไปในห้องพร้อมปิดประตู

มันซองพยายามปรับลมหายใจและรวบรวมสติที่เมามาย พลางจัดเสื้อผ้าแล้วนั่งลง

ถึงคิ้วของรองประธานใหญ่คังแจชิกจะขมวดเข้าหากันเพราะกลิ่นเหล้าคละคลุ้ง แต่มันซองก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้

ถ้าหากไม่เมาคงจะไม่สามารถรวบรวมความกล้าได้

อยากพูดอะไรกันแน่ถึงต้องมาหากันเวลานี้ แกไม่รู้เหรอว่าฉันกำลังรักษาตัวอยู่ หรือว่าไม่สนใจ”

ผมอยากให้พ่อสุขภาพแข็งแรงกว่าใครๆ ในโลกนะครับ อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ”

งั้นเหรอ”

รองประธานใหญ่คังแจชิกแค่นหัวเราะ

เสียงหัวเราะเยาะอย่างชัดเจนทำให้มันซองอึดอัดใจยิ่งกว่าเดิม

มันซองตัดสินใจว่าจะทำตัวให้มีสติมากที่สุดแล้วเปิดปากพูด

พ่อครับ เรื่องที่สั่งโอนหุ้น...ตั้งใจจะยกกรุ๊ปให้แดซองเหรอครับ”

ใช่”

ทำไมล่ะครับ”

ได้ยินว่าข่าวดาอึนเป็นฝีมือพวกแกหนิ”

เนื่องจากเป็นประเด็นที่เตรียมตัวมาแล้ว มันซองจึงพูดเสียงดังขึ้น

รู้หรือเปล่าครับว่าดาอึนพูดอะไรกับผม บอกให้ยกโอซองจัดจำหน่ายให้ครับ ยายนั่นรู้เรื่องอะไรบ้าง...พ่อ ดาอึนจะรู้อะไรเกี่ยวกับการบริหารล่ะครับรู้จักแต่จะซื้อแบรนด์เนมมาอวดน่ะสิ พ่อเองก็ทราบว่าตลาดจัดจำหน่ายกำลังลำบาก สถานการณ์ตอนนี้เข้าขั้นแย่ขนาดนั้น เวลาแบบนี้ถ้ากลายเป็นผู้นำนวัตกรรม ในทางกลับกันแล้ว ดูจากทิศทางตลาดก็อาจกลายเป็นโอกาสครับการฝากโอซองจัดจำหน่ายไว้กับเด็กผู้หญิงที่ไม่รู้อะไรเลย แถมยังเรียนไม่จบมหา’ลัย ก็ไม่ต่างอะไรกับการทำลายบริษัทครับ”

ถ้าไม่พอใจคำขอก็แค่ปฏิเสธ ถ้าปฏิเสธอย่างเดียวไม่พอก็ควรหาวิธีอื่นสิมาทำลายการแต่งงานของน้องได้ยังไง”

ดาอึนกับแดซองร่วมมือกันเล่นงานผมนะครับ”

เล่นงานแล้วยังไง มันตั้งใจจะฆ่าแกเหรอ”

พ่อ...”

ถ้าคิดจะทำลายการแต่งงานก็โน้มน้าว สส.ชอนโบยุนสิ หรือไม่ก็ควรเสนอวิธีที่ดีกว่าการเกี่ยวดองเป็นสะใภ้ของประธานาธิบดีไม่ใช่เหรอ คิดจะทำลายการแต่งงาน ทำให้น้องแกเป็นคนขี้โกหกต่อหน้าคนทั้งประเทศไม่พอ ยังทำให้ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่มีแนวโน้มว่าจะชนะเสียหน้าด้วย ถ้าเกิดเขาชนะการเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดี แล้วผู้นำโอซองกรุ๊ปในตอนนั้นคือแก คิดว่าสส.ชอนโบยุนจะมองโอซองของเรายังไง”

ระ...เรื่องนั้น...”

แกโง่ขนาดนั้นได้ยังไง คิดว่าฉันควรจะเชื่อใจแกแล้วยกกรุ๊ปให้ไหม แค่ผลกระทบจากการทำลายการแต่งงานของน้องยังคิดไม่ได้ แล้วแกจะมองเห็นอนาคตของกรุ๊ปได้ยังไง”

มันกะทันหันเกินไปครับ ผมร้อนใจเพราะแดซองกับดาอึนกดดันผมมากถ้าใจร้อนก็ผิดพลาดกันได้นี่ครับ”

นั่นก็ใช่ เพราะเราเป็นมนุษย์”

นั่นน่ะสิครับ”

แต่ผู้นำของโอซองกรุ๊ปไม่ควรเป็นแบบนั้น นั่นคือเหตุผลว่าทำไมถึงเป็นแกไม่ได้”

มันซองไม่อาจยอมรับข้อสรุปของพ่อได้

แต่แบบนี้ไม่ใช่เลยนะครับ”

อะไรไม่ใช่อีก”

ผมไม่สามารถยอมรับแดซองมาแทนที่พ่อได้ครับ”

คิ้วของรองประธานใหญ่คังแจชิกขมวดมุ่น

ไอ้โง่เอ๊ย! ถ้าไม่มีความสามารถก็ต้องรู้จักยอมรับ ไม่อย่างนั้นก็ต้องหัดคิดให้เหนือกว่า ถ้าไม่มีความสามารถแล้วเอาแต่โลภ แกไม่รู้เหรอว่ากรุ๊ปจะพัง”

ผมมีความสามารถครับ หลังจากผมเข้ามาบริหารโอซองดิจิทัล ยอดขายก็เพิ่มมากกว่าสามสิบเปอร์เซ็นต์ทุกปีนะครับ”

ทั้งหมดนั่นเป็นเพราะแกเก่งงั้นเหรอ พวกนั้นเป็นโครงการที่อดีตประธานดิจิทัลทำไว้ต่างหาก ยอดขายที่เกิดขึ้นก็รวมกับโอซองอิเล็กทรอนิกส์”

แล้วแดซองล่ะครับ! แดซองมีอะไรมาโชว์ให้ดูเหรอ ไหนลองบอกมาสิครับ แดซองมันเก่งมากขนาดไหน ถึงได้เอาชนะผม แล้วแสดงความสามารถจนกลายเป็นผู้นำของกรุ๊ปได้”

รองประธานใหญ่คังแจชิกจ้องมองมันซองที่โกรธจนลุกพรวดนิ่งๆ ก่อนจะพูด

แดซองไม่โกหกฉัน”

ผมก็เหมือนกันไงครับ”

ไม่ใช่ แกโกหกฉัน รู้ตัวอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ที่ฉันบอกว่าปวดหลังน่ะ คิดว่าฉันไม่รู้เหรอว่าแกรวมหัวกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลเพื่อหลอกฉัน”

อาจเป็นเพราะได้ยินเรื่องที่ไม่คาดคิด สีหน้าของมันซองถึงแข็งค้างและพูดไม่ออก

ดูเหมือนจะคิดไม่ถึงว่าพ่อรู้เรื่องนี้ด้วย

รองประธานใหญ่คังแจชิกหัวเราะเยาะลูกชายแล้วพูดต่อ

ทั้งๆ ที่รู้ว่าพ่อเป็นมะเร็ง แต่แกกลับเงียบแล้วรอให้อาการแย่ลง ตรงกันข้าม พอได้ยินว่าพ่อเป็นมะเร็ง แดซองก็รีบวิ่งกลับบ้านทันที แล้วชวนไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล นั่นคือความแตกต่างของแกสองคน มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะไม่สนับสนุนแดซองไหม”

มันซองตัวสั่นระริก

เสียงหอบหายใจรุนแรง นํ้าตาไหลรินออกมาจากดวงตาแดงกํ่า

จากนั้นไม่นานก็กล่าว

ถ้างั้นก็พิสูจน์กันที่ความสามารถไม่ได้สินะครับ”

อะไรนะ”

ครับ ผมรู้ดีถึงความกตัญญูของแดซอง แต่ที่พูดมาก็ไม่ได้พิสูจน์ความสามารถเลยนี่ครับ ผมเป็นประธานโอซองดิจิทัล ถือหุ้นใหญ่ของโอซองดีเวลล็อปเมนต์ โอซองเทคโนโลยี โอซองไบโอ โอซองหลักทรัพย์ ด้วยหุ้นที่โอนย้ายอยู่ตอนนี้ มันคงไม่มีปัญหากับการบริหารโอซองอิเล็กทรอนิกส์ แต่สำหรับบริษัทเหล่านี้คงจะลำบากนะครับ”

รองประธานใหญ่คังแจชิกรู้ว่าลูกชายจะทำอะไร จึงชี้นิ้วไปทางลูกชายโดยที่มือสั่นระริก

แก...แก...”

อย่ามาสั่งให้ผมสละหุ้นของตัวเองนะครับ อย่าแม้แต่จะคิดบังคับแย่งไปด้วย เพราะผมมีรายการเดินบัญชีเงินทุนลับของพ่ออยู่ส่วนหนึ่งเหมือนกัน ถ้าพ่อคิดจะบีบบังคับไล่ผมออกจากโอซอง ผมจะไม่ยอมตายคนเดียวแน่ครับ”

ไอ้บ้าเอ๊ย!”

รองประธานใหญ่คังแจชิกตะโกนเสียงดังแล้วเด้งตัวขึ้นเหมือนติดสปริง

ทันทีที่เสียงของรองประธานใหญ่ดังออกไปถึงข้างนอก หัวหน้าบอดี้การ์ดจึงรีบเปิดประตูเข้ามาเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด

ท่านรองประธานใหญ่ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

มันซองยืนยันจุดยืนของตัวเองต่อ โดยไม่สนใจหัวหน้าบอดี้การ์ดด้วยซํ้า

ถ้ายกหุ้นให้แดซองหมดแล้ว ต่อไปก็จะมาแย่งหุ้นของผมเงียบๆ ใช่ไหมครับ แต่คงยากหน่อยนะ เพราะผมจะไม่ยอมถอยหรอกครับ”

แก...อย่าทำอะไรโง่ๆ นะ”

หุ้นพวกนั้นมีมูลค่าตั้งหลายสิบหลายร้อยล้านล้าน ถ้าถอยก็โง่แล้วไม่ใช่เหรอครับ พ่อรู้เรื่องนั้นอยู่แล้วก็เลยโอนหุ้นโดยไม่ให้ผมรู้ตัว แล้วหลังจากนี้ก็จะมาแย่งหุ้นผม โดยไม่ให้ผมรู้ตัวอีกหรือเปล่าครับ”

“...”

โธ่โว้ย...เฮงซวยจริงๆ แต่พ่อตัดสินใจจะไล่ผมออกเอง ช่วยไม่ได้ครับดูแลร่างกายดีๆ นะครับ ผมขอตัว”

จากนั้นมันซองที่ตั้งใจจะเดินออกไปข้างนอกก็ตบหน้าหัวหน้าบอดี้การ์ดอีกครั้ง

คราวนี้เหมือนจะใส่แรงเต็มกำลัง ปากของอีกฝ่ายจึงมีเลือดไหลออกมา

ไอ้เวรนี่ก็ขวางฉันอยู่นั่น...”

มันซองเช็ดมือที่เปื้อนเลือดบนเสื้อของพนักงานที่รออยู่ข้างนอกเหมือนไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ก่อนจะก้าวออกจากโรงพยาบาล


 

บทที่ 296 ผลของความโลภ (3)

 

หลังจากสร้างความวุ่นวาย ที่โรงพยาบาลโอซอง มันซองก็ขึ้นรถและสั่งให้คนขับรถมุ่งหน้ากลับบ้าน

ไม่รู้ว่าหามาจากไหน เขาแทบจะกระดกเหล้าทั้งขวดอยู่ที่เบาะหลังก่อนจะอ้าปากพูด

หัวหน้าแผนกชเว”

หัวหน้าแผนกชเวยองแจ

ในฐานะคนขับรถที่รับใช้คังมันซองมาตลอดสามปีจนถึงตอนนี้ จึงได้รับการยอมรับจากภายในบริษัทระดับหนึ่ง เพราะรับมือกับความเอาใจยากของมันซองได้เป็นอย่างดี

แม้ว่าตำแหน่งคนขับรถจะดูเหมือนเป็นงานง่ายๆ ไม่ยากอะไร แต่ก็เป็นตำแหน่งที่สำคัญมาก เพราะต้องคอยอำนวยความสะดวกให้คนที่ตัวเองติดตามอย่างใกล้ชิด และอยู่ด้วยกันในทุกๆ เส้นทาง

เวลาเจ้านายคุยโทรศัพท์หรือพูดคุยเรื่องสำคัญต่างๆ ก็ต้องฟังด้วยอย่างไม่มีทางเลือก จึงควรเป็นคนปากหนักและเซนส์ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เวลาดูแลคนอารมณ์ร้อนยิ่งจำเป็นต้องมีความอดทนสูงด้วย

หัวหน้าแผนกชเวยองแจทำงานได้ดีพอที่จะสอบผ่านในทุกหัวข้อ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้รับเงินเดือนมากนัก

ครับ ท่านประธาน”

ช่วงนี้บรรยากาศในบริษัทเป็นยังไงบ้าง”

วุ่นวายครับ”

คิดว่าฉันจะโดนไล่ออก?”

“...”

หึ! เวรเอ๊ย...ตลกชะมัด ไอ้พวกประสาท...พรุ่งนี้เช้าเรียกพนักงานมาย้ายของ ส่งไปไว้ที่นนฮยอนก่อน”

รับทราบครับ”

วันนี้ต้องกลับบ้านหรือเปล่า”

แน่นอนว่าต้องกลับบ้านอยู่แล้ว แต่ก็ยังกล้าจะถาม

ทว่าหัวหน้าแผนกชเวไม่สามารถตอบว่ากลับในสถานการณ์นี้ได้

ไม่ครับ ไม่เป็นไร”

ถ้างั้นอย่าเพิ่งเลิกงาน รออยู่หน้าบ้านแป๊บหนึ่ง ฉันมีที่ที่ต้องแวะไปสักหน่อย”

ครับผม”

ทำหน้าดีๆ หน่อย ไม่ได้นอนวันเดียวจะตายไหม”

ไม่ครับ ไม่เป็นไรจริงๆ ครับ”

ทำงานล่วงเวลาก็ได้เงินเพิ่มไง”

ครับ ดีกว่ามากเลย”

หลังจากกดขี่คนขับรถแล้ว มันซองกดโทรศัพท์นัดใครสักคนให้ออกมาเจอกัน พลางเบนสายตามองออกไปนอกกระจกรถ

เขาจมอยู่กับความคิดเงียบๆ โดยไม่พูดอะไร ทันทีที่มาถึงบ้านก็โยนขวดเหล้าที่เหลือประมาณครึ่งหนึ่งลงบนพื้นถนนแล้วเข้าไปข้างใน

ที่รัก! ที่รัก”

เขาตะโกนเสียงดังลั่นบ้านกลางดึกปลุกคนที่กำลังนอนหลับ และพูดกับยอจินที่รีบวิ่งมาหาด้วยความตกใจ

เก็บของ”

คะ? หมายความว่ายังไง”

เก็บข้าวของ ฉันจะออกจากบ้าน เก็บของซะ! เดี๋ยวนี้!”

ถึงจะบอกว่าดื่มเหล้ามาหนักแค่ไหน แต่เธอรู้ว่าสามีไม่ใช่คนแยกแยะไม่ได้ว่าควรพูดหรือไม่พูดอะไร

ยอจินเข้าไปในห้องเพื่อแต่งตัวก่อน จากนั้นก็เก็บเฉพาะเอกสารสำคัญในตู้เซฟเท่านั้นสำหรับสถานการณ์ที่ไม่ปกตินี้

กระเป๋าแบรนด์เนมและเครื่องประดับมูลค่าหลายพันล้านวอนยังกลับมาเอาได้ภายหลัง แต่เอกสารเหล่านี้ที่อยู่ในตู้เซฟมีมูลค่ามากกว่าหลายแสนล้านวอน

แกจะทำอะไร”

มันซองยกมุมปากขึ้นข้างหนึ่งแล้วพูดกับแจซุกที่ตื่นมาถามอย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น

จะทำอะไรล่ะครับ ในเมื่อแม่ทิ้งลูกชายแล้ว ผมก็จะออกไปไงครับ”

ฉันทิ้งแกงั้นเหรอ”

อย่ามาปฏิเสธว่าไม่ใช่เลยครับ แม่ทิ้งผมแล้ว ตอนนี้ผมจะไปตามทางของผมเองครับ”

แล้วจะออกไปไหน คิดว่าออกจากบ้านแล้ว พ่อแกจะปล่อยไว้เฉยๆหรือไง”

มันซองที่ยังไม่สร่างเมามองแม่ด้วยสายตาไม่พอใจพร้อมโต้กลับ

ถ้าไม่ได้เกิดในบ้านนี้ตั้งแต่แรก มันจะเป็นยังไงนะ...รู้ไหมครับว่าบางครั้งผมก็คิดแบบนี้ ถ้าผมไม่ใช่ลูกชายแม่จะเป็นยังไง เงินก็ดี ผู้หญิงก็ดี...ถึงจะเป็นอย่างนั้น บางครั้งก็ยังแอบคิดครับ แต่แบบนั้นก็ไม่แย่นะ”

อะไรนะ”

ถ้าไม่ได้เป็นลูกชายแม่ คงจะใช้ชีวิตลำบากกว่านี้หน่อย และผมไม่อยากมีชีวิตเหมือนหนูท่อโสโครก แต่โตมาจนถึงตอนนี้ ถึงจะเคยมีความสุขเพราะเงินแต่ผมไม่เคยมีความสุขเพราะแม่เลยสักครั้งครับ เพราะพ่อกับแม่! ชีวิตผมถึงอาภัพ!”

แจซุกตะลึงจนทรุดลงกับพื้นทั้งอย่างนั้น

สะใภ้รองวิ่งเข้ามาช่วยประคองแม่สามี ดาอึนเองก็วิ่งไปหาแม่ด้วยความตกใจ แต่มันซองกลับแค่นหัวเราะแล้วพูดเสียงดังต่อ

โธ่โว้ย...ถ้างั้นก็ให้เงินผมเยอะๆ สิ อย่างน้อยถ้ายอมให้เงินเยอะๆผมจะได้ไม่ทำแบบนั้นไง เงินก็ไม่ให้ ความรักก็ไม่ให้ แล้วจะเลี้ยงลูกมาทำไมน่ารำคาญชะมัด...”

อาจจะเป็นเพราะตะลึงเกินไปหรือเปล่า

ไม่ใช่แค่แจซุกเท่านั้น แต่ดาอึนกับสะใภ้รองอย่างแซรมก็ไม่อาจพูดอะไรได้เช่นกัน

เพราะกลัวว่าพี่ชายคนโตที่กำลังโมโหจนดวงตาแดงกํ่าอาจจะทำเรื่องบ้าๆขึ้นมา

ยอจินรับรู้ว่านี่เป็นสถานการณ์ที่ไม่อาจย้อนกลับได้แล้ว จึงรีบเก็บสัมภาระมายืนอยู่ข้างๆ สามีโดยไม่ห้ามปราม

มันซองมองแม่ที่ดวงตาพร่าเลือนด้วยความสะเทือนใจและกล่าวทิ้งท้าย

ขอบคุณที่เลี้ยงดูอย่างดีนะครับ ขอให้แม่อายุยืนยาวไร้โรคภัยไข้เจ็บ...ไปกันเถอะ”

มันซองพาภรรยาที่ใจสั่นรัวก้าวขึ้นรถของตัวเองที่จอดรออยู่ข้างนอก

ไปบ้านภรรยาฉัน”

รับทราบครับ”

ทันทีที่ขึ้นมาบนรถ ยอจินก็รีบถามทั้งๆ ที่ยังเอามือกุมหน้าอกอยู่

เกิดอะไรขึ้นคะ รู้ตัวหรือเปล่าว่าเมื่อกี้ทำอะไรลงไป”

พ่อรู้เรื่องแล้ว”

เรื่องอะไรคะ”

เรื่องที่เธอทำลายการแต่งงานของดาอึนไง พ่อรู้ทุกอย่างแล้ว”

ยอจินปิดปากด้วยมือที่สั่นเทา

เดิมทีแล้ว เหตุผลที่ทำให้พ่อเปลี่ยนใจไม่ใช่เรื่องนั้น แต่เป็นเพราะเขารู้ว่าพ่อป่วยแต่จงใจปิดบังเอาไว้ ทว่ามันซองไม่คิดจะเปิดเผยเรื่องนั้น

การสนับสนุนจากครอบครัวของภรรยาคือสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการเอาชีวิตรอด จึงจำเป็นต้องเน้นยํ้าให้ความผิดของยอจินหนักหนาขึ้นเพื่อสิ่งนั้น

ที่ยกให้คุณชายรอง...”

พ่อบอกว่าจะยกทุกอย่างให้ไอ้เวรแดซอง”

ถ้างั้นทำยังไงดีคะ”

จะให้ทำยังไงล่ะ ก็ต้องตัดขาดกันไปเลยสิ บอกบริษัทพ่อของเธอให้ซื้อกิจการบลูออนซะ”

คะ?”

ตอนนี้ตำแหน่งผู้สืบทอดโอซองกรุ๊ปปลิวเพราะเธอ แถมนี่ไม่ใช่เรื่องที่ตัดขาดกันแล้วจะแบ่งคนละครึ่งได้ สิ่งที่ฉันเอามาได้ก็มีแค่ไม่กี่อย่างเอง เพราะฉะนั้นอย่างน้อยๆ เธอก็ต้องยอมเรื่องนั้นไม่ใช่เหรอ”

“...”

แล้วขายหุ้นธนาคารออมทรัพย์กับตึกตรงมยองดงที่กำลังจะเป็นของเธอในอนาคตด้วย เพราะมูลค่าหลักประกันอาจจะไม่พอ”

ถ้าขายถึงขนาดนั้น ฉันก็ไม่เหลืออะไรเลยนะคะ”

แล้วยังไง ตอนนี้มีใครเหลืออะไรในมือบ้าง คิดว่าฉันตัดขาดจากโอซองพ่อจะพูดว่า ‘เอาของของแกไปสิ’ แล้วยกให้ง่ายๆ หรือไง”

ถ้าคิดแบบนั้น อย่างน้อยคุณพ่อก็ต้องยกอะไรให้สักอย่างไม่ใช่เหรอคะ”

ยกให้แน่ เมื่อกี้เก็บของในตู้เซฟออกมาหมดแล้วใช่ไหม”

ค่ะ เก็บมาหมดแล้ว”

นั่นน่ะ...”

มันซองเหลือบมองคนขับรถก่อนจะพูดต่อ

เอาเป็นว่ามีโอกาสเป็นไปได้ แต่ขอปากเปล่าจะยอมให้ไหมล่ะ ถ้าจะขออะไร อย่างน้อยก็ต้องทำให้พ่อเอาชนะไม่ได้แล้วยอมยกให้ ถ้ายังไม่พอก็ต้องใช้แรงกดดันจากครอบครัวเธอ รู้ไว้แค่นั้นก็พอ”

โอเคค่ะ”

ยอจินยอมรับในความผิดพลาดของตัวเอง

จากนั้นเมื่อมาถึงหน้าบ้านภรรยา ยอจินก็ถามเมื่อเห็นสามีไม่ยอมลงจากรถ

แล้วคุณล่ะคะ”

ฉันต้องไปเจอคนคนหนึ่ง”

งั้นวันนี้ก็จะไม่กลับมาเหรอคะ”

เธออยากให้ฉันเข้าไปนอนด้วยเหรอ”

ทันทีที่มันซองถามพลางทำสีหน้าบ่งบอกว่าพูดจาเพ้อเจ้อ ยอจินก็ตำหนิตัวเอง

ขอโทษค่ะ จะไปนอนโรงแรมเหรอคะ”

แหงสิ”

ถ้าเป็นแบบนี้แล้วลูกๆ เราล่ะคะ”

ยังไงก็ใช้เงินฉันไปเรียนเมืองนอกอยู่แล้ว ปล่อยลูกๆ ไว้อย่างนั้นแหละไม่ต้องบอกหรอก”

โอเคค่ะ”

ยอจินมีลางสังหรณ์ว่าคืนนี้คงจะยาวนานมาก

เพราะถึงแม้จะดึกแล้ว แต่ก็มีเรื่องต้องคุยกับพ่อแม่อีกมาก

มันซองลดกระจกลงเมื่อรถเคลื่อนตัวออก

ตีสองกว่าแล้ว แถมยังดื่มเหล้าไปหลายขวด แต่ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไรอย่าว่าแต่เหนื่อยเลย สติของเขากลับแจ่มชัดมากขึ้นด้วยซํ้า

หลังจากนั่งรถไปสักพักจนกระทั่งจอดหน้าโครงการคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งในย่านซอโช เขาก็มองนาฬิกา

ตอนเช็กว่ายังเหลืออีกประมาณสิบนาทีกว่าจะถึงเวลานัด กลับมีใครบางคนเคาะกระจกดังก๊อกๆ

เมื่อมันซองเห็นว่าอีกฝ่ายออกมารอก่อนล่วงหน้าจึงเปิดประตูรถให้ ชายที่ยืนอยู่ข้างนอกแอบสำรวจรอบตัวก่อนจะก้าวขึ้นรถ

ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ”

มันซองเอ่ยทักทาย

น่าแปลกใจที่ผู้ชายคนนั้นคือประธานพรรคมินกูซังจากพรรคสันติภาพก้าวหน้านั่นเอง

แม้จะมีท่าทีไม่พอใจกับการเรียกตัวเองออกมาเจอในเวลานี้ แต่เจ้าตัวก็ทำสีหน้าแปลกๆ เหมือนสนใจอะไรบางอย่างพร้อมตอบกลับ

ใช่ ไม่ได้เจอกันนานทีเดียว”

พอดีผมมีเรื่องด่วนที่ต้องเจอหน้าแล้วพูดคุยกับท่านประธานเลยติดต่อมาดึกๆ ดื่นๆ ขอโทษนะครับ”

ไม่หรอก ไม่เป็นไร การทำงานก็ต้องมีการนัดเจอคนตอนเช้ามืดบ้างอยู่แล้ว ฉันไม่ใช่คนใจแคบขนาดนั้น”

สีหน้าแปลกๆ ของประธานพรรคมินกูซังทำให้มันซองพูดเหมือนรู้ทัน

ทราบสถานการณ์ของผมแล้วใช่ไหมครับ”

ไม่รู้สิ? เกิดอะไรขึ้นล่ะ”

มันซองมองหน้าประธานพรรคมินและพูดออกมาตามตรง

เพราะตอนนี้ไม่มีเวลาพอจะมาโต้เถียงกับใคร

ผมออกมาจากโอซองแล้วครับ”

เรื่องจริงเหรอ”

ถึงปากจะแกล้งทำเป็นตกใจ แต่พอเห็นแววตาที่ไม่สั่นไหวเลยสักนิด เขาก็ดูออกว่าอีกฝ่ายรู้อยู่แล้วจริงๆ

ครับ ดังนั้นผมหวังว่าท่านประธานจะช่วยเหลือผมสักเล็กน้อย”

ฉันจะมีอำนาจอะไร”

ทำไมจะไม่มีล่ะครับ ประธานพรรครัฐบาลเลยนะ”

ถ้านักการเมืองแทรกแซงการสืบทอดอำนาจของนักธุรกิจ มันจะดูไม่ดีน่ะสิ”

นี่คือสถานการณ์ที่ทายาทมหาเศรษฐีรุ่นสามรุ่นสี่ที่ไร้สามารถเข้ามาสืบทอดอำนาจบริหาร ทั้งๆ ที่จ่ายภาษีมรดกแค่หางหนูครับ ถ้าหากเป็นนักการเมืองที่ห่วงใยประชาชน จะมีแหล่งข้อมูลไหนดีกว่านี้อีกล่ะครับ”

ประธานพรรคมินเอียงศีรษะแล้วย้อนถาม

ฉันมีเหตุผลต้องทำอย่างนั้นด้วยเหรอ”

มันซองรู้ว่าประธานพรรคมินอยู่ข้างเดียวกับพ่อ

ดังนั้นจึงรู้ว่าแค่พูดโน้มน้าวเฉยๆ คงไม่ได้ผล

ท่านประธานก็ทราบว่ามีบัญชีเงินทุนลับที่จัดการกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อของพ่อผม ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าไม่ใช่พ่อหรือคนใกล้ชิดของพ่อก็ไม่มีทางรู้ว่าสมุดบัญชีเป็นสิบๆ เล่มนั่นมันมีทั้งหมดกี่บัญชีและเปิดขึ้นมาได้ยังไง ผมเองก็เหมือนกันครับ”

“...”

แต่ก่อนหน้านี้ไม่นาน ลูกชายคนนี้เคยเกือบเป็นผู้สืบทอดของโอซองกรุ๊ปเพราะฉะนั้น แน่นอนว่าประธานโอซองดิจิทัลอย่างผมก็ต้องมีบัญชีเงินทุนลับอยู่หลายบัญชีครับ”

แล้วยังไง”

ผมจะมอบหนึ่งในบัญชีที่ผมมีให้ท่านประธานครับ”

นัยน์ตาของประธานพรรคมินกูซังสั่นไหวเล็กน้อย

มันซองจึงพูดต่อด้วยความมั่นใจว่าได้ผล

มีเงินอยู่สี่แสนล้านวอน แค่รู้รหัสผ่านก็ไม่มีปัญหากับการถอนเงินแล้วครับนี่เป็นบัญชีที่ต่อให้ใครหาเจอก็ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะไม่มีร่องรอยหลงเหลือไว้ครับถ้าคิดจะหาต้นตอของมัน ก็ต้องสืบขั้นตอนในการเปิดบัญชีเงินทุนลับตั้งแต่แรกซึ่งคนที่เกี่ยวข้องไม่ได้มีแค่คนสองคนครับ”

กำแพงของประธานพรรคมินเริ่มขยับ

เนื่องจากเห็นว่านี่เป็นโอกาสที่จะได้กินเงินฟรีถึงสี่แสนล้านวอน

แล้วสิ่งที่นายต้องการคืออะไร คงไม่คิดว่าฉันจะเปลี่ยนใจพ่อนายได้หรอกนะ”

แน่นอนครับ”

เขารู้ว่าสำหรับพ่อแล้ว ประธานพรรคมินกูซังไม่ต่างอะไรกับแกะที่ถูกเลี้ยงให้เชื่อง

ถ้างั้น?”

ผมตั้งใจจะแยกบริษัทในเครือสองสามแห่งออกมาจากโอซองกรุ๊ปครับ”

จะตั้งบริษัทใหม่เหรอ”

ครับ”

แปลว่าจะขอให้ฉันยื้อเวลาให้นาย ระหว่างจัดการกับกระบวนการสืบทอดบริษัทใช่ไหม”

ไม่ใช่แค่เวลา แต่ต้องช่วยกดดันจนพ่อแตะต้องผมไม่ได้ด้วยครับ จะใช้อัยการหรือความคิดเห็นของประชาชนก็แล้วแต่ แค่ช่วยปั่นความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่จนสามารถแบ่งกรุ๊ปได้ก็พอครับ”

“...”

ถึงแม้จะยาก แต่พอคิดถึงเงินสี่แสนล้านวอนแล้ว ก็ถือเป็นคำขอที่ไม่ได้ยากขนาดนั้น

ใครจะไม่อยากได้ล่ะ

ฉันไว้ใจนายได้ใช่ไหม”

ผมจะมอบสมุดบัญชีให้ท่านประธานก่อน ถ้างานเสร็จอย่างราบรื่นถึงจะบอกรหัสผ่านครับ สมุดบัญชีกับรหัสผ่าน ถ้าไม่มีสองอย่างนี้ก็ถอนเงินไม่ได้ดังนั้นไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมจะต้องเบี้ยวครับ เพราะทันทีที่สมุดบัญชีถูกส่งไปให้ท่านประธาน มันก็ไม่ใช่เงินของผมแล้วครับ”

สี่แสนล้านวอน นายคงใช้ทิ้งใช้ขว้างได้เลยสินะ”

เงินพวกนี้ไม่สามารถถอนเงินที่เกาหลีได้ครับ ทันทีที่ผมออกจากเกาหลีเพื่อถอนเงินก้อนนี้ พ่อจะแย่งทุกอย่างของผมไปครับ”

อย่างนี้นี่เอง...”

มันซองเปิดกระเป๋าที่ยอจินนำออกมาจากบ้านก่อนหน้านี้และค้นสมุดบัญชีธนาคารออกมาหนึ่งเล่ม เพื่อยื่นให้ประธานพรรคมินกูซัง

นี่ครับ ธนาคารทีเอสเอของดูไบ พวกเขาจะไม่ถามหาหลักฐานยืนยันตัวตนแต่เงินที่ถอนออกมาต้องฝากเข้าบัญชีธนาคารสวิตเซอร์แลนด์ครับ”

ฉันไม่ใช่คนโง่สักหน่อย”

ขอโทษครับ ผมแค่เป็นห่วง”

ประธานพรรคมินกูซังครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะพูด

เอาเป็นว่าฉันเข้าใจแล้ว ฉันยอมรับข้อเสนอของนาย แต่บางทีอาจจะไม่เป็นอย่างที่ฉันคิด ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันจะคืนมันให้นายแล้วกัน”

ท่านประธานแค่ตัดสินใจแล้วสั่งการเองนะ แค่นี้ก็ยากเหรอครับ”

เพราะมีคนใส่กำไลอีเอ็ม[1] ไว้ที่ข้อเท้าฉันน่ะสิ”

หว่างคิ้วของมันซองขมวดเข้าหากัน

คงไม่ใช่พ่อใช่ไหมครับ”

ไม่ใช่อยู่แล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันคงปฏิเสธตั้งแต่ก่อนรับสมุดบัญชีนี้แล้ว”

งั้นใครล่ะครับ”

ฉันบอกเรื่องนั้นไม่ได้ ยังไงก็ตาม พรุ่งนี้ฉันจะติดต่อไปอีกที แต่รองประธานใหญ่คังแจชิกไม่ใช่คนที่รับมือง่ายเลยนะ...นายจะทำได้เหรอ”

มันซองตอบด้วยแววตาวาววับ

อย่าเชื่อผม แล้วเชื่อในเงินสี่แสนล้านวอนเถอะครับ ถ้าอยากได้ก็ต้องวิ่งเหมือนหมา”

 


[1]  ย่อมาจาก Electronic Monitoring หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับติดตามตัว มักนำมาใช้กับผู้ที่ถูกควบคุมความประพฤติตามคำสั่งศาล


 

บทที่ 297 ผลของความโลภ (4)

 

วันต่อมา ประธานพรรคมินกูซังมาหากรรมการผู้จัดการชเวยองฮุนอย่างลับๆ

หลังจากรออยู่ที่โรงแรมเหมือนเช่นเคย ประธานพรรคมินก็ทักทายกับยองฮุนและเข้าเรื่องทันที

เมื่อคืนประธานคังมันซองมาหาฉัน”

จริงเหรอครับ”

ฉันไม่รู้ว่านายรู้หรือเปล่า แต่ตอนนี้สถานการณ์ของโอซองกรุ๊ปกำลังวุ่นวาย รองประธานใหญ่คังแจชิกกำลังโอนหุ้นเพื่อสนับสนุนลูกชายคนรองตามที่นายต้องการ ท่ามกลางสถานการณ์นี้ ลูกชายคนโตก็กำลังง่วนอยู่กับการหาทางเอาตัวรอด”

ผมรู้มาคร่าวๆ แล้วครับ”

นั่นสินะ นายอาจจะรู้ดีกว่าฉันด้วยซํ้า บางทีนี่อาจจะเป็นแผนที่นายวางไว้ก็ได้”

คิดมากเกินไปแล้วครับ”

งั้นเหรอ ถึงฉันจะไม่ไว้ใจความถ่อมตัวของนายก็เถอะ แต่ยังไงก็ตามนั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ เรื่องสำคัญก็คือ คังมันซองมาหาแล้วขอความช่วยเหลือจากฉัน”

ยองฮุนเอียงศีรษะ

แล้วยังไงต่อครับ อยากช่วยเขาเหรอครับ”

สิ่งที่ประธานคังมันซองต้องการ ไม่ใช่การขอกลับมาเป็นผู้สืบทอดโอซองกรุ๊ป เขารู้ตัวว่าแพ้ให้น้องชายแล้ว แค่ต้องการจะออกไปพร้อมกับบริษัทในเครืออีกสองสามบริษัท รวมถึงโอซองดิจิทัล ทีนี้เลยมาขอให้ฉันช่วย”

ขอให้ช่วยเขาแยกบริษัทในเครือออกจากกันสินะครับ”

ถูกต้อง ถ้าเกิดมาขอให้ช่วยเกลี้ยกล่อมรองประธานใหญ่คังแจชิก เพื่อให้ตัวเองได้กลับมาสืบทอดโอซองทั้งกรุ๊ป ฉันคงปฏิเสธโดยที่ไม่ต้องคิดทบทวนเพราะฉันไม่มีอำนาจขนาดนั้น แล้วก็มีสัญญากับนายด้วย แต่สถานการณ์ตอนนี้แตกต่างกันนิดหน่อย เขาขอไม่ถึงครึ่งของโอซองด้วยซํ้า ถ้าก้อนใหญ่ๆ โดนตัดออกไป ก็จะดีสำหรับเอชเอสไม่ใช่เหรอ”

คิดอย่างนั้นเหรอครับ”

ฉันคิดอย่างนั้นนั่นแหละ นั่นคือเหตุผลที่ฉันมาหานายเพื่อขอความคิดเห็น”

เห็นแก่ผมถึงขั้นตัดสินใจมาหาคำตอบด้วยตัวเองแบบนี้เลยเหรอครับ”

ประธานพรรคมินกูซังตอบอย่างประหม่า เมื่อเห็นยองฮุนถามกันด้วยรอยยิ้มแปลกๆ

ถ้าว่ากันตามตรง ฉันมีความแค้นกับโอซองนิดหน่อย ก่อนหน้านี้ฉันเคยเล่าแล้วไม่ใช่เหรอ ประธานใหญ่โอซองกับฉันเป็นเพื่อนซี้จากบ้านเกิดเดียวกัน...แต่ตัวลูกกลับสบประมาทฉันขนาดนั้น พูดไม่ออกเลยละ ตั้งแต่มันซองมาหาฉันแล้วขอนั่นขอนี่ ท้องไส้ฉันก็ปั่นป่วนแล้ว แต่จะทำยังไงได้ล่ะ เงินคือฐานะ เงินคืออันธพาล ถ้าโอซองแตก ใจฉันน่าจะผ่อนคลายมากขึ้น”

แม้จะพูดยืดยาวเพื่อหาความชอบธรรมให้การกระทำของตัวเอง แต่สุดท้ายพอดูภาพรวมแล้ว ประธานพรรคมินก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร

ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะเป็นไปได้ แต่กับประธานพรรคมินกูซังไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน

เขาให้เงินเหรอครับ”

หือ?”

ยองฮุนขมวดคิ้วเมื่อเห็นนัยน์ตาของอีกฝ่ายสั่นไหวเหมือนระลอกคลื่น

ผมพูดถูกสินะ เงิน เขายื่นเงื่อนไขให้เท่าไหร่ครับ”

มะ...หมายถึงอะไรกันแน่”

ทายาทมหาเศรษฐีรุ่นสี่ไม่มีอิทธิพลอะไรต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีกลับคิดใช้งานประธานพรรครัฐบาล และท่านประธานก็ยอมทำเพียงเพื่อระบายความแค้นที่สะสมมานานเฉยๆ งั้นเหรอครับ คิดว่าผมโง่ถึงขั้นจะเชื่อเรื่องนั้นเลยเหรอ”

ตอนนั้นฉันเล่าอะไรให้ฟังบ้างนะ ตอนอยู่หมู่บ้านเดียวกับประธานใหญ่โอซองกรุ๊ป...”

ครับ ตอนนั้นผมได้ฟังเรื่องในอดีตมาเยอะเลยครับ แต่ถ้าจะบอกว่าเป็นเพราะความแค้นที่ฝังรากลึกมาตั้งแต่สมัยวัยรุ่น ท่านประธานก็ไม่ใช่คนใจอ่อนจนยอมทำตามคำขอของเด็กรุ่นหลานแบบนี้ไม่ใช่เหรอ มาหาคำตอบ? แล้วหลังจากนั้นล่ะครับ ถ้าทำพลาดก็อาจจะไปสะกิดใจรองประธานใหญ่คังแจชิกได้เลยนะท่านประธานที่กำลังจ้องจะลงเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยหน้า จะไม่เกรงกลัวอำนาจของรองประธานใหญ่คังแจชิกที่อาจรักษาตัวจนหายสนิท แล้วหวนคืนสู่วงการธุรกิจอีกครั้งเลยเหรอครับ เพราะอะไรกันล่ะ”

“...”

รับเงินมาเท่าไหร่ครับ ไม่สิ ตกลงกันว่าได้เท่าไหร่ล่ะครับ”

ประธานพรรคมินกูซังสลัดบรรยากาศสบายๆ เมื่อตอนพบกับยองฮุนครั้งแรกออกแล้วกล่าวด้วยสายตาสงบนิ่ง

ฉันคิดแล้วว่านายน่าจะดูออก”

ถ้าไม่โง่ ใครๆ ก็ดูออกครับ”

ก็จริงสินะ เพราะมันเยอะพอที่จะทำให้หลอกตัวเองว่าไม่ใช่อย่างนั้นทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจ”

แปลว่าเป็นจำนวนเงินที่ต้องยอมรับจนไม่ได้คำนึงถึงเรื่องอื่น

แล้วเท่าไหร่ครับ”

สี่แสนล้าน”

ยองฮุนหัวเราะอย่างหมดแรง

ฮ่าๆ...ก็สมควรแล้วละครับ”

จำนวนเงินที่ควรค่าแก่การทำเรื่องโง่ๆ

เพราะขนาดตอนนี้ตัวเองเป็นหนึ่งในคนของตระกูลมหาเศรษฐีแล้ว แต่สี่แสนล้านวอนก็ยังเป็นจำนวนที่เกินกว่าจะจินตนาการสำหรับเงินส่วนตัว ไม่ใช่เงินทุนบริษัท

ขอบคุณนะที่เข้าใจ”

ปลอดภัยเหรอครับ”

นี่เป็นบัญชีเงินทุนลับที่รองประธานใหญ่คังแจชิกและอดีตประธานใหญ่คนก่อนเปิดไว้ เขาบอกว่าต่อให้ใครหาบัญชีนั้นเจอ ก็ยากจะหาความเชื่อมโยงกับโอซอง โอซองกรุ๊ปมีบัญชีแบบนั้นอยู่เยอะแยะ การได้ดูแลบัญชีนั่นก็เหมือนได้รับการยอมรับจากโอซองในความจงรักภักดี และรับประกันความสำเร็จในชีวิตไปพร้อมๆ กันด้วย”

เขาจะยกสมุดบัญชีเล่มหนึ่งในนั้นให้สินะครับ แต่ถ้าประธานคังมันซองมีมัน...”

ถูกต้อง ต่อให้ฉันจะปฏิเสธ รองประธานใหญ่คังแจชิกก็จัดการลูกชายได้ยากมากอยู่ดี ไม่รู้ว่ามีบัญชีเงินทุนลับอีกเท่าไหร่ แต่ถ้าเกิดผิดพลาดขึ้นมาไม่เพียงแต่รองประธานใหญ่คังแจชิกเท่านั้น แม้แต่ประธานใหญ่ที่กำลังนอนอยู่ในโรงพยาบาลตอนนี้ก็ต้องโดนด้วย แถมยังไม่ใช่แค่นั้น ถ้านึกถึงนักการเมืองรวมถึงข้าราชการที่เข้าร่วมการเปิดบัญชีเงินทุนลับ ฉันยังจินตนาการไม่ออกเลยว่าผลกระทบนั่นจะกระจายเป็นวงกว้างถึงตรงไหน”

รองประธานใหญ่คังแจชิกคงจะปวดหัวน่าดูนะครับ”

แล้วฉันจะไม่รับไว้ได้เหรอ”

ประธานพรรคมินกูซังปล่อยเงินสี่แสนล้านวอนไปไม่ได้

แต่หากทำพลาดจนโดนเอชเอสมองว่าเป็นคนผิด ก็ไม่อาจยอมรับความอับอายนั้นในฐานะประธานพรรคได้

บางทีถ้าข้อเสนอแบบนี้เข้ามาตอนอายุยังน้อยกว่านี้ อาจจะเลือกรับสี่แสนล้านวอนทันทีโดยไม่สนใจสายตาใครทั้งนั้น

ทำสิครับ”

อะไรนะ”

ทำตามข้อเสนอของประธานคังมันซองได้เลยครับ”

ว่าแล้ว...ฉันเดาถูกจริงๆ ด้วยใช่ไหม”

ประธานพรรคมินหัวเราะอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม

ถูกครึ่งผิดครึ่ง แต่นั่นจะสำคัญอะไรล่ะครับ ท่านประธานแค่ไม่เอาบัญชีนั้นไปสร้างปัญหา ระหว่างที่ยังรักษาตำแหน่งนั้นอยู่ก็พอครับ”

ถ้ามันเกิดปัญหา...”

ก็อาจจะพลาดจนโดนภายนอกประณามครับ”

ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก เห็นฉันโง่หรือไง ว่าแต่...ฉันเอาไปทั้งหมดเลยได้หรือเปล่า”

มีความคิดจะแบ่งให้ผมด้วยเหรอครับ”

“...”

ยองฮุนพูดกับอีกฝ่ายที่มองกันด้วยแววตาสงสัย

ไม่ต้องหรอกครับ ผมไม่ต้องการอะไร เชิญรับคนเดียวเลยครับ”

เท่ากับว่านี่ก็กลายเป็นเงินที่ไม่เหลือร่องรอยแล้วสินะ”

โกหก

ในเมื่อได้มาจากประธานคังมันซอง ประธานคังมันซองก็ต้องรู้ แถมยังมาบอกยองฮุนอีก เท่ากับมีคนรู้ถึงสองคนแล้ว

คำว่าเงินไม่เหลือร่องรอยคือ การชักชวนให้เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกัน

ต้องทำแบบนั้นถึงจะปลอดภัยกว่า

ถึงจะเสียดายมากที่สี่แสนล้านวอนจะกลายเป็นสองแสนล้านวอน แต่แน่นอนว่าแบบนั้นจะสมบูรณ์แบบมากขึ้น หากยืมมือบริษัทขนาดใหญ่เพื่อสร้างและโยกย้ายบัญชีใหม่ที่ไม่มีใครสืบได้ในต่างประเทศ

ผมไม่ต้องการครับ”

แปลก

ครั้งนี้กลับพูดปฏิเสธออกมาจากปากได้ยากจนแปลกใจ

อาจจะเป็นเพราะหน่วยเงินมันเยอะ

จริงเหรอ”

ครับ”

ไม่โลภเลยเหรอ...ฉันกลับกลายเป็นคนเห็นแก่เงินเลยสินะ”

เงินสี่แสนล้าน ใครๆ ก็ทำแบบท่านประธานกันทั้งนั้นครับ”

รู้ไหมว่าคำนั้นมันทำให้ฉันรู้สึกชีชํ้ากว่าเดิม”

อย่ามาขอคำปลอบประโลมจากผมเลยครับ ตั้งแต่ผมพูดว่าเอาเงินนั้นไปเลย ท่านประธานก็ได้รับการปลอบใจครั้งใหญ่แล้วไม่ใช่เหรอครับ”

นั่นสินะ จริงด้วย ประธานคังมันซองคงจะชอบใจ ส่วนคนเป็นพ่อคงจะลำบาก แต่ถ้าคังแดซองได้รู้เรื่องนี้คงจะผิดหวังมาก...ถ้ามารู้ทีหลังว่านายมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเรื่องนี้ด้วย จะไม่เป็นไรเหรอ”

ดูเหมือนจะกล่าวหาผมให้ได้เลยนะครับ”

ฉันแค่สงสัยเฉยๆ”

ถึงรู้ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ”

อย่ามองความโลภของคนอื่นเป็นเรื่องตลกนะ ต่อให้ไม่ใช่ของของตัวเองแต่ถ้ามองว่าเหมือนของของฉันเมื่อไหร่ มันก็จะกลายเป็นของของตัวเองทันทีบางทีเขาอาจจะรู้สึกเหมือนโดนแย่งมรดกก็ได้”

เรื่องนั้นเดี๋ยวผมประเมินเองครับ ถ้าจะให้ผมพูดอีกอย่าง...ทราบไหมครับว่าทำไมท่านประธานถึงไม่มีวาสนากับตำแหน่งประธานาธิบดี”

ประธานพรรคมินกูซังชะงัก

ฉันอยากรู้เหตุผลเหมือนกัน”

เพราะเทียบกับอำนาจที่มีแล้ว ปากของท่านประธานค่อนข้างเบาครับปากที่ไม่เลือกเวลาและสถานที่กำลังขัดขวางโอกาสก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงกว่านี้ของท่านประธานอยู่ ก็เป็นเรื่องน่าเสียดายมากครับ”

เจ้าตัวทำหน้าบูดบึ้งทันที

ตักเตือนกันได้ดีจริงๆ นะ ขมเหลือเกิน”

ยาที่ดีต่อร่างกายมักจะขมปากอยู่แล้วครับ ถ้างั้นผมขอตัวก่อน อ้อสี่แสนล้านที่ประธานคังมันซองให้มา...จะประมาทไม่ได้เด็ดขาดนะครับ”

หืม? หมายถึงอะไร”

ถ้าคิดจะแกล้งทำงานแบบขอไปทีแล้วเอาแต่เงิน อาจจะเป็นเรื่องใหญ่ครับเงินนั่นไม่ใช่ได้มาฟรีๆ”

ยองฮุนพูดแบบนั้นแล้วเดินออกมา ทิ้งประธานพรรคมินกูซังที่มีสีหน้าเคร่งเครียดไว้ในห้อง

ยองฮุนเดินตัวเกร็งไปที่ลานจอดรถของโรงแรมอย่างรวดเร็ว โดยไม่ได้รับคำทักทายจากพนักงานโรงแรมที่เดินผ่าน

เขาขยับตัวอย่างไม่มีสติเหมือนคนรีบไปเข้าห้องนํ้า พอขึ้นรถของตัวเองได้ก็เหงื่อออกท่วมตัวจนน่าประหลาดใจ

ฮู่...ฮู่...”

ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว

ตอนที่ประธานพรรคมินกูซังบอกว่าจะแบ่งเงินสี่แสนล้านวอนให้

หัวใจเต้นรัวอย่างบ้าคลั่งจนเวียนหัว คิดแค่ว่าต้องรีบจบบทสนทนาแล้วปลีกตัวออกมา แต่ก็ต้องพยายามหนักมากเพื่อไม่ให้แสดงออกต่อหน้าอีกฝ่าย

โชคชะตาเฮงซวย...”

ปวดจี๊ดขึ้นไปถึงหัวเลย

แต่หลังจากค่อยๆ ปรับและควบคุมลมหายใจ ไม่นานนักก็สงบลง

บางทีอาจจะรู้สึกถึงอาการแบบนี้ชั่วคราวเพราะเหตุผลอื่นก็ได้

ยองฮุนโทร.เข้าบริษัท

ครับ ผมเองนะ วันนี้ผมไม่ค่อยสบาย จะลาหยุดหนึ่งวันครับ”

ยองฮุนคิดว่าอาจจะเป็นเพราะช่วงนี้หักโหมมากเกินไป จึงตัดสินใจว่าจะกลับไปพักผ่อนที่บ้านให้เต็มที่หนึ่งวัน

เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง

ทันทีที่คังมันซอง ประธานบริษัทโอซองดิจิทัลไปทำงาน ก็เรียกประชุมผู้บริหารในบริษัทและพูดอะไรบางอย่าง

ตอนนี้โอซองดิจิทัลของเราจะถูกแยกออกจากบริษัทในเครือของโอซองกรุ๊ปครับ ไม่ใช่เพียงแค่นั้น โอซองดีเวลล็อปเมนต์ โอซองเทคโนโลยี โอซองไบโอโอซองหลักทรัพย์เองก็จะถูกแยกออกจากโอซองกรุ๊ปด้วยเช่นเดียวกัน และจะก่อตั้งเป็นกรุ๊ปใหม่ครับ”

การประกาศต่อหน้าพวกผู้บริหาร ในความเป็นจริงก็คือการประกาศสงครามต่อกรุ๊ป

พวกผู้บริหารของโอซองดิจิทัลทำงานที่โอซองดิจิทัลเพียงที่เดียวมาตลอดงั้นเหรอ

พวกเขาค่อยๆ เติบโตด้วยการหมุนเวียนตำแหน่งไปทั่วกรุ๊ปขนาดใหญ่ที่ชื่อว่าโอซองกรุ๊ป มันซองจึงรู้อยู่แล้วว่าคำพูดจะแพร่กระจายออกไปแน่นอน

ผู้บริหารต้องตัดสินใจ

ถ้าคิดจะแสดงความจงรักภักดีต่อโอซองกรุ๊ป ก็ต้องขัดขวางแผนการของมันซอง แต่นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

ประธานชเวอิลกนเรียกประชุมคณะประธานบริษัทในเครือเพื่อวางแผนรับมือ ซึ่งรวมถึงประธานของโอซองดีเวลล็อปเมนต์ โอซองเทคโนโลยี โอซองไบโอ โอซองหลักทรัพย์ด้วย

ท่านรองประธานใหญ่คงไม่ปล่อยไว้แน่ครับ ไม่ว่ายังไงก็ตาม”

ยุนแบคจุง ประธานโอซองไบโอตบโต๊ะพร้อมกับตะโกนเสียงดัง

ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจการกระทำของประธานคังมันซอง แถมดูไม่น่าจะมีความเป็นไปได้อีกด้วย

นอกจากประธานยุนแบคจุงแล้ว บรรดาผู้เข้าร่วมการประชุมนี้ไม่มีใครที่ไม่ร่วมตำหนิประธานคังมันซอง

กลับกันแล้ว มีบางคนรู้สึกเสียดายกับการตัดสินใจอันโง่เขลาเช่นนั้น

ท่ามกลางสถานการณ์นั้น ประธานชเวอิลกนมองแดซองที่มีสีหน้ามืดหม่นตลอดการประชุม ก่อนจะถามเสียงเบาๆ

มีอะไรที่พวกเราไม่รู้หรือเปล่า”

บางที...”

บางที?”

บางทีพี่อาจจะมีบัญชีเงินทุนลับของพ่อครับ จำไม่ได้ว่าห้าปีก่อนหรือนานกว่านั้น ตอนนั้นพี่ดื่มเหล้าแล้วก็อวดใหญ่เลย บอกผมว่าพ่อมอบความไว้วางใจให้อย่างเต็มที่แล้ว ทำอย่างกับได้เห็นโลกใบใหม่ แต่ถ้าเกิดเรื่องนั้นเกี่ยวข้องกับเงินทุนลับ ผมว่าเรื่องนี้น่าจะจัดการไม่ง่ายอย่างที่คิดนะครับ”

ทันทีที่สีหน้าของประธานชเวอิลกนเริ่มเคร่งขรึม จังหวะนั้นพนักงานฝ่ายเลขานุการคนหนึ่งก็เข้ามารายงานต่อประธานชเวอิลกน

ผมคิดว่าท่านประธานควรจะดูข่าวตอนนี้ครับ”

ข่าวอะไร”

นี่ครับ...”

พนักงานฝ่ายเลขานุการกดแท็บแล็ตที่จัดเตรียมไว้ในห้องประชุมเพื่อเปิดข่าวจากอินเทอร์เน็ต

[การสืบทอดอำนาจอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมายของโอซองกรุ๊ป ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าเป็นการลิดรอนสิทธิ]

นี่มันอะไรกัน”

อยู่ๆ ประธานพรรคมินกูซังก็รวบรวมนักข่าวมาทำข่าวนี้ครับ ปัญหาคือเจ้าหน้าที่ของบลูเฮาส์เองก็พูดเหมือนเห็นด้วย...”

เจ้าหน้าที่คือใคร”

ไม่ทราบครับ”

ประธานชเวอิลกนรับรู้ได้ว่าสถานการณ์มันไม่ปกติ

ไม่ใช่ สส.สมัยแรกที่ไม่รู้ว่ามาจากเขตไหน แต่เป็นถึงประธานพรรครัฐบาลรวมถึงเจ้าหน้าที่ของบลูเฮาส์ที่เข้ามาหาเรื่อง

แถมยังเกิดขึ้นระหว่างกำลังโอนหุ้นเพื่อให้หัวหน้าฝ่ายคังแดซองเป็นผู้สืบทอดกรุ๊ป

สื่อกับนักข่าวช่องสาธารณะจะไม่รู้ถึงเหตุการณ์สำคัญนี้เลยเหรอ

ทั้งๆ ที่รู้ก็ยังเลือกที่จะเงียบ แต่กลับจัดงานแถลงข่าวแล้วพูดถึง...

แดซอง”

ครับ?”

ฉันคงต้องไปหาท่านรองประธานใหญ่”

ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันครับ พี่จะเป็นคนบงการประธานพรรคหรือเปล่า”

ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนนี้ยังไม่มีอะไรที่ชัดเจนสักอย่างเลย”

หัวหน้าฝ่ายคังแดซองเข้าใจคำพูดของประธานชเวอิลกน

ยังไม่ชัดเจนว่าสิทธิ์ในการบริหารกรุ๊ปจะตกเป็นของเขาหรือไม่

และนั่นจึงทำให้เขารู้สึกกระวนกระวาย


 

บทที่ 298 ผลของความโลภ (5)

 

 อาคารผู้โดยสาร สนามบินอินชอน

กรรมการผู้จัดการคิมชางฮุนที่ไม่เคยต้องมารอคนอื่นที่สนามบินมาก่อนกำลังรอใครบางคนเป็นครั้งแรกในชีวิต

แน่นอนว่าคนนั้นก็คือโคอิเกะ ยูริโกะ ที่เพิ่งกลับญี่ปุ่นไปเมื่อไม่นานนี้

ขนาดตอนเธอกลับญี่ปุ่น เขายังคิดว่าหนึ่งสัปดาห์เดี๋ยวก็ผ่านไปอยู่เลยแต่น่าแปลกที่รู้สึกว่าหนึ่งสัปดาห์ในการรอเธอมันยาวนานมาก

ไม่ใช่เพราะความรักที่มีต่อโคอิเกะ ยูริโกะ แต่เป็นเพราะยิ่งเวลาผ่านไปตำแหน่งของเธอที่เว้นว่างก็ยิ่งกดดันเขา

เขายิ่งรู้สึกถึงอำนาจและพลังของเธอได้มากขึ้นกว่าเดิมในตอนที่เธอไม่อยู่

ไม่รู้ว่าพี่ชายอย่างโดฮุนคิดว่าตอนโคอิเกะ ยูริโกะ ไม่อยู่เป็นโอกาสเดียวของตัวเองหรือเปล่า ถึงได้มีตติ้งกับผู้บริหารระดับสูงของกรุ๊ปตลอดเพื่อสร้างความกดดัน ส่วนประธานใหญ่คิมแทฮยอนผู้เป็นพ่อก็ยังสงสัยเกี่ยวกับการแต่งงานของเขาอยู่

ถึงอย่างไรการแต่งงานครั้งนี้ ก็ไม่ได้เป็นเพราะเขารู้จักกับโคอิเกะ ยูริโกะด้วยตัวเองมาตั้งแต่แรก

ในเมื่อพ่อแอบแสดงเจตนาให้เห็นว่าสามารถถอนการสนับสนุนลูกชายคนรองได้ทุกเมื่อ การมีอยู่ของเธอจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับชางฮุน

แถมตัวห่าง ใจก็ห่างด้วย เขาเลยกังวลว่าพอกลับญี่ปุ่นแล้ว เธออาจจะเปลี่ยนใจ

ดังนั้นเลยมายืนรอตรงทางออกอย่างกระวนกระวาย ก่อนจะมองเห็นผู้หญิงสวมแว่นกันแดดในชุดเดรสรัดรูปสีดำ เดินมามือเปล่าจากไกลๆ

พอขมวดคิ้วแล้วยื่นหน้าเข้าไปพิจารณาอย่างละเอียดเผื่อผิดคน เธอก็ยิ้มอย่างสดใสพร้อมโบกมือมาทางนี้

ตอนนั้นนั่นเองชางฮุนถึงรู้สึกโล่งใจแล้วยกสองมือขึ้นโบกกลับ

อัศวินขี่ม้าขาวจากญี่ปุ่นที่วิ่งมาเพื่อช่วยเหลือตน

ความรู้สึกที่ชางฮุนมีต่อเธอเป็นแบบนั้นเลย

มารอนานแล้วเหรอคะ”

เธอเดินเข้ามาอยู่ตรงหน้า ถอดแว่นกันแดดแล้วถาม

ลูกชายตระกูลมหาเศรษฐีอย่างชางฮุนประทับใจในการมีอยู่ของตัวเธอมากกว่ารูปร่างหน้าตาอันงดงามเสียอีก เขามองมือที่ว่างเปล่าของเธอและถามด้วยสีหน้าสงสัย

ผมรอด้วยความยินดีจนไม่รู้เลยครับว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว ว่าแต่สัมภาระล่ะครับ”

อาจจะถูกใจคำพูดของชางฮุนมาก เธอจึงหัวเราะอย่างสดใส ก่อนจะหลบไปข้างๆ เล็กน้อยแล้วพูด

เพื่อนๆ ของฉันค่ะ”

กลุ่มชายรูปร่างสูงใหญ่ที่น่าจะมากกว่าหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร ยืนอยู่ข้างหลังเธอพร้อมกับก้มศีรษะลง

มือที่ใช้ถือกระเป๋าเดินทางดูใหญ่มาก ถ้าโดนตีสักครั้งคงได้ไปเยือนปรโลกทันที

หน้าตาก็ไม่ได้แค่น่ากลัวธรรมดาๆ แค่มองก็รู้แล้วว่าเป็นพวกยากูซ่า

อ๋อ...เพื่อนๆ เหรอครับ...”

พวกเขาเป็นบอดี้การ์ดของฉันมาเกินห้าปีแล้วค่ะ เคยเป็นนักกีฬาซูโม่มาก่อน ถึงจะดูน่ากลัวนิดหน่อย แต่เป็นสุภาพบุรุษนะคะ”

ฮ่าๆ...อย่างนั้นสินะครับ”

เธอแนะนำชางฮุนกับบอดี้การ์ดเป็นภาษาญี่ปุ่น

ไม่รู้ว่าได้ฟังเรื่องราวมามากแค่ไหน ถึงไม่ได้ตกใจกับคำว่าว่าที่สามี และโค้งทักทายด้วยร่างกายที่ใหญ่โต

ชางฮุนรับการทักทายก่อนจะพูดถึงการดูแลคุ้มครองเธอ

ทางเราสามารถช่วยดูแลความปลอดภัยให้ได้เหมือนกันนะครับ”

ขอโทษค่ะ ฉันไม่ค่อยไว้ใจใครเท่าไหร่ คุณอาจจะเชื่อใจได้ แต่บริษัทที่คุณแนะนำอาจจะรับเงินที่มากกว่าจากใครบางคนก็ได้ค่ะ”

เย็นชามากจนแอบเสียใจนิดหน่อย

เพราะสุดท้ายก็แปลว่าไม่ได้ไว้ใจกันเต็มร้อย

ผมเข้าใจครับ เรื่องนั้นอาจจะเกิดขึ้นได้จริงๆ”

ชางฮุนบอกว่าเข้าใจ แต่สีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไรนัก โคอิเกะ ยูริโกะ สังเกตเห็นพอดีจึงพูดเสริม

ฉันโตมากับเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ พนักงานบริษัทรักษาความปลอดภัยเคยพยายามลักพาตัวฉันด้วย ครั้งก่อนฉันมาเกาหลีแค่แป๊บเดียวเลยไม่จำเป็นต้องพามา แต่ตอนนี้ต้องมาอยู่ที่นี่สักพัก แล้วต้องทำงานหลายๆ อย่างที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ ฉันเลยพาพวกเขามาด้วยค่ะ”

หรือว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นที่เกาหลีเหรอครับ”

ฉันไม่ได้พามาเพราะคิดว่าต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่นอน แค่คิดว่าให้พวกเขามาคอยดูแลอยู่รอบตัวแล้วจะสบายใจขึ้นอีกขั้นน่ะค่ะ คิดว่าเป็นการแก้ปัญหาทางจิตวิทยาอย่างหนึ่งก็ได้ คุณโอเคใช่ไหมคะ”

แน่นอนครับ ไปกันเถอะ พ่อผมกำลังรออยู่ครับ”

แม้จะเสียดายนิดหน่อย แต่พอคิดถึงชีวิตที่เธอผ่านมาแล้วก็พอจะเข้าใจได้

ฉันขอแวะโรงแรมก่อนได้ไหมคะ ชุดนี้ฉันใส่เพื่อให้คล่องตัวบนเครื่อง...”

แค่นี้ก็เพอร์เฟกต์แล้วนะครับ”

ถึงอย่างนั้นก็เถอะค่ะ ยังพอมีเวลานี่นา”

ก็ได้ครับ แล้วรถล่ะ...ถ้าแจ้งก่อนล่วงหน้า ผมคงจะเตรียมรถไว้ให้แล้วครับ”

ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเตรียมไว้แล้ว เพราะถ้าไม่ใช่รถคันใหญ่สุด เพื่อนๆ ฉันจะค่อนข้างลำบาก พวกเราเลยจัดการเตรียมกันเองตลอดค่ะ”

อย่างที่เธอบอก คนแปลกหน้าคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน เข้ามายื่นกุญแจให้บอดี้การ์ดตัวใหญ่ของโคอิเกะ ยูริโกะ โดยมีรถตู้ขนาดใหญ่เกือบเท่าคันที่พวกดาราชอบนั่งจอดอยู่ข้างหน้า

ชางฮุนหัวเราะเมื่อเห็นเหล่าบอดี้การ์ดทยอยกันก้าวขึ้นรถตู้คันนั้น

รถคันใหญ่นั่นดูแคบไปเลยนะครับ”

คงเป็นเพราะเอาพวกของว่างมายัดไว้จนแน่นด้วยน่ะค่ะ พวกเราออกเดินทางกันเถอะค่ะ”

อาจเพราะถูกใจท้องฟ้าอันสดใส โคอิเกะ ยูริโกะ เงยหน้ามองไปทั่วท้องฟ้าครั้งหนึ่งพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะก้าวขึ้นรถของชางฮุน

และมีกลุ่มคนที่กำลังเฝ้าดูภาพนั้นจากไกลๆ

แม่ง ไอ้ตัวใหญ่พวกนั้นคืออะไร รายงานเบื้องบนก่อน น่าจะยากเกินไปสำหรับพวกเรา...”

ครับ”

พวกเขาจับตามองด้านหลังของฝ่ายนั้นที่ก้าวขึ้นรถจนกระทั่งลับสายตาถึงพากันออกจากตรงนั้น

 ห้องอาหารจีน โรงแรมไฮแอท นัมซาน

ประธานใหญ่คิมแทฮยอนนั่งรออยู่ แต่อีกใจหนึ่งก็ยังสงสัยอยู่เหมือนเดิม

นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาโกหกกัน และไม่ได้คิดด้วยว่ากรรมการผู้จัดการชเวหรือลูกชายคนรองจะโง่จนโกหกเรื่องแบบนี้ แต่เป็นเพราะขั้นตอนที่ทำให้เกิดการแต่งงานครั้งนี้น่าเหลือเชื่อมากเกินไป

ต้องเรียกว่าอึดอัดดีไหมนะ เพราะไม่อาจส่งจดหมายอย่างเป็นทางการไปถามได้ว่า ประธานกรรมการของพวกคุณตั้งใจจะแต่งงานกับลูกชายของพวกเราจริงหรือเปล่า

สวัสดีค่ะ”

แต่หลังจากได้เผชิญหน้ากับโคอิเกะ ยูริโกะ ตัวเป็นๆ ประธานใหญ่คิมแทฮยอนถึงยอมรับว่าลูกชายคนรองไม่ได้เที่ยวพูดจาไร้สาระ

ยินดีที่ได้รู้จักครับ ได้ยินเรื่องของคุณมาเยอะทีเดียว”

เกี่ยวกับหนูเหรอคะ หรือว่าเกี่ยวกับบริษัทของหนู”

คำถามที่ฮุกเข้ามาทำเอาประธานใหญ่คิมแทฮยอนกับชางฮุนสะดุ้ง

ทั้งคู่นั่นแหละ ว่าแต่พูดเกาหลีเก่งมากเลยนะครับเนี่ย”

ขอบคุณค่ะ คุณชางฮุนเขาเล่าว่ายังไงบ้างเหรอคะ บอกว่าหนูสวยหรือเปล่า”

อวดใหญ่เลยละว่าเป็นคนสวย”

โฮ่ๆ...ถ้างั้นก็โล่งอกไปทีค่ะ ไม่รู้สึกเสียดายที่หมดเงินไปเยอะสำหรับการดูแลตัวเองมาจนถึงตอนนี้เลย คุณพ่อเองก็ดูหนุ่มกว่าอายุเหมือนกันนะคะ”

ขอบคุณครับ”

เธอไม่ได้รู้สึกกดดันเลยสักนิด

ตอนแรกคิดว่าทำตัวแบบนี้ต่อหน้าคนเป็นว่าที่พ่อสามีได้ด้วยเหรอ แต่พอนึกถึงตำแหน่งของเธอแล้วก็ยอมรับในใจได้อย่างรวดเร็ว

เมื่อคำนึงถึงเงินของรอยัลเมเจอร์และอำนาจที่ตามมาจากสิ่งนั้นแล้วถ้าคนเป็นว่าที่พ่อสามียังไม่สามารถแยกแยะได้ นั่นคงแปลกยิ่งกว่า

ขอถามเหตุผลที่ต้องการแต่งงานกับลูกชายผมได้ไหมครับ”

ค่ะ แต่ก่อนหน้านั้น เชิญพูดตามสบายเถอะค่ะ เราไม่ได้มาเพื่อเรื่องธุรกิจอย่างเดียว การฟังคำสุภาพจากคุณพ่อของคุณชางฮุนทำให้ลำบากใจกว่าที่คิดนะคะ”

คำว่าไม่ได้มาเรื่องธุรกิจอย่างเดียว พูดอีกอย่างก็คือ มาเพื่อทำธุรกิจด้วยนั่นเอง

ได้สิ ขอถามเหตุผลที่อยากแต่งงานกับลูกชายของฉันได้ไหม”

หนูอยากหาความมั่นคงทางจิตใจค่ะ”

คราวนี้ประธานใหญ่คิมแทฮยอนสับสนนิดหน่อย เพราะเป็นคำตอบที่คาดไม่ถึง

ต่อให้ไม่ได้ตอบว่ารักเพราะเพิ่งเจอกับลูกชายได้แค่ไม่กี่วัน แต่ก็นึกว่าจะได้ยินอะไรที่น่าเชื่อถือกว่านี้

เชื่อว่าจะหาความมั่นคงทางจิตใจจากชางฮุนได้งั้นเหรอ”

ค่ะ”

มีเหตุผลอะไรที่ทำให้มั่นใจหรือเปล่า ถ้ามีฉันก็อยากฟัง”

มีเหตุผลค่ะ แต่อธิบายเป็นคำพูดยาก หนูแค่รู้สึกว่าคุณชางฮุนเป็นคนดีแล้วก็ไว้ใจได้ค่ะ”

เป็นคนดีและไว้ใจได้?”

พูดให้ชัดกว่านี้ก็คือ คิดว่าเขาไม่ใช่คนที่จะมาทำร้ายหนู เพราะทรัพย์สินที่หนูมีค่ะ”

หน้าผากของประธานใหญ่คิมแทฮยอนยับย่น

ข้อสรุปไม่เหมือนใครจริงๆ”

นี่เป็นเกณฑ์ที่สำคัญมากสำหรับหนูค่ะ”

อย่างนั้นสินะ เรียกคนจะเป็นลูกสะใภ้มาแล้วเอาแต่พูดเรื่องตัวเองขอโทษที ร้านอาหารนี้ค่อนข้างใช้ได้นะ แต่ไม่รู้ว่าจะถูกปากเธอหรือเปล่า”

คนญี่ปุ่นไม่ได้ยึดติดกับอาหารญี่ปุ่นเสมอไปนะคะ ตรงกันข้ามแล้วหนูชอบอาหารเกาหลีมากกว่าอีก อาหารจีนก็ชอบค่ะ ถึงไฟลต์จะสั้น แต่ก็ยังรู้สึกอึดอัดนิดหน่อย คิดว่าถ้าได้กินอาหารอร่อยๆ คงจะดีขึ้น หนูคาดหวังนะคะ”

ฉันก็อยากให้เป็นอย่างนั้น”

ประธานใหญ่คิมแทฮยอนเรียกพนักงานมาเสิร์ฟอาหารที่เตรียมไว้

โคอิเกะ ยูริโกะ แทบจะไม่ได้สนใจประธานใหญ่คิมแทฮยอน และเพลิดเพลินกับอาหารราวกำลังเดตกับชางฮุน

ประธานใหญ่คิมแทฮยอนทั้งประหลาดใจและสับสนกับภาพนั้น แต่ก็กินอาหารเงียบๆ กระทั่งกินเสร็จพอประมาณแล้วถึงเปิดปากพูด

ที่เธอบอกว่าคบกับลูกชายฉันเพราะต้องการความมั่นคง คิดยังไงก็ดูเหมือนได้เจอความสัมพันธ์ที่ดีจากความช่วยเหลือของสวรรค์ แต่ในทางกลับกันก็น่ากังวลเหมือนกัน”

หนูหัวไม่ดี ต่อให้พูดภาษาเกาหลีเก่ง แต่วัฒนธรรมของเราก็แตกต่างกันพูดง่ายๆ คือเราอาจจะไม่เข้าใจกันอย่างถ่องแท้ค่ะ หนูรู้อยู่แล้วว่าการคบกันระหว่างรอยัลเมเจอร์กับอูมยองกรุ๊ป ต้องคำนึงถึงปัญหาทางธุรกิจด้วยอยู่แล้ว ถ้าคุณพ่อมีอะไรอยากพูด เชิญพูดได้ตามสบายเลยค่ะ”

ประธานใหญ่คิมแทฮยอนกระแอมไอ เมื่อรู้สึกเหมือนโดนผลักออกจากสงครามประสาท

อะแฮ่ม...โอเค ฉันจะไม่อ้อมค้อมแล้วกัน ถ้าแต่งงานกับชางฮุนแล้วสัญญาได้ไหมว่าจะไม่ยื่นมือเข้ามาในอูมยองกรุ๊ป”

ไม่ได้ค่ะ”

คำตอบที่รวบรัดชัดเจน

แต่เนื่องจากเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง ประธานใหญ่คิมแทฮยอนจึงขมวดคิ้วและย้อนถามอีกครั้ง

เธอจะเข้ามาแทรกแซงงานของอูมยองงั้นเหรอ”

ถ้าแต่งงานกับคุณชางฮุน หนูก็กลายเป็นคนของอูมยองกรุ๊ปไม่ใช่เหรอคะแน่นอนว่าหนูก็ต้องมีสิทธิ์ออกเสียงในงานของอูมยองเหมือนกันสิคะ”

คำตอบที่เหนือความคาดหมายทำให้ประธานใหญ่คิมแทฮยอนและชางฮุนถึงกับอึ้ง

กลับกันแล้ว โคอิเกะ ยูริโกะ ก็ถามเหมือนสงสัยว่าทำไมต้องตกใจ

หนูคิดผิดเหรอคะ”

เมื่อกี้เธอเพิ่งบอกว่าไม่อยากให้ใครแตะต้องทรัพย์สินของรอยัลเมเจอร์หนิแต่เธอคิดจะแตะต้องทรัพย์สินของอูมยองงั้นเหรอ”

หนูหมายถึงการออกความเห็นในงานของอูมยองต่างหาก ไม่ได้หมายถึงการแตะต้องทรัพย์สินของอูมยองเลยค่ะ ถ้าบอกว่าไม่ต้องการให้หนูมีอิทธิพลใดๆก็แปลว่าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากหนูใช่ไหมคะ”

ตอนนั้นประธานใหญ่คิมแทฮยอนเพิ่งเข้าใจว่าจุดยืนของเธอคืออะไร

อืม...อย่างนี้นี่เอง ฉันคิดผิดเอง ถ้าแต่งงานกับชางฮุนก็ต้องกลายเป็นครอบครัวเดียวกันอยู่แล้ว”

เธออยากได้รับการยอมรับว่าเป็นสมาชิกของครอบครัวคนหนึ่งอย่างเต็มตัวถ้าเป็นครอบครัวเดียวกันก็ต้องมีสิทธิ์มีเสียงในธุรกิจของครอบครัวอยู่แล้ว แปลว่าไม่ได้คิดจะแอบโกงกิน แต่ถ้ามีเรื่องให้ช่วยในฐานะสมาชิกครอบครัวก็จะช่วย ถ้ามีปัญหาก็จะออกหน้าให้

ถึงจะดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา แต่จริงๆ แล้วเป็นคำพูดที่น่ากลัว เพราะนี่หมายถึงหากชางฮุนได้เป็นผู้สืบทอดแล้วบริษัทเกิดปัญหาขึ้นมา ตัวเธอก็สามารถออกหน้าให้ได้ทุกเมื่อ

ถ้าเป็นลูกสะใภ้คนอื่นพูดว่าสนใจแต่ผลประโยชน์ตั้งแต่ก่อนแต่งงานคงโดนตะคอกใส่แล้ว แต่โคอิเกะ ยูริโกะ ไม่ได้อยู่ในเลเวลที่เขาจะตะคอกใส่ได้

ถ้าคิดจะแต่งงานทางธุรกิจอย่างเดียว หนูคงไม่คบกับคุณชางฮุนตั้งแต่แรกหรอกค่ะ”

ถ้าเกิดฉันไม่อนุญาต จะทำยังไงล่ะ”

โคอิเกะ ยูริโกะ ยิ้มบางๆ

คุณชางฮุนเป็นคนดีและพอจะไว้ใจได้ค่ะ ถ้าเป็นคนแบบนั้น ต่อให้เขาไม่ใช่ผู้สืบทอดของอูมยองกรุ๊ปก็ไม่เป็นไร แต่คงหวังความช่วยเหลือจากหนูไม่ได้นะคะ”

ถึงจะเป็นครอบครัวสามีก็เหมือนคนแปลกหน้าอยู่ดี

ถ้ารับประธานกรรมการรอยัลเมเจอร์เข้ามาเป็นลูกสะใภ้ แล้วไม่ได้รับความช่วยเหลือเลยสักนิด ก็คงตลกน่าดู

ฮ่าๆๆ! ฉันกังวลมาตลอดว่าลูกชายคนรองจะได้แต่งงานดีๆ กับคนอื่นเขาไหม แต่อดดีใจไม่ได้ที่พาผู้หญิงที่ฉลาดและเด็ดเดี่ยวแบบนี้เข้ามา ชางฮุนมันเหลวไหลมาตลอดจนน่าเป็นห่วง”

เขาเป็นคนดีมากเลยนะคะ”

เป็นคนดีก็ใช่ว่าจะได้เจอแต่ความสัมพันธ์ดีๆ หนิ โอเค ถ้าแต่งงานกับชางฮุนแล้ว จะเอาเรือนหอตรงไหนล่ะ”

แม้แอบส่งสัญญาณว่าอยากให้มาอยู่บ้านใหญ่ด้วยกัน แต่โคอิเกะ ยูริโกะไม่เคยมีความคิดแบบนั้นเลย

เดี๋ยวลองหาที่ที่ถูกใจก่อนค่ะ หนูได้ยินว่าในโซลมีบ้านดีๆ เยอะแยะถ้าได้ตระเวนดูบ้านด้วยกัน น่าจะสนุกดีนะคะ”

ฉันอยากจ่ายให้นะ”

ไม่เป็นไรค่ะ นั่นเป็นบ้านที่หนูเลือก เดี๋ยวหนูจัดการเองค่ะ”

ประธานใหญ่คิมแทฮยอนแอบเสียดาย แต่ก็พยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้

ถ้างั้นก็ตามใจ”

อ้อ หนูมีเรื่องจะขอร้องหนึ่งเรื่องค่ะ”

อะไรล่ะ”

หนูรู้ว่าคุณพ่อคงต้องการความช่วยเหลือจากหนู แต่ถ้าหนูยอมรับฟังคำเรียกร้องอย่างไม่สนใจอะไร ทรัพย์สินของรอยัลเมเจอร์ก็คงไม่เหลือค่ะ”

แล้วยังไงต่อ”

กรุณาแต่งตั้งคนที่หนูเลือก ให้เป็นกรรมการอิสระในการประชุมใหญ่สามัญครั้งหน้าค่ะ”

ประธานใหญ่คิมแทฮยอนสูดลมหายใจขณะมองว่าที่ลูกสะใภ้ที่ทำตาเป็นประกาย

จากนั้นก็มองชางฮุนที่กำลังประหม่าก่อนจะพูด

แกพาคนฉลาดเข้ามาสินะ”

ขอบคุณครับ”

ชางฮุนเข้าใจว่าการชมเชยของพ่อหมายถึงอะไร

นี่คือการเตือนว่าหากไม่ตั้งสติให้ดี กรุ๊ปอาจจะตกอยู่ในความเสี่ยงครั้งใหญ่เพราะการพาผู้หญิงที่ฉลาดมากจนน่ากลัวเข้ามา


 

บทที่ 299 คำสาป (1)

 

 ตึกสำนักงานใหญ่ ของอูมยองโซลาร์เซลล์ที่ตั้งอยู่ในชองจู

หัวหน้าเลขาฯมีสีหน้าหนักใจขณะแจ้งประธานคิมโดฮุนที่มีท่าทีกระวน-กระวาย

มีรายงานมาว่าตอนนี้นัดเจอที่โรงแรมไฮแอทครับ คาดว่าน่าจะกินข้าวและพูดคุยกัน”

พ่อมีงานตอนบ่ายใช่ไหม”

ครับ มีนัดตีกอล์ฟกับประธานใหญ่ซงอึนแชจากเอชเอสที่สนามกอล์ฟยางจู”

แม่ง...เอชเอสนั่นแหละตัวปัญหา ตั้งแต่ชางฮุนมันสนิทกับไอ้ชเวยองฮุนอะไรนั่นก็มีแต่เรื่องแปลกๆ...แล้วคนพวกนั้นล่ะ”

หัวหน้าเลขาฯก้มศีรษะลงเหมือนรู้สึกเสียใจ

ขอโทษครับ ผมคิดไม่ถึงว่าโคอิเกะ ยูริโกะ จะพาบอดี้การ์ดส่วนตัวมาด้วย ยังไงก็ตาม...”

ไอ้พวกนักเลงนั่นมันเรื่องเยอะอะไรนัก เพราะยากไงฉันถึงได้จ้างพวกมันถ้ามันง่าย ฉันก็คงเอาพวกเด็กเหลือขอแถวบ้านไปจัดการแล้วไม่ใช่เหรอ”

เห็นบอกว่าไม่มีวิธีจะจัดการเงียบๆ ครับ พอไม่ใช่คนเกาหลีแต่เป็นต่างชาติดูเหมือนจะยิ่งระวังตัวมากกว่าเดิมครับ”

เวรเอ๊ย...”

โดฮุนกุมศีรษะ

ถ้าหากทำสำเร็จ ฝ่ายนั้นคงไม่เหลือความรู้สึกดีๆ กับประเทศเกาหลีแล้วอาจจะยกเลิกการแต่งงานด้วย แต่คิดไม่ถึงว่าพวกนักเลงจะขี้ขลาดขนาดนั้น...

จะเอายังไงต่อครับ”

นัดหมายกับโคอิเกะ ยูริโกะ อย่างเงียบๆ”

ครับ? กรรมการผู้จัดการคิมชางฮุนน่าจะอยู่ข้างๆ เธอตลอดนะครับ”

แค่ออกไปรับที่สนามบินแล้วกินมื้อเที่ยงกันที่โรงแรมก็มากพอแล้ว จะเที่ยวเล่นกันทั้งวันเลยหรือไง บางทีมันอาจจะแวะเข้าบริษัทแป๊บหนึ่ง คอยจับตาดูให้ดีแล้วนัดแยกมาเจอหน่อย”

เธอจะไม่บอกกรรมการผู้จัดการคิมชางฮุนเหรอครับ”

ประธานคิมโดฮุนยกมุมปากขึ้นข้างหนึ่ง

คิดว่าเรื่องนี้สมเหตุสมผลเหรอ ที่อยู่ๆ ยายนั่นก็มาเกาหลีแล้วตัดสินใจแต่งงานกับชางฮุน ถึงตกหลุมรักไอ้ชางฮุนตั้งแต่แรกเห็น แต่มาบอกว่าจะแต่งงานกันทันที มันเมกเซนส์ไหมล่ะ”

ตามคอมมอนเซนส์แล้ว ก็เป็นสถานการณ์ที่ไม่สมเหตุสมผลเหมือนที่ท่านประธานบอกจริงๆ ครับ”

ก็ใช่ไง...เหตุผลที่ยายนั่นมาอยู่กับชางฮุนจะเป็นอะไรไปได้ล่ะ เอาชนะฉันแล้วรวบกินทั้งกรุ๊ปไม่ใช่หรือไง”

ถ้างั้น...”

อาจจะรู้สึกตึงบ่า เขาเลยหมุนคอครั้งหนึ่งก่อนจะตอบ

ต้องป้อนให้พอดีจนหลงกลไง ไม่มีทางปฏิเสธแน่นอน”

รับทราบครับ”

พอหัวหน้าเลขาฯออกไป ประธานคิมโดฮุนก็หลับตาลง

เพราะว่าความเหนื่อยล้าถาโถมเข้ามา

ดูเหมือนว่าจะต้องนอนพักสักหน่อย

[การสืบทอดอำนาจอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมายของบริษัทใหญ่ ขัดต่อความถูกต้องและความยุติธรรม]

หลังจากเลขานุการอาวุโสฝ่ายกิจการพลเรือนของบลูเฮาส์ออกมาพูดข่าวลือที่กล่าวว่าอัยการจะทำการสืบสวนโอซองกรุ๊ปก็มาถึงหูของแดซอง

เนื่องจากข่าวโคมลอยที่ไม่มีหลักฐานจะโดนคัดกรองออกโดยอัตโนมัติดังนั้นการเล็ดลอดมาถึงหูเขาจึงหมายความว่ามีโอกาสเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นจริงๆในอนาคต

การตอบโต้ที่รุนแรงกว่าที่คิดของประธานคังมันซอง เพิ่มความสับสนให้ผู้บริหารและพนักงานของกรุ๊ป

หากไม่ใช่ทั้งประธานคังมันซอง ไม่ใช่ทั้งหัวหน้าฝ่ายคังแดซองขึ้นมาผู้บริหารและพนักงานต่างเริ่มกังวลเกี่ยวกับการอยู่รอดของตัวเอง

ถ้ารองประธานใหญ่คังแจชิกเอาชนะมะเร็งและลุกพรวดขึ้นมา คงไม่ต้องเป็นกังวลไปอีกประมาณสิบปี แต่ถ้าไม่ได้เป็นอย่างนั้น กรุ๊ปอาจจะแตกเป็นเสี่ยงๆ

สำหรับบางคนเป็นโอกาสในการเลื่อนตำแหน่ง สำหรับบางคนก็เป็นแรงกดดันในการลาออก

ผู้บริหารและพนักงานอาจจะกังวลและคาดหวังไปพร้อมๆ กัน แต่ไม่ใช่สำหรับแดซอง

เพราะหากการสืบทอดอำนาจล้มเหลว สิ่งที่เขาเหลืออยู่ก็คือหุ้นเพียงไม่กี่หยิบมือ

แน่นอนว่าในสายตาของคนอื่น หุ้นไม่กี่หยิบมือนั่นอาจจะมีมูลค่าหลายแสนล้านวอน แต่สถานการณ์ปัจจุบันที่กำลังจะคว้าโอซองอิเล็กทรอนิกส์มาไว้ในมือได้ เงินหลายแสนล้านก็ถือว่าน้อยจนเรียกว่าแค่แสนล้านเท่านั้น

ช่วยผมด้วยครับ”

ด้วยเหตุนั้น แดซองจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากไปหายองฮุนและขอความช่วยเหลืออีกครั้ง

แต่ใบหน้าที่มักจะมีรอยยิ้มเสมอของยองฮุนกลับตึงเครียดอย่างน่าแปลกใจ

“...”

รู้แล้วใช่ไหมครับว่าตอนนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น”

รู้แล้วครับ ประธานคังมันซองใช้นักการเมืองมาขัดขวางการสืบทอดอำนาจที่กำลังดำเนินการอยู่ตอนนี้ใช่ไหมครับ”

ผมไม่เคยคิดว่าพี่จะยอมถอยง่ายๆ แต่นึกไม่ถึงว่าจะเอาคืนแรงขนาดนี้ครับ ไม่แคร์สายตาพ่อเลย...แทบจะไม่มีนักการเมืองคนไหนที่ไม่อยู่ใต้อำนาจพ่อแล้วพี่บงการนักการเมืองได้ยังไง”

เขาใช้ประธานพรรคมินกูซังครับ”

ครับ? ประธานพรรคมินกูซังเหรอ คุณรู้ได้ยังไง...”

เขาเคยมาหาผมก่อนหน้านี้ครับ”

ประธานพรรคมินน่ะเหรอครับ”

ครับ”

ยองฮุนหยุดพูดชั่วขณะ มองอีกฝ่ายด้วยสายตาเรียบนิ่งก่อนจะพูดต่อ

เขาบอกว่าได้รับข้อเสนอบางอย่างจากประธานคังมันซองมาครับ ข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้”

หว่างคิ้วของแดซองขมวดเข้าหากัน

ถ้าเป็นข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้สำหรับนักการเมือง...”

เงินครับ”

เอ่อ...เงินเหรอครับ หรือว่า...”

เห็นว่าได้สมุดบัญชีเงินทุนลับที่พ่อกับปู่ของคุณเปิดไว้นะครับ”

พอได้ฟังเรื่องราวแล้ว แดซองรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ

ทำไมเขาถึงมาบอกคุณล่ะครับ”

สนิทกันครับ”

ครับ?”

นอกจากจะเข้าใจยากแล้ว คำตอบยังน่าเหลือเชื่ออีก

ทันทีที่แดซองย้อนถามเหมือนพูดอะไรไม่ออก ยองฮุนก็พูดเหมือนนี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

ด้วยเหตุผลอะไรหลายๆ อย่าง เขาเคยมาขอความเห็นจากผมครับเหมือนคุณนั่นแหละ ผมคงไม่ต้องเล่ารายละเอียดให้ฟังใช่ไหมครับ”

เอ่อ ครับ”

เอาเป็นว่า ประธานพรรคมินกูซังได้รับข้อเสนอที่ไม่สามารถปฏิเสธได้และกำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปฏิบัติตามข้อเสนอนั้นอยู่ บางทีอาจจะพลิกเกมยากครับ”

ถ้าเป็นจำนวนเงินที่ถึงขั้นเรียกว่าข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้ แดซองก็ยากจะคาดเดาว่ามันมีมูลค่าเท่าไรกันแน่

ถึงก่อนหน้านี้จะเคยโยกย้ายเงินทุนลับ (?) เพื่อล็อบบี้ในการดำเนินงานของบริษัท แต่ยังไม่เคยมีประสบการณ์สเกลใหญ่ถึงขั้นบงการประธานพรรครัฐบาลมาก่อน

รู้จำนวนเงินคร่าวๆ ไหมครับ ว่าประมาณเท่าไหร่”

ผมรู้ แต่ไม่จำเป็นต้องบอกหนิครับ”

ท่าทีไม่ให้ความร่วมมือของยองฮุนทำให้คิ้วของแดซองกระตุก

นี่เป็นเงินที่ออกมาจากบริษัทผมนะครับ นึกว่าเราอยู่ทีมเดียวกันซะอีกผมเข้าใจผิดเหรอครับ”

ไม่ได้เข้าใจผิดหรอกครับ ผมแค่คิดว่าไม่จำเป็นต้องตอบคำถามเมื่อกี้เฉยๆ เพราะความสัมพันธ์ของผมกับคุณสำคัญ ความสัมพันธ์ของผมกับประธานพรรคมินก็สำคัญเช่นเดียวกันครับ นอกจากนั้น...ไม่มีอะไรต้องกังวลมากขนาดนั้นครับ”

หมายความว่ายังไงครับ”

ประธานพรรคมินกูซังโลภมากก็จริง แต่เขาไม่ใช่คนไม่รู้ว่าอะไรมาก่อนมาหลังครับ ในเมื่อตอนนี้การสืบทอดบริษัทถูกระงับแล้ว เขาก็ไม่คิดจะขัดขวางต่อ เพราะรู้อยู่แล้วว่าด้วยอำนาจของตัวเอง ยังไงก็ทำต่อลำบากครับถึงตอนนี้นักการเมืองกับอัยการจะเคลื่อนไหวกันอย่างวุ่นวาย แต่เพียงแค่รองประธานใหญ่คังแจชิกโทร.ไปกริ๊งเดียว ประเด็นนี้ยังจะดำเนินต่อจนจบได้อีกเหรอครับ”

เมื่อเช้าพ่อโทร.คุยกับหัวหน้าเลขาฯของบลูเฮาส์แล้วครับ แต่ยังไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเป็นพิเศษ”

นั่นเพราะรองประธานใหญ่คังแจชิกยังนอนอยู่ที่โรงพยาบาลโอซองครับพูดตามตรงว่าพอเป็นสถานการณ์ที่ทางรัฐบาลไม่พอใจกระบวนการสืบทอดอำนาจอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ต่อให้รองประธานใหญ่คังแจชิกจะเป็นคนร้องขอแต่ถ้าเขาอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไหร่ ใจคนเราก็ต้องอยากรอดูไปก่อนไม่ใช่เหรอครับ โดยเฉพาะคนที่มีเงินกับอำนาจสูงเสียดฟ้า ทรัพย์สมบัติที่เขามีก็ยิ่งสะดุดตามากขึ้นครับ นักการเมืองเองก็เหมือนกัน”

แดซองโกรธยองฮุนที่พูดตัดกำลังใจคนอื่นเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร แต่ก็พยายามสงบอารมณ์

แปลว่าถ้าพ่อไม่สามารถลุกขึ้นได้ ก็ไม่มีประโยชน์ไม่ใช่เหรอครับ”

นี่ถึงเป็นการเล่นงานที่หนักหนาสาหัสไงครับ”

พอเป็นเรื่องของคนอื่นแล้วพูดง่ายจังเลยนะครับ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆความสัมพันธ์ของเรากับเอชเอสกรุ๊ปคงไม่มีวันต่อกันติด”

ผมไม่ได้พูดง่ายๆ ผมพูดถึงสาระสำคัญต่างหาก ประธานคังมันซองทุ่มทรัพย์สินมหาศาลที่ควรจะเป็นของตัวเองเลยนะครับ เป็นจำนวนเงินที่เยอะมากจนสั่งการประธานพรรคได้ ไม่คิดว่ามันไร้เหตุผลเหรอครับ ถ้าจะขัดขวางเรื่องนั้นด้วยคำพูดเพียงแค่ไม่กี่คำ”

“...”

คุณคิดว่าพ่อตัวเองจะเอาชนะมะเร็งไม่ได้เหรอครับ”

เปล่าครับ พ่อไม่ใช่คนอ่อนแอจนแพ้ให้มะเร็ง”

ถ้างั้นก็เชื่อมั่นสิครับ ถ้าพ่อหายเป็นปกติ บลูเฮาส์ก็ต้องเกรงอำนาจของรองประธานใหญ่คังแจชิกที่เพิ่งเอาชนะโรคร้ายมาได้ กล้ากระโจนเข้าใส่อย่างหมาหมู่เฉพาะตอนลูกเสือพลัดพรากจากแม่ แต่ถ้าแม่มันมีชีวิตรอดกลับมาอีกครั้ง ฝูงหมาป่าก็ต้องกลัวและหนีไปครับ”

แดซองถูกโน้มน้าวโดยคำพูดของกรรมการผู้จัดการชเวยองฮุน ก่อนจะตระหนักว่าตัวเองพลาดคำถามสำคัญข้อหนึ่ง

ถ้าเกิดพ่อกลับมาจะเป็นยังไงครับ”

ยองฮุนยักไหล่เหมือนบอกว่าเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว

โอซองอิเล็กทรอนิกส์จะอยู่ในมือของคุณครับ”

ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น พี่ล่ะครับ พี่ชายผมจะเป็นยังไงครับ”

คงต้องยกบริษัทในเครือหลายๆ แห่ง รวมถึงโอซองดิจิทัลให้ประธานคังมันซองครับ ต่อให้คุณจะไม่พอใจ แต่ระหว่างช่วงเวลาที่รองประธานใหญ่คังแจชิกกำลังอดทนกับโรคร้าย ถ้าอยากเกลี้ยกล่อมประธานคังมันซอง ก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วครับ ถ้าไม่สามารถเกลี้ยกล่อมเขาได้ เรื่องจะใหญ่ขึ้นยิ่งกว่าเดิมและถ้าเป็นอย่างนั้น แม้รองประธานใหญ่จะกลับมา ก็เป็นช่วงเวลาหลังจากเหยื่อของคุณหายไปอย่างไร้ร่องรอยครับ”

แดซองก้มหน้าลงและจมอยู่กับความเครียด

สุดท้ายก็ต้องยกส่วนหนึ่งของกรุ๊ปให้...

ยิ่งคิดก็ยิ่งยากจะยอมรับ

ไม่ได้ครับ ผมไม่สามารถจินตนาการภาพโอซองกรุ๊ปแตกเป็นเสี่ยงๆได้ อีกอย่างโอซองดิจิทัลกับโอซองอิเล็กทรอนิกส์ก็ต้องทำงานร่วมกัน ถ้าพี่ได้โอซองดิจิทัลไป ก็จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อยอดขายและกำไรของโอซองอิเล็กทรอนิกส์ครับ”

“...”

ผมยอมรับไม่ได้ครับ”

ขอโทษนะครับ ถึงหัวหน้าฝ่ายจะบอกว่ายอมรับไม่ได้ ก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วครับ”

หัวหน้าฝ่ายคังแดซองเอนหลังลง

เหลือเชื่อนะครับ ครั้งแรกเลยที่ได้ยินคำว่ายากจากคุณนับตั้งแต่เจอกันมาคิดไม่ถึงเลยครับ”

เพราะผมไม่สามารถแก้ปัญหาทุกอย่างได้น่ะสิครับ”

ก็จริงครับ แต่น่าแปลกที่ผมไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น ผมรู้สึกเหมือนคุณกำลังหลีกเลี่ยงปัญหานี้อยู่ครับ ไม่รู้ว่าไม่มีใจจะทำ หรือว่าจงใจทำแบบนั้นกันแน่”

ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ ผมไม่ใช่จูกัดเหลียงนะ อย่าหวังอะไรเกินความสามารถผมเลย ขอโทษนะครับ แต่วันนี้ผมมีเรื่องจะพูดแค่นี้ ขอตัวก่อน...”

ยองฮุนทิ้งแดซองที่กำลังผิดหวังไว้อย่างนั้นแล้วเดินออกมาจากห้องพักของโรงแรม

แดซองมองประตูที่อีกฝ่ายเดินออกไปสักพักพร้อมกับกัดริมฝีปาก

แม่ง...สุดท้ายก็เพราะเงิน”

แดซองลุกขึ้นแล้วลงไปที่ล็อบบี้ของโรงแรม

จากนั้นก็ขึ้นรถที่จอดรออยู่เพื่อมุ่งหน้าไปโรงพยาบาลโอซอง ไม่ใช่บริษัท

เขาคิดร้อยแปดพันอย่างตลอดระยะเวลาที่เดินทางมายังตึกวีวีไอพี แต่พอเจอพ่อจริงๆ กลับลังเลขึ้นมาทันที

ทำไมถึงทำแบบนั้น เพราะเรื่องหุ้นเหรอ”

ครับ”

เย็นนี้หัวหน้าฝ่ายนโยบายจะมาที่นี่”

แดซองเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ

หัวหน้าฝ่ายนโยบายของบลูเฮาส์เหรอครับ”

ใช่ คงมีคนพูดถึงเยอะ แต่เดี๋ยวก็เรียบร้อย”

ถึงพ่อจะบอกว่าไม่มีอะไรต้องกังวล แต่แดซองยังไม่วางใจ

พ่อแสดงความมั่นใจผ่านความสัมพันธ์และความเป็นจริงที่สั่งสมไว้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่กรรมการผู้จัดการชเวยองฮุนพูดถึงความโลภอันเป็นธรรมชาติของมนุษย์

ถึงอย่างนั้นก็คงไม่จบง่ายๆ หรอกครับ”

แกคิดว่าใครเป็นอัยการสูงสุดอยู่ตอนนี้ ไอ้คนที่ขึ้นไปถึงตำแหน่งนั้นก็ใช้เงินฉันเรียนหนังสือกันหมดนั่นแหละ ส่วนพวกที่อยู่ใต้นั้นก็รับสินบนเต็มเม็ดเต็มหน่วยทุกเทศกาล”

เพราะฉะนั้นพวกเขาอาจจะไม่เชื่อฟังแล้วก็ได้ครับ”

หมายความว่ายังไง”

เพราะทุกคนรู้ว่าพ่อไม่สบายครับ อาจจะกำลังคิดว่าพ่อคงลุกขึ้นมาไม่ได้อีกแล้ว จากนั้นก็นั่งนํ้าลายไหลคอยดูความเป็นไปของพ่อครับ”

รองประธานใหญ่คังแจชิกมองลูกชายคนรองอย่างประหลาดใจ

ใครพูดอย่างนั้น”

กรรมการผู้จัดการชเวยองฮุนครับ ทั้งหัวหน้าฝ่ายนโยบายของบลูเฮาส์ทั้งหัวหน้าเลขาฯเวลาอยู่ต่อหน้าพ่อคงจะประจบประแจง พูดเหมือนจะทำให้ทุกอย่าง แต่ในความเป็นจริงกลับทำคนละเรื่องครับ”

ยื้อเวลาน่ะเหรอ หึ! ตลกแล้ว ใครมันจะยอมเสี่ยงแบบนั้น ถ้าเกิดฉันรอดกลับมาล่ะ พวกมันจะรับมือกับเรื่องหลังจากนั้นยังไง”

สุดท้ายพี่ก็เป็นคนบงการทุกเรื่องครับ อีกอย่างพวกนักการเมืองเมินเฉยต่อความคิดเห็นของประชาชนไม่ได้ ส่วนอัยการก็เมินเฉยต่อพวกนักการเมืองไม่ได้ครับ ถ้าเป็นอย่างนั้น...”

แดซองลดคำพูดลง แต่รองประธานใหญ่คังแจชิกเข้าใจความหมายของลูกชายอย่างถ่องแท้

การถามหาความรับผิดชอบในภายหลังก็ยังคลุมเครือ

รองประธานใหญ่คังแจชิกเองก็รู้อยู่แล้ว

แค่ไม่อยากยอมรับความจริงเท่านั้น

ทุกอย่างเป็นเพราะการพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งก่อนสิทธิ์ในการบริหารจะมั่นคง

ถ้าพบหลังจากการสืบทอดอำนาจเสร็จสมบูรณ์แล้ว พวกแมลงเม่านั่นคงไม่กล้าคิดอะไรแบบนี้...

แล้วยังไงต่อ ชเวยองฮุนว่ายังไงอีก”

เขาบอกว่าถ้ายอมยกบริษัทในเครือให้พี่สักสองสามแห่ง เรื่องก็จะจบครับประธานพรรคมินกูซังจะจัดการอย่างเหมาะสม...”

ฝีมือหมอนั่นงั้นเหรอ มินกูซังเนี่ยนะ เพราะอะไร”

ดูเหมือนพี่จะยกบัญชีเงินทุนลับให้เขาครับ เห็นว่าได้รับข้อเสนอเป็นจำนวนเงินที่ปฏิเสธไม่ได้...”

เงินนั่น...”

รองประธานใหญ่คังแจชิกพูดไม่ออก

เพราะนอกจากจะเสียดายเงินแล้ว ยังคิดไม่ถึงด้วยว่ามันซองจะยอมปล่อยเงินก้อนนั้น

แต่อยู่ๆ ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ

ว่าแต่ชเวยองฮุนรู้เรื่องนั้นได้ยังไง”

ประธานพรรคมินน่าจะมีความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกับชเวยองฮุนครับเพราะฉะนั้นเขาถึงบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่นอกเหนือจากนั้นยังขีดเส้นกั้นอยู่ครับ”

นํ้าเสียงเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรม

รองประธานใหญ่คังแจชิกเข้าใจได้ทันที

โทร.หาชเวยองฮุนหน่อย บอกให้มาที่นี่”

ครับ”

ตอนนั้นใบหน้าของแดซองจึงสดใสขึ้นเล็กน้อย


 

บทที่ 300 คำสาป (2)

 

 ร้านอาหารญี่ปุ่นสุดหรู ที่มองเห็นพระราชวังคยองบกกุงได้อย่างทั่วถึง

แสงสีเหลืองอ่อนๆ สาดส่องมาที่โคอิเกะ ยูริโกะ

เธอเป็นคนสวยมากอยู่แล้ว พอโดนแสงสะท้อนก็ยิ่งงดงามและเซ็กซี่กว่าเดิม

การเผชิญหน้ากับเธอตรงๆ ให้ความรู้สึกแตกต่างกับตอนเห็นแต่ในรูปภาพมากทีเดียว

ได้ยินว่าอยากพบฉันเหรอคะ”

เขาชอบสายตาที่กดลงราวกับมองสิ่งที่อยู่ตํ่ากว่าของเธออย่างไม่รู้ตัว

ดังนั้น โดฮุนจึงคิดว่าตัวเองอาจจะได้ครอบครองโชคที่มากเกินไปของน้องชายบ้าง

พูดภาษาเกาหลีคล่องมากเลยนะครับ มาเรียนที่นี่กี่ปีเหรอครับ”

ตอนเด็กๆ มาบ่อยมากค่ะ ฉันชอบอาหารเกาหลี วัฒนธรรม ละครภาพยนตร์ด้วย ดังนั้นเลยเรียนเวลาว่างๆ ค่ะ”

ไม่มีเพื่อนเกาหลีใช่ไหมครับ มีคำกล่าวแบบนั้นอยู่หนิครับ ถ้าคิดจะเรียนภาษาต่างประเทศ การคบเพื่อนต่างเพศของประเทศนั้นๆ จะได้ผลดีที่สุด...”

ฮ่าๆ ก่อนจะได้เจอกับคุณชางฮุน ฉันไม่มีคนเกาหลีที่พอจะเรียกว่าเพื่อนเลยค่ะ จริงๆ กับเพื่อนที่ญี่ปุ่นก็เหมือนกัน...อ้อ ฉันเคยเจอเพื่อนเกาหลีคนหนึ่งก่อนหน้าคุณชางฮุนค่ะ แต่ไม่รู้ฝั่งนั้นจะคิดว่าฉันเป็นเพื่อนหรือเปล่า”

ไม่หรอกครับ ถ้าคุณโคอิเกะ ยูริโกะ คิดว่าเป็นเพื่อน แน่นอนว่าฝ่ายตรงข้ามก็ต้องคิดว่าเป็นเพื่อนเหมือนกันไม่ใช่เหรอครับ”

ไม่รู้สิคะ”

ความสัมพันธ์แบบไหนกันแน่ครับเนี่ย”

อืม...ความสัมพันธ์แบบเป็นคนที่รู้จักฉันดีแล้วก็ให้คำแนะนำฉันได้ค่ะและฉันก็ไม่คิดมองข้ามคำแนะนำของเขา ประมาณนั้นใช่เพื่อนหรือเปล่าคะ”

ใช่สิครับ เพื่อน ผมชักอยากรู้จริงๆ ว่าคนนั้นเป็นใคร”

โคอิเกะ ยูริโกะ พูดพร้อมรอยยิ้ม

ไว้ฉันจะบอกทีหลังค่ะ ว่าแต่คุณยังไม่ได้บอกเหตุผลที่ชวนฉันมาเจอโดยไม่ให้คุณชางฮุนรู้เลยไม่ใช่เหรอคะ”

พูดตามตรงผมแปลกใจครับ ทำไมคุณถึงคิดจะคบกับน้องชายผม รวมถึงเหตุผลที่ตัดสินใจแต่งงาน ทั้งๆ ที่เพิ่งคบกันได้ไม่นานน่ะครับ”

คุณก็สงสัยฉันเหมือนพ่อของคุณเหรอคะ”

แววตาของโดฮุนวาววับ

พ่อเคยสงสัยคุณเหรอครับ”

อุ๊ย คุณไม่รู้สินะคะ อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ด้วยซํ้าว่าท่านประธานใหญ่คิมแทฮยอนกังวลมากแค่ไหน อืม ก็ใช่ว่าไม่เข้าใจหรอกนะคะ เพราะถ้าเป็นฉันอยู่ตรงนั้นก็คงจะสงสัยเหมือนกัน จริงๆ แล้วคนที่ขี้ระแวงกว่าใครก็คือฉันค่ะ”

ขี้ระแวงเหรอครับ แต่เทียบกับเรื่องนั้นแล้ว เหมือนจะตัดสินใจแต่งงานเร็วมากเลยนะ...”

แปลกใช่ไหมคะ ฉันก็คิดว่าแปลกเหมือนกัน”

คนที่ขี้ระแวงกว่าใคร อยู่ๆ ก็บินมาประเทศอื่นแล้วตกลงแต่งงานกับผู้ชายที่เพิ่งเจอกันไม่กี่วัน?

ประธานคิมโดฮุนยิ่งมั่นใจมากกว่าเดิม

ความโลภที่มีต่ออูมยองกรุ๊ปซ่อนอยู่ภายใต้การแต่งงานของเธอ

ชางฮุนเป็นน้องชายผมครับ ตอนเด็กๆ ชอบทะเลาะกัน ตอนนี้ก็ยังทะเลาะกันอยู่บ้าง ถึงอย่างนั้นก็สายเลือดเดียวกันกับผม แต่พูดแบบนั้น ไม่คิดบ้างเหรอครับว่าผมอาจจะสงสัยยิ่งกว่าเดิม”

โคอิเกะ ยูริโกะ เท้าคางพลางจ้องตาโดฮุน

จังหวะที่โดฮุนกำลังจะถลำลึกกับภาพที่น่าหลงใหลนั้น ริมฝีปากจิ้มลิ้มและอวบอิ่มของเธอก็ขยับเอ่ย

ฉันต้องได้รับการยอมรับจากคุณด้วยเหรอคะ”

ครับ?”

ฉันไม่คิดเลยนะคะว่าการแต่งงานกับคุณชางฮุน จะต้องมีการขออนุญาตจากผู้คนมากมายขนาดนี้ ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย เลิกทำแบบนั้นแล้วเข้าประเด็นเถอะค่ะ เหตุผลที่คุณเรียกฉันมาถึงที่นี่ลับหลังคุณชางฮุน”

โดฮุนตอบเหมือนถูกล่อลวง

ทำกับผมแทนเถอะครับ การแต่งงานนั่น”

โคอิเกะ ยูริโกะ ปิดปากหัวเราะคิกคัก

ฮ่าๆๆๆๆ! คุณนี่ตลกจังเลยนะคะ”

ผมไม่ได้ล้อเล่นนะครับ”

ฉันรู้ว่าคุณไม่ได้ล้อเล่นค่ะ แต่เป็นคนตลกจริงๆ ไม่อยากรู้เหรอคะว่าฉันแปลคำนั้นว่ายังไง”

กำลังเดาอยู่ครับ”

เธอเท้าคางเคี้ยวปลาดิบชิ้นหนึ่งก่อนจะพูด

ก่อนจะมาเกาหลีฉันคิดเยอะมากค่ะ ระหว่างตัดสินใจแต่งงานและเคลียร์งานที่ญี่ปุ่น ฉันก็กังวลถึงสิ่งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แต่ในขณะเดียวกันก็คาดหวังด้วยค่ะ”

“...”

จะได้เจอใครบ้าง ครอบครัวคุณชางฮุนเป็นคนแบบไหน การแต่งงานนี้จะไปได้ดีหรือเปล่า”

พอเจอแล้วเป็นยังไงบ้างครับ”

เธอยิ้มแทนคำตอบ

จากนั้นก็ตั้งคำถาม

คุณทำอะไรให้ฉันได้บ้างคะ”

อูมยองเคมี ปีนี้มียอดขายสองจุดเจ็ดล้านล้าน กำไรจากการดำเนินงานมากกว่าห้าแสนล้านครับ ตั้งแต่เข้าดำเนินกิจการเมื่อสิบปีก่อน กำไรจากการดำเนินงานก็ไม่เคยติดลบเลยสักครั้ง และเติบโตอย่างมั่นคงมาโดยตลอดครับ”

โอ้โฮ...”

เป็นยังไงครับ ถึงจะแต่งงานกับชางฮุน คุณก็ไม่ได้รับหุ้นของอูมยองกรุ๊ปหรอกนะ พ่อคงจะพยายามใช้คุณเหมือนเป็นช่องธนาคารของกรุ๊ป ต่อให้คุณไม่พอใจ คุณก็จะโดนหลอกใช้อย่างเดียว โดยไม่ได้รับผลประโยชน์ตอบแทนครับ”

งั้นเหรอคะ”

เพราะฉะนั้นแต่งงานกับผมเถอะครับ เดี๋ยวผมยกหุ้นของอูมยองเคมีให้คุณ”

เป็นคำพูดเตรียมพร้อมมาอย่างดี แต่คำตอบของโคอิเกะ ยูริโกะ กลับอยู่เหนือความคาดหมายของเขา

แค่นั้นเหรอคะ”

เธอแค่นหัวเราะเมื่อเห็นเขาสับสน

อุตส่าห์เรียกฉันมาลับหลังคุณชางฮุน ฉันเลยคาดหวังค่ะ แต่มัน...น่าผิดหวังนิดหน่อยนะคะ”

ผิดหวัง...เหรอครับ”

ฉันรู้ว่าอูมยองเคมีเป็นบริษัทที่ไม่เลวเลย แต่ฉันคือคนที่กำลังจะกลายเป็นภรรยาของน้องชายคุณนะคะ จะเกลี้ยกล่อมคนแบบนั้น แต่มีแค่อูมยองเคมีอย่างเดียวเหรอคะ ทราบหรือเปล่าคะว่ามูลค่าทรัพย์สินของรอยัลเมเจอร์ที่ฉันครอบครองอยู่มีประมาณเท่าไหร่”

โดฮุนสับสนจริงๆ

เพราะบอกว่าจะยกบริษัทในเครือที่สำคัญของกรุ๊ปให้ฟรีๆ หนึ่งแห่ง แต่ไม่นึกว่าจะโดนย้อนถามว่ามีแค่นั้นเหรอ

สายตาผิดหวังของโคอิเกะ ยูริโกะ ทำให้โดฮุนรู้สึกเสียศักดิ์ศรีในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง

นี่เป็นเพียงแค่ข้อเสนอแรกครับ”

นั่นคือคำพูดที่โดฮุนคิดออกมาได้ภายในช่วงเวลาสั้นๆ

แต่โคอิเกะ ยูริโกะ ไม่ได้คิดจะฟังข้อเสนอของโดฮุนอย่างจริงจังตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

แค่อยากรู้ว่าโดฮุนเป็นคนแบบไหนเลยออกมาก็เท่านั้น

ตรงกันข้าม เธอกลับรังเกียจท่าทีของเขาที่หมกมุ่นอยู่กับอูมยองกรุ๊ป และตามตื๊อแม้กระทั่งคนที่กำลังจะกลายเป็นภรรยาของน้องชายตัวเอง

ฉันเหนื่อยค่ะ มาถึงโซลแล้วยังไม่ทันได้พักผ่อนให้เต็มที่เลย ข้อเสนออื่นไว้ฟังทีหลังแล้วกันนะคะ อีกอย่างมาถึงเกาหลีแล้วยังต้องมากินปลาดิบอีก น่าเบื่อมาก...”

อ้อ ขอโทษครับ ผมไม่ทันได้ใส่ใจกับเมนู”

โดฮุนลอบด่าหัวหน้าเลขาฯในใจที่จองร้านอาหารญี่ปุ่นโดยไม่ได้วางแผนเพียงเพราะเห็นว่าเธอเป็นคนญี่ปุ่น

แต่หัวหน้าเลขาฯจะรู้ว่ารสนิยมของเธอเป็นแบบไหนภายในหนึ่งวันได้อย่างไร

ถ้างั้นฉันคงต้องขอตัวก่อนนะคะ”

โคอิเกะ ยูริโกะ ทิ้งโดฮุนที่กำลังงุนงงไว้แล้วเดินออกจากร้านอย่างไร้เยื่อใย

 ตึกวีวีไอพี โรงพยาบาลโอซอง

ชายหนุ่มคนหนึ่งเข้าเยี่ยมแผนกวีวีไอพีของโรงพยาบาลโอซอง ซึ่งกลายเป็นศูนย์กลางของพายุที่เกี่ยวพันถึงการสืบทอดอำนาจอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย

ใช้เวลาไม่นาน ยองฮุนที่กลายเป็นคนดังในแวดวงธุรกิจก็ผ่านทีมรักษาความปลอดภัยในสังกัดฝ่ายเลขานุการของโอซองกรุ๊ป จนมาถึงห้องพักผู้ป่วยของรองประธานใหญ่คังแจชิก

ร่างกายดีขึ้นแล้วใช่ไหมครับ”

ความจริงแล้วก่อนมาที่นี่ ยองฮุนไม่สบายใจมาตลอดตั้งแต่ได้รับการติดต่อจากโอซองกรุ๊ป

เพราะพลังแห่งลางร้ายที่เคยรู้สึกก่อนหน้านี้ยังคงก่อกวนจิตใจอยู่

บางทีนั่นอาจเป็นเหตุผลว่าทำไม พอได้พบกับรองประธานใหญ่คังแจชิกที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้กุมบังเหียนประเทศเกาหลี สีหน้าของเขาถึงแข็งกระด้างเหมือนเด็กน้อยที่กำลังเจ็บปวด

โอเคตามประสาคนไข้โรคมะเร็งนั่นแหละ ว่าแต่อารมณ์เสียเพราะฉันเรียกมาหาเหรอ สีหน้าไม่ค่อยดีเลย”

เปล่าครับ พอดีผมมีเรื่องส่วนตัวที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่”

เรื่องไม่ดีส่วนตัวเหรอ”

ครับ เป็นเรื่องส่วนตัวของผม ไม่จำเป็นต้องสนใจหรอกครับ”

ยองฮุนพูดกับรองประธานใหญ่คังแจชิกที่ทิ้งตัวนั่งบนโซฟาห้องรับรองพร้อมจ้องกันตาเขม็ง

ได้ยินว่าอยากเจอผมเหรอครับ มีเรื่องอะไรจะพูดหรือเปล่าครับ”

ไม่ได้คิดไว้อยู่แล้วเหรอว่าฉันจะเรียกมาเจอ นายคงรู้ใช่ไหมว่าฉันจะพูดอะไร”

ยองฮุนขมวดคิ้ว

ก่อนหน้านี้เขาพูดถึงชื่อประธานพรรคมินกูซังให้หัวหน้าฝ่ายคังแดซองฟัง

และต้นเหตุของเรื่องนี้เป็นเพราะสมุดบัญชีเงินทุนลับ

ถ้าเป็นปกติคงไม่มีทางพูดแน่นอน แต่กลับเป็นคำที่พูดออกมาโดยไม่รู้ตัวระหว่างพูดคุยกับหัวหน้าฝ่ายคังแดซอง

หลังจากคุยกับอีกฝ่ายเสร็จ ก็กลับมาคิดทบทวนอย่างหนัก

นั่นเป็นเรื่องที่บังเอิญจริงๆ หรือตั้งใจกันแน่ ขนาดถามตัวเองก็ยังไม่ได้รับคำตอบเลย

ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะครับ”

เพราะถ้าเป็นนายที่ฉันรู้จัก นายจะมีจิตใจลึกซึ้งจนทิ้งความหมายไว้ในประโยคหรือคำพูดเล็กๆ น้อยๆ”

แล้วความคิดของผมที่ท่านรองประธานใหญ่คิดไว้เป็นยังไงครับ”

รองประธานใหญ่คังแจชิกพูดพร้อมกับลูบเข็มให้นํ้าเกลือที่เสียบอยู่บนหลังมือ

ตอนแรกที่ได้ยินว่านายมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ฉันไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ ไม่เชื่อเลย ถึงอย่างนั้น เหตุผลที่ทำให้ฉันสนใจข้อเสนอของนาย เพราะยอมรับในจิตใจและความกล้าหาญของนายที่กล้ายื่นข้อเสนอแบบนั้นต่อหน้าฉัน ต่อให้ไม่เชื่อก็ยังหวั่นไหว”

“...”

แต่ สส.ชอนโบยุนกลายเป็นผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจริงๆ อย่างที่นายพูดและถ้าไม่มีเรื่องผิดพลาดอะไร สุดท้าย สส.ชอนโบยุนจะได้นั่งอยู่ในบลูเฮาส์แน่นอนจากที่พวกเราสืบมา ดูเหมือนว่า สส.ชอนโบยุนกับกรุ๊ปของนายจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมากอยู่แล้ว”

งั้นเหรอครับ”

ฉันเลยสงสัยขึ้นมา นายที่มีความสามารถถึงขนาดนั้นต้องการอะไรจากฉันจะได้อะไรจากการเข้าหาแดซอง เอเอ็มเอซิสเต็ม? โอเค ถ้าทำข้อตกลงทางธุรกิจกับโอซองอิเล็กทรอนิกส์ของเรา และส่งเสริมการเติบโตในระยะยาว บางทีเอชเอสกรุ๊ปอาจจะไม่ต้องกังวลเรื่องความเป็นอยู่ไปอีกอย่างน้อยสิบปีจากเอเอ็มเอซิสเต็มเพียงอย่างเดียว”

ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันครับ”

คำตอบของยองฮุนทำให้รองประธานใหญ่คังแจชิกหลับตาลงช้าๆ

จากนั้นก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาแล้วพูดต่อ

นั่นเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยม แต่ฉันจำเป็นต้องถามคำถามแบบนี้ เป้าหมายของนายคือการพัฒนาบริษัทจริงๆ เหรอ”

คิดว่าไม่ใช่เหรอครับ”

สีหน้าของอีกฝ่ายเปลี่ยนไปอย่างน่าประหลาด

สีหน้าสงบนิ่งและแฝงความอำมหิตเหมือนสัตว์ป่าที่ซ่อนตัวมองหาเหยื่อหากเป็นคนอื่นคงจะหายใจลำบากแน่นอนเมื่อต้องเผชิญหน้า

รู้ไหมว่าทำไมพ่อฉันถึงสร้างเงินทุนลับขึ้นมา ทำไมถึงต้องสร้างบัญชีแบบนั้นทั้งๆ ที่บริหารบริษัทใหญ่ระดับโลก อาศัยบัตรบริษัทแค่ใบเดียว นายจะสามารถซื้ออะไรก็ได้บนโลก ไม่รู้สึกขาดอะไรเลยสักอย่าง”

“...”

เป็นเพราะเงินพวกนั้นไม่ใช่ของฉัน นี่คือความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์[1] ต่อให้ฉันจะใช้เงินตามใจตัวเองได้ แต่เงินจำนวนมหาศาลที่อยู่ในบัญชีของบริษัทก็ไม่ใช่ของฉัน นั่นจึงทำให้คนเป็นบ้า ทำให้เลือดเดือดพล่าน ตัวฉันเป็นแบบนั้น แล้วนายล่ะ”

ยองฮุนรู้สึกอึดอัดใจมากขึ้น

อยากพูดอะไรกันแน่ครับ”

เท่าไหร่ถึงพอ”

ครับ?”

สี่แสนล้านที่มินกูซังได้เป็นเงินก้อนใหญ่มากนะ บางทีคงจะเดิมพันด้วยชีวิตทางการเมืองของตัวเอง อืม...ถ้าเป็นเงินเท่านั้นก็สมควรนั่นแหละ แต่ถ้าเป็นนายคงหยุดเรื่องนี้ได้ใช่ไหม”

คิดว่าผมมีอำนาจแบบนั้นเหรอครับ”

แล้วไม่ใช่นายเหรอที่บอกลูกชายฉันว่ามินกูซังรับเงินก้อนนั้นแล้วกำลังทำงานตามคำสั่งอยู่ ไม่ได้ตั้งใจส่งสัญญาณมาหาฉันหรอกเหรอ คนที่นัดเจอคือฉัน แต่คนที่ส่งสัญญาณมาคือนายหนิ ฉันคิดผิดงั้นเหรอ”

ยองฮุนกลืนนํ้าลาย

หลังจากได้ยินคำพูดของรองประธานใหญ่คังแจชิกก็เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง

อีกฝ่ายพูดถูก...

“...”

บอกมาสิ เท่าไหร่ถึงจะพอ”

คิดว่าเท่าไหร่ถึงจะสั่งผมได้ล่ะครับ”

รองประธานใหญ่คังแจชิกหัวเราะร่วน

ฮ่าๆๆ! ใช่ นั่นสินะ ฉันถามอะไรโง่ๆ ไม่มีทางที่จำนวนเงินจะออกมาจากปากนายก่อนอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ก็เหมือนกัน โอเค”

รองประธานใหญ่คังแจชิกค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วเปิดตู้เซฟในห้องพักผู้ป่วยหยิบบางอย่างออกมาโยนลงตรงหน้ายองฮุน

นี่คือ...”

ถูกต้อง นั่นเป็นหนึ่งในบัญชีที่ฉันมี แปดแสนเจ็ดหมื่นล้าน”

ยองฮุนรู้สึกเหมือนหัวใจเต้นแรง

เยอะขนาดนี้ทำไมไม่จ่ายภาษีมรดกให้ถูกต้องล่ะครับ”

ภาษีมรดกมันมากกว่านั้นเยอะ จนไม่สามารถเปรียบเทียบได้...แถมยังเอาเงินก้อนนี้ออกมาจ่ายไม่ได้ด้วย”

“...”

ในเมื่อมันซองมันกล้าทำให้โอซองแตกเป็นเสี่ยงๆ ฉันก็ไม่คิดจะปล่อยไว้นี่เป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้ ขัดขวางซะ แล้วสมุดบัญชีเล่มนี้จะเป็นของนาย”

เขารู้สึกตัวสั่นและสายตาพร่ามัวขึ้นมาฉับพลัน

เพราะประสาทสัมผัสที่เลือนรางทำให้ยองฮุนหลับตาลงพักหนึ่ง

ทันทีที่ลืมตาขึ้นพร้อมกับส่ายศีรษะเพื่อตั้งสติ เขาก็เห็นบางอย่างบนศีรษะของรองประธานใหญ่คังแจชิก

แม้จะเห็นผ่านๆ เพียงแวบเดียว แต่ยองฮุนรู้ว่ามันคืออะไร

ภาพการเอาชนะมะเร็งและกลับมาทำงานในกรุ๊ปอีกครั้ง ภาพยามดีใจกับการได้เห็นหัวหน้าฝ่ายคังแดซองแต่งงานและมีลูก รวมถึงภาพการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งใหญ่อย่างไม่คาดคิด...

เวรเอ๊ย...”

อะไรนะ”

ยองฮุนหัวเราะเหมือนเสียสติ ขณะมองรองประธานใหญ่คังแจชิกที่กำลังโมโหกับคำสบถอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

ฮ่าๆ...ฮ่าๆๆ...”

นาย...ทำบ้าอะไร”

ยองฮุนลุกขึ้นแล้วยืนตบแก้มตัวเองอยู่อย่างนั้น

ไม่รู้ว่าตบแรงแค่ไหน ปากถึงแตกจนเลือดไหลลงมา

พอได้ลิ้มรสคาวเลือดตรงริมฝีปากก็ตั้งสติขึ้นมาได้ครู่หนึ่ง ยองฮุนจึงผงกศีรษะลง

ถือซะว่าเรื่องวันนี้ไม่เคยเกิดขึ้นนะครับ”

นาย...”

อุตส่าห์หนีมาตั้งนานขนาดนั้น...

ใช้ชีวิตอย่างน่าเวทนาอยู่บนภูเขาตั้งแต่เด็ก พยายามจะหลีกเลี่ยง มันอย่างสุดความสามารถ...

สุดท้ายก็หลีกหนีดวงชะตาไม่พ้น คำสาปที่ต้องกลายเป็นร่างทรงก็เช่นเดียวกัน

ยองฮุนรู้สึกสิ้นหวังและวิ่งออกจากห้องพักผู้ป่วยสุดแรงเกิด

 


[1]  พูดถึงทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์ (Maslow’s Hierarchy of Needs) ซึ่งมีทั้งหมด 5 ขั้น ได้แก่ ความต้องการทางกายภาพ ความต้องการความมั่นคงปลอดภัย ความต้องการความรักและสังคม ความต้องการได้รับความเคารพ และความต้องการพัฒนาศักยภาพของตน


 

บทที่ 301 คำสาป (3)

 

ยองฮุน คิดว่าบางทีอาจจะใช้คำว่าบ้ากับตัวเองก็ได้

เสียงที่ไม่รู้จักวนเวียนอยู่ข้างหู ไหล่ทั้งสองข้างก็หนักอึ้งราวกับจะทรุดลงได้ทุกเมื่อ

ไปที่ไหนดีครับ”

ถึงแม้ปกติจะขับรถด้วยตัวเอง แต่วันนี้มีลางสังหรณ์บางอย่างจึงใช้บริการจากคนขับรถ

อย่างน้อยก็วางใจได้เรื่องความปลอดภัย

กลับบ้านครับ”

บ้านเหรอครับ รับทราบครับ”

บอกว่าให้กลับบ้าน ไม่ใช่กลับบริษัททั้งที่ยังไม่ถึงเวลาพักกลางวันด้วยซํ้าคนขับรถเอียงศีรษะด้วยความสงสัย แต่ก็ยกเท้าออกจากเบรกเพื่อออกเดินทาง

เพราะใบหน้าของเจ้านายที่เห็นผ่านกระจกมองหลังดูไม่ค่อยดีเท่าไร

แต่ทันใดนั้นก็ต้องรีบพูดด้วยความตกใจ

กรรมการผู้จัดการ! เลือดกำเดา...ที่นี่เป็นโรงพยาบาล เข้าไปรับการรักษาก่อนไหมครับ”

ยองฮุนหยิบผ้าเช็ดหน้ามาปิดจมูกก่อนจะตอบ

ไม่เป็นไรครับ นี่ไม่ใช่สิ่งที่รักษาได้ กลับบ้านเถอะครับ”

เลือดกำเดาไหลที่หมอรักษาไม่ได้งั้นเหรอ...

คนขับรถไม่เข้าใจคำพูดของยองฮุน แต่ก็ไม่กล้าแนะนำอะไรต่อจึงหันกลับมามองทางข้างหน้า

ยองฮุนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร.หาภรรยาอย่างลำบาก

ฉันเอง โทษทีนะ ช่วยกลับบ้านตอนนี้ได้ไหม รีบหน่อย ต้องมาเดี๋ยวนี้”

เดี๋ยวฉันกลับเลย”

อาจจะเป็นเพราะนํ้าเสียงที่ผิดปกติของสามี ยอนฮีเลยไม่ถามซํ้าให้มากความ

ฮู่...”

ยองฮุนเช็ดเลือดกำเดาและหลับตาลง

นี่ไม่ใช่โรคที่จะรักษาให้หายดีด้วยวิธีปกติได้ เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของโรคเทพ หากคนที่มีองค์ไม่ยอมเป็นร่างทรง อาการก็จะยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ แม้จะมั่นใจว่าหากตั้งใจฟังดีๆ ตัวเองจะสามารถเข้าใจคำพูดชวนมึนงงที่ดังวนอยู่ข้างหูแต่เขาก็พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะไม่สนใจมัน

เพราะหากผล็อยหลับไปแล้วค้นพบพลังที่ซ่อนอยู่ขึ้นมา เขาจะต้องกลายเป็นร่างทรงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ยองฮุนท่องพระไตรปิฎกเงียบๆ

ถึงไม่เคยนับถือพระพุทธเจ้า ไม่เคยกราบไหว้พระพุทธรูปสักครั้งระหว่างอยู่ในวัด แต่นี่คือพระไตรปิฎกที่เขาจำได้แม่น เพราะใช้ไล่ภูตผีที่ปรากฏตัวในยามคํ่าคืน

ยองฮุนนึกว่าตัวเองลืมทุกอย่างไปหมดแล้ว เพราะอายุเกินยี่สิบและไม่มีอะไรที่ต้องหวาดกลัวอีกต่อไป แต่ทันทีที่เริ่มท่องท่อนแรกของพระไตรปิฎก เขาก็สามารถท่องส่วนที่เหลือต่อได้อย่างเป็นธรรมชาติจนน่าแปลกใจ

ไม่ได้ท่องเพื่อไล่ผี

แต่ท่องเพื่อรวบรวมสติและหาทางออก

เวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้วนะ

กรรมการผู้จัดการ ถึงบ้านแล้วครับ”

รบกวนรอตรงนี้ก่อนนะครับ”

ครับผม”

ยองฮุนตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วขึ้นลิฟต์เพื่อเข้าบ้าน

พี่...เกิดอะไรขึ้น”

เมื่อเห็นยองฮุนที่มักร่าเริงและมีรอยยิ้มอยู่เสมอปรากฏตัวอย่างไร้เรี่ยวแรงพร้อมกับเอาผ้าเช็ดหน้าปิดจมูก ยอนฮีจึงตกใจมากแล้วรีบเข้ามาช่วยประคองยองฮุนทันที

ร่างกายที่สั่นเทาของยองฮุนทำให้เธอรู้สึกเหมือนใจตกไปที่ตาตุ่ม จึงรีบพามานั่งที่โซฟาแล้วถาม

ทำไมเป็นอย่างนี้ล่ะ บาดเจ็บหรือเปล่า เจ็บตรงไหนบ้าง”

ยองฮุนหลับตาลงสักพักและตั้งสติ

ก่อนจะอ้าปากพูดโดยไม่ลืมตา

ฉันคงจะเคยเล่าให้ฟังแล้ว เกี่ยวกับชะตากรรมของฉัน เธอรู้ใช่ไหม”

ยอนฮีจับมือยองฮุนแน่น เมื่อได้ยินนํ้าเสียงที่พยายามรักษาความสุขุมเอาไว้

รู้สิ ไม่มีทางที่ฉันจะไม่รู้อยู่แล้ว”

โอเค ฉันคิดว่าฉันพยายามปกป้องตัวเองอย่างดีที่สุดแล้ว แต่ท่าทางจะไม่ได้เป็นอย่างที่คิด บางทีฉันอาจจะคิดน้อยเกินไปก็ได้ คิดแค่ว่าดูดวงแบบไม่รับค่าครูก็จบแล้ว แต่...สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่จะรับค่าครูหรือเปล่า”

หมายความว่ายังไง”

หลังแต่งงานกับเธอ จากพนักงานออฟฟิศกระจอกๆ ฉันก็กลายเป็นมหาเศรษฐี ได้มีครอบครัวที่ดี มีทรัพย์สินมากมาย อาจจะเกิดปัญหาตั้งแต่ตรงนั้นก็ได้”

นํ้าตารินไหลออกมาจากดวงตาสุกใสราวทะเลสาบของยอนฮี

ยองฮุนพูดต่อโดยที่ยังหลับตาอยู่เหมือนเดิม

ครั้งเดียว...ฉันรู้สึกถึงสิ่งล่อใจแค่ครั้งเดียว แต่กลับไม่สามารถเอาชนะมันได้ จิตใจของฉันสั่นคลอน”

แค่ใจสั่นเฉยๆ เองนี่นา ยังไม่ได้ถลำลึกสักหน่อย”

ไม่ใช่ ใจสั่นนั่นแหละสำคัญ ผีมองที่จิตใจ ไม่ใช่การกระทำของมนุษย์ฉันไม่ควรหวั่นไหวต่อกิเลสเลย เพราะจิตใจฉันไม่มั่นคงเลยเอาชนะมันไม่ได้”

ชนะได้สิ พี่ไม่เคยแสดงความอ่อนแอสักครั้งเลยนี่นา”

เสียงร้องไห้ของเธอทำให้หัวใจของยองฮุนสั่นไหวอีกครั้ง

นํ้าตาไหลออกมาจากดวงตาที่ปิดสนิทของยองฮุน

บางทีโชคชะตาอาจกำหนดให้เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่แรกแล้วก็ได้ ทำยังไงดีล่ะ ฉันน่ะไม่เป็นไรหรอก...ฉันใช้ชีวิตที่เหลืออยู่บนภูเขาได้ แต่เธอกับลูกของเราจะทำยังไง”

อย่าไปเลยนะ พี่ไม่เห็นต้องไปเลย”

นานมาแล้ว ตอนเจ้าอาวาสรับฉันมาเลี้ยง ท่านเคยพูดไว้ว่าโชคชะตาของฉันเหมือนกับนํ้าวน ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพหรือทรัพย์สมบัติก็คิดจะเอาไปหมดฉันเองก็รู้ตัวดี ถึงฉันจะบอกว่าลืมดวงชะตาของตัวเองแล้ว แต่จะลืมทั้งหมดนั่นได้ยังไง ทั้งๆ ที่รู้ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ ฉันโลภเอง”

พี่...”

ถ้าฉันไม่ไป ลูกจะเป็นอันตราย”

ยอนฮีรับรู้ได้ถึงความมุ่งมั่นของยองฮุนจึงกอดแขนเขาไว้และร้องไห้ครํ่าครวญ

ไม่ได้นะ ฉันจะอยู่ยังไงถ้าไม่มีพี่ ถ้าออกไปแบบนี้แล้วพี่จะใช้ชีวิตยังไง”

เดี๋ยวฉันหาทางเอง”

อย่าทำอย่างนั้นเลย พี่ ลืมตามองฉันสิ”

ไม่เอา ถ้าสบตาเธอแล้วฉันอาจจะเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น”

พี่...”

ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ ฉันปวดใจมากที่ต้องจากไปโดยทิ้งเธอไว้แบบนี้ลูกเรายังไม่ทันได้ตั้งชื่อเลย เสียใจจัง แต่ฉันจำเป็นต้องไป”

ลองหาวิธีด้วยกันอยู่ที่นี่เถอะ”

ตอนที่ฝากฉันไว้กับป้าคนนั้น แม่จะรู้สึกยังไงนะ ตอนฝากเด็กน้อยคนนั้นไว้...ท่ามกลางคํ่าคืนที่มืดมิด ฉันเคยทั้งโกรธและหวาดกลัวจนตัวสั่นอยู่คนเดียวในวัด จะไม่ให้โกรธได้ยังไง แต่ตอนนี้ฉันพอจะเข้าใจแล้วละ ถ้าฉันยังอยู่ข้างๆ พลังนี้อาจจะกระทบไปถึงลูก ฉันต้องไปให้ไกล”

ทันทีที่รู้แล้วว่าไม่สามารถห้ามได้ ยอนฮีก็ปล่อยโฮออกมา

แม้แต่ดวงตาของยองฮุนเองก็ยังนํ้าตาไหลไม่หยุด เพราะเสียงร้องไห้ที่แสนเศร้านั้น

หลังจากร้องไห้อยู่อย่างนั้นสักพัก ยองฮุนก็ลุกขึ้น

ถึงยอนฮีจะรีบคว้ามือของยองฮุน แต่ยองฮุนไม่ยอมหยุดเคลื่อนไหวร่างกายอันหนักอึ้ง

อย่าไปนะ”

ฉันจะหาทางออกให้ได้”

หากับฉันสิ”

ลูกของเรา...คิดถึงลูกเข้าไว้”

พี่จะไปที่ไหน”

ไปหาเจ้าอาวาส ฉันต้องเจอท่านก่อน”

งั้นสัญญากับฉันหนึ่งข้อสิ ห้ามปิดโทรศัพท์มือถือเด็ดขาดและรับสายฉันเสมอ เพราะฉันไปอยู่ข้างพี่ไม่ได้ ดังนั้นต้องรับสายฉันนะ”

ได้สิ”

ยองฮุนบังคับให้เธอที่พยายามยื้อเขาไว้เต็มแรงยอมปล่อยมือแล้วเดินออกมา

ถึงเสียงร้องไห้ที่ได้ยินจากด้านหลังจะกรีดลงบนหัวใจสักแค่ไหน แต่เขาก็ไม่ได้หยุดเดิน

เพราะที่บอกว่าจะพยายามหาทางออกให้ได้ มันไม่ใช่แค่คำโกหก

กรณีที่ดวงชะตาของผู้ชายมีกำลังวังชามากเกินไป กรณีแบบนี้เราจะ...”

นักพรตมยองอูกำลังสอนด้วยการขยับปากกาอย่างชำนาญต่อหน้านักเรียนหลายๆ คน

ไม่รู้ว่ามีข่าวลือว่าเขาสอนดีหรือเปล่า ช่วงนี้ถึงได้มีคนโทรศัพท์เข้ามาสอบถามวันละหลายสาย เขาจึงเครียดอย่างมีความสุขว่าควรจะย้ายออฟฟิศเทลไปที่ที่ใหญ่กว่านี้ดีไหม

แต่ขณะที่กำลังตั้งใจสอนอยู่ กลับได้ยินเสียงตึงตังจากด้านนอกประตู

พอนักพรตมยองอูตกใจและหยุดพูดก็มีคนเคาะประตูปังๆ

เขาเปิดประตูและเตรียมจะบ่นด้วยความโกรธว่ามารบกวนอะไรระหว่างการสอน แต่กลับเจอลูกสะใภ้ที่ทั้งแสนสวยและใจดียืนร้องไห้ตาแดงกํ่าอยู่

ถึงจะไม่กล้าพูดกับใครที่ไหนว่าเป็นลูกสะใภ้ของตัวเอง แต่ในใจก็ยังคาดหวังว่าจะได้เจอและกินข้าวด้วยกันสักครั้ง

ทว่าไม่คิดเลยว่าจะมาหากันด้วยสภาพแบบนี้...

เดี๋ยว ทำไมมาถึงที่นี่...”

คุณพ่อ! คุณยองฮุนต้องทำยังไงคะ เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ!”

นักพรตมยองอูตกใจมาก

เพราะไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะไม่รู้ว่าการเรียกเขาว่าคุณพ่อต่อหน้าคนอื่นเป็นเรื่องอันตรายแค่ไหน

เดี๋ยว เดี๋ยวรอก่อน”

นักพรตมยองอูปิดปากเธอไว้ก่อนและรีบส่งพวกนักเรียนกลับ

พวกนักเรียนเองก็คิดว่ามีเรื่องบางอย่างผิดปกติ จึงเก็บกระเป๋าและออกจากออฟฟิศเทลไปง่ายๆ

นักพรตมยองอูจับลูกสะใภ้นั่งที่เก้าอี้ ก่อนจะล็อกประตูแล้วนั่งลง

เกิดอะไรขึ้น มีเรื่องอะไร...”

คุณพ่อ เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ เหมือนโรคเทพของพี่กำเริบ เขาบอกว่าพลังนั้นอาจลามมาถึงลูก เดี๋ยวจะหาทางออกเองแล้วก็ออกจากบ้านไปแล้ว...”

แม้คำพูดของเธอจะวกไปวนมา แต่นักพรตมยองอูก็เข้าใจเกือบทั้งหมด

เนื่องจากตลอดช่วงชีวิตที่รับใช้เทพ เขาผ่านประสบการณ์หลายร้อยพันอย่างมาหมดแล้ว การจำลองสถานการณ์ประมาณนี้จึงไม่ยากนัก

เธอท้องเหรอ”

ค่ะ”

อาจเป็นการกระทำโดยสัญชาตญาณ ยอนฮีถึงเอามือข้างหนึ่งวางลงบนท้องของตัวเอง

ภาพนั้นทำให้นักพรตมยองอูรู้สึกขาสั่นโดยไม่รู้ตัว

ยองฮุนล่ะ”

บอกว่าจะไปหาเจ้าอาวาสค่ะ วัดที่คุณยองฮุนเคยอยู่ตอนเด็กๆ หนูรู้ว่าอยู่ที่ไหนค่ะ”

ต่อให้ไปหาพระก็แก้ไม่ได้”

จริงเหรอคะ”

เดี๋ยวฉันจัดการเอง ฉันจะไปหายองฮุน ไม่ต้องห่วงนะ”

ให้หนูไปด้วยไหมคะ”

ไม่ได้ เดิมทีแล้วเวลาตั้งท้องก็ไม่ควรหาหมอดูพรํ่าเพรื่อ เด็กๆ หัวกำลังเปิด เทพจะสามารถเข้ามาได้ง่าย เพราะฉะนั้นเธอดูแลร่างกายดีๆ แล้วรออยู่ที่บ้านเดี๋ยวฉันจัดการเอง”

นี่เป็นสถานการณ์ต้องแก้ปัญหาให้ได้

เขาเชื่อว่าตัวเองต้องจัดการได้ เพื่อแก้ไขความผิดพลาดที่ผ่านมา

ได้โปรดช่วยเขาด้วยนะคะ เอารถหนูไปเลย ไม่สิ เดี๋ยวหนูให้คนขับรถไปด้วยค่ะ”

ไม่ต้องหรอก ฉันไปคนเดียวได้”

ที่นั่นขับรถไปเองค่อนข้างลำบาก เพราะฉะนั้นเอาไปด้วยเถอะค่ะ”

ถึงเขาจะมีรถดีๆ ราคามากกว่าร้อยล้านวอนอยู่แล้วเพราะทำงานหาเงินได้มากพอ แต่นักพรตมยองอูก็ยอมรับคำขอของลูกสะใภ้

หวังว่าอย่างน้อยอาจช่วยทำให้จิตใจของเธอสงบลงได้ แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม

โอเค เข้าใจแล้ว”

ยอนฮีลงมาพร้อมกับนักพรตมยองอู ก่อนจะพูดกับคนขับรถที่ขับมาส่งเธอ

ไม่ต้องถามอะไร แค่ขับไปตามทางที่เขาบอกก็พอค่ะ เขาเป็นคนสำคัญมากๆ ช่วยดูแลให้เต็มที่ด้วยนะคะ”

รับทราบครับ”

นักพรตมยองอูส่งกุญแจของตัวเองให้ยอนฮี

ไม่ต้องห่วง ฉันจะพายองฮุนกลับมาอยู่ข้างๆ เธอให้ได้”

ฝากด้วยนะคะ”

ยอนฮีนํ้าตาไหลขณะเฝ้ามองนักพรตมยองอูออกเดินทาง

เมื่อนักพรตมยองอูมาถึงวัดไร้ชื่อที่ตั้งอยู่ในคยองนัม พระอาทิตย์ก็ตกดินไปแล้ว

พอผ่านทางเข้าวัดและเดินอย่างรีบร้อนเข้าไปใกล้พระอุโบสถ ก็เห็นลูกชายตัวเองกำลังนั่งอยู่บนก้อนหินขนาดใหญ่ด้วยสีหน้าเหม่อลอย

ยองฮุน!”

“...”

ยองฮุนหันหน้ามาทางนักพรตมยองอูด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

สีหน้าแบบนั้นทำให้นักพรตมยองอูเริ่มใจเสียแล้วจึงเดินเข้าไปหา

ลูกสะใภ้...ไม่สิ ยอนฮีเล่าให้ฉันฟังแล้ว”

เจ้าอาวาสไม่อยู่แล้วครับ”

หือ?”

เขาบอกว่าท่านเพิ่งมรณภาพเมื่อสองเดือนก่อนครับ ผมพูดไม่ออกเลย...ทำไมผมถึงไม่เคยกลับมาหาท่านเลยสักครั้ง มัวแต่กินหรูอยู่สบายเลยไม่ได้โทร.มาถามท่านสักคำว่าเป็นยังไงบ้าง คงเพราะแบบนี้มั้งครับ เขาถึงพูดกันว่าไม่ควรเก็บพวกสัตว์หัวดำมาเลี้ยง”

นักพรตมยองอูก้มลงตรงหน้ายองฮุนที่เหมือนสูญเสียจิตวิญญาณไปแล้วหลังจากสบตากันก็พูดอย่างระมัดระวัง

ท่านคงตั้งใจไปเงียบๆ เรื่องไว้อาลัยเจ้าอาวาสค่อยเอาไว้ทีหลังนะ เราควรจะรักษาโรคของแกก่อนไม่ใช่เหรอ”

แววตาของยองฮุนเปล่งประกายขึ้นมา

รักษาได้เหรอครับ”

โรคเทพมีแต่ร่างทรงเท่านั้นที่รักษาได้”

ไม่ได้หมายถึงให้ผมรับขันธ์ใช่ไหมครับ”

ไม่ใช่ ห้ามทำให้ลูกชายของฉันกลายเป็นร่างทรง นั่นคือความตั้งใจของแม่แก รวมถึงฉันในตอนนี้ก็ด้วย”

จริงเหรอครับ”

อาจเพราะรู้สึกตื้นตัน นักพรตมยองอูจึงนํ้าตาไหล

ไปหาแม่สิ แม่แกเป็นร่างทรงที่เก่งที่สุดในเกาหลีแล้ว ถึงจะตายไปแล้วแต่พลังวิเศษนั่นจะไปไหนได้ล่ะ ไปอธิษฐานต่อหน้าหลุมศพของแม่แกซะ”

นั่นมันอะไร...”

แม่จะช่วยแกเอง หลังทิ้งแกไว้แบบนั้นก็ฝังใจเรื่องลูกชายมาตลอดชีวิตต่อให้ตายแล้ว แต่จะช่วยลูกชายไม่ได้เลยหรือไง ถ้ารู้ว่าลูกชายกำลังจะต้องกลายเป็นร่างทรงเพราะผีร้าย ก็คงฟื้นจากหลุมมาช่วยอยู่แล้ว ไปด้วยกันเถอะ”

ยองฮุนร้องไห้พร้อมกับจับมือของพ่อที่ยื่นมา

จากนั้นสองพ่อลูกก็ออกเดินทางอีกครั้งเพื่อขึ้นมาตามเส้นทางบนภูเขาที่ไม่รู้จักชื่อ บนเนินเขาที่มองเห็นทะเลได้ทั่วถึงจากระยะไกล มีหลุมฝังศพเล็กๆหลุมหนึ่งถูกฝังอย่างสวยงาม

นักพรตมยองอูส่งมักกอลลีที่นำมาจากข้างล่างใส่มือยองฮุนก่อนจะกลับลงไป

ยองฮุนทอดสายตามองหลุมศพอยู่ครู่หนึ่งแล้วทรุดตัวลงนั่ง

แม่...ผมขอโทษที่มาช้านะครับ ผมควรจะมาเร็วกว่านี้...รู้ไหมครับว่าชีวิตผมเป็นยังไงบ้าง ผมมีโชคชะตาที่จะกลายเป็นร่างทรงตามที่แม่คิดไว้แต่โชคดีที่มีพระดีๆ ช่วยเก็บผมไปเลี้ยงครับ ผมไม่ได้เป็นพระ ไม่ได้โกนผมเลยด้วย แต่ใช้ชีวิตอยู่ในวัดมาตั้งยี่สิบปีแน่ะ ตอนแรกมันน่ากลัวแล้วก็ลำบากมาก แต่พอเวลาผ่านไปก็โอเคขึ้นครับ”

ยองฮุนเช็ดนํ้าตาที่ไหลออกมาแล้วพูดต่อ

พอลงมาจากวัดก็กลายเป็นพนักงานบริษัท ถึงจะยังบกพร่องอยู่มากแต่ก็ได้รับเงินเดือน ได้มีแฟน ผมแต่งงานแล้วด้วยนะครับ ก่อนหน้านี้ไม่นานลูกสะใภ้แม่ก็ท้องแล้วด้วย ทุกอย่างกำลังไปได้ดี...แต่ผมใจสั่นกับเงินครับ ทั้งๆ ที่แม่เคยบอกว่าอย่าเป็นร่างทรง...”

เขาได้ยินเสียงกระซิบข้างหูอีกครั้ง

สติเริ่มเลือนราง ไหล่ถูกกดทับอย่างหนักหน่วง

แม่...ผมคิดถึงแม่ครับ รอหน่อยนะ รออีกนิดจนกว่าผมจะกลับมา ขอให้ผมได้เห็นหน้าแม่หน่อย อย่างน้อยก็ให้แม่เห็นหน้าผม...”

ยองฮุนสะอึกสะอื้นเบาๆ ก่อนจะหนักขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ปล่อยโฮออกมา

เขาร้องไห้อยู่อย่างนั้นหลายชั่วโมงจนกระทั่งหมดสติล้มลงบนหลุมศพ


 

บทที่ 302 พิธีปัดเป่าวิญญาณ

 

ดอกท้อพัดปลิวไสว

ทิวทัศน์ที่เผยออกมาระหว่างกลีบดอกไม้ที่ลอยละล่องราวกับภาพวาด

แสงแดดอันอบอุ่น กลิ่นดอกไม้หอมๆ และนํ้าตกสายหนึ่งที่ตกลงมาจากท้องฟ้า เพียงแค่ได้เห็นก็สดชื่นแล้ว

ยองฮุนค่อยๆ ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับเหยียบใบไม้เสียงดังกรอบแกรบ

โหม่งงง

เสียงฆ้องที่แว่วมาจากไกลๆ ดังเข้าสู่โสตประสาท

เสียงฆ้องที่ดังอย่างเอิกเกริกนั่นทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นอย่างน่าประหลาด

ยองฮุนจึงขยับตัวไปตามทิศทางที่ได้ยินเสียงฆ้องโดยสัญชาตญาณ ยิ่งเข้าใกล้ต้นกำเนิดเสียง กลีบดอกท้อที่ล่องลอยก็ยิ่งพัดกระหนํ่าอย่างรุนแรงราวกับต้องการขัดขวางไม่ให้เขาเข้าใกล้เสียงฆ้อง...

เจ้าจะไปที่ใด”

เมื่อหันหน้าตามเสียงไปทางด้านขวา ต้นแปะก๊วยขนาดใหญ่ก็ปรากฏสู่สายตา เส้นรอบวงหนาจนให้ผู้ชายสิบคนโอบยังแทบไม่พอ ความสูงยืดออกถึงสุดขอบฟ้าจนยากจะวัดขนาดได้ ถัดจากต้นแปะก๊วยต้นใหญ่ มีชายวัยกลางคนสวมชุดขาวทำท่าทางเหมือนยืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่แรก น่าแปลกที่ในบางมุมดูเหมือนอายุมากกว่าเจ็ดสิบ ในบางมุมกลับดูเหมือนชายหนุ่มอายุเพียงสามสิบกว่าๆ

คุณเป็นใครครับ”

ข้าเป็นเมฆลอยล่อง เป็นสายฝนตกกระหนํ่า เป็นลมพัดหวน เป็นปลาว่ายอยู่เบื้องล่าง เป็นแม่นํ้าไหลเชี่ยว โลกคือข้า ข้าคือโลก”

ผมไม่รู้จักตัวตนแบบนั้นครับ”

อย่าพูดว่าไม่รู้จักเลย ก่อนหน้านี้เจ้าทำให้ข้าลำบากมามากไม่ใช่หรือ”

ผมจำไม่ได้ครับ”

เจ้าไม่มีทางลืมความทรงจำในอดีต ที่เคยร้องไห้ครํ่าครวญคนเดียวในคํ่าคืนอันมืดมิดหรอก”

อีกฝ่ายพูดกับยองฮุนที่กำลังตกใจ สีหน้าแววตาเปี่ยมด้วยความรักและเอ็นดู

แต่ไม่ต้องกลัว ข้าเป็นสหาย เป็นอาจารย์ เป็นบิดรมารดาของเจ้า”

รัศมีเปล่งประกายออกมาจากด้านหลัง

พอเห็นฉากน่าตื่นตาและอัศจรรย์ใจ ยองฮุนรู้สึกเหมือนแข้งขาอ่อนแรงลงโดยอัตโนมัติ

ตอนนั้นเสียงฆ้องก็ดังขึ้นอีกครั้ง

โหม่งงง...

ขณะเสียงฆ้องอันมีชีวิตชีวาดังก้องอยู่ในหู ขาที่เคยสั่นเทาก็กลับมามีเรี่ยวแรงอีกครั้ง

ยองฮุนจึงก้าวเดินไปยังทิศทางที่ได้ยินเสียงฆ้องอีกครั้ง

หนึ่งก้าว...สองก้าว...

ระหว่างเดินอยู่ก็ได้ยินเสียงนั้นอีกแล้ว

เจ้าจะไปที่ใด”

แม้ว่าจะเดินผ่านมาแล้วอย่างชัดเจน แต่ทิศทางที่มุ่งไปนั้นก็ยังมีต้นแปะก๊วยขนาดใหญ่กับผู้ชายยืนอยู่

ทว่าชายที่สวมชุดขาวเมื่อครู่ คราวนี้กลับสวมชุดเกราะและถือง้าวมังกรเขียวขนาดใหญ่เหมือนกำลังจะทำสงคราม

กำลังไปที่ที่เรียกผมครับ”

อย่าไปเลย นางจะทดสอบเจ้า เหมือนเนื้อที่มอบให้หลังหิวโหยมาสามวันเหมือนร่างของหญิงงามที่เปลือยเปล่า เหมือนเสื้อคลุมที่มอบให้คนพเนจรไร้บ้านแต่เจ้าห้ามหลงกลเด็ดขาด ข้าเป็นสหาย เป็นอาจารย์ เป็นบิดรมารดาของเจ้าจงตามข้ามาเถิด”

คำพูดของอีกฝ่ายที่เปี่ยมด้วยความเมตตา ความนุ่มนวล และความสง่างามทำให้ยองฮุนพยักหน้ารับโดยไม่รู้ตัว

และเมื่อก้าวไปหาหนึ่งก้าว เขาก็ได้ยินเสียงฆ้องในหูอีกครั้ง

โหม่งงง

เสียงฆ้องที่เคยดังแว่วจากไกลๆ คราวนี้กลับได้ยินอย่างชัดเจน

ผมได้ยินเสียงครับ”

อย่าไหวหวั่น ถ้ามั่นคงเหมือนต้นไม้ หนักแน่นเหมือนหิน เจ้าจะสามารถเอาชนะสิ่งล่อใจทั้งปวงได้”

เสียงนั่นทำให้ผมปวดใจครับ”

อย่าไหวหวั่น จงเป็นเมฆลอยล่อง เป็นสายฝนตกกระหนํ่า เป็นลมพัดหวนข้ารู้ดีว่าเสียงนั่นจะทำร้ายเจ้า”

เมื่อก้าวไปอีกก้าวเพราะคิดว่าคำพูดนั้นถูกต้องแล้ว เขาก็ได้ยินเสียงฆ้องอีกครั้ง

ครั้งนี้ยองฮุนจึงพูดอย่างทนไม่ไหว

เสียงนั่นทำให้หัวใจผมเจ็บปวด ผมจะไปดูว่ามันคืออะไรครับ”

ยองฮุนไม่รอฟังคำตอบของอีกฝ่ายและก้าวเดินไปในทิศทางที่ได้ยินเสียง

ต่อให้จะอยากวิ่งมากแค่ไหน แต่ขาทั้งสองข้างที่หนักอึ้งกลับถ่วงรั้งเขาไว้แม้เพียงก้าวเดียวก็ยังรู้สึกเหนื่อยหอบ

โหม่งงง

เขาได้ยินเสียงกลองเบาๆ พร้อมกับเสียงฆ้อง

ตอนนี้เหมือนจะรู้แล้วว่าได้ยินมันจากที่ไหน

ยองฮุนเห็นบางสิ่งบนเนินเขากำลังเคลื่อนไหวและเรียกเขาให้ไปหาจากที่ไกลๆ

หยุดเดิน เจ้าจะไปที่ใด”

ไปที่ที่กำลังเรียกผมครับ”

ยองฮุนก้าวเดินต่อและพูดโดยไม่หันกลับไป

เจ้าต้องการสิ่งใด ไม่อยากเห็นภรรยากับลูกที่กำลังตามหาเจ้าด้วยความร้อนใจหรอกหรือ”

ยองฮุนหยุดเดินกะทันหัน

ผมอยากเจอยอนฮี...แล้วก็ลูกครับ”

ข้าเป็นสหาย เป็นอาจารย์ และบิดรมารดา ข้าจะช่วยเปิดเผยอนาคตของเจ้า ทางเดินรอบป่าเต็มไปด้วยสัตว์ป่าดุร้าย การหาหนทางปลอดภัยและหลีกเลี่ยงความสัมพันธ์ที่นำไปสู่ความชั่วร้ายเป็นหน้าที่ของผู้ปกครอง เจ้าจะเลือกเปิดเส้นทางใดเล่า”

นํ้าเสียงเปลี่ยนไปแล้ว

เปลี่ยนจากนํ้าเสียงใจดีมีเมตตาเป็นนํ้าเสียงสง่างามและมีอำนาจ

ผม...”

อย่าไหวหวั่น หลักคำสอนที่เจ้าได้เรียนรู้คือคำสอนของสวรรค์และโลกดังนั้นจะต้องไม่ลังเล”

ต้องไม่ลังเล...”

ข้าจะช่วยชี้ทางให้ จงตามข้ามา”

เขาก้าวเท้าตามไปโดยไม่สามารถควบคุมร่างกายตามใจตัวเองได้

แม้หูจะได้ยินเสียงฆ้องและกลอง แต่ก็ไม่อาจขยับร่างกายได้ เหมือนแมลงที่ติดอยู่บนใยแมงมุม

ตอนนั้นเองที่เขาได้ยินเสียงพระไตรปิฎกเบาๆ

เมื่อนึกถึงพระไตรปิฎกที่เคยท่องจำเมื่อนานมาแล้ว ร่างกายที่กำลังถูกชักนำไปโดยไม่รู้ตัวพลันหยุดยืนอยู่กับที่

จากนั้นยองฮุนก็เปลี่ยนทิศทางไปยังสถานที่ที่ได้ยินเสียงฆ้องอีกครั้ง

ลมพัดแรงจนปิดกั้นเส้นทางข้างหน้า กลีบดอกไม้ปลิวว่อนทำให้ทัศนวิสัยพร่ามัว

หนึ่งก้าว...อีกหนึ่งก้าว...

เขาพยายามขยับขาที่หนักอึ้งราวกับถูกถ่วงด้วยนํ้าหนักนับร้อยนับพันกิโลกรัม

เนินเขาที่มองใกล้ๆ กลับชันและสูงเสียดฟ้า เมื่อปีนขึ้นไปอย่างสุดกำลังจนอยู่บนยอด ลมที่พัดโหมกระหนํ่าก็สงบลงราวกับสายลมอ่อนๆ ในฤดูใบไม้ผลิ

โหม่งงง

มีคนกำลังร่ายรำอยู่

หญิงทรงเจ้าในชุดสีแดงและสีขาวกำลังร่ายรำอย่างร่าเริง

แม่...”

หญิงทรงเจ้าที่ปกปิดใบหน้าไม่สนใจว่าใครมาหา แต่ยองฮุนจำได้ว่าผู้หญิงตรงหน้าคือใคร

เขาตระหนักได้ทันทีว่าที่นี่คือที่ไหน และรู้ด้วยว่าใครกันที่เข้ามาพูดกับเขาระหว่างทางมาถึงที่นี่

แม่...ผมมาแล้วครับ ผมโตขนาดนี้แล้วนะครับ!”

ถึงจะร้องไห้แล้วตะโกนลั่น แต่หญิงทรงเจ้าคงจะไม่ได้ยินจึงร่ายรำต่อไม่หยุดพัก

อย่าเศร้าเลย อย่างไรก็เป็นความสัมพันธ์ที่ผ่านไปแล้ว”

ชายคนนั้นยืนอยู่ข้างหลังแล้วชวนคุยอีกครั้ง โดยที่ไม่รู้ว่าตามมาตั้งแต่ตอนไหน

คุณเป็นใครครับ”

ข้าเป็นสหาย เป็นอาจารย์ เป็นบิดรมารดา...”

ไม่ใช่! คุณไม่ใช่พ่อแม่ผม!”

ต่อให้ออกมาจากท้องก็ใช่ว่าจะเป็นลูกทุกคน พ่อแม่เจ้าทอดทิ้งเจ้า แต่ข้าปกป้องเจ้ามาตลอด ข้าคือพ่อแม่ของเจ้า”

ปกป้องผมเหรอครับ”

หากไม่ใช่พลังของข้า เจ้าจะใช้พลังนั้นได้อย่างไร”

ยองฮุนตัวสั่นราวกับถูกฟ้าผ่า

การจับมือแล้วสามารถรู้เวลาเกิด

เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ความสามารถของมนุษย์ แต่ทำไมถึงไม่เคยคิดเรื่องนั้นเลย

พออีกฝ่ายเห็นยองฮุนตกใจมากจึงพูดต่อ

เรียกแม่ที่ทิ้งเจ้ามาตอนนี้ยังจะมีความหมายอะไร เจ้าไม่โกรธจริงหรือคิดว่าข้าไม่รู้งั้นหรือ ว่าเจ้าแค้นแม่เจ้ามากขนาดไหน”

จะไม่โกรธได้อย่างไร

ถึงจะบอกว่าเข้าใจแค่ไหน แต่เขาไม่ใช่พระพุทธเจ้า จะให้ปล่อยวางความโกรธลงง่ายๆ ได้อย่างไร ต่อให้แม่เป็นร่างทรงก็ไม่ควรทิ้งกัน เขาไม่รู้ด้วยซํ้าว่าตัวเองโกรธมากแค่ไหน

คำพูดของอีกฝ่ายยังไม่จบแค่นั้น

มีแค่แม่ที่ไหนกัน เจ้ายังเคยโกรธและสาปแช่งพระที่ขังเจ้าไว้ในวัดด้วย”

ไม่อาจปฏิเสธได้เลย

ยองฮุนรู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกขุดคำพูดที่ซ่อนไว้ในส่วนลึกของจิตใจ

ตอนนั้นผมยังเด็กอยู่”

เพราะยังเด็ก ความโกรธนั้นจึงไม่มีคำโกหกปนอยู่แม้แต่น้อย ตอนนี้ข้าเป็นเมฆลอยล่อง เป็นสายฝนตกกระหนํ่า เป็นลมพัดหวน เป็นปลาว่ายอยู่เบื้องล่าง เป็นแม่นํ้าไหลเชี่ยว โลกคือข้า ข้าคือโลก ตั้งแต่นี้ไปจงเรียกข้าว่าเทพชอนวัง”

ยองฮุนตัวสั่นระริก

พลังของเทพชอนวังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งใหญ่ขึ้นเหมือนต้นแปะก๊วยต้นนั้น

ตอนนั้นนั่นเองเสียงฆ้องและกลองก็หยุดกะทันหัน

เมื่อยองฮุนหันหน้าไปโดยอัตโนมัติ แม่ที่เคยร่ายรำในชุดสีแดงและสีขาวเริ่มกวาดเสื่อที่ม้วนเป็นก้อนด้วยไม้กวาดที่เปียกหมาดๆ ทั้งที่ยังปิดหน้าอยู่

และเริ่มร้องเพลงที่ไม่รู้จัก

หยุด!”

เทพชอนวังตะโกนด้วยความเกรี้ยวกราด แต่แม่ก็ไม่ยอมหยุด

หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้!”

เทพชอนวังกระแทกง้าวมังกรเขียวลงบนพื้นดังตึง แรงกระแทกรุนแรงมากจนพื้นสั่นสะเทือนและรู้สึกหูอื้อ

แต่แม่กวาดเสื่อที่ม้วนเป็นก้อนๆ ต่อโดยไม่สั่นคลอนแม้พื้นดินกำลังสั่นสะเทือน ราวกับว่าไม่ได้รับผลกระทบใดๆ

ยองฮุนมองภาพนั้นมาสักพักจึงรู้ว่าสิ่งที่แม่ทำคืออะไร

พิธีชำระวิญญาณ

พิธีที่ทำให้คนตาย

แม่ไม่ได้ขับไล่เทพชอนวัง แต่พยายามจะส่งกลับสวรรค์

แม่...”

อย่าร้องไห้เลยลูก”

แม่หยุดร้องเพลงแล้วพูด

แม่ ผมเคยโกรธแม่...ตอนนั้นผมยังเด็กมาก ยังไม่รู้เรื่องอะไร...”

ลูกแม่ โตมาอย่างดีเลยสินะ”

ฮึกกก”

ทันทีที่ยองฮุนร้องไห้ เธอที่สวมชุดทรงเจ้าก็เข้ามากอดเขาแน่น

ลูกแม่ ไม่ต้องกลัว แม่จะช่วยปกป้องลูกเอง”

ขอโทษครับ แม่ ผมคิดถึงแม่มากเลยครับ”

แม่ก็คิดถึงลูกมากเหมือนกัน ไม่ต้องรู้สึกผิดแล้ว แม่ต่างหากที่ต้องขอโทษ”

แม่ ผมได้ทำงานบริษัท แต่งงานแล้วด้วยครับ แล้วก็มีลูกแล้ว...”

แม่จะปกป้องลูกเอง”

แม่เริ่มร้องเพลงอีกครั้ง

จากนั้นใช้เท้าดันเสื่อที่ม้วนไปไว้บนผ้าฝ้ายสีขาวสะอาดหมดจด น่าแปลกที่ยิ่งมองภาพนั้นมากเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกว่าอะไรบางอย่างที่อยู่ในอกปลิวหายไปมากเท่านั้น

ความโกรธและความเกลียดชังที่มีต่อแม่

ความโกรธที่มีต่อเจ้าอาวาส

ความคับแค้นต่อตัวเองที่เกิดมาพร้อมคำสาป

ทุกอย่างหลุดลอยออกไปหมด

หยุดเดี๋ยวนี้! หยุด!”

เทพชอนวังที่เคยร่างกายสูงใหญ่สุดปลายฟ้าตัวหดเล็กลงเหมือนร่างกายมนุษย์ธรรมดา และดิ้นรนด้วยความเจ็บปวด

ดวงตาอีกฝ่ายเบิกกว้างราวกับกำลังจะหลุดออกมา และเปล่งเสียงตะโกนขณะจ้องมองยองฮุน

เจ้าเป็นของข้า! บอกให้ร่างทรงนั่นไสหัวไปเสีย! เร็วสิ!”

ฉันไม่ใช่ของแก แกนั่นแหละไสหัวไปซะ”

ทันทีที่ยองฮุนพูดจบ เทพชอนวังก็ตื่นตระหนก

ยองฮุนที่เคยทุกข์ทรมานและเสียใจกับความเจ็บปวด กลับมาเป็นเหมือนเดิมโดยไม่รู้ตัว

ยองฮุนพูดขณะมองแม่ที่กำลังร้องเพลงพร้อมกับผลักไสวิญญาณที่ถูกชำระจนสะอาด

ละทิ้งความยึดติดต่อโลก ไปเกิดใหม่และใช้ชีวิตอย่างมีคุณธรรม”

เจ้าเป็นของข้า! เจ้า...”

ร่างของเทพชอนวังหายไปแล้ว

หลังจากมองดูอีกฝ่ายหายไปจนสมบูรณ์ ยองฮุนก็หมุนตัวกลับมาช้าๆเมื่อเห็นแม่นั่งนิ่งเหมือนไม่เคยทำพิธีมาก่อนจึงเดินเข้าไปหา

แม่ ผมอยากเจอแม่ มีเรื่องอยากคุยกับแม่เยอะแยะเลย...”

ยองฮุนที่เข้าไปหาแม่ด้วยความดีใจว่าทุกอย่างคลี่คลายแล้วพลันชะงักไป

รู้สึกใจหายวาบขึ้นมาทันที เพราะเห็นแม่นั่งนิ่งโดยไม่ขยับเขยื้อน

แม่? แม่!”

ยองฮุนปลดผ้าสีขาวที่ปิดบังใบหน้าด้วยมือที่สั่นเทา

หญิงวัยกลางคนกำลังหลับตาอย่างนิ่งสงบ

เป็นแม่ที่เคยเห็นในรูปถ่ายจริงๆ

ยองฮุนเรียกด้วยนํ้าเสียงสั่นเครืออีกครั้ง

แม่...”

อย่าร้องไห้เลยลูก”

แม่พูดโดยไม่ลืมตา

มองผมสิ แม่ไม่อยากเห็นผมเหรอ”

แม่เฝ้าดูลูกชายของแม่อยู่ตลอด”

หลับตาอยู่แล้วจะเห็นได้ยังไง”

แม่รู้อยู่แล้ว”

จริงเหรอ”

แม่จับมือยองฮุนค้างไว้

ตอนนี้แม่ต้องไปแล้ว”

แม่...อยู่ต่ออีกหน่อยแล้วค่อยไป”

ร่างกายของแม่กำลังเลือนราง เช่นเดียวกับเทพชอนวัง

ยองฮุนรู้ว่าเมื่อคนตายได้ทำพิธีชำระวิญญาณไปแล้วก็ไม่อาจอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป เพราะมีพลังเหลืออยู่ไม่มากพอ

แม่ต้องไปแล้ว ลูกชายของแม่ เก่งมากที่มาถึงที่นี่ได้โดยไม่มีแม่ แม่ภูมิใจมาก”

ผมไม่อยากแยกกับแม่...”

แม่ลูบใบหน้าของยองฮุนที่ร้องไห้

ลูกชายของแม่...แม่รักลูกมากนะ”

แม่! แม่!”

ร่างของแม่เลือนรางหายไปจนไม่เหลือร่องรอย

แม่! แม่ไปไหนแล้ว อย่าทิ้งผมสิ อย่าทิ้งผม!”

ยองฮุนร้องเรียกหาแม่ที่หายลับไปจนหมดสติโดยไม่รู้ตัว

ดวงตาของยองฮุนที่เป็นลมอยู่บนหลุมศพเบิกโพลงขึ้นมา

ขวดมักกอลลีที่เอียงกระเท่เร่ปรากฏสู่สายตา

ยองฮุนพรมมักกอลลีที่เหลืออยู่ไม่เยอะเพราะทำหกลงบนหลุมศพก่อนจะโค้งคำนับ

แม่ ขอบคุณนะครับ ขอบคุณที่ช่วยชีวิตผม ให้ผมได้เห็นหน้า”

นํ้าตาไหลออกจากดวงตาของยองฮุนที่กำลังโค้งคำนับ


 

บทที่ 303 กลับมา

 

ไม่รู้ว่าคำนับหลุมศพไปแล้วกี่ครั้ง

ตอนแรกทั้งรู้สึกขอบคุณและรู้สึกผิดมาก แต่หลังจากนั้นก็ไม่อยากห่างจากหลุมศพแล้ว

ถ้านอนที่นี่อีกครั้ง จะได้เห็นหน้าแม่อีกไหมนะ

เพราะนึกถึงอ้อมกอดของแม่ในความฝันได้อย่างชัดเจน เขาจึงไม่กล้าผละออกจากหลุมศพ

เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นถึงกลางท้องฟ้า เสียงของพ่อก็ดังขึ้นด้านหลังยองฮุนที่กำลังเอาศีรษะแนบพื้น

แม่แกช่วยไว้ใช่ไหม”

“...ใช่”

อืม ฉันคิดไว้อยู่แล้ว”

ยองฮุนเงยหน้าขึ้นพร้อมยืดหลังตรง วางสายตาไว้ที่หลุมศพและถาม

รู้ได้ยังไงครับว่าแม่จะช่วยผมได้”

นักพรตมยองอูหยิบมักกอลลีกับผลไม้สองสามอย่างจากถุงพลาสติกสีดำมาวางไว้ที่หลุมศพ

อีกฝ่ายปอกแอปเปิล ลูกแพร์ และส่วนบนของลูกพลับโดยไม่พูดอะไรจากนั้นก็เทมักกอลลีใส่แก้วก่อนจะตอบ

ระหว่างที่แม่แกรับใช้เทพน่ะ ไม่เคยเจ็บป่วยเลยสักครั้ง แต่ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เริ่มป่วยบ่อยขึ้นเรื่อยๆ ฉันยังเคยคิดเลยว่าเดี๋ยวก็คงหายดีแล้วลุกได้อีกครั้ง ขนาดเข้าโรงพยาบาลจริงๆ ยังตรวจไม่เจออะไรผิดปกติเลย”

นักพรตมยองอูกระดกมักกอลลีที่วางไว้รวดเดียวแล้วรินใหม่อีกครั้ง

ฮู่...แล้วอยู่ๆ แม่แกที่ไม่รับลูกค้าและเอาแต่นอนก็หวีผมอย่างงาม แล้วลุกมาขอร้องฉัน ขอว่าถ้าเกิดตัวเองตาย ให้ฉันฝังอาวุธชิ้นหนึ่งของฉันลงไปพร้อมเธอด้วย”

อาวุธเหรอครับ”

ใช่ แล้วก็บอกว่าสักวันหนึ่งแกอาจจะมาหา”

ยองฮุนร้องไห้อีกครั้ง

ขั้นตอนชำระวิญญาณในพิธีจะต้องสร้างร่างกายหรือจิตวิญญาณที่เป็นสัญลักษณ์ของผู้ตาย

เพราะไม่อาจสร้างสิ่งนั้นได้ จึงขอให้ฝังอาวุธไปด้วยแทน

บางทีในเสื่อที่ม้วนอยู่คงจะมีอาวุธของเทพชอนวังอยู่แน่นอน

นักพรตมยองอูพูดต่อขณะเฝ้ามองลูกชายเช็ดนํ้าตาจากด้านหลัง

ฉันไม่เชื่อเรื่องนั้นหรอก การบอกว่าเด็กที่ถูกทอดทิ้งตอนแรกเกิดจะกลับมาหาในอีกหลายสิบปีข้างหน้า มันจะเป็นไปได้จริงเหรอ แต่แกก็มาหาฉัน ฉันเลยตระหนักได้ว่าแม่แกคงเห็นทุกอย่างก่อนตาย”

“...”

ตอนนั้นแม่แกเคยบอกว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่เกิดเรื่องอันตรายขึ้นกับแกให้พามาที่หลุมศพตัวเอง ฉันงงมากจนแทบจำอะไรไม่ได้ด้วยซํ้า แต่พอยอนฮีมาหาฉันเพื่อขอให้ช่วยแก ฉันก็นึกถึงคำพูดของแม่แกได้”

ยองฮุนเช็ดนํ้าตาที่ไหลออกมาอีกครั้งแล้วลุกขึ้น

ไปกันเถอะครับ”

โอเค กินให้อิ่มแล้วกลับกันเถอะ”

ขอแวะวัดก่อนกลับนะครับ ผมคงต้องแวะไปหาเจ้าอาวาส”

ถ้าไม่ได้เสียงพระไตรปิฎกที่ดังขึ้นอย่างทันเวลา เขาอาจจะหลงกลคำลวงของเทพชอนวังแล้วก็ได้

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเมตตาของพระอาจารย์หรือมีเหตุผลอื่นอีก แต่ดูเหมือนว่าคงจะต้องขอบคุณท่าน

เอาสิ”

ทันทีที่นักพรตมยองอูลุกขึ้น ยองฮุนก็ทอดสายตามองหลุมศพ ก่อนจะดื่มมักกอลลีที่เหลืออยู่ในแก้วกระดาษ

แม่ เดี๋ยวผมมาใหม่นะ”

พอลงมาจากภูเขาก็เห็นรถแบรนด์ต่างประเทศจอดอยู่ข้างนาข้าวที่โล่งกว้าง

เอ๊ะ?”

เขาตกใจที่รถยนต์ของยอนฮีมาจอดอยู่ในชนบทแห่งนี้ คนขับรถของยอนฮีจึงลงมาจากที่นั่งคนขับแล้วรีบวิ่งมาหา

โอเคแล้วใช่ไหมครับ”

จู่ๆ ก็เสียสติพูดวกไปวนมาจนมาถึงชนบทก็ว่าน่าเป็นห่วงแล้ว แต่อยู่ๆก็ขึ้นเขากันกลางดึกอีก ในฐานะคนขับรถก็อดรู้สึกมึนงงและเป็นกังวลไม่ได้

อย่างไรก็ตาม หลังจากรายงานเส้นทางและผลการดำเนินงานให้ยอนฮีทราบคนขับรถก็ยังคงรออยู่ในรถทั้งคืน

ระหว่างที่กำลังบรรเทาความหิวโหยด้วยขนมปังและนมที่นักพรตมยองอูซื้อมาจากซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆ ก็เห็นยองฮุนลงมาจากภูเขาด้วยสภาพอิดโรย

มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ”

เมื่อเห็นยองฮุนถามว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ ทั้งๆ ที่เมื่อวานก็มาพร้อมกันคนขับรถจึงสับสนเล็กน้อยก่อนจะตอบ

ผมมาส่งกรรมการผู้จัดการที่นี่เมื่อคืนครับ”

อ๋อ...ยอนฮีล่ะครับ”

รออยู่ที่โซลครับ”

คำว่ารออยู่ที่โซลทำให้ยองฮุนโล่งอกและตบแขนของคนขับรถ

ขอบคุณนะครับ เหนื่อยแย่เลย”

ไม่เป็นไรครับ”

ได้แวะวัดแล้วพาผมออกมาหรือเปล่าครับ”

ใช่ครับ”

ถ้างั้นกลับไปที่วัดกันครับ”

รับทราบครับ”

เพราะเมื่อวานวิญญาณหลุดหรือเปล่านะ ความจำถึงขาดเป็นช่วงๆ เหมือนเวลาเมาเหล้าแล้วภาพตัด

เนื่องจากพระภิกษุมรณภาพต้องเผาเลยไม่มีหลุมฝังศพแยก ดังนั้นพอกลับมาที่วัด ยองฮุนจึงก้มกราบหน้ากุฏิที่เจ้าอาวาสเคยพำนัก รวมถึงถวายเงินห้าสิบล้านวอนแด่เจ้าอาวาสคนปัจจุบัน และฝากทำพิธีเซ่นไหว้ให้แม่ผู้ล่วงลับ

เขาคิดว่าจะมาที่นี่ทุกปีเพื่อจัดพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษให้แม่

นักพรตมยองอูบอกว่ายองฮุนสู้กับผีร้ายมา ร่างกายค่อนข้างเสียหายหนักพอชวนกันกลับบ้านก็เลยรั้งตัวเขาไว้ แล้วบังคับให้กินข้าวต้มหนึ่งชามก่อนออกเดินทาง

ทันทีที่มาถึงบ้านหลังจากใช้เวลาเดินทางประมาณสี่ชั่วโมง ยอนฮีที่รออยู่ทั้งคืนจนไม่ได้หลับสักงีบก็วิ่งเข้ามาสวมกอด

พี่!”

เขาสลบบนหลุมฝังศพทั้งคืนโดยไม่มีเสื่อ ไหนจะโค้งคำนับหลุมศพของแม่ไปอีกครึ่งวัน หน้าตาเขาไม่มีทางสะอาดสะอ้านแน่นอน

ยอนฮีลูบใบหน้าของยองฮุนและร้องไห้

หน้าพี่ไปเลอะอะไรมา ทำไมเสื้อผ้าเป็นแบบนี้ ร่างกายโอเคหรือเปล่า”

ฉันโอเคแล้ว ไม่แย่หรอก”

ยองฮุนตอบอย่างนั้น แล้วหันไปหานักพรตมยองอูที่กำลังยืนอย่างกระอักกระอ่วน

ไหนๆ ก็มาแล้ว กินข้าวก่อนแล้วค่อยกลับสิครับ”

ไม่เป็นไร ฉันจะกลับแล้ว พอเห็นแกโอเคแล้วก็สบายใจ วันนี้ลูกสะใภ้น่าจะไม่มีสมาธิและคงมีเรื่องคุยกันเยอะ ฉันกลับดีกว่า แค่ชวนก็ขอบใจแล้ว”

ไม่ได้แค่พูดไปอย่างนั้น แค่ได้ยินลูกชายชวนกินข้าว นักพรตมยองอูก็มีความสุขแล้ว

ยองฮุนจึงไม่เซ้าซี้ต่อ

โอเคครับ”

อาบนํ้าอุ่นๆ แล้วกินอาหารสีแดงเป็นหลักสักพักนะ โจ๊กถั่วแดงก็ดี...”

ทันทีที่เริ่มพูดยาวขึ้น ยองฮุนก็ขัดไว้ก่อน

ผมโอเคแล้วจริงๆ ครับ ของพวกนั้นไม่จำเป็น ตอนนี้มันจบแล้วครับ”

อืม แกน่าจะรู้ดีกว่า โอเค แล้วเจอกัน”

พอนักพรตมยองอูกลับไปแล้ว ยอนฮีก็ดึงยองฮุนมานั่งที่โซฟาแล้วถาม

เกิดอะไรขึ้นบ้าง ร่างกายโอเคขึ้นจริงๆ เหรอ”

อือ แม่มาช่วยแล้ว”

แม่? คุณแม่ที่เสียไปแล้วน่ะเหรอ”

อืม แม่บอกว่ารู้มาก่อนล่วงหน้าแล้วว่าฉันจะเป็นแบบนี้ เหมือนจะเตรียมตัวตั้งแต่ตอนเสียเลยนะ มันอันตรายมาก แต่แม่ส่งเทพชอนวังที่พยายามจะควบคุมฉันกลับขึ้นสวรรค์แล้ว ตอนนี้ทุกอย่างจบแล้ว”

ยอนฮีไม่เข้าใจคำพูดของสามีเลย แต่ตัดสินใจว่าจะไม่พยายามเข้าใจ

เพราะถึงอย่างไรสิ่งที่สำคัญก็คือ ทุกอย่างมันจบลงแล้ว

โชคดี โชคดีจริงๆ ฉันนึกว่าพี่จะกลับเข้าไปอยู่บนภูเขาแล้วไม่ออกมาอีก...”

ยองฮุนกอดเธอที่กำลังร้องไห้แน่น

ฉันขอโทษ”

ไม่เป็นไร พี่ไม่ได้ตั้งใจนี่นา เอาชนะโชคชะตามาได้แล้ว สมควรชมว่าทำดีแล้วต่างหาก”

ถึงอย่างนั้นก็ขอโทษ”

ว่าแต่ไปโรงพยาบาลกันเถอะ เผื่อมีอะไรผิดปกติกับร่างกาย ดูสภาพตอนนี้สิ”

นี่มัน...เพราะฉันนอนบนหลุมศพแม่ไง แค่สกปรกเฉยๆ ไม่ได้บาดเจ็บหรอก”

ดวงตาของภรรยาเบิกกว้าง

นอนที่หลุมศพเหรอ”

อื้อ นอนข้างๆ แม่เลยไม่เป็นไร”

ถ้าไปที่ไหนสักแห่งแล้วพูดแบบนั้นคงจะได้ยินคำว่าโรคจิต

ไม่สิ...เอาเป็นว่า โอเคจริงๆ ใช่ไหม”

อืม มีชีวิตชีวายิ่งกว่าเดิมอีก พูดตรงๆ ก็มีเรื่องที่น่าเสียดายอยู่หนึ่งเรื่องแต่ยังไงมันก็ไม่ใช่ของฉันอยู่แล้ว คงดีแล้วแหละ”

มันคืออะไร”

ถ้าจับมือกัน ฉันจะรู้เวลาเกิดของอีกฝ่าย แต่นั่นเป็นพลังของเทพชอนวังน่ะ ฉันใช้พลังนั้นมาเรื่อยๆ โดยไม่พยายามควบคุมตัวเอง พอมีลูกเลยเกิดความโลภแค่แป๊บเดียว กระทั่งเกิดเรื่องนั่นแหละ”

ถ้างั้นตอนนี้ความสามารถพิเศษนั่นที่เคยมองคนได้อย่างน่าเหลือเชื่อก็หายไปแล้วเหรอ”

เพราะไม่สามารถรู้เวลาเกิดได้ทันทีน่ะสิ แต่ถ้ารู้เวลาเกิดก็เหมือนเดิม รู้สึกว่าสายตาที่ใช้มองโหงวเฮ้งดีขึ้นกว่าเดิมด้วยซํ้า”

ทำไมล่ะ”

ไม่รู้สิ ฉันก็ไม่แน่ใจ...อาจจะเป็นเพราะแม่ก็ได้”

ทันทีที่กลับมาจากหลุมฝังศพแล้วเห็นหน้าของคนขับรถก็รู้สึกได้

ว่าดวงตาด้านจิตวิญญาณของตัวเองสว่างขึ้น

ท่านให้ทุกอย่างมาหมดแบบไม่เสียดายจริงๆ นะเนี่ย”

นั่นน่ะสิ ฉันจะเป็นพ่อแม่ที่ดีแบบนั้นได้ไหมนะ”

ทำได้สิ ทำได้อยู่แล้ว”

ยอนฮีพูดเหมือนตั้งปณิธานและกอดยองฮุนไว้

พี่ตื่นสิ”

หือ?”

รีบลุกเร็ว”

นอนต่ออีกหน่อย”

เช้าแล้ว ต้องตื่นแล้วนะ”

เช้าแล้วเหรอ”

หลังจากอาบนํ้าเสร็จก็หลับเลย...

อื้อ”

แต่วันนี้ไม่ใช่วันหยุดเหรอ ไม่ต้องไปทำงานก็ได้นี่นา”

ลืมแล้วเหรอ วันนี้มีงานแต่งงานนะ”

ยองฮุนลุกพรวดขึ้นมาทันที

จริงด้วย!”

งานแต่งงานของประธานกรรมการอีฮยองจุนกับคุณคิมมินฮีคือวันนี้

ไม่ว่าจะมีเรื่องยากลำบากขนาดไหน นี่ก็ไม่ใช่งานที่ควรพลาดเพียงเพราะแค่เหนื่อย

ด้วยเหตุนั้น ยอนฮีจึงฝืนปลุกทั้งๆ ที่รู้ว่าสามียังไม่หายเหนื่อย

เตรียมตัวตอนนี้ทันเวลาพอดี”

ปลุกให้เร็วกว่านี้สิ”

หลับเป็นตายขนาดนั้น จะปลุกเร็วกว่านี้ได้ยังไง ปลุกตอนนี้ก็รู้สึกผิดแล้ว...รีบเตรียมตัวเลย”

โอเค”

ทันทีที่ยอนฮีตีก้นยองฮุน ยองฮุนก็ลุกพรวดวิ่งไปที่ห้องนํ้า

รู้สึกว่าความยากลำบากนั่นเหมือนเป็นแค่ความฝัน

ร่างกายตอนนี้เปี่ยมล้นไปด้วยพลังชีวิตและความกระตือรือร้น

รู้สึกราวกับเกิดใหม่

หลังจากอาบนํ้าภายในชั่วพริบตาและเซตผมให้ดูดี ยอนฮีที่เตรียมตัวอย่างสมบูรณ์แบบตั้งแต่หัวจรดเท้าก็กำลังรออยู่

ถ้าฉันดูสวยกว่าเจ้าสาวจะทำยังไงล่ะ”

ทุกคนรู้อยู่แล้ว ไม่เป็นไรหรอก”

ฮิๆ...”

จากนั้นคู่รักหวานชื่นก็ออกเดินทางไปที่จงโน

แน่นอนว่าสถานที่จัดพิธีแต่งงานคือโรงแรมในเครือของเอชเอสการท่องเที่ยว

ถึงจะเป็นงานแต่งงานที่ตัดสินใจจัดอย่างกะทันหัน แต่เป็นงานแต่งงานของผู้นำชินยองไฟแนนเชียล จึงคาดการณ์ได้ว่าวันนี้จะมีบุคลากรในวงการการเมืองและวงการธุรกิจมาร่วมงาน และเป็นเรื่องธรรมดาที่จะไม่อยากพลาดโอกาสนี้ไป

พอมาถึงโรงแรม ผู้คนก็วุ่นวายอย่างที่คิดจริงๆ

ยองฮุนกับยอนฮีจึงไปหาตัวเอกของวันนี้อย่างเจ้าบ่าวเจ้าสาวก่อน

ตลอดทางที่เดินผ่าน ผู้คนที่จำได้ก็เข้ามาทักทาย แต่เขาขอความเห็นใจด้วยการบอกว่าจะไปทักทายเจ้าบ่าวเจ้าสาวก่อน

ฮ่าๆๆ! มาแล้วเหรอ”

ใบหน้าของประธานกรรมการอีฮยองจุนที่ต้อนรับแขกอยู่ตรงทางเข้าห้องโถงนั้นสดใสกว่าใครๆ

หน้าตาสดใสนะครับ”

งั้นเหรอ ฮ่าๆๆ!”

อีกฝ่ายหัวเราะอย่างนั้น ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้แล้วกระซิบข้างหูของยองฮุน

นายมีข่าวลือแปลกๆ นะ เขาว่ากันว่านายโดนรองประธานใหญ่คังแจชิกต่อยที่โรงพยาบาลโอซอง”

ข่าวลือออกมาเป็นอย่างนั้นเหรอครับ”

เห็นว่านายเดินเลือดกำเดาไหลออกมาจากโรงพยาบาลหนิ ได้ยินเสียงต่อยจากในห้องด้วย...ฉันฆ่าทิ้งให้ไหม”

ยองฮุนแค่นหัวเราะ

เต็มใจจะฆ่าให้หรือเปล่าครับ”

เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ให้ตัดเงินกู้เลยไหม”

โอ้...ออกตัวแรงมากเลยนะครับเนี่ย”

อะแฮ่ม...ได้ยินว่าตอนนี้โอซองแบ่งเป็นสองส่วนไง เวลาแบบนี้ต้องออกตัวแรงๆ สิ”

ผมขอบคุณนะ แต่ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นหรอกครับ ผมไม่ได้โดนต่อย”

จริงเหรอ เขาว่าได้ยินเสียงนะ”

ผมตบหน้าตัวเองครับ”

สีหน้าของฮยองจุนพิลึกชอบกล

นายขายหน้าเหรอ งั้นเดี๋ยวฉันเชื่อนายเอง”

อ้าว...ผมพูดเรื่องจริงนะครับ”

โอเค ฉันเชื่ออย่างนั้น”

“...”

ไม่ได้โดนต่อยจริงเหรอ”

สีหน้าดูผิดหวังนะครับ”

เปล่านะ”

ผมว่าผมเดาถูกนะ”

ฮยองจุนหัวเราะอีกครั้งพลางตบไหล่ยองฮุน

ฮ่าๆๆ! โล่งอกไปที ฉันเป็นห่วงมาก”

ผมจะเชื่อให้แล้วกันครับ”

อะแฮ่ม...”

ยังไงก็ตาม ยินดีกับการแต่งงานด้วยนะครับ”

หึๆ...ขอบคุณ เดี๋ยวไว้ฉันเลี้ยงมื้อใหญ่ทีหลัง”

อีกอย่างผมพูดเผื่อไว้...”

คราวนี้ยองฮุนเอาปากจ่อหูของฮยองจุนแล้วพูดต่อ

ห้ามนอกใจนะครับ”

เฮ้ย วันนี้งานแต่งฉันนะ กังวลเรื่องแบบนั้นแล้วเหรอ”

ผมอดห่วงไม่ได้ไงครับ”

ฉันรู้นะว่ามินฮีเคยเป็นพนักงานบริษัทพวกนาย แต่ดูแลดีเกินไปหรือเปล่าเนี่ย”

คุณมินฮีลาออกเมื่อวาน ตอนนี้เธอไม่ใช่พนักงานของผมแล้ว ไม่ใช่ห่วงคุณมินฮี แต่ห่วงท่านประธานกรรมการต่างหากครับ”

อ๋อ งั้นเหรอ”

ครับ ก่อนหน้านี้ผมเคยบอกแล้วใช่ไหม เธอไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา ไม่ใช่ผู้หญิงที่แอบร้องไห้แล้วปล่อยให้สามีทำเรื่องแบบนั้นครับ ถ้าไม่อยากเหลือแต่ตัวอย่านอกใจเลยครับ”

ฮยองจุนรู้สึกได้ถึงลมเย็นๆ พัดผ่านรอบคอ

เหลือแต่ตัว?”

ครับ”

ฉันไม่เคยคิดอย่างนั้นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”

ถึงมันจะแน่นอนอยู่แล้ว แต่หวังว่าจะรักษาความมุ่งมั่นนั้นต่อไปนะครับ”

หลังส่งยิ้มให้ฮยองจุนเล็กน้อย ยองฮุนก็หมุนตัวเพื่อจะไปหามินฮี ตอนนั้นก็เห็นคนโค้งศีรษะให้ตัวเอง

สวัสดีครับ”

ใครครับ...”

ผมมาจากโอซองกรุ๊ป ท่านรองประธานใหญ่ขอพบสักครู่ครับ”

ท่านไม่ได้อยู่โรงพยาบาลเหรอครับ”

ให้ทีมเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลติดตามมาแล้วออกมาข้างนอกสักพักครับ”

ยองฮุนขมวดคิ้ว

อยู่ที่ไหนครับ”

ลานจอดรถครับ”

รอสักครู่นะครับ เพราะผมต้องไปพบเจ้าสาว”

ได้ครับ”

เพราะความโลภไม่มีที่สิ้นสุด ถึงต้องออกมาจากโรงพยาบาลเพื่อหาข้อสรุปท่ามกลางสถานการณ์นี้

ยองฮุนเดาะปากและก้าวเดินไปที่ห้องรับรองของเจ้าสาว


 

บทที่ 304 งานแต่งงาน

 

มินฮีสวมชุดแต่งงานสีขาว รายล้อมไปด้วยเพื่อนๆ และยิ้มอย่างมีความสุข

ยองฮุนมองภาพนั้นด้วยความยินดีก่อนจะเดินเข้าไปหา มินฮีจึงรีบลุกขึ้นทันที

กรรมการผู้จัดการ มาแล้วเหรอคะ”

นั่งเถอะครับ ตอนนี้ผมไม่ใช่กรรมการผู้จัดการแล้วนะ”

ยอนฮีที่เดินตามมาข้างหลังช่วยพูดเสริม

ต่อจากนี้ไปพี่ต้องเรียกว่าคุณผู้หญิงแล้วนะ รู้ใช่ไหม”

รู้อยู่แล้ว”

มินฮีทำหน้าเบะ

ถ้าเรียกแบบนั้นจริงๆ ฉันอาจจะไม่มาเจอกรรมการผู้จัดการอีกเลยก็ได้นะคะ”

เห็นแก่หน้าประธานกรรมการอีฮยองจุน เรียกว่าคุณผู้หญิงก็ถูกต้องแล้วครับ ยังไงก็ตาม ต้องเตรียมงานแต่งอย่างเร่งด่วน คงจะเหนื่อยมากเลยใช่ไหมครับ”

ไม่เลยค่ะ คุณแม่สามียอมอ่อนข้อให้เยอะมาก ฉันเลยไม่ค่อยได้เตรียมอะไรเป็นพิเศษค่ะ”

ดีใช่ไหมครับ แต่งงานกับครอบครัวคนรวย ใช้เงินแก้ปัญหาทุกอย่างได้รวดเร็ว”

มินฮีปิดปากหัวเราะเหมือนเขินอาย

ฮ่าๆ...ความจริงก็ใช่ค่ะ”

ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขนะครับ”

ฉันคิดว่าพอเจอกรรมการผู้จัดการแล้ว ชีวิตก็เปลี่ยนเลยค่ะ ถึงขั้นคิดว่าฉันใช้ชีวิตแบบนี้ได้จริงเหรอ...ทุกวันนี้ยังไม่อยากเชื่อเลยค่ะ”

คนส่วนใหญ่มักมัวแต่ใช้ชีวิตตามมีตามเกิด เพราะไม่รู้ว่าตัวเองเก่งอะไรครับ พอไม่รู้ว่าเก่งอะไรก็กำหนดทิศทางยาก ไม่ได้ให้ความใส่ใจกับการกระทำและคำพูดครับ ถึงผมจะให้ความช่วยเหลือ แต่ที่ประสบความสำเร็จได้เพราะความสามารถของคุณมินฮี ภูมิใจในตัวเองเถอะครับ”

มินฮีพยายามกลั้นนํ้าตาที่เอ่อคลอและพยักหน้า

ขอบคุณค่ะ”

จับประธานกรรมการอีฮยองจุนไว้ให้แน่นเลยนะคะ”

ยอนฮีเองก็พูดบ้าง

ทันทีที่ออกมาจากห้องรับรองเจ้าสาว กรรมการผู้จัดการคิมชางฮุนและโคอิเกะ ยูริโกะ ก็เดินควงแขนกันอย่างรักใคร่เข้ามาหา

เจอกันที่นี่จริงๆ ด้วยสินะครับ”

ดูหวานกันขนาดนี้แล้ว ถ้าตอนนั้นไม่แนะนำให้คงเสียดายแย่แน่เลยนะครับ”

โคอิเกะ ยูริโกะ หัวเราะและรับมุก

ใช่ค่ะ แย่มากกกเลย”

ฮ่าๆๆ! นั่นน่ะสิครับ นึกไม่ถึงว่าพวกคุณจะเหมาะสมกันขนาดนี้”

กรรมการผู้จัดการคิมชางฮุนแอบสังเกตรอบตัวก่อนจะพูด

เหมือนพ่อจะตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วครับ คราวนี้ผมน่าจะได้รับแต่งตั้งเป็นประธานอูมยองคอนสตรัคชั่น”

ยินดีด้วยนะครับ”

ฮ่าๆ ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณกรรมการผู้จัดการครับ ถ้าไม่ใช่เพราะงานที่อินเดีย ต่อให้พ่ออยากจะดันมากแค่ไหน ก็คงจะลำบากเพราะสายตาของพวกผู้บริหารครับ แถมระหว่างที่โครงการของไทยดำเนินการอย่างรวดเร็ว ตำแหน่งของผมก็เพิ่มขึ้นเยอะมากครับ”

ตอนนั้นหัวหน้าฝ่ายยุนฮีชานที่ยืนอยู่ข้างหลังก็พูดเสริมขึ้นมาหนึ่งประโยค

ประธานคิมโดฮุนกลายเป็นคนนอกไปแล้วครับ ฮ่าๆ...”

ฮ่าๆๆ! จริงเหรอครับ เยี่ยมเลย”

การได้พบกับกรรมการผู้จัดการ คงจะเป็นบุญที่พวกเราสั่งสมมาเยอะมากตั้งแต่ชาติก่อนครับ ไว้มาทานข้าวด้วยกันอีกสักมื้อนะครับ”

เอาทองมาทาหน้า[1] ให้กันขนาดนี้ จะกดดันให้ไปทานข้าวด้วยเหรอครับ”

ใจจริงผมอยากเอาอะไรที่มูลค่ามากกว่านั้นมาทาให้ด้วยซํ้า แต่กลัวว่ามันจะดูน่าเกลียดเกินครับ”

แค่นี้ก็พอแล้วครับ ถ้างั้นขอให้เพลิดเพลินกับงานแต่งงาน แล้วค่อยนัดกันทีหลังนะครับ”

ผมจะเตรียมที่ดีๆ ไว้ให้ครับ อ้อ ไม่ใช่ที่ที่มีผู้หญิงแน่นอนครับ”

หัวหน้าฝ่ายยุนฮีชานพูดให้ยอนฮีที่ทำตาวาววับกอดแขนของยองฮุนสบายใจขึ้นอย่างรู้งาน

โอเคครับ”

หลังจากเสร็จสิ้นการสนทนากับพวกกรรมการผู้จัดการคิมชางฮุนแล้ว เขาก็ต้องรับการทักทายจากผู้คนอีกมากมาย

เพราะเอชเอสกรุ๊ปแสดงให้เห็นอัตราการเติบโตเป็นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาจนสั่นคลอนอันดับโลกธุรกิจ และไม่มีใครไม่รู้ว่าคนกุมอำนาจสูงสุดของเอชเอสกรุ๊ปคือใคร

ถึงอย่างนั้นทุกคนก็รู้กาลเทศะ รับรู้ได้ว่าตัวเอกของวันนี้เป็นใคร จึงอดทนไม่คุยลากยาวตามใจอยาก และหยุดอยู่ในระดับยังพอจะควบคุมสายตาไว้ได้

พอทักทายและพูดคุยกับคนอื่นเสร็จ ยอนฮีก็มานั่งตามตำแหน่งที่ระบุไว้

งานแต่งงานที่มีสเกลและคุณภาพขนาดนี้มีที่นั่งที่ระบุไว้สำหรับผู้เข้าร่วมแน่นอนว่าคู่ของยองฮุนอยู่แถวหน้าถัดจากครอบครัวเลย

หลังจากพายอนฮีมานั่ง ประมาณสิบนาทีก่อนเริ่มพิธีแต่งงาน ยองฮุนก็ลงไปที่ลานจอดรถ

รถตู้ขนาดใหญ่ที่พวกดาราชอบใช้จอดอยู่ใกล้ลิฟต์และเปิดไฟกะพริบไว้

เมื่อชายสวมสูทสีดำที่ยืนประสานมือสองข้างอยู่หน้าประตูรถสบตากับยองฮุน ฝ่ายนั้นก็โค้งศีรษะก่อนจะเปิดประตูให้

ทันทีที่ยองฮุนจัดเสื้อผ้าแล้วก้าวขึ้นรถ ก็เห็นรองประธานใหญ่คังแจชิกที่กำลังให้นํ้าเกลือบนแขนข้างหนึ่ง

ใบหน้าของอีกฝ่ายดูดีจนไม่เหมือนคนป่วยโรคมะเร็ง

ถ้าไม่มีสายนํ้าเกลือก็ไม่เหมือนคนป่วยเลย

สีหน้าดูดีนะครับ”

โลกใบนี้มันดีไง ต่อให้เป็นมะเร็ง ขอแค่มีเงินเยอะ ก็สามารถรักษาโดยให้มีผลข้างเคียงน้อยที่สุดได้ ถ้าไม่ได้อยู่ในตำแหน่งปลอดภัยแล้วเจอช้าเกินไป ได้ยินว่าก็รักษายากเหมือนกัน แต่ฉันดวงดีน่ะ การมั่นใจในการรักษาก็มีผลด้วยเหมือนกันสินะ”

โล่งอกไปทีครับ”

นายคิดว่าโล่งอกจริงๆ เหรอ”

คิดว่าผมอยากให้ท่านรองประธานใหญ่ตายเหรอครับ”

รองประธานใหญ่คังแจชิกครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะตอบ

นายเปลี่ยนไปเยอะมากนะ ฉันเห็นท่าทางนายตอนนั้นแล้วยังคิดอยู่เลยว่าเป็นบ้าหรือเปล่า เพราะไม่เข้าใจพฤติกรรมของนายในตอนนั้น แต่ไม่ว่าจะคิดยังไงก็ไม่มีเหตุผลให้เสียสติไม่ใช่เหรอ ฉันเลยคิดว่าอาจจะมีเหตุผลบางอย่างที่ฉันไม่รู้ ถ้าบอกว่าช่วงนี้พวกเรา...เหมือนเดินอยู่บนมือนาย มันคงมากเกินไปใช่ไหม”

มากเกินไปเยอะเลยครับ”

โอเค เปลี่ยนเป็นเคลื่อนไหวตามความตั้งใจของนายแล้วกัน”

ผมอยากจะเจรจานะครับ แต่คำนั้นก็ยังมากเกินไปอยู่ดี”

ไม่...เรื่องนั้นฉันยอมไม่ได้ เพราะฉันอุตส่าห์พยายามโน้มน้าวให้นายปฏิเสธไม่ได้ ยังไงก็ตาม หลังจากนั้นฉันก็คิดหนักมาก ว่าฉันพลาดอะไรหรือเปล่ามีเหตุผลอะไรถึงต้องตบหน้าตัวเองแล้วหนีออกไป ไม่ว่าจะคิดยังไงก็ไม่มีคำตอบเลย”

ผมขอโทษที่ทำให้สับสนครับ”

ชายแก่คนนี้อยากรู้ยิ่งกว่าเรื่องมะเร็งซะอีก ช่วยบอกเหตุผลให้ฟังก่อนตายได้ไหม”

คิดว่าผมควบคุมตัวเองไม่ได้ก็ได้ครับ”

ควบคุมตัวเองไม่ได้?”

ครับ”

งั้นแปลว่าตอนนี้ควบคุมได้แล้วเหรอ”

ใช่ครับ”

หว่างคิ้วอีกฝ่ายขมวดเข้าหากัน

ให้ตายเถอะ...นี่ไม่ใช่ข่าวดีสำหรับฉันสินะ”

ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะครับ”

นายจะไม่รับเงินนั่นไม่ใช่เหรอ ถ้างั้นฉันก็ต้องปล่อยมือแล้วรอดูโอซองของฉันแตกเป็นสอง นี่ไม่มีทางเป็นข่าวดีได้อยู่แล้ว”

ยองฮุนหยุดหายใจชั่วขณะ

จากนั้นก็มองนาฬิกาข้อมือเพื่อเช็กเวลาแล้วอ้าปากพูด

ชีวิตก็เป็นอย่างนั้นนี่ครับ ถ้าลองมองย้อนกลับไปยังผลลัพธ์ที่ไม่ถูกใจเราสุดท้ายก็จะพบว่ามีสาเหตุที่ทำให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นอย่างนั้นครับ”

จะสอนบทเรียนชีวิตหรือไง”

ท่านรองประธานใหญ่ นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะพูดง่ายๆ แค่บริษัทจะโดนแบ่งหรือไม่โดนแบ่งนะครับ”

ถ้าอย่างนั้น?”

ตอนนี้พยายามปิดปากประธานคังมันซองอยู่ใช่ไหมครับ แล้วหลังจากนั้นจะทำยังไงต่อครับ สี่แสนล้านที่ประธานพรรคมินกูซังมี แค่นั้นก็จบเหรอครับ”

“...”

อาจจะขัดขวางได้สักครั้งสองครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นต้นเหตุของปัญหาก็ไม่ได้ถูกแก้ไขครับ”

แล้วต้นเหตุของปัญหาที่นายคิดคืออะไร”

ท่านรองประธานใหญ่มองคนผิด และเลี้ยงลูกผิดครับ”

คิ้วของรองประธานใหญ่คังแจชิกกระตุกสั่นระริก

พูดเกินไปหน่อยนะ”

บางครั้งก็ถึงเวลาต้องเผชิญหน้ากับความจริงนะครับ เพราะถ้าไม่ทำแบบนั้นก็ผิดพลาดซํ้าไปซํ้ามา ตอนนี้ถ้าเอาโอซองดิจิทัลไปจากประธานคังมันซอง เขาก็ไม่เหลืออะไรแล้วนะครับ โบราณว่าไว้ว่าหมาจนตรอกมันทำได้ทุกอย่าง”

แล้วจะให้ปล่อยไว้เฉยๆ เหรอ ฉันไม่ชอบคำพูดสวยหรูของนายเลยเจตนาน่าสงสัย”

ผมพูดเพื่อท่านรองประธานใหญ่นะครับ ถ้าหวงบริษัทในเครือหลายๆ แห่งรวมถึงโอซองดิจิทัลแล้วสั่งการคนอื่นอย่างวู่วาม ก็อาจจะทำให้เขาโกรธยิ่งกว่าเดิมก็ได้นะครับ”

โกรธยิ่งกว่าเดิม? มันคืออะไรล่ะ”

คิดว่าประธานคังมันซองไม่กล้าเอาพ่อเข้าคุกเหรอครับ”

อาจจะสะเทือนใจกับคำพูดของยองฮุน ดวงตาถึงสั่นไหวอย่างรุนแรง

แล้วคิดว่ามันจะเอาบัญชีเงินทุนลับมาทำให้ฉันลำบากได้งั้นเหรอ”

บัญชีเงินทุนลับมีหลายเล่ม ไม่ใช่แค่บัญชีมูลค่าสี่แสนล้านเล่มเดียวแต่สิ่งที่เขารู้มีแค่นั้นเหรอครับ อย่าต้อนคนให้จนตรอกเลยครับ สู้ยอมสละบริษัทในเครือบางแห่ง รวมถึงโอซองดิจิทัล แล้วหาทางควบคุมประธานคังมันซองน่าจะดีกว่าครับ”

ควบคุมมันซองงั้นเหรอ”

หวังว่าท่านรองประธานใหญ่จะไตร่ตรองให้ดีครับ พิธีเริ่มแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ”

ยองฮุนก้มศีรษะให้อีกฝ่ายแล้วลงจากรถ

รองประธานใหญ่คังแจชิกหลับตาจมอยู่กับความคิดสักพักก่อนจะเอ่ย

กลับกันเถอะ”

ไม่ได้คำตอบที่ต้องการ แต่อาจจะพบคำตอบอื่น

พิธีแต่งงานจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ท่ามกลางคำอวยพรจากบุคคลสำคัญของวงการการเมืองและธุรกิจ

ครอบครัวของมินฮีทุกคนต่างสับสน กังวลและตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน

เพราะฐานะเพิ่มขึ้นในชั่วพริบตา

แม้ว่าโลกจะเท่าเทียมกัน แต่จะมีสักกี่คนที่ใช้ชีวิตโดยไม่รู้สึกถึงช่องว่างทางชนชั้นที่เกิดจากเงิน

ขอบคุณที่มาร่วมงานวันนี้”

หลังจากเสร็จสิ้นพิธี ประธานกรรมการอีฮยองจุนก็ยื่นมือออกมาก่อนจะก้าวขึ้นเวดดิ้งคาร์

ต้องมาอยู่แล้วสิครับ”

หลังจากจับมือกันเสร็จก็ตั้งใจจะก้าวขึ้นรถ แต่สุดท้ายก็ปิดประตูอีกครั้งแล้วหมุนตัวกลับมา

ฮยองจุนมองท้องฟ้าสักพักและถาม

ตอนพวกเราเจอกันครั้งแรก มันไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่นี่นา”

ประมาณนั้นครับ”

พูดตามตรง ตอนนั้นฉันสติแตกก็จริงที่ได้ยินเรื่องพ่อในรูมซาลอน แต่ก็ตัดสินใจได้อย่างแน่วแน่ แล้วเคยคิดด้วยว่าสักวันหนึ่งจะไม่ปล่อยคนรู้ความลับอย่างนายไว้”

ผมรู้อยู่แล้วครับ”

เหอะ...รู้อยู่แล้วเหรอ”

ครับ”

ทั้งๆ ที่รู้แล้วก็ยังเล่นต่อได้ดีสินะ”

เพราะคิดว่ามันจะได้ผลไงครับ”

ดวงชะตาของฮยองจุนไม่ได้มีดวงเคราะห์ใหญ่ ถึงจะโลภมาก แต่ก็ไม่ใช่คนทำอะไรเกินขอบเขตของความเป็นมนุษย์

อืม...เมื่อวานฉันเจอพ่อแล้ว”

จริงเหรอครับ”

ตกใจนิดหน่อยกับเรื่องนี้

พ่อเมาแล้วมาหาฉันตอนคํ่าๆ ฉันไม่รู้ว่าต้องพูดอะไร ไม่รู้ว่าควรจะทักทายยังไง พ่อก็คงเป็นแบบนั้นเหมือนกัน หลังจากเจอกันก็จ้องหน้าฉันโดยไม่พูดอะไรอยู่พักใหญ่ๆ แล้วบอกว่ายินดีกับการแต่งงาน”

แค่นั้นก็จบเหรอครับ”

เปล่า พ่อฉันไม่ใช่คนใจอ่อนขนาดนั้น หลังเสร็จงานแต่งแล้ว พ่อจะก้าวออกมาแล้วผลักฉันออกในการประชุมผู้ถือหุ้นครั้งต่อไป”

มาหาเพื่อประกาศสงครามสินะครับ”

ใช่ แต่รู้สึกว่าเปลี่ยนไปนิดหน่อยนะ ไม่ได้มองฉันด้วยสายตารังเกียจขนาดนั้นแล้ว แววตาพ่อสงบนิ่งมาก เหมือนแค่มาบอกว่าจะยอมรับหนี้ที่สมควรต้องรับ ฉันรู้สึกแปลกๆ ก็เลยถามว่ายังเกลียดฉันอยู่หรือเปล่า รู้ว่ามันเป็นคำถามที่โคตรน่าสมเพช คงจะเกลียดอยู่แล้ว พ่อก็พูดแบบนั้นเหมือนกัน บอกว่าเกลียดฉันจนแทบบ้า”

“...”

แต่เป็นเพราะฉันแย่งชินยองมา เขาบอกว่าไม่ได้เกลียดที่ฉันเป็นลูกแม่”

นํ้าตาคลอเบาๆ ในดวงตา

อย่างนั้นสินะครับ”

คงไม่ได้ให้อภัยแม่หรอก แต่เหมือนความรู้สึกพ่อมันเปลี่ยนไปนิดหน่อยจริงๆ ฉันดีใจนะ”

ถ้างั้นจะทำยังไงต่อครับ”

จะทำยังไงได้ล่ะ ฉันยอมโดนเล่นงานเฉยๆ ไม่ได้เหมือนกัน ฉันจะปกป้องบริษัทของฉันอย่างเต็มที่ ถ้าฉันตัวคนเดียวคงจะกลัวการประกาศสงครามแบบนั้นของพ่อมาก แต่น่าแปลกที่ไม่กลัวเลยสักนิด ต้องเป็นเพราะมินฮีแน่ๆ”

ท่านประธานกรรมการแต่งงานกับผู้หญิงที่ดีแล้วครับ”

ฉันรู้แล้ว เพราะรู้ถึงได้แต่งงานไง”

ฮยองจุนหมุนตัวเพื่อจะเปิดประตูรถ แต่ก็หยุดและหันกลับมาอีกครั้ง

ไปได้แล้วครับ แก่แล้วอารมณ์อ่อนไหวเหรอ คุณมินฮีคงบ่นอยู่ข้างในแล้วครับว่าคุยอะไรกันนักหนา ชักช้าขนาดนี้”

ไอ้เวร...ขอบคุณนะ สำหรับหลายๆ อย่าง...”

ฮ่าๆๆ! ครับ ผมเข้าใจแล้ว ไปเถอะครับ”

พอยองฮุนเปิดประตูให้แล้วบอกให้รีบขึ้นรถ อีกฝ่ายก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะก้าวขึ้นรถไป

ไปเที่ยวให้สนุก แล้วกลับมากินข้าวด้วยกันนะครับ”

ค่ะ แน่นอนเลยค่ะ ฉันอยากเลี้ยงข้าวกรรมการผู้จัดการสักมื้อ”

มินฮีตอบพร้อมนํ้าตาคลอหน่วย

ยองฮุนโบกมือให้ทั้งสองคนและปิดประตูรถ

มีอะไรให้คุยกันเยอะแยะขนาดนั้น”

ยอนฮีเดินเข้ามาถาม

ไม่มีอะไรหรอก...กลับกันเถอะ”

ฉันหิว มัวแต่วิ่งวุ่นจนไม่ได้กินข้าวเลย...พี่ก็แทบจะไม่ได้กินเลยใช่ไหม”

อืม ฉันก็เหมือนกัน”

ระหว่างพิธีแต่งงาน พวกเขาสองคนแทบจะไม่ได้กินสเต๊กที่เสิร์ฟเป็นอาหารหลักเลย เพราะคนเข้ามาก้มศีรษะทักทายตลอด

ถ้างั้นสเต๊ก?”

โอเค โกโก!”

พวกเขายิ้มกว้างและวิ่งไปที่ลานจอดรถ

 


[1]  ภาษาเกาหลีมีสำนวนว่า “เอาอุจจาระมาทาหน้า” หมายถึงทำให้เสื่อมเสีย อับอายขายหน้าการเล่นสำนวนเปลี่ยนคำจากอุจจาระเป็นทองที่มีมูลค่าสูงจึงมีความหมายตรงข้าม หมายถึงการยกยอปอปั้นเชิดหน้าชูตา


 

บทที่ 305 เอาชนะโชคชะตา (จบ)

 

เอชเอสกรุ๊ป จัดงานใหญ่ภายใต้หัวข้อ ‘ยุคใหม่ ความท้าทายใหม่’ ในห้องแกรนด์บอลรูมของโรงแรมริทซ์-คาร์ลตัน

แม้ว่าจะเป็นแค่งานระดับกรุ๊ป แต่ก็เป็นงานสำคัญที่มีประธานกรรมการอีฮยองจุน รวมถึงบุคคลสำคัญในแวดวงการเมืองและธุรกิจหลายๆ คนเข้าร่วม

ลูกเขยชเวเท่จัง”

ประธานใหญ่ซงอึนแชยิ้มอย่างมีความสุข พลางลูบไหล่ของยองฮุนที่กำลังประหม่า

มันไม่เร็วเกินไปหน่อยเหรอครับ”

เธอตบตาคนอื่นด้วยอุบายตื้นๆ มาแค่วันสองวันหรือไง จะนั่งตำแหน่งกรรมการผู้จัดการแล้วใช้งานประธานกับรองประธานไปถึงเมื่อไหร่ ต้องนึกถึงตำแหน่งของพวกเขาด้วยสิ”

แต่ถึงยังไงอายุ...”

อายุมันหาข้าวให้กินเหรอ ที่มีเงินจ่ายเงินเดือนพนักงานบริษัทของพวกเราได้เป็นเพราะใคร เพราะลูกเขยคนเก่งของเราไม่ใช่เหรอ”

โธ่...พนักงานทุกคนก็พยายามด้วยกันหมดครับ”

ก็ต้องพยายามอยู่แล้วสิ ถึงอย่างนั้นลูกเขยชเวก็ทำหน้าที่กัปตันเรือได้เป็นอย่างดี ความพยายามนั้นก็สำคัญเหมือนกัน ถ้ากัปตันเลือกทิศทางผิด ต่อให้ลูกเรือจะพยายามแค่ไหนก็ไปไม่ถึงเป้าหมาย เธอรู้อยู่แล้วหนิ ถึงได้คอยเตือนคนอื่นเขาอยู่เรื่อย”

เรื่องของคนอื่นทำได้ง่ายๆ ก็จริง แต่พอเป็นเรื่องของตัวเอง ผมก็กังวลกับสายตาของคนอื่นครับ ถ้าเป็นเรื่องไม่ดีผมไม่รู้ แต่ถ้าเป็นเรื่องดีๆ ผมไม่ค่อยมีโชคเท่าไหร่ครับ”

ประธานใหญ่ซงอึนแชส่ายศีรษะ

ลูกเขยของฉันดีหมด ติดอยู่อย่างเดียว ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าทำตัวเหมือนคนแก่ให้มาก อายุเท่านี้ก็ต้องหัดอวดแต่พอประมาณ หัวสูงเข้าไว้ด้วย อันที่จริงลูกสาวฉันก็ครองตำแหน่งนั้นอยู่ พวกเธอเลยสมดุลกันพอดีหรือเปล่านะ”

ใช่ครับ ยอนฮีกำลังวางท่าแทนผมอยู่ ให้ผมทำด้วยไม่ไหวหรอกครับ”

โฮ่ๆ ใครมาได้ยินเข้าคงนึกว่ายอนฮีของเราเที่ยวทำตัวบ้าอำนาจไปทั่วแล้วมั้งเนี่ย”

ฮ่าๆ ทราบใช่ไหมครับว่าผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น”

ฉันรู้จักลูกสาวฉันดีกว่าอยู่แล้ว ยังไงก็ตาม นี่เป็นเรื่องที่ตัดสินใจไปแล้วอย่าหันไปมองด้วยสีหน้ารู้สึกผิดบ่อยๆ สิ เพราะคนที่นั่งตรงนั้นไม่มีใครสงสัยในความสามารถของลูกเขยชเวเลยนะ”

ครับ”

เอชเอสกรุ๊ปกำลังแสดงให้เห็นกระบวนการเติบโตหลังแยกตัวจากฮยอนจินกรุ๊ปผ่านวิดีโอบนหน้าจอขนาดใหญ่ด้านหน้า

ไม่อาจพูดได้ว่าเกินจริง แต่ถึงอย่างนั้นก็มีฉาก (?) น่าอายสำหรับคนดูอยู่เล็กน้อย ยองฮุนจึงไม่ค่อยกล้ามอง

อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารและพนักงานของบริษัทส่วนใหญ่ต่างรู้สึกตื้นตันและภาคภูมิใจเมื่อดูวิดีโอนั้น

ตอนออกจากฮยอนจินกรุ๊ป ขนาดของบริษัทยังไม่ถึงอันดับสามสิบด้วยซํ้าแต่ตอนนี้กลับมีชื่ออยู่ในสิบอันดับแรกอย่างน่าภาคภูมิใจแล้ว

ผู้เชี่ยวชาญจากทุกสาขาอาชีพคาดการณ์ว่า เอชเอสกรุ๊ปจะครองตำแหน่งหนึ่งในห้าอันดับแรกภายในห้าปี จึงเรียกได้ว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีความตื้นตันอยู่ในสายตาของผู้บริหารและพนักงานขณะดูวิดีโอนี้

Nodri Clare ประสบความสำเร็จจนก้าวเข้าสู่ธุรกิจแฟชั่นและแบรนด์เนมรวมถึงการพัฒนาอย่างรวดเร็วของเอเอ็มเอซิสเต็ม ก็ถูกนับว่าเป็นการลงทุนที่ประสบความสำเร็จอย่างเป็นประวัติการณ์ครั้งแรกของกลุ่มธุรกิจใหญ่ด้วย

แค่เพียงสองบริษัทนี้ก็ได้รับการประเมินว่ามีมูลค่ามากกว่าสิบล้านล้านวอนดังนั้นเมื่อพิจารณาถึงการเติบโตของบริษัทในเครือทั้งหมด เช่น การก่อสร้างอู่ต่อเรือ การท่องเที่ยว ฯลฯ จึงเรียกว่าเป็นความสำเร็จอันยอดเยี่ยม

เชิญท่านประธานใหญ่กล่าวอะไรสักเล็กน้อยครับ”

ทันทีที่พิธีกรพูดจบ ประธานใหญ่ซงอึนแชก็ขึ้นมาบนเวทีพร้อมกับเสียงปรบมือ

เธอเงียบไปครู่หนึ่งเพราะรู้สึกตื้นตัน ก่อนจะมองผู้เข้าร่วมงานแล้วเปิดปากพูด

ขอบคุณค่ะ การที่บริษัทเติบโตได้ถึงขนาดนี้ ฉันคิดว่ามันเกิดขึ้นได้เพราะความพยายามของทุกท่าน หลังจากแยกบริษัทในเครือออกจากฮยอนจินกรุ๊ปก็มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายค่ะ การซื้อกิจการฮยอนจินการท่องเที่ยว การซื้อกิจการอู่ต่อเรือกุนซาน และการซื้อกิจการแฮจูชิปบิลดิ้งแอนด์มารีน ทำให้พวกเราเติบโตและแข็งแกร่งขึ้นค่ะ เราได้สร้างแบรนด์ระดับโลกด้วยมือของเราผ่าน Nodri Clare และจากคำสั่งซื้อเรือสำราญ ทำให้เราได้รับการยอมรับว่าเป็นอู่ต่อเรือที่ดีที่สุดในโลกทั้งเรือ LNG และเรือสำราญด้วย ยังไม่หมดแค่นี้นะคะ เอชเอสคอนสตรัคชั่นออกจากตลาดการก่อสร้างคอนโดมิเนียมแคบๆที่บริษัทก่อสร้างอื่นๆ ในประเทศกำลังยึดครองไปสู่ต่างประเทศค่ะ การก่อสร้างสนามบินใหม่ในอินเดีย เราไม่ได้เป็นแค่บริษัทรับเหมารายย่อยเท่านั้น แต่กลายเป็นบริษัทก่อสร้างชั้นนำที่เป็นผู้นำด้านการออกแบบและการดำเนินงานที่ครอบคลุมของโครงการทั้งหมด จนอดเรียกว่าเป็นการเติบโตที่ยอดเยี่ยมมากไม่ได้ค่ะ นอกจากความสำเร็จภายนอกแล้ว ยังมีพัฒนาการภายในที่โดดเด่นอีกด้วย เอชเอสกรุ๊ปที่ทิ้งชื่อฮยอนจินและก่อตั้งขึ้นใหม่ได้ปรับโครงสร้างองค์กร...”

คำพูดของประธานใหญ่ซงอึนแชเต็มไปด้วยพลัง

เห็นได้ชัดว่าตัวเธอเองก็ประทับใจกับการเติบโตของบริษัทนี้

ถ้าลองมองย้อนกลับไป ชีวิตของเธอก็เหนือความคาดหมายมาตลอดเช่นกัน

คิดว่าจะแต่งเข้าครอบครัวมหาเศรษฐีและใช้ชีวิตเป็นแม่บ้านธรรมดาๆจนตาย แต่การล้มป่วยกะทันหันของสามีก็ทำให้เธอต้องเข้ามาบริหารบริษัทอย่างไม่มีทางเลือก และได้พบกับคนที่กำลังจะกลายเป็นลูกเขย

ถ้าหากพ่อตาไม่ล้มป่วยจะเป็นอย่างไรนะ

ถ้าเป็นอย่างนั้น ยองฮุนก็คงจะไม่ได้เข้าทำงานในฮยอนจินการผลิต และอาจจะใช้ชีวิตแตกต่างจากตอนนี้อย่างคาดไม่ถึง

แม่จะรู้อยู่แล้วหรือเปล่านะ

ท่านประธาน...ท่านประธาน...”

ยองฮุนจมอยู่กับความคิดจนพนักงานข้างๆ เอ่ยเรียก

ครับ?”

โพเดียม...”

ตอนนั้นยองฮุนถึงตั้งสติและลุกจากที่นั่งและขึ้นไปที่โพเดียม

ประธานใหญ่ซงอึนแชจับแขนยองฮุนก่อนจะพูด

ความพยายามของทุกท่านคือสิ่งจำเป็นสำหรับการเติบโตของบริษัท แต่คิดว่าทุกท่านคงรู้ว่าการเลือกซีอีโอมาเป็นผู้นำบริษัทนั้นมีความสำคัญแค่ไหนและในแง่นั้น เอชเอสกรุ๊ปของเราก็โชคดีมากค่ะ การเข้ามาทำงานของประธานชเวยองฮุนทำให้สถานการณ์ของบริษัทเราเปลี่ยนแปลง ทำให้ได้เห็นอะไรที่ไม่เคยเห็นมาก่อน และทำให้เรารู้ว่าพวกเรามีความสามารถมากแค่ไหนค่ะ จะไม่ฟังคำพูดของประธานชเวยองฮุนที่ได้เลื่อนตำแหน่งในครั้งนี้ก็คงไม่ได้ใช่ไหมล่ะคะเอาละ ปรบมือ”

เสียงปรบมืออย่างกระตือรือร้นของผู้บริหารและพนักงานดังขึ้น

ความรู้สึกมึนงงและตื้นตันทำให้ยองฮุนหยุดชะงักแล้วมองขึ้นไปยังความว่างเปล่า

จากนั้นเมื่อเสียงปรบมือเบาลง เขาก็จัดการอารมณ์ก่อนจะเปิดปากพูด

มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายเลยครับ คนที่ทราบก็อาจจะทราบกันอยู่แล้วผมเป็นคนที่มีข้อบกพร่องอยู่เยอะครับ ถึงตอนนี้จะปรับตัวได้พอสมควรแล้วแต่ภาษาอังกฤษของผมยังขาดอยู่อีกมากครับ เพราะขาดความสามารถในการทำงาน จึงมีหลายเรื่องที่ไม่สามารถจัดการคนเดียวได้ถ้าหากไม่มีพนักงานคนอื่นๆคอยช่วยเหลือ ตอนนี้ก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่ ตอนเข้าบริษัทแรกๆ คงจะหนักกว่านี้ใช่ไหมล่ะครับ แต่หลายๆ คนก็ช่วยผมไว้ ถึงจะบกพร่องอะไรหลายอย่าง แต่ที่มันเป็นไปได้เพราะผมรู้ว่าตัวเองมีสิ่งหนึ่งที่ทำได้ดีกว่าคนอื่นครับ ทุกคนเองก็เหมือนกันนะครับ ถ้าค้นพบจุดแข็งของตัวเองที่คนอื่นยังไม่รู้ คุณจะสามารถเอาชนะข้อจำกัดเหล่านั้น แล้วอาจจะโบยบินไปยังที่ที่สูงกว่าผมก็ได้ เอชเอสกรุ๊ปของเราก็ไม่มีขีดจำกัดเช่นกัน นับจากนี้ไปคือการเริ่มต้นครับ ถ้าได้อยู่ร่วมกับทุกๆ คน ผมคิดว่าก็มีความเป็นไปได้มากพอครับ รักนะครับ ขอบคุณครับ”

ยองฮุนกดความรู้สึกท่วมท้นลงแล้วพูดปิดจบ

เสียงปรบมืออย่างกระตือรือร้นของประธานใหญ่ซงอึนแชที่เฝ้าดูการปราศรัยอยู่ข้างๆ ทำให้ผู้บริหารและพนักงานมีปฏิกิริยาตอบรับเช่นกัน

หลังจากเสร็จสิ้นลำดับขั้นตอนที่ตึงเครียดที่สุดของวันนี้อย่างปลอดภัยแล้วเขาก็ลงมาดื่มนํ้าหนึ่งแก้ว แต่กรรมการผู้จัดการโกซึงฮยอนมาพูดข้างๆ

บังเอิญมากเลยนะครับ วันนี้คังแดซองของโอซองก็รับตำแหน่งประธานฝ่ายธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ของโอซองอิเล็กทรอนิกส์ ท่านประธานก็ได้เลื่อนตำแหน่งเมื่อวานและกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเข้ารับตำแหน่งในวันนี้เหมือนกัน จากมุมมองของประธานคังแดซองคงจะเสียดายน่าดู ที่ต้องยกบริษัทในเครือหลายบริษัทให้พี่ชาย...”

บอกแล้วไงครับว่าให้ลดระดับคำพูดลง”

มันควรจะเป็นอย่างนั้นเหรอครับ ผมสบายใจกับการพูดแบบนี้นะ”

ยองฮุนส่ายศีรษะและพูดราวกับหมดหนทาง

เพราะเห็นผมไม่สบายใจเลยทำแบบนั้นสินะ...ประธานคังแดซองอาจจะเสียดายนิดหน่อย แต่คงยอมรับได้ครับ เขาเป็นคนเข้าใจความเป็นจริงได้รวดเร็วในทางกลับกัน ประธานาธิบดีชอนโบยุนจะกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางในการผลักดันโครงการนิวดีลของเกาหลีครับ”

ถ้าอย่างนั้นแปลว่าเขาไม่เหมือนพ่อใช่ไหมครับ”

ประมาณนั้นครับ”

อ้อ ประธานคิมชางฮุน อูมยองคอนสตรัคชั่นต้องการทราบว่า โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในแผนพัฒนาพลังงานธรรมชาติที่ดำเนินการโดยรัฐบาลชอนโบยุนจะมีขนาดเท่าไหร่ด้วยครับ”

เขานัดเจอกรรมการผู้จัดการเหรอครับ”

เนื่องจากเขาต้องใส่ใจกับงานในบ้าน ดังนั้นงานภายนอกบริษัทส่วนใหญ่ที่เขาเคยทำเป็นหลักนั้น จึงอยู่ในความดูแลของกรรมการผู้จัดการโกซึงฮยอน

ครับ เขายังเสียใจอยู่จนถึงตอนนี้ที่คนของตัวเองหลุดออกจากคณะกรรมาธิการถ่ายโอนอำนาจ ฝ่ายเศรษฐกิจน่ะครับ”

นั่นสินะ...ก็สมควรจะเสียใจครับ”

ในเวลานั้นอาจารย์คิมแจจุนได้รับเลือกให้เป็นผู้นำในฝ่ายเศรษฐกิจของคณะกรรมาธิการถ่ายโอนอำนาจ โดยเฉพาะนโยบายที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ แต่อาจารย์คิมเป็นกรรมการอิสระของชินยองไฟแนนเชียล และเป็นอาจารย์ของประธานกรรมการอีฮยองจุนด้วย

นี่เป็นเรื่องที่อำนาจของเอชเอสกรุ๊ปเข้าไม่ถึง และเป็นความต้องการของประธานาธิบดีชอนโบยุนเองด้วย

หากได้รู้เรื่องนี้ ประธานคิมชางฮุนของอูมยองก็สมควรเสียใจ

เอายังไงดีครับ”

ก่อนอื่น...”

ขณะนั้นมีสายโทร.เข้ามา

ยอนฮีที่กำลังพักผ่อนอยู่บ้านสักระยะนั่นเอง

ยองฮุนรับโทรศัพท์และพูดเสียงเบาๆ

งานยังไม่จบเลย”

แต่กลับได้ยินเสียงกรีดร้องแหลมๆ จากอีกฝั่งของโทรศัพท์

พี่! เหมือนนํ้าครํ่าฉันจะแตกเลย”

ยองฮุนลุกพรวดขึ้นทันที

หา?”

เริ่มปวดท้องนิดๆ มาตั้งแต่เช้าแล้ว พอดูคลิปตลกๆ อยู่แล้วมันตลกมากเลยหัวเราะ อยู่ดีๆ ก็...”

ประธานใหญ่ซงอึนแชลงจากโพเดียมมาถามยองฮุนที่กำลังตาเบิกโพลง

ทำไม”

ยอนฮีบอกว่ากำลังจะคลอดครับ ผมไปก่อนนะครับ”

ยองฮุนรีบวิ่งออกจากห้องจัดเลี้ยงทันทีโดยไม่ฟังคำตอบของประธานใหญ่ซง

เรียกรถพยาบาลหรือยัง”

ไม่ได้เรียก ตอนนี้กำลังลงไปที่ลานจอดรถพร้อมกับคนขับรถ”

เดี๋ยวฉันจะไปโรงพยาบาลทันที”

เร็วกว่ากำหนดหนึ่งสัปดาห์

เหมือนใครกันนะ ถึงได้ใจร้อนขนาดนี้...”

ยองฮุนสตาร์ตรถและพูดคนเดียว

อุตส่าห์ลาพักไว้ก่อนกำหนดคลอดสามวัน แต่นึกไม่ถึงว่าจะให้สัญญาณวันนี้

เขาขับรถอย่างไม่มีสติ พอมาถึงห้องคลอดของแผนกสูตินรีเวชแห่งหนึ่งในกังนัม พยาบาลเข้ามาขวางยองฮุนแล้วแจ้ง

คุณแม่เข้าไปในห้องคลอดแล้วค่ะ กรุณารอสักครู่นะคะ”

ครับ โอเคครับ”

ยองฮุนนั่งรออย่างกระวนกระวายอยู่ในห้องรับรองของครอบครัว

และไม่นานหลังจากนั้น ประธานใหญ่ซงอึนแชก็มาถึง

แม้งานจะยังไม่จบ แต่ลูกสาวคลอดลูกที่โรงพยาบาล ดังนั้นจึงไม่อาจรั้งอยู่ในงานได้

มาแล้วเหรอครับ”

เข้าห้องคลอดแล้วเหรอ”

ครับ”

เสียงกรีดร้องดังมาจากห้องคลอด

ไม่รู้ว่าเสียงกรีดร้องของใคร แต่เขายิ่งร้อนใจมากขึ้น เพราะดูเหมือนจะเป็นเสียงของยอนฮี

ผ่านไปกี่ชั่วโมงแล้วนะ

ในช่วงบ่ายแก่ที่พระอาทิตย์ค่อยๆ ตกดิน ประตูห้องคลอดก็เปิดออก

ครอบครัวของคุณแม่อิมยอนฮีค่ะ!”

ครับ!”

พยาบาลกำลังอุ้มเด็กทารกที่ตัวเล็กจนไม่กล้าแตะต้อง

พอเห็นเจ้าปูตัวเล็กนี่มีดั้งโด่งออกมาแล้ว ยิ่งดูเหมือนแม่อย่างยอนฮีเลย

พยาบาลอุ้มเด็กทารกที่ลืมตาข้างหนึ่งขึ้นมาเล็กน้อย มาแจ้งยองฮุนที่กำลังจ้องมองลูก

เจ้าหญิงน้อยนะคะ มือเท้าครบสิบนิ้ว ไม่มีอาการผิดปกติ สุขภาพแข็งแรงค่ะ ร้องสิลูก หืม?”

พยาบาลค่อยๆ ตีก้นของทารกน้อยที่เอาแต่มองพ่อไม่ยอมร้องสักแอะ

อาจจะรู้สึกรำคาญ ทารกน้อยจึงงอแงโดยไม่ส่งเสียงร้องออกมา

ตายจริง สวยจัง เหมือนแม่เลยนะเนี่ย ลูกสาวฉันได้กอดลูกสักครั้งหรือยังคะ”

ทันทีที่ประธานใหญ่ซงถาม พยาบาลก็ยิ้มและตอบ

ค่ะ ได้กอดหนึ่งครั้งแล้ว คุณแม่ก็สุขภาพแข็งแรงดี เดี๋ยวอีกสักครู่จะพาขึ้นไปบนห้องพัก เอาไว้เจอกันตอนนั้นนะคะ อ้อ เตรียมสัมภาระมาหรือยังคะ”

ครับ? เอ่อ...”

เดี๋ยวฉันไปเอาให้ เธอขึ้นไปที่ห้องพักเลย”

ประธานใหญ่ซงพูดแบบนั้นแล้วลงลิฟต์ไปทันที

เนื่องจากเตรียมสัมภาระไว้เผื่อสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่แล้ว แค่หยิบมาจึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร

ยองฮุนหันมองห้องคลอดที่ปิดลงอย่างเสียดายแล้วหมุนตัวกลับ

ตอนนั้นเองกลีบดอกไม้สีชมพูกลีบหนึ่งที่ร่วงลงมาด้านนอกหน้าต่างก็สะดุดตาเขา

เป็นกลีบดอกท้อที่เคยเห็นในฝันแน่นอน

แม่มาหางั้นเหรอ

ยองฮุนเช็ดนํ้าตาที่ไหลพร้อมพึมพำอยู่คนเดียว

เห็นหรือยังครับ สวยใช่ไหม เหมือนลูกสะใภ้ของแม่เลย ต้องสวยมากแน่ๆ เห็นดั้งโด่งๆ ไหม”

ราวกับตอบคำถาม กลีบดอกไม้ผุดขึ้นมานอกหน้าต่างอีกครั้งก่อนจะหายไป

ขอบคุณนะครับ ช่วยเฝ้ามองพวกเราต่อไปเรื่อยๆ ด้วยนะ ผมจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุข”

ยองฮุนเช็ดนํ้าตาและขึ้นไปที่ห้องพักผู้ป่วย

รอคอยช่วงเวลาที่จะได้โอบกอดลูก...


 

บทที่ 306 (บทส่งท้าย) เรื่องราวของดาอึนกับซึงโม

 

ชัยชนะของ สส.ชอนโบยุน ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับพรรครัฐบาลและโอซองกรุ๊ป

เพราะคาดการณ์ถึงชัยชนะไว้นานแล้ว

ดังนั้นเมื่อ สส.ชอนโบยุนเลื่อนตำแหน่งจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานาธิบดีจากการเลือกตั้ง ภายในโอซองกรุ๊ปจึงให้ความสนใจกับองค์ประกอบของคณะกรรมาธิการถ่ายโอนอำนาจ และวิ่งวุ่นเพื่อครอบครองตำแหน่งในนั้น

รองประธานใหญ่คังแจชิกที่กลับมาอยู่แนวหน้าหลังจากหายดีแล้ว เรียกลูกชายคนรองอย่างประธานคังแดซองมาคุย

สืบได้อะไรมาบ้าง”

ดูเหมือนว่าจะเสร็จประมาณเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์แล้วครับ งานฝ่ายบุคลากรทีมเลขานุการบลูเฮาส์แทบเสร็จสมบูรณ์แล้ว ประธานกรรมการซอนแดวีที่ทุ่มเทความพยายามอย่างมาก ก็ได้รับการยืนยันให้เป็นประธานพรรคสมัยหน้าครับ”

หึ! ทุ่มเทอะไรล่ะ...ต่อให้เอาเด็กเจ็ดขวบไปนั่งตำแหน่งนั้นก็ชนะอยู่ดี...ทางชเวยองฮุนล่ะ”

ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเป็นพิเศษครับ”

ไม่มีเหรอ”

ครับ อาจจะคุยกับประธานาธิบดีชอนโบยุนเรียบร้อยแล้ว ไม่มีข่าวว่าคนของเอชเอสกรุ๊ปเข้ามาในคณะกรรมาธิการถ่ายโอนอำนาจครับ”

แน่ใจนะ ทีมอาจารย์หรือทีมวิจัยที่มีความใกล้ชิดกับเอชเอสกรุ๊ปล่ะ”

ไม่เจออะไรเลยครับ ผมลองขุดลึกลงไปอีกหน่อยเพราะแปลกใจที่มันไม่มีเลย ลองติดต่อกับทีมหัวคะแนน กับทีมปฏิบัติงานฝั่งประธานกรรมการแล้วด้วย แต่ทางนั้นก็บอกว่าไม่รู้อะไรเลยเหมือนกันครับ”

ยังไงชอนโบยุนก็อยู่ในกำมือตัวเองอยู่แล้วงั้นเหรอ”

ควรเรียกว่าความมั่นใจไหมครับ”

หว่างคิ้วของรองประธานใหญ่คังแจชิกขมวดแน่น

ความมั่นใจนั่นแหละ คงมองว่าไม่จำเป็นต้องเอื้อมมือไปหาคณะกรรมาธิการถ่ายโอนอำนาจ เพราะไม่ว่าจะเป็นที่ไหนหรือเมื่อไหร่ ตัวเองก็ได้ในสิ่งที่ต้องการอยู่แล้ว...โง่ชะมัด มันไม่รู้หรือไงว่าต่อให้ประธานาธิบดีตัดสินใจเองงานของรัฐก็ไม่ได้เป็นไปอย่างใจคิด”

ใช่ครับ เพราะงานมีลำดับขั้นตอนและหลักการ หากประธานาธิบดีพยายามแตะต้องหลักการที่กำหนดไว้โดยคณะกรรมาธิการถ่ายโอนอำนาจในภายหลัง ยังไงก็ไม่มีทางดำเนินการได้อย่างถูกต้องครับ บางทีคำว่ากำลังจะได้เลื่อนตำแหน่ง อาจจะทำให้เขาควบคุมความตื่นเต้นของตัวเองไม่ได้จนเสียสมาธิหรือเปล่าครับ”

มันไม่ใช่คนแบบนั้น ถ้าเป็นคนโง่แบบนั้น ไม่มีทางจะปีนขึ้นไปถึงระดับนั้นด้วยมือเปล่าได้หรอก”

ถ้างั้นทำยังไงดีครับ เราสามารถยัดคนของเราผ่านประธานกรรมการซอนแดวีได้ แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นก็จะมีข้อจำกัดเยอะ เพราะรู้อยู่แล้วว่าเป็นคนของฝั่งเราครับ”

จะทำยังไงล่ะ มีนัดกับชเวยองฮุนอยู่แล้ว ก็ยัดผ่านชเวยองฮุนนั่นแหละ”

ตั้งใจว่าจะจัดการอย่างนั้น แต่ได้ยินเสียงเคาะประตูดังก๊อกๆ จากนั้นเลขาฯก็เดินเข้ามา

คุณหนูมาแล้วค่ะ”

บอกให้เข้ามา”

หลังจากนั้นไม่นาน ดาอึนก็เข้ามาพร้อมกับเสียงต๊อกๆ จากรองเท้า

ถึงแม้จะติดต่อกับอีกฝ่ายที่แต่งงานและย้ายเข้าเรือนหอแล้วอยู่บ่อยๆ แต่ไม่ได้เจอหน้ากันแบบนี้เกือบสามเดือนแล้ว

พ่อ~”

เธอยิ้มกว้างและโอบกอดรองประธานใหญ่คังแจชิกอยู่พักหนึ่งก่อนจะนั่งลง

เนื่องจากปกติแล้วเธอไม่ค่อยทำตัวน่ารักกับพ่อเท่าไรเพราะเติบโตมาแบบนั้น รองประธานใหญ่คังแจชิกจึงมองหน้าลูกสาวด้วยความรู้สึกสับสนนิดหน่อย

ใบหน้าของลูกสาวดูดีขึ้นหลังจากแต่งงานและย้ายเข้าเรือนหอ

ไม่ใช่ว่าผิวดีขึ้น ต้องบอกว่าสีหน้าสดใสขึ้นหรือเปล่านะ

มาทำอะไรที่นี่ล่ะ”

ดาอึนวางกระเป๋าลงข้างๆ แล้วตอบ

หนูมาไม่ได้เหรอคะ”

จังหวะนั้นแดซองทอดสายตามองกระเป๋าที่ดาอึนวางไว้พร้อมกับถาม

นั่นอะไร”

อะไร”

กระเป๋านั่นดูไม่ใช่สไตล์เธอเลยนะ”

ดาอึนยกกระเป๋าที่วางไว้ข้างๆ ขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะพูดพร้อมรอยยิ้ม

ของฉันถูกแล้ว”

ใช่เหรอ นั่นมันแบรนด์ราคากลางๆ ไม่ใช่หรือไง เธอถือด้วยเหรอ”

กระเป๋าที่ดาอึนถือมาเป็นแบรนด์เนมที่ผู้หญิงวัยยี่สิบถึงสามสิบที่เริ่มเข้าสังคมนิยมซื้อในช่วงแรก

ถึงจะเรียกว่าแบรนด์เนม แต่ราคาไม่เกินหนึ่งล้านวอน คุณภาพของสินค้าแย่ และที่สำคัญ ดาอึนไม่เคยถือแบรนด์ระดับล่างแบบนี้เลย แม้แต่ตอนเป็นวัยรุ่นที่ยังไม่รู้ประสา

อือ ก็รู้นี่นาว่าตอนนี้ฉันเป็นบุคคลสาธารณะแล้ว”

แดซองระเบิดหัวเราะออกมาทันที

ฮ่าๆ! โอ้โฮ เป็นบุคคลสาธารณะเหรอครับ”

แม้พี่ชายจะหัวเราะเยาะ แต่ดาอึนกลับยืดไหล่และพูดอย่างมั่นใจ

ฉันเป็นลูกสะใภ้ของประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้งนะ แถมคุณพ่อสามีฉันหย่าแล้วด้วย ตำแหน่งสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งก็ว่าง อ้อ เมื่อวานได้กินข้าวกับ สส.สภาพรรครัฐบาลด้วย แต่ถ้าถือกระเป๋าหรูราคาหลายร้อยล้าน ก็จะทำให้พ่อสามีฉันเสียหน้าน่ะสิ ตอนนี้ฉันก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว เรื่องแค่นั้นคิดได้น่า”

แดซองทำหน้าประหลาดใจ

อ๋อ...งั้นเหรอ”

ดังนั้นฉันเลยซื้อเสื้อผ้าใหม่ด้วย พวกเสื้อผ้าที่มีก็ใส่ไม่ได้เลยยกให้เพื่อนๆ เสียดายมาก...”

ทำไมล่ะ ก็เก็บไว้ใส่ทีหลังสิ”

กว่าพ่อสามีจะลงจากตำแหน่งก็อีกห้าปีเลยนะ นานขนาดนั้นเสื้อก็เน่าหมดแล้ว แบ่งๆ ไปเลยดีกว่า”

รองประธานใหญ่คังแจชิกมองพี่น้องคุยกันเงียบๆ ก่อนจะอ้าปากพูด

พอได้แล้ว ถ้าไม่กลับบ้านแล้วมาที่นี่ แสดงว่ามีเรื่องจะคุย บอกธุระแกมาสิ”

พ่อ สุขภาพเป็นยังไงบ้างคะ”

โอเคดี ถ้าเป็นห่วงพ่อขนาดนั้น ทำไมตอนฉันออกจากโรงพยาบาลถึงไม่มาล่ะ”

โธ่...ตอนพ่อออกจากโรงพยาบาล หนูกำลังฮันนีมูนอยู่นี่นา”

พอเห็นพ่อทำสีหน้าไม่พอใจ ดาอึนก็พูดต่อ

เอาเป็นว่าแข็งแรงดีใช่ไหมคะ”

ทำไมถามบ่อยจัง”

ถ้าพูดธุระออกมา หนูกลัวว่าพ่อจะตกใจน่ะค่ะ”

ใบหน้าของแดซองเคร่งเครียด ขมับของรองประธานใหญ่คังแจชิกกระตุก

ฉันจำไม่ได้เลยว่าเคยตกใจเพราะแก โตมาอย่างเรียบร้อยตั้งแต่เด็กๆแต่พอเป็นผู้ใหญ่ก็มาทำให้ฉันตกใจสินะ”

นั่นเป็นเพราะพ่อไม่รู้ต่างหากค่ะ แม่เหนื่อยใจเพราะหนูมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญ...เพราะเรื่องนี้สำคัญกว่าค่ะ”

ว่ามาสิ”

พี่ใหญ่แยกบริษัทในเครือออกไปแล้ว พี่รองก็ได้หุ้นเยอะมากจนไม่มีปัญหาในสิทธิ์การบริหารโอซองอิเล็กทรอนิกส์ แต่หนูยังไม่มีอะไรสักอย่างเลยค่ะ”

รองประธานใหญ่คังแจชิกเท้าคางแล้วตอบกลับ

แกเดินถือกระเป๋าโง่ๆ นั่นไปไหนมาไหนเพราะแคร์สายตาคนอื่น แต่มาบอกให้ฉันยกโอซองจัดจำหน่ายให้ตอนนี้เนี่ยนะ”

หนูนึกถึงคำพูดของพ่อเมื่อนานมาแล้วได้ค่ะ ถ้าให้ยืมเงินแล้วไม่คืนตอนเอาคืนต่อให้ตามไปถึงนรกก็ต้องเอาคืนมาให้ได้ ถ้าพ่อบริหารโอซองจัดจำหน่ายตลอดห้าปี มันจะกลายเป็นของหนูไหมคะ หรือว่าเรื่องราวในอดีตจะเป็นเหมือนเรื่องตลกขบขันในวงเหล้า”

งั้นแกจะเอาคืนเดี๋ยวนี้เลยไหมล่ะ ไม่ต้องสนใจว่าโลกจะมองยังไง”

หนูเป็นลูกสาวพ่อนะคะ ในฐานะลูกสาวพ่อ หนูมีสิทธิ์จะได้รับมรดกบางส่วนของพ่อ ถ้าบอกว่าจะแบ่งมรดกล่วงหน้าให้ลูกสาวที่แต่งงานแล้ว ก็ไม่น่าจะมีปัญหานะคะ”

นั่นมันเป็นความคิดของแกน่ะสิ ถ้าเกิดมันพลาด ประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้งเกิดสูญเสียอำนาจก่อนเข้าบลูเฮาส์ขึ้นมา แกคิดว่าจะรับมือไหวไหม”

ดาอึนเสยผมขึ้นแล้วสบตากับพ่อที่จ้องกันอย่างดุดัน

เมื่อก่อนจินตนาการไม่ออกเลยว่าจะกล้าเผชิญหน้ากับพ่อ แต่อาจเพราะเป็นลูกสะใภ้ของประธานาธิบดี สายตาของพ่อเลยไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น

ทำไมถึงคิดว่าพ่อสามีหนูจะไม่ชอบล่ะคะ”

รองประธานใหญ่คังแจชิกยืดหลังตรงก่อนจะใช้นิ้วชี้เคาะที่วางแขน

ชอนโบยุนอนุญาตเหรอ”

พูดตามตรงก็ไม่ได้อนุญาตอย่างเปิดเผยค่ะ”

ถ้าอย่างนั้น?”

แค่ถามน่ะค่ะ ‘เมื่อก่อนเคยได้ยินว่ามีเรื่องแบบนั้น เป็นยังไงบ้างแล้วล่ะ’ประมาณนี้ค่ะ”

แล้วแกตอบว่ายังไง”

บอกว่านี่เป็นช่วงเวลาอ่อนไหว หนูแค่กำลังรอเฉยๆ โดยไม่เคลื่อนไหวอะไรค่ะ แล้วพ่อสามีก็บอกว่า ช่วงเวลาอ่อนไหว ระวังตัวก็ถูกแล้ว แต่เขาไม่สามารถเชื่อใจบ้านสะใภ้ได้ง่ายๆ ให้คิดแล้วทำตัวดีๆ ค่ะ”

ใบหน้าของรองประธานใหญ่คังแจชิกบูดบึ้ง

กล้าด่าบ้านสะใภ้เลยสินะ”

ไม่มีใครไม่โดนนินทาลับหลังหนิคะ”

แล้วการด่าบ้านสะใภ้ต่อหน้าสะใภ้มันเป็นมารยาทประเทศไหน”

ดาอึนยักไหล่

รองประธานใหญ่คังแจชิกจ้องมองสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ของเธอแล้วถาม

ภาษีมรดกล่ะ”

พ่อจ่ายครึ่งหนึ่ง หนูจ่ายครึ่งหนึ่งอย่างยุติธรรมค่ะ”

แกมีเงินที่ไหน”

หนูจะหักลบจากหุ้นที่ได้ค่ะ ทำเสียงดังๆ หน่อยก็ได้นะคะ เพราะนี่เป็นมรดกที่ได้มาอย่างถูกต้อง”

เจ้าเล่ห์นัก...”

ถึงรองประธานใหญ่คังแจชิกจะส่ายศีรษะและทำหน้าเหมือนเอาชนะไม่ได้แต่ในใจกลับรู้สึกอึดอัดมาก

ต่อให้บอกว่าไม่ได้สนิทกับลูกสาวขนาดไหน แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า ‘ดาอึนเป็นเด็กที่รู้จักคิดได้ลึกซึ้งขนาดนี้เลยเหรอ’

ข้อเสนอของดาอึนคือการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ขณะรับสืบทอดโอซองจัดจำหน่าย ก็ยังช่วยเพิ่มอัตราการสนับสนุนของประธานาธิบดีชอนโบยุนด้วยในเวลาเดียวกัน

บริษัทที่ดีที่สุดของเกาหลีและในอีกมุมหนึ่งก็ถือว่าเป็นแกนหลักของความชั่วร้ายอย่างโอซองกรุ๊ป ยอมชำระภาษีมรดกทั้งหมดที่โดนเรียกเก็บ หากความคิดเห็นของประชาชนกับเรื่องนี้เป็นไปในแง่บวก ก็อาจจะเป็นประโยชน์กับประธานาธิบดีชอนโบยุน

แน่นอนว่าถ้าพรรคฝ่ายค้านจับผิด ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงคำด่าว่ารับส่วนแบ่งผ่านลูกสะใภ้ได้ แต่ความจริงเรื่องนี้ขาดความสมเหตุสมผลตั้งแต่เกิดการแต่งงานขึ้นแล้ว

เพราะพ่อจะยกมรดกให้ลูกสาวสักกี่ชิ้นก่อนตายก็ไม่มีปัญหาอะไร

แถมเมื่อไม่นานก่อนหน้านี้เพิ่งเป็นมะเร็ง และแบ่งให้ลูกคนอื่นคนละชิ้นแล้วจะไม่ให้อะไรลูกสาวเลยก็เป็นเรื่องแปลก

ในเมื่อไม่กล้าเปลี่ยนความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อประธานาธิบดีจากการเลือกตั้ง จึงต้องยอมจำนนอย่างเลี่ยงไม่ได้

จะยกให้ใช่ไหมคะ”

ให้ แต่ฉันจ่ายภาษีมรดกให้แทนไม่ได้”

พ่อ!”

ขนาดตอนยกหุ้นให้พี่แก ภาษีมรดกยังไม่ถึงสองแสนล้านเลย แต่มาขอให้ยกโอซองจัดจำหน่ายให้แกน่ะเหรอ อย่างน้อยๆ ก็เกินห้าแสนล้าน ต่อให้แบ่งจ่ายกับแกคนละครึ่ง ฉันก็ยอมรับไม่ได้ ถ้าอยากได้ก็จ่ายเองให้หมด แล้วฉันจะให้”

ดาอึนพองแก้มเหมือนไม่พอใจ ก่อนจะเปิดกระเป๋าแล้วหยิบซองออกมา

แดซองมองแล้วถาม

นี่อะไร”

กรรมการผู้จัดการชเวยองฮุน เอชเอสการผลิตส่งมา”

เขาเลื่อนตำแหน่งเป็นประธานแล้ว คิดจะทำงานแต่ไม่ตามข่าวเลยเหรอ”

ไม่ต้องมาห่วงคนอื่นหรอก อีกอย่างฉันเป็นคนธรรมดาหรือไง ฉันเป็นลูกสะใภ้ประธานาธิบดี รักษาการสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งเลยนะ”

แดซองแค่นหัวเราะแล้วเปิดซองสีขาวที่ไม่ได้เขียนอะไรเอาไว้เลย

ข้างในมีกระดาษที่ถูกพับอย่างสวยงาม เมื่อคลี่ออกก็มีชื่อและสังกัดของคนห้าคนเขียนไว้อยู่

แดซองจึงถามน้องสาว

คนพวกนี้คืออะไร”

จะใครล่ะ”

ตอนนั้นแดซองที่เข้าใจสถานการณ์ก็รีบตรวจสอบเนื้อหาอีกครั้ง ก่อนจะพูดกับรองประธานใหญ่คังแจชิก

รายชื่อผู้เข้าร่วมคณะกรรมาธิการถ่ายโอนอำนาจครับ”

รองประธานใหญ่คังแจชิกถามพร้อมกับรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดี

ทำไมแกเป็นคนเอามาล่ะ”

กรรมการผู้จัดการชเวยองฮุนฝากส่งให้พ่อค่ะ”

อะไรนะ”

เห็นว่าอยากให้ทำเรื่องดีๆ สักครั้งค่ะ”

เหอะ...”

สุดท้ายแล้วทั้งหมดนี่ก็แผนของชเวยองฮุน

พ่อ...ของดีๆ ก็ยกให้พี่ๆ หมดแล้ว หนูขอแค่อย่างเดียวเอง เสียดายขนาดนั้นเลยเหรอคะ”

มันไม่ใช่แค่โอซองจัดจำหน่ายอย่างเดียว แต่รวมถึงภาษีอีกมหาศาลเลยนะ แกไม่คิดว่ามากเกินไปหน่อยเหรอ กับการคาดหวังของดีๆ น่ะ”

แค่คิดว่าทำเรื่องดีๆ สักครั้ง อย่างที่กรรมการผู้จัดการชเวยองฮุนบอกก็ได้ค่ะ ตอนนี้พ่อสุขภาพแข็งแรงแล้ว แน่นอนว่าเป็นเพราะทีมแพทย์ แต่ก็โชคดีด้วยเหมือนกันนะคะ ถ้าก้อนมะเร็งอยู่ในตำแหน่งไม่ดี จะรักษาง่ายขนาดนั้นเหรอคะ”

พอแล้ว ชเวยองฮุนพูดอะไรอีก ตอนให้สิ่งนี้กับแก”

เขาบอกว่าถึงจะเป็นกลุ่มคนที่สนิทกับประธานกรรมการอีฮยองจุน ชินยองไฟแนนเชียล แต่ก็น่าเชื่อถือ ความสามารถก็โดดเด่นจนได้รับการยอมรับจากทุกคนค่ะ ขอให้วางใจได้เพราะไม่มีปัญหาอะไร”

ฉันคิดว่าฉันจ่ายไปเต็มราคาแล้วนะ”

เขาบอกว่าพ่อจะต้องพูดอย่างนั้นด้วยค่ะ เลยบอกให้หนูตอบแบบนี้คิดซะว่าเป็นค่าตอบแทนที่ช่วยชีวิตพ่อไว้ ว่าแต่กรรมการผู้จัดการชเวยองฮุนเคยช่วยชีวิตพ่อไว้ด้วยเหรอคะ”

คำนั้นทำให้รองประธานใหญ่คังแจชิกไม่สามารถตอบโต้อะไรได้เลย

เขาหลับตาอยู่พักหนึ่งก่อนจะกล่าว

ฝากบอกเขาว่าฉันรู้แล้ว”

ขอบคุณค่ะ”

ดาอึนลุกขึ้นกอดรองประธานใหญ่คังแจชิกแน่น แล้วเดินออกจากห้องรองประธานใหญ่

จากนั้นก็วิ่งไปยังรถของตัวเองที่จอดอยู่ในลานจอดรถ

เป็นยังไงบ้าง”

ซึงโมที่นั่งรอภรรยาอยู่บนเบาะข้างคนขับเอ่ยถาม

เรียบร้อยแล้ว พี่! ตอนนี้เรารวยแล้ว!”

ดาอึนกอดซึงโมแน่นอย่างมีความสุข

แต่เธอเป็นคนรวยอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”

นั่นไม่ใช่เงินของฉัน แต่ตอนนี้เป็นเงินของฉันหมดแย้ววว พี่ถือโอกาสนี้ไปเรียนบริหารธุรกิจสิ”

ฉัน?”

อื้อ ฉันไม่สนใจการบริหารบริษัทหรอก ฉันสนใจเงินที่ออกมาจากที่นั่นมากกว่า โดยเฉพาะบริษัทจัดจำหน่ายน่ะ...”

ฉันว่าเธอมีนิสัยเหมือนคนเป็นดารา มากกว่านักธุรกิจนะ”

ใช่ไหมล่ะ พี่รู้จักฉันดีอย่างที่คิดเลย ฉันว่าฉันมีพรสวรรค์กับงานใช้หน้าตาตอนคุณพ่อชนะการเลือกตั้ง ฉันมีความสุขมากเพราะกล้องจับภาพมาที่ฉัน เดี๋ยวไปลงทะเบียนเรียนบริหารธุรกิจของพี่กันก่อนดีกว่า”

จากนั้นทั้งสองคนก็ออกจากตึกโอซองอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมฝันถึงอนาคตอันสดใส


 

บทที่ 307 (บทท้ายเรื่อง) เรื่องราวของนักพรตมยองอู

 

ห้างสรรพสินค้าแกรนด์ กังนัม โซล

นักพรตมยองอูยืนต่อหน้าคนมากกว่าสามสิบคนและกำลังจดจ่อกับการบรรยายอย่างตั้งใจ

[คลาสหลักฮวงจุ้ยในชีวิตโดยนักพรตมยองอู]

[คลาสที่ช่วยให้คุณจัดเฟอร์นิเจอร์ใหม่ในชีวิตประจำวันได้อย่างง่ายดายไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่ทำงาน ห้องเรียน เป็นต้น เพื่อรองรับพลังที่ดีและนำโชคลาภมาให้คุณครับ]

คนที่เดินผ่านจะอ่านเนื้อหาของคลาสที่อธิบายอยู่ตรงทางเข้าและจ้องมองเข้าไปผ่านกระจก

บรรดาคนที่มองแบบนั้นมียองฮุนอยู่ด้วย

ถึงไม่ได้ยินเสียง แต่การบรรยายอย่างกระตือรือร้นและท่าทีของคนเข้าฟังการบรรยายน่าประทับใจมาก

ขณะมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกซับซ้อนอยู่สักพัก การบรรยายก็จบลงโดยไม่รู้ตัว นักเรียน (?) ทยอยกันเดินออกมา

จะมาก็ควรบอกกันก่อนสิ”

นักพรตมยองอูยิ้มให้ลูกชายที่มาหากันอย่างกะทันหัน

ผมมีงานเปิดตัวสินค้าของบริษัทที่ชั้นหนึ่ง เลยแวะมาดูแป๊บหนึ่งครับ”

งั้นเหรอ กินข้าวหรือยัง”

ยังครับ”

จริงๆ แล้วยองฮุนก็คิดอยู่ว่าจะไปกินข้าวด้วยดีไหม

แน่นอนว่านักพรตมยองอูตบมืออย่างชอบใจ

พอดีเลย ร้านอาหารที่นี่มีเมนูปลาจวดเค็มย่างอร่อยมาก แกไม่รู้ใช่ไหมแม่แกชอบกินปลาจวดมาก”

จริงเหรอครับ”

เวลารับใช้เทพ บางครั้งก็จะรู้สึกอ่อนเปลี้ยเพลียแรง เวลาแบบนั้นที่หมดความอยากอาหาร แต่ถ้ามีปลาจวดเค็มย่างสักตัว แม่แกจะลุกขึ้นมาทันที”

ดีครับ”

แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ยองฮุนก็อยากกินปลาจวดเค็มย่างขึ้นมาเพราะเรื่องเล่านั้น

ทันทีที่เข้าไปในร้านอาหารและนั่งลง นักพรตมยองอูแอบสำรวจรอบตัวก่อนจะถาม

ว่าแต่ถ้ามีใครจำได้ล่ะ”

ไม่เป็นไรครับ คงไม่มีใครถามหรอก”

ถ้ามีนักข่าวแปลกๆ แอบถ่ายรูป”

จากที่เจอพวกนักข่าวมา ถึงจะถ่ายรูปดารากับนักการเมืองได้ง่ายๆ แต่พวกเขาไม่กล้าแตะต้องพวกมหาเศรษฐีครับ”

อ๋อ...”

ยองฮุนพูดอย่างไม่ใส่ใจ

และเหมือนที่เห็นภายนอก ยองฮุนไม่ได้สนใจมากนักว่าใครจะรู้

นักพรตมยองอูยิ้มด้วยความยินดีเพราะรู้สึกเหมือนได้เข้าใกล้ลูกชายมากขึ้น เมื่อพนักงานนำปลาจวดที่หน้าตาน่ากินมาเสิร์ฟ ก็วางปลาจวดลงบนข้าวเปล่าของลูกชายด้วยความปลาบปลื้ม

ยองฮุนกระอักกระอ่วน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ปฏิเสธ

ขณะนั้นมีคนโทร.หานักพรตมยองอู

หลังจากรับโทรศัพท์ก็มีสีหน้าเคร่งเครียดทันที พูดว่า ‘รู้แล้ว’ อยู่หลายครั้งก่อนจะวางสาย

ใครเหรอครับ”

ไม่มีอะไร...แค่เพื่อนเก่าน่ะ ดูเหมือนจะต้องไปโรงพยาบาลเพราะป่วย”

ครับ”

นักพรตมยองอูยิ้มอีกครั้งและกินข้าวกับลูกชายอย่างมีความสุข

ถึงอยากพูดคุยมากกว่านี้ แต่รู้สึกกดดันตัวเอง รวมถึงมีที่ที่ต้องไปด้วยจึงแยกย้ายกับลูกชายแล้วขึ้นแท็กซี่

ไปโรงพยาบาลซองโมครับ”

เขาปล่อยเวลาไปกับการหลับตาด้วยความว้าวุ่นใจ เมื่อมาถึงโรงพยาบาลก็รีบไปที่ห้องพักผู้ป่วย

เดินไปไม่นานก็เจอผู้หญิงคนหนึ่งนอนมองใบไม้ร่วงที่ตกลงมาจากหน้าต่างทีละใบโดยไม่พูดอะไร

มองอะไรขนาดนั้น”

อิมบกฮีคือผู้หญิงที่กำลังจ้องมองใบไม้ร่วงด้วยสายตาไร้อารมณ์ เธอเหลือบมองเครื่องดื่มที่นักพรตมยองอูถือมาก่อนจะพูด

ถ้าจะเอามา อย่างน้อยก็เอาของดีๆ มาหน่อยสิ”

นี่ของดีนะ เอามาได้เยอะเลย รอให้หายก่อนสิ เอามาก็ใช่ว่าจะกินได้”

ช่างเถอะค่ะ จากนี้ไปฉันก็ได้แต่รอวันตายเท่านั้นแหละ...”

มีความหวังหน่อย หมอบอกว่ารักษาได้หนิ”

หึ! หมออะไรล่ะ...ทั้งๆ ที่จ่ายเงินไปขนาดนั้น แต่กลับทำให้หัวฉันอยู่ในสภาพนี้ หมออะไรกัน”

ตรงกลางศีรษะของผู้หญิงที่ไม่เคยอิจฉาใครเรื่องผมหนากลับว่างเปล่า

นักพรตมยองอูคาดเดาได้ว่าหัวใจของเธอเจ็บปวดแค่ไหน จึงจับมือของเธอที่กำลังทำปากยื่น

บกฮีเอ๋ย ต้นเหตุของความเจ็บป่วยมาจากจิตใจของมนุษย์ เธอต้องมีจิตใจที่ดี ถึงจะหายป่วย”

บกฮีหันไปหานักพรตมยองอู และเปิดปากพูดอย่างไร้เรี่ยวแรง

พี่คะ”

หือ?”

รู้ไหมคะว่าฉันกลัวอะไรมากที่สุด”

รู้สิ”

รู้เหรอ”

แน่นอน เธอเคยบอกว่าความอดอยากน่ากลัวที่สุดหนิ”

จำได้ด้วยสินะ ใช่ค่ะ ฉันกลัวความอดอยากที่สุดในโลก พี่จำได้ไหมคะวันที่ฉันเจอพี่ครั้งแรกที่ซัมชอก”

จำได้สิ”

ทำไมต้องเป็นวันนั้นด้วยนะ ฉันมีความสุขมากที่ได้ทำความสะอาด ได้ทำอาหารให้บ้านคนรวยที่มีเรือสามลำ แล้วเลี้ยงเนื้อน้องๆ ได้ด้วยเงินจากตรงนั้นแต่ทำไมวันนั้นฉันต้องได้เห็นพี่มยองจาระบำอย่างสนุกสนานด้วย...พอได้ยินว่าพี่มยองจาระบำครั้งเดียวได้เงินสิบล้านวอน ฉันก็ไปรบเร้าพี่นี่นา”

ใช่ ถามอยู่นั่นว่าอยากเป็นร่างทรงต้องทำยังไง ตั้งแต่เกิดมาฉันเพิ่งเคยโดนคนจับขากางเกงแล้วพูดว่าจะเป็นร่างทรงครั้งแรก”

ฉันไม่มีสติเลยสินะ”

ถ้ามีใครเห็นเธอตอนนั้น คงคิดว่าเธอไม่มีสติทั้งนั้นนั่นแหละ”

อิมบกฮีหัวเราะ

ตอนนั้นฉันบ้ามาก ตอนที่พี่บอกให้ลองเหยียบใบมีดที่พี่มยองจาเคยใช้ฉันไม่คิดว่าตัวเองทำได้จริงๆ”

สุดยอดมาก ตอนนั้นฉันแอบเห็นความบ้าคลั่งในแววตาของเธอ ถึงเธอจะก้าวขึ้นๆ ลงๆ แต่ฉันคิดว่าเธอจะเป็นร่างทรงที่ดีได้”

ถ้าตอนนั้นฉันเหยียบใบมีดไม่ได้ล่ะ มันจะเป็นยังไงเหรอ”

ฉันไม่รู้หรอก”

โกหก มันสมเหตุสมผลเหรอที่บอกว่าหมอดูมองไม่เห็นโชคชะตาของคนอื่น”

“...”

พี่มยองจารู้ใช่ไหมคะ”

“...”

ฉันเกลียดพี่มยองจาค่ะ รู้ไหมคะว่าทำไมฉันถึงเกลียดเธอ”

รู้สิ”

รู้ว่าอะไรคะ”

เธอไม่ได้เกลียดเพราะมยองจาไม่ยอมทำพิธีให้เธอหรอกเหรอ”

นั่นก็ใช่ แต่ไม่ใช่แค่เรื่องนั้นค่ะ”

ถ้างั้น?”

เพราะ...ฉันชอบพี่ค่ะ”

นักพรตมยองอูตกใจจนหันมามองเธอ

เมื่อเห็นเขากำลังอึ้งและทำตัวไม่ถูก อิมบกฮีก็พูดอย่างตรงไปตรงมา

รู้มาตั้งนานแล้วก็ไม่ต้องทำเป็นบอกว่าไม่รู้หรอกค่ะ ทั้งๆ ที่ฉันเริ่มติดตามพี่แล้วเก็บเงินไว้ได้พอสมควรแล้ว แต่กลับรู้สึกอดอยากตลอด โชคชะตาของฉันเป็นแบบนั้นเหรอคะ”

โชคชะตาของเธอ ทำไมถึงมาถามฉันล่ะ”

เพราะเสียใจน่ะสิคะ ถ้าตอนนั้นไม่ได้เห็นพี่มยองจาระบำ ฉันคงจะไม่ต้องมีชีวิตแบบนี้งั้นเหรอ”

เพิ่งมาเสียใจที่ได้เป็นร่างทรงตอนนี้เหรอ”

ฉันไม่รู้ค่ะ ถึงจะไม่เสียใจกับการเป็นร่างทรง แต่พอเป็นร่างทรงแล้วฉันไม่เคยได้คบกับผู้ชายดีๆ สักครั้งจนวันตายแบบนี้ ก็เลยรู้สึกว่างเปล่าค่ะ ฉันอยากรู้ว่าถ้าฉันแต่งงาน ลูกฉันจะหน้าตาเป็นยังไง สามีฉันจะหน้าตาแบบไหน แต่เวลามันย้อนกลับไม่ได้นี่นา น่าเศร้านะคะ โชคชะตาของฉันเป็นแบบนี้อยู่แล้วเหรอคะ”

นักพรตมยองอูขยับปากอย่างลังเลว่าจะพูดดีหรือไม่

ภาพนั้นทำให้อิมบกฮีบ่นออกมา

ทำไมฉันถึงได้ชอบคนไม่มีเซนส์ แถมยังไม่เด็ดขาดแบบพี่ด้วยนะ”

ก็นั่นน่ะสิ”

นักพรตมยองอูเลิกลังเลและเล่าให้ฟังทันที

ตอนเจอเธอครั้งแรก แม่ของยองฮุนบอกว่า พลังของเธอมหัศจรรย์ ถ้าได้รับเทพเข้ามาประทับ จะเหมือนดวงจันทร์ที่เคยซ่อนตัวอยู่ในก้อนเมฆเผยตัวออกมา ความมหัศจรรย์นั้นจะส่องสว่างไปทั่วทุกแห่ง”

แล้วยังไงต่อคะ”

เพียงแต่ภาชนะที่บรรจุจิตวิญญาณของเธอเล็กมาก มันจึงกัดกินตัวเองสุดท้ายก็ไม่สามารถควบคุมได้ ตอนนั้นฉันไม่เข้าใจว่าคำพูดนั้นหมายความว่าอะไร แต่มองย้อนกลับไปตอนนี้ ฉันก็คิดว่าพลังวิเศษพรากชีวิตของเธอไป”

คำพูดของนักพรตมยองอูทำให้เธอจ้องมองท้องฟ้าด้วยแววตาไร้ชีวิตชีวา

ฉันไม่อยากตายค่ะ”

ไม่ตายหรอก”

ไม่หรอกค่ะ ฉันกำลังจะตาย ตอนนี้รู้แล้วค่ะ ฉันไม่สามารถหายดีได้ถ้าไม่รู้ก็ไม่ใช่ร่างทรงสิ ตอนนี้ฉันรู้สึกได้ว่าพลังกำลังไหลออกจากร่าง ร่างกายฉันคงไม่มีค่าแล้วค่ะ แปลว่าพอใช้จนคุ้มแล้วก็จะไปหาคนอื่นใช่ไหมคะ”

แค่พลังหายไปเท่านั้น มันยังไม่จบสักหน่อย”

อย่าให้ความหวังกันเลยค่ะ ชีวิตที่เต็มไปด้วยความแค้น ฉันรู้ว่าการหมดอายุขัยมันเป็นเรื่องธรรมดา”

หยุดพูดเรื่องตายสักที”

เพราะฉะนั้นตอนนี้ไม่ต้องมาหาฉันแล้วนะคะ”

นี่เป็นคำพูดที่คาดไม่ถึงเลย

นัยน์ตาของนักพรตมยองอูสั่นไหว

ทำไม”

แค่เท่านี้ก็พอแล้วค่ะ ถ้าให้พี่เห็นความเจ็บปวดทรมานและตายในสภาพที่ดูไม่ได้ ฉันคงตายตาหลับไม่สนิทค่ะ”

“...”

อิจฉาพี่มยองจานะคะ ใช้ชีวิตเป็นร่างทรง มีลูก ลูกก็เติบโตมาอย่างดีจนกลายเป็นลูกเขยมหาเศรษฐี...ถึงพี่เขาจะอายุสั้น แต่ถ้าได้ขนาดนั้นก็เป็นชีวิตที่ไม่เลวเลยค่ะ”

ถ้าเจ็บใจขนาดนั้น ทำไมไม่แฉออกไปให้หมดเลยล่ะ ถ้ามีข่าวลือออกไปว่าพ่อแม่ของยองฮุนเป็นร่างทรง ก็คงลำบากน่าดูเลยไม่ใช่เหรอ”

ใช่ว่าไม่เคยคิดแบบนั้น

กลัวครึ่ง กังวลครึ่งค่ะ”

กลัวเหรอ เธอกลัวอะไรด้วยเหรอ”

พี่เป็นพ่อคงไม่รู้ แต่สายตาของลูกชายพี่ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะรับมือได้ง่ายๆค่ะ ถึงจะมาพูดตอนนี้ แต่ตอนลูกพี่ชี้หว่างคิ้วของฉันแล้วพูดขู่ ฉันแทบฉี่แตกเลยนะคะ”

แล้วกังวลอะไร”

ถึงจะเป็นลูกพี่มยองจา แต่ก็เป็นลูกพี่ด้วย ถ้าทำอย่างนั้นพี่จะเกลียดฉันมากแค่ไหนล่ะคะ”

เมื่อนักพรตมยองอูเกาศีรษะ เธอก็พูดเสริมอย่างตรงไปตรงมา

พอมาคิดตอนนี้ ฉันน่าจะทำอย่างนั้นนะคะ ถ้าฉันรู้ว่าจะต้องกุมมือตัวเองเมื่อถึงเวลาตายแบบนี้ ตอนนั้นฉันคงแฉออกไปหมดแล้ว”

แต่ตอนฉันแต่งงานก็ไม่ได้ห้ามหนิ”

ชีวิตฉันเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ที่ไหนล่ะคะ ฉันตั้งใจจะไม่บอกจนวันตายค่ะ”

แล้วทำไมมาบอกตอนนี้ล่ะ”

พอถึงเวลาจะตายจริงๆ ก็เลยเปลี่ยนใจค่ะ”

โล่งใจไหมล่ะ”

ค่ะ โล่งมาก ผมร่วงหมดแล้ว อาบนํ้าไม่ได้จนมีกลิ่นตัว แต่พอได้ระบายออกมาแบบนี้ก่อนตาย มันก็รู้สึกโล่งจนเหมือนอกข้างหนึ่งเป็นรูเลยค่ะ”

ตอนนั้นเสียงหายใจของเธอแรงขึ้น

นักพรตมยองอูรู้สึกได้ว่าเธอบีบมือเขาจนเลือดแทบไม่เดิน จึงตะโกนออกไปข้างนอก

พยาบาล! พยาบาล!”

ไม่เป็นไรค่ะ บางครั้งมันก็เจ็บแบบนี้แหละ”

อดทนหน่อย ถ้าพยาบาลมาคงเอายาแก้ปวดให้”

เธอจ้องมองความว่างเปล่าก่อนจะพูดว่า

สวดภาวนาให้ฉันด้วยนะคะ”

นี่! เธอยังไม่ตายสักหน่อย!”

สัญญากับฉันเถอะค่ะ ถ้าไม่ใช่พี่ก็ไม่มีความหมาย ถึงจะบอกว่าพลังหมดแล้ว แต่ช่วยกางโต๊ะเพื่อฉันที่ตายแล้วสักครั้งได้ไหมคะ”

นักพรตมยองอูรู้สึกลำคอตีบตัน

จากนั้นก็เช็ดนํ้าตาที่ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัวแล้วถาม

จะให้ช่วยภาวนาอะไร”

เธอตัวสั่นเทาเพราะความเจ็บปวด

แต่เพราะไม่อยากแสดงความเจ็บปวดให้เห็น ถึงพยายามตั้งสติแล้วพูดออกมา

ชาติหน้าขอให้เกิดมาใน...ในครอบครัวที่ดี ไม่ต้องหิวโหย...เติบโตมาด้วยความรักจากพ่อแม่...”

ได้สิ...ฉันจะสวมชุดครั้งสุดท้าย เตรียมพิธีกรรมเซ่นไหว้ด้วยตัวเองทำพิธีสะเดาะเคราะห์อย่างถูกต้อง เธอเคยประสบดวงโชคลาภในวัยกลางคนมาแล้ว ฉันจะภาวนาให้เธอเกิดมาพร้อมกับดวงพ่อแม่ ดวงพี่น้อง ดวงสามีและดวงบุตร”

ขอบคุณค่ะ”

ทันทีที่เธอฝืนดิ้นรนเพื่อจัดการกับคำตอบจนเสร็จ พยาบาลคนหนึ่งก็รีบเข้ามาดูเธอ

อิมบกฮีจึงปล่อยมือและโบกมือราวกับสั่งให้กลับไป

กลับไปเถอะค่ะ”

“...”

อย่ามาอีกจนกว่าจะได้ยินว่าฉันตายแล้ว”

เธอสบตากับนักพรตมยองอูเป็นครั้งสุดท้ายระหว่างบอกว่าอย่ามาหา

สายตาที่แน่วแน่นั้น นักพรตมยองอูไม่มีทางเลือกนอกจากพยักหน้า

เข้าใจแล้ว ที่ผ่านมาเธอเหนื่อยมามาก”

ใช่ค่ะ เพราะฉะนั้นตอนนี้คงต้องพักสักหน่อย”

แม้ความเจ็บปวดจะยังไม่จบลง แต่เธอก็หลับตาลงราวกับได้พูดสิ่งที่อยากพูดไปหมดแล้ว

นักพรตมยองอูที่ออกมาจากห้องพักฟื้นด้วยความรู้สึกอึดอัดหยุดเดินกะทันหัน ก่อนจะมองรอบๆ โรงพยาบาลแล้วตะโกนออกมา

ชีวิตแห่งความแค้น จงทิ้งมันไปเสีย ชิ่ว~”

เขาจ้องมองโรงพยาบาลด้วยสายตาเศร้าๆ อยู่พักหนึ่งก่อนจะหมุนตัวจากไป

 

จบบริบูรณ์

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม